ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 234 สือจิ่น ผมคือฝานหวา ฝานหวาซื่อจิ่น
ซูสือจิ่นตั้งแต่กลับมาจากสหรัฐอเมริกาก็ไม่เคยได้มาสังสรรค์กับหยานชิงเจ๋อ
ในช้าก็จะถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว พ่อของเธอได้นัดวันที่จะดูตัวเอาไว้แล้ว
ถึงแม้ว่าจะยอมรับปากเรื่องนัดดูตัวแต่มันก็เป็นเพราะความโกรธในชั่วขณะ หรือบางทีแค่อยากจะดูว่าตัวเธอเองนั้นอยากจะมีแฟนหรืออยากแต่งงานไหม แล้วก็รอดูว่าหยานชิงเจ๋อจะมีท่าทีตอบโต้อย่างไร แต่พอมาถึงในวันนี้จริงๆแล้วเธอก็ยังคงไม่รู้จะรับมือกับมันยังไงดี
ซูสือจิ่นที่ตื่นขึ้นมาในตอนเที่ยง ก็แต่งหน้าเบาๆให้ตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสเล็กๆสีแชมเปญที่ก่อนหน้านี้สั่งตัดเอาไว้
เธอดูตัวเองอยู่ในกระจก และดูเหมือนว่าเมื่อเทียบกับกางเกงยีนส์และเสื้อสเวตเตอร์ก่อนหน้านี้จะดูสง่างามและอ่อนโยนกว่าตั้งเยอะ
เสียงเคาะประตูก็ดังนั้น ทันทีหลังจากที่พ่อเดินเข้ามา พอเขาเห็นเธอก็พยักหน้าอย่างพอใจ : “ ดีมาก นี่สิถึงจะเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยที่สวยที่สุดในตระกูลซูของพวกเราสิ ! สือจิ่น ต่อไปอย่างตัดผมอีกนะ ไว้ผมให้มันยาว แน่นอนว่ามันจะต้องสวยมากๆ ”
“ พ่อคะ วันนี้ตระกูลลั่วเป็นเจ้าภาพ ได้เชิญตระกูลหยานไหมคะ ?” ซูสือจิ่นถาม
“ น่าจะเชิญนะ ” ซูเผิงฮวา : “ ถึงแม้ว่าชิงเจ๋อครอบครัวของเขาธุรกิจส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามคนรุ่นแก่ต่างก็ยังอยู่ที่หนิงเฉิง เพราะฉะนั้นเดาได้ว่าพวกเขาน่าจะไป ”
ในขณะที่พูด เขาก็ถามด้วยความไม่เข้าใจ : “ ทำไมถึงได้ไม่ถามพี่ชิงเจ๋อโดยตรงเลยละ ? ทะเลาะกันหรอ ?”
ริมฝีปากของซูสือจิ่นก็กระตุก : “ ป่าวค่ะ หนูก็แค่ถามเฉยๆค่ะ ”
ซูเผิงฮวาไม่ได้สงสัยอะไร แต่ก็ถอนหายใจ : “ จริงๆแล้วพ่อก็เชียร์ชิงเจ๋อกับลูกนะ แต่ดูเหมือนว่าพวกลูกสองคนจะไม่ได้สนใจกันในด้านนั้น ดังนั้น……”
สีหน้าของซูสือจิ่นก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของพ่อแล้วพูดว่า : “ พ่อ นี่พ่อกำลังพูดอะไรกัน ต่อไปอย่าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ! ตอนนี้พี่ชิงเจ๋อมีแฟนแล้ว อย่าทำให้คนอื่นเข้าใจผิด !”
“ อ้าว ชิงเจ๋อมีแฟนแล้วหรอ ? แล้วเตรียมจะแต่งงานแล้วหรือยัง ?” ซูเผิงฮวาดีใจราวกับว่าเป็นลูกชายของตัวเองที่มีแฟนอะไรอย่างนั้น : “ ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาพาแฟนมาเที่ยวบ้านสิ ดูเหมือนว่าเขาจะได้มาเที่ยวที่บ้านเราสักพักแล้วนะ !”
ซูสือจิ่นพยายามเก็บความรู้สึกที่เศร้าเอาไว้ในใจแล้วก็ยิ้ม : “ คนเขามีแฟนแล้วแน่นอนว่าก็มัวแต่เดทอยู่ จะมีเวลาที่ไหนมาอยู่กับตาเฒ่าอย่างพ่อละ ?”
“ ก็พูดถูก !” ซูเผิงฮวาเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้ว ดังนั้นก็เลยพูดว่า : “ เอาล่ะ สือจิ่น พวกเราไปกันได้แล้ว ! ฝานหวาเด็กคนนี้ก่อนหน้านี้พ่อเคยเจอมาก่อน คนหนุ่มนี่ไม่เลวเลยจริงๆ อีกแป๊บไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ยังไงแกก็ต้องมีสุขภาพเข้าไว้ รู้ไหม ?”
“ ค่ะ หนูจะไม่ชักสีหน้าใส่เขาแล้วเดินออกไปหรอกค่ะ !” ซูสือจิ่นตอบกลับ
“ ไอ้ลูกคนนี้นิ !” ซูเผิงฮวารู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย
เมื่อทั้งสองคนมาถึงบ้านของตระกูลลั่ว ซูสือจิ่นที่เหลือบไปมอง ก็เห็นหลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉิน
เธอที่กำลังจะทักทายหลานเสี่ยวถาง ซูเผิงฮวาก็ดึงเธอไปยังตรงหน้าของนายท่านแห่งตระกูลลั่ว
“ คุณลุงลั่ว ไม่เจอกันนานเลยนะครับ ราศียิ่งของคุณลุงยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ !” ซูเผิงฮวาหัวเราะ ในขณะนั้นก็หันไปพูดกับซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆ : “ สือจิ่น มาหาคุณปู่ลั่วเร็ว !”
ชุดของซูสือจิ่นเป็นกระโปรงทรงเอที่เก็บเอวได้ดีมาก เดิมทีเธอก็เป็นวัยรุ่นสาวอยู่แล้ว บวกกับกระโปรงตัวนี้ก็ยิ่งลดอายุของเธอ ดูแล้วราวกับเป็นหญิงสาวที่เพิ่งกำลังจะขึ้นมหาลัยแบบนั้น
เธอยิ้มหวานให้กับนายท่านแห่งตระกูลลั่วแล้วก็พูดว่า : “ ขอให้คุณปู่ลาวมีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาวนะคะ !”
ดวงตาของนายท่านแห่งตระกูลลั่วก็เป็นประกายขึ้นมา : “ นี่เป็นสือจิ่นสินะ ทั้งสวยและรู้จักคิด มาให้ปู่ดูดีๆหน่อยมา !”
“ ในขณะที่พูดนั้น เขาก็เดินไปด้วยคุยเล่นไปด้วย ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไหม แต่พอเขาหยุดเดิน มันก็ยืนใกล้กับบริเวณที่ลั่วฝานหวาอยู่พอดี ”
นายท่านแห่งตระกูลลั่วก็พูดว่า : “ ฝานหวา มานี่มา ฉันจะแนะนำให้แกรู้จัก นี่เป็นลูกสาวของตระกูลลั่วที่ฉันมักจะพูดถึงบ่อยๆ ซูสือจิ่น เพิ่งจะเรียนจบแล้วกลับมา !”
ในขณะที่พูดนั้นก็หันไปพูดกับซูสือจิ่นอีกครั้ง : “ สือจิ่น นี่เป็นหลานชายของฉันฝานหวา ก่อนหน้านี้เคยเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา บางครั้งพวกแกอาจจะเคยเจอกันบ้าง !”
ซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้นมา มองไปยังชายหนุ่มร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า ก็มองด้วยตาโตขึ้นมาในทันที
ทำไมคนนี้ถึงได้ดูคุ้นๆจัง ?
ทันใดนั้นก็ภาพแวบเข้ามาในหัว ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงวันที่เธอเลี้ยงข้าวหยานชิงเจ๋อในตอนนั้น แล้วเธอก็อารมณ์ไม่ดีเพราะเรื่องตลกของฟู่สีเกอ พอเธอเดินออกไปก็เจอเข้ากับลั่วฝานหวา
เขาสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียงทางเดิน แล้วเธอก็ยังอันธพาลแย่งบุหรี่ของเขามามาฝึกสูบ และยังสำลักจนน้ำตาไหลอีกด้วย……
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นลั่วฝานหวา !
ยิ่งไปกว่านั้น วันนั้นเธออยู่ในสภาพจนตรอกอีกด้วย เขาเห็นมันทั้งหมดเลย และเดาได้ว่า เขาคงไม่รู้จะหัวเราะเยาะเย้ยเธอยังไงแล้วมั้ง ?
เธอก็ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นเพราะเธอโกรธหรือเปล่าเลยเชื่อคำฟังคำพูดของพ่อ ถึงได้ได้แต่งตัวได้ราวกับเป็นหญิงสาวที่เรียบร้อยแบบนี้ ลั่วฝานหวาก็คงเดาว่า เธออยากที่จะแต่งงานมากก็เลยถึงได้ตั้งใจแต่งตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้ !
ตอนนี้ในใจของซูสือจิ่นรู้สึกยุ่งเหยิงเป็นอยากมาก จนแทบอยากจะทิ้งทุกอยากแล้วจากโลกนี้ไป ลั่วฝานหวาเป็นคนเอ่ยปากพูดก่อน : “ พวกเรานี่ดวงสมพงศ์กันจริงๆเลยนะ เจอกันอีกแล้ว !”
นายท่านแห่งตระกูลลั่วที่อยู่ข้างๆก็เป็นประกายขึ้นมา ดูเหมือนว่ามันจะต้องมีเรื่องราวอะไร !
เขาที่อายุ 70 ก็พูดซุบซิบขึ้นมาว่า : “ ฝานหวา แกเคยเจอกับสือจิ่นแล้วหรอ ?”
“ ครับ วันที่ผมกลับมาวันนั้น มีเพื่อนมาเลี้ยงข้าวต้อนรับกลับมา ผมเคยเจอคุณซูที่ Royal Empire ” ในขณะที่ลั่วฝานหวาพูดก็มองไปทางซูสือจิ่น ริมฝีปากนั้นก็ยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยและก็พูดด้วยความหมายลึกซึ้ง : “ ความประทับใจที่มีต่อคุณซูมันลึกซึ้งมากครับ ”
ในทันใดนั้นสีหน้าของซูสือจิ่นก็มืดมนในทันที และลั่วฝานหวาที่อยู่ตรงหน้านั้น เขาตั้งใจที่จะประชดเธออย่างนั้นหรอ ? !
เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังเขาอย่างไม่ยอมและพูดว่า : “ อย่างนั้นหรอ ? แต่ถ้าเกิดว่าคุณไม่เตือนสติฉัน ฉันก็คงจะลืมไปแล้วว่าเคยเจอกับคุณที่ไหน !”
ความหมายของเธอก็คือเขาไม่ได้ทำให้เธอมีความประทับใจอะไรเลย
ลั่วฝานหวาก็ไม่สนใจอะไรและก็เอ่ยปากพูดว่า : “ คุณซู ได้ยินมาจากคุณปู่ว่าคุณเรียนออกแบบมา ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะขอคำแนะนำจากคุณพอดีเลย……”
ซูสือจิ่นเดิมทีก็ไม่อยากจะเสวนากับลั่วฝากหวามากนัก พอกำลังจะปฏิเสธ เธอก็เหลือบไปมองเห็นหยานชิงเจ๋อกับเจียงซีหยู่ที่กำลังเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่ด้วยกัน
เธอก็รู้สึกหายใจไม่คล่อง ความรู้สึกเจ็บปวดที่มีในใจมายาวนานก็กลับมาอีกครั้ง ดังนั้นคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอที่พูดออกมาในตอนนั้นเนื้อหามันก็เปลี่ยนไป
เธอก็ยิ้มให้ลั่วฝานหวานและพูดว่า : “ ได้สิ คุณลั่วมีปัญหาอะไร ขอแค่เป็นเพียงที่ฉันรู้ ฉันจะช่วยคุณแก้ไขนั้นอย่างแน่นอน !”
ลั่วฝานหวาก็ยิ้มมุมปาก : “ ดีมากเลย ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณซูไปนั่งบริเวณโซฟา พวกเราไปคุยรายละเอียดกัน !”
“ ค่ะ ” ซูสือจิ่นก็เดินไปยังบริเวณที่นั่งโซฟาพร้อมกับลั่วฝานหวา
เป็นเพราะว่าวันนี้ตระกูลลั่วเป็นเจ้าภาพ ลั่วฝานหวาก็เพิ่งกลับมาเพื่อสานต่อกิจการของตระกูล แล้วก็ยังเป็นจุดโฟกัสสำหรับงานเลี้ยงในคืนนี้อีกด้วย ดังนั้น เมื่อทั้งสองเดินพร้อมกัน ทุกคนที่อยู่ในงานเลี้ยงก็ต่างเข้าใจในทันที สำหรับบางคนก็ได้พิจารณาใหม่ไปแล้ว หลังจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว ควรจะจัดวางใหม่อย่างไร
บริเวณที่พักผ่อนที่อยู่ใกล้กับโต๊ะน้ำชา วันนี้เจียงซีหยู่ตรงมาจากคอนเสิร์ตและมาที่นี่ ระหว่างที่มานั้นไม่ได้ดื่มน้ำ ก็เลยรู้สึกหิวน้ำเล็กน้อย
เพราะฉะนั้น เมื่อทั้งสองมคนมาถึง พวกเขาก็เลยเดินตรงไปในทันที
“ ชิงเจ๋อ คุณนู้นสิ นั้นมันสือจิ่นไม่ใช่หรอ ?” เจียงซีหยู่เขย่าไปที่แขนของหยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋อก็หันไปดู ก็เห็นว่าซูสือจิ่นคุยอย่างสนุกกับชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินไปบริเวณพักผ่อนและนั่งลง
พอทั้งสองคนพูดไปได้สองสามคำ ชายคนนั้นก็ลุกขึ้นไปหยิบเครื่องดื่มให้กับซูสือจิ่น และดูเหมือนว่าจะคุยกันอย่างมีความสุขมาก ?
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสายที่โทรมาหาซูสือจิ่น ตอนที่อยู่ในคฤหาสน์ทิงไห่ในสหรัฐอเมริกา
ทันใดนั้น หยานชิงเจ๋อก็รู้ฐานนะของผู้ชายคนนั้น
เพราะฉะนั้นแล้ว ในที่สุดครั้งนี้น้องสาวของเขาคนนี้ก็เจอกับคนที่ถูกใจแล้ว ?
หยานชิงเจ๋อยังจำได้ว่า ก่อนหน้านี้ซูสือจิ่นถูกครอบครัวจัดวางให้ไปดูตัว จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นตอนที่อยู่สหรัฐอเมริกา ในตอนนั้น เธอโทรมาหาฉัน บอกให้ฉันไปด้วยและไปช่วยเธอดู
ครั้งนั้น เธอได้ไปเจอกับคนที่นัดดูตัวที่ร้านกาแฟแห่งsหนึ่ง
ดนตรีที่ไพเราะ ชุดสูทที่สง่างาม พร้อมกับบุคลิกลักษณะที่สุภาพมีมารยาท และดูเหมือนว่ามันจะพอดีและลงตัวไปหมด
แต่ทว่าซูสือจิ่นไม่เพียงแค่ไปสายเท่านั้น แถมยังแต่งหน้าสโมกกี้อาย แล้วก็ฉีดน้ำหอมที่พื้นๆธรรมดาๆไปอีกด้วย และพูดคุยกับชายคนนั้นได้ไม่เพียงกี่คำ จากนั้นก็ชักสีหน้าแล้วก็เดินจากไป
หลังจากนั้น เขาก็ถามเธอว่าทำไมทำแบนี้ ในตอนนั้นเขายังจำได้ เธอยักไหล่อย่างไม่ใยดีอะไร และก็พูดอย่างชะล่าใจ : “ ก็ไม่ชอบนิ !”
จากนั้น เขาก็ถามด้วยความสงสัย : “ ฉันรู้ว่าเขาก็ไม่เลวเลยนะ เสี่ยวจิ่น แล้วเธอชอบแบบกันไหนละ ?”
ดูเหมือนเธอจะคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก จากนั้นก็มองไปยังเขา แล้วก็พูดด้วยหน้าตาทะเล้นว่า : “ ก็แบบพี่นี่ไง !”
เขาก็ถึงกับขมวดคิ้ว : “ เสี่ยวจิ่น นี่ฉันถามเธอจริงจังนะ ”
เธอก็หัวเราะคิกคัก จนในที่สุดก็หัวเราะจนน้ำตาไหล จากนั้นก็มองอย่างแน่วแน่และเป็นประกายพร้อมกับพูดกับเขาว่า : “ ก็ไม่มีเงื่อนไขอะไร ขอเพียงแค่ฉันรู้สึกว่าดี ไม่ว่าเขาจะยังไงมันก็ดีไปหมด ”
ในตอนนั้นที่เขาได้ยินเธอพูดประโยคนั้นมามันก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นช้าลงครึ่งจังหวะ พอกำลังอยากจะถามว่าเธอเคยเจอคนแบบนี้ไหม เธอก็พูดเสริมขึ้นมาว่า : “ เพราะฉะนั้น ต่อให้คนอื่นดีแค่ไหน ถึงขั้นจะเอาดวงดาวที่อยู่บนฟ้าลงมาให้ฉันดู ฉันก็ไม่มีทางที่จะแลมองพวกเขา !”
ทันทีที่เธอพูดจบก็โบกมือให้เขาและพูดว่า : “ พี่หยานเจ๋อ ขอบคุณพี่นะคะที่มาถึงที่นี่เพื่อมาช่วยดูให้ ! ฉันกลับไปเรียนก่อนนะ พี่ก็ทำธุระของพี่ต่อเลยนะ !”
ทันทีที่พูดจบ ก็ขึ้นแท็กซี่และออกไป นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอไม่ได้รอให้เขาบอกลา พร้อมกับหายไปในสายตาของเขา
และวันนี้ก็เป็นวันที่ดูตัวเหมือนกัน หยานชิงเจ๋อทั้งพูดและทั้งยิ้มเมื่อเห็นซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวา และในเวลานั้นก็ไม่คิดถึงว่าจะรู้สึกภวังค์เล็กน้อย
ดังนั้น เธอเจอคนที่“ รู้สึกว่าดี และอะไรก็ดีไปหมด”แล้วจริงๆเหรอ ?
หยานชิงเจ๋อพบว่า ข้างในหัวใจของตัวเองคิดไม่ถึงเลยว่าจะยุ่งเหยิงแบบนี้
เดิมที เขาคิดว่าเธอจะสามารถได้เจอกับคนที่ชอบเธอจริงๆ แล้วเธอก็ยอมรับในตัวเขาได้ และเขาก็จะดีใจกับเธอ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีอารมณ์ที่ดีใจแบบนั้นเลย ?
ในตอนนั้นเอง เจียงซีหยู่ที่อยู่ข้างๆเขาก็เรียกชื่อเขา : “ ชิงเจ๋อ ? ชิงเจ๋อ ?”
หยานชิงเจ๋อคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะใจลอย จากนั้นก็หันกลับไปแล้วก็ยิ้มและพูดอย่างอ่อนโยน : “ ว่าไง ?”
“ พวกเราก็ไปนั่งกันบ้างเถอะ !” เจียงซีหยู่ก็พูดว่า : “ รอให้ฉันพักไม่กี่นาที จากนั้นเราค่อยไปเจอเพื่อนคนอื่น ”
“ โอเค ” หยานชิงเจ๋อพยักหน้า และยังบริเวณที่พักผ่อนกับเจียงซีหยู่
พอเพิ่งจะเดินเข้าไป หยานชิงเจ๋อก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวา
ซูสือจิ่นพูดว่า : “ เดี๋ยวถ้าเกิดว่าคุณปู่ถามคุณว่าประทับใจอะไรในตัวฉัน คุณก็พูดตามความจริงที่เห็นวันนั้นก็ได้แล้ว ”
หยานชิงเจ๋อที่เดินก็หยุดชะงักทันที
‘วันนั้นที่เจอ’ เพราะฉะนั้น ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเจอกันอย่างนั้นหรอ ?
จากนั้น ก็ได้ยินลั่วฝานหวาหัวเราะ : “ แล้วคุณอยากรู้ว่าว่าความประทับใจแรกที่ผมเจอคุณเป็นยังไง ?”
ซูสือจิ่นก็ปล่อยปะละเลยและพูดอย่างไม่สนใจอะไร : “ ได้สิ ไม่ต้องไว้หน้าฉันหรอก พูดตามความจริงก็พอแล้ว !”
“ วันนั้น ผมก็ได้ยินเพื่อนของคุณเรียกชื่อคุณ ชั่วพริบตาเดียวก็รู้สึกว่าพวกเราสองคนดวงสมพงศ์กันมาก ” ลั่วฝานหวาพูดและมองไปยังซูสือจิ่น : “ ก็แค่นี้แหละความประทับใจในครั้งแรกของผม ”
“ หมายความว่าอะไรกัน ?” ซูสือจิ่นสงสัย และในใจก็รู้สึกไม่สบายใจ หรือว่าเขาชอบกินผัดผักรวมอย่างนั้นหรอ ? !
“ คุณชื่อสือจิ่น ผมชื่อฝานหวา ” ทั้งมุมตาและคิ้วของลั่วฝานหวาก็กำลังยิ้ม : “ ฝานหวาซื่อจิ่น ชื่อของพวกเราเหมาะสมกันมากเลยนะ ”