ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 238 ถ้านายยังขัดขวางโชคแห่งความรักของเธอก็รับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 238 ถ้านายยังขัดขวางโชคแห่งความรักของเธอก็รับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิต
มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านตระกูลลั่ว หยานชิงเจ๋ออุ้มซูสือจิ่นเข้าไปในโรงพยาบาล “เสี่ยวจิ่น เธอแค่บาดเจ็บแค่ผิวชั้นนอกนิดน้อย ไม่เป็นไรนะ แค่ไปทำแผลฆ่าเชื้อที่โรงพยาบาลในอีกไม่กี่วันก็หายดีแล้ว !”
ซูสือจิ่นไม่ได้พูดอะไร แต่พยายามอยู่นิ่งๆ ในอ้อมแขนของหยานชิงเจ๋อ
เขากอดเธอแน่นรีบพาเธอไปห้องฉุกเฉิน เมื่อหมอมาทำแผลฆ่าเชื้อให้เธอเขาก็ไม่ยอมปล่อยเธอ
ในที่สุดซูสือจิ่นก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ความตื่นตระหนกในหัวใจของเธอก็ค่อยๆ ลดลง เธอมองไปที่หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆ เธอ
เขาจ้องมองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นเธอมองมาเขาก็ก้มศีรษะลงแล้วยิ้มให้เธอ
“พี่ชิงเจ๋อ” ซูสือจิ่นน้ำตาเอ่อล้นและกำลังจะไหลออกมา แต่เธอพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมา ดวงตาของเธอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยน้ำใสๆ ซึ่งดูแล้วน่าสงสารมาก
เธอสูดลมหายใจ “คอของฉันได้รับบาดเจ็บ มันจะเสียโฉมไหม?”
หยานชิงเจ๋อมองดูซูสือจิ่นที่กำลังกังวลอยู่ ดังนั้นเขาจึงยิ้มแล้วส่ายหัว “จะเป็นไปได้ยังไง จะไม่มีรอยหลังจากแผลตกสะเก็ดในอีกสองสามวัน เสี่ยวจิ่น ไม่ต้องกังวลนะ”
เธอฟังเสียงที่อ่อนโยนและปลอบประโลมของเขา มันทำให้เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธออบอุ่นขึ้นเล็กน้อย “ตอนคนนั้นใช้มีดบาดคอของฉัน ฉันคิดว่าฉันกำลังจะตาย และฉันจะไม่ได้เจอหน้าพวกพี่อีก……”
“ขอโทษนะ เสี่ยวจิ่น ที่พี่ไม่ได้ปกป้องเธอ” หยานชิงเจ๋อพูดพร้อมกับมองดูพยาบาลที่กำลังเดินมา “คุณพยาบาลครับ มีเสื้อผ้าแห้งๆ ไหมครับ ช่วยเปลี่ยนให้คุณซูได้ไหมครับ?”
พยาบาลพยักหน้า “ได้ค่ะ ฉันจะเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
พยาบาลนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้เธอ หยานชิงเจ๋อจึงลุกขึ้นแล้วพูดว่า“เสี่ยวจิ่น เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว พี่ค่อยเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนนะ”
เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะออกไป ซูสือจิ่นก็ตื่นตระหนกรีบดึงมุมเสื้อผ้าของหยานชิงเจ๋อแน่นโดยไม่รู้ตัว
เขาหันหน้ากลับมายิ้มแล้วปลอบโยน”เสี่ยวจิ่น พี่ไม่ได้ไปไหนไกล พี่แค่รออยู่ข้างนอก เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพี่ก็เข้ามาแล้ว”
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมปล่อยเขาก็ยื่นมือไปขยี้ผมของเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดูเธอ “ผู้หญิงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนอื่นเห็นไม่ได้!”
ซูสือจิ่นนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ก็รีบปล่อยมือ แต่แก้มของเธอกลับเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
หยานชิงเจ๋อตบหลังมือของเธอแล้วพูดเบาๆ “เอาล่ะ เดี๋ยวพี่จะกลับเข้ามาในทันที”
ซูสือจิ่นพยักหน้าแล้วมองดูหยานชิงเจ๋อเดินออกไป เมื่อพยาบาลปิดประตูเธอจึงถอดเสื้อผ้าที่เปียกโชกออกแล้วสวมใส่ชุดที่แห้งสะอาด แล้วพูดกับพยาบาล “ฉันใส่เรียบร้อยแล้วค่ะ”
พยาบาลเดินไปเปิดประตูให้หยานชิงเจ๋อ แล้วหันมายิ้มให้ซูสือจิ่น”คุณซู แฟนของคุณอ่อนโยนต่อคุณมาก!”
ใบหน้าของซูสือจิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที “เอ่อ เขาไม่ใช่แฟนของฉันค่ะ”
“จะไม่ใช่ได้อย่างไรคะ เมื่อกี้คุณยังเขินอยู่เลย” นางพยาบาลยิ้ม “จะมีผู้ชายคนไหนที่อดทนและอ่อนโยนกับผู้หญิงได้ขนาดนี้คะ ฉันยืนมองอยู่ข้างๆ ยังรู้สึกว่าหัวใจแทบละลายเลยค่ะ! คุณซู ฉันอิจฉาคุณจริงๆ แฟนของคุณไม่ใช่แค่ดีกับคุณนะคะ แต่ยังหล่อเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดเลย คุณรู้ไหมคะตอนที่เขาเดินเข้ามาหมอและพยาบาลต่างก็ตาค้างกันเลยทีเดียว!”
เมื่อซูสือจิ่นได้ฟังพยาบาลบอกว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่อดทนและอ่อนโยนกับผู้หญิงได้ขนาดนี้ หัวใจของเธอก็เหมือนโดนอะไรบางอย่างกระแทกเข้ามา
เขาพูดแบบอ่อนโยนกับเธอเสมอมา เป็นไปได้ไหมว่าจะเหมือนที่พยาบาลพูดจริงๆ?
แต่ถ้าเขามีความรู้สึกแบบที่นางพยาบาลพูดจริงๆ แล้วทำไมเขาถึงมีแฟน แถมเขายังบอกว่าชอบผู้หญิงคนนั้นมาก พวกเขากำลังจะแต่งงานกัน?
ซูสือจิ่นรู้สึกเพียงว่าหัวใจที่ตื่นเต้นกับคำพูดของนางพยาบาลตอนนี้ดูเหมือนจะค่อยๆ จมดิ่งลงไป จนกระทั่งนางพยาบาลเปิดประตูให้หยานชิงเจ๋อเข้ามาเธอก็ยังไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นว่าเธออยู่ในภวังค์ เขาจึงค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วถามเบาๆ “เสี่ยวจิ่น ยังกลัวอยู่ไหม? ไม่ต้องกังวลไปนะ มันจะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว! ชายคนนั้นพยายามจะฆ่าคนโดยเจตนา ต่อให้ศาลไม่ตัดสิน พวกเราจะทำให้เขาออกไปจากจีนให้ไกลที่สุด ชาตินี้ไม่มีทางที่จะเข้าใกล้เธอได้!”
เมื่อพูดจบใบหน้าที่สวยและงดงามของหยานชิงเจ๋อเต็มไปด้วยรัศมีแห่งการสังหาร
ซูสือจิ่นเห็นเขาทำหน้าตาแบบนี้หัวใจที่จมดิ่งก็ค่อยๆ ดีขึ้น
เธอรู้ว่าเขามีพลังแบบนี้อยู่เสมอมา แค่การแสดงออก การกระทำ และคำพูดของเขาก็สามารถทำให้เธอมีทั้งความสุข ความโกรธ ความเศร้า แบบที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“เสี่ยวจิ่น เมื่อกี้พี่ทำให้เธอตกใจหรือเปล่า?”หยานชิงเจ๋อพูดพร้อมกับเอามือเย็นๆ ของซูสือจิ่นมาวางบนฝ่ามือของเขา “ต่อจากนี้ไปพวกเราจะปกป้องเสี่ยวจิ่นเป็นอย่างดีเลย”
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของหยานชิงเจ๋อได้ดังขึ้น
เขาปล่อยมือของซูสือจิ่นแล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อของเขา มีชื่อสองพยางค์ปรากฏบนหน้าจอ คือชื่อของซีหยู่
ซูสือจิ่นอยู่ใกล้กับเขามาก ดังนั้นเธอจึงสามารถเห็นชื่อผู้โทรเข้าได้อย่างชัดเจน
ครู่หนึ่ง เธอก็รู้สึกเหมือนเธอทำผิดอะไรบางอย่าง
เธอคืออุปสรรคในการนัดหมายของเขา เธอเข้าครอบครองเขาอย่างเห็นแก่ตัว แม้ว่าเธอต้องการความอบอุ่นจากเขาแบบนี้ แต่เธอก็พบว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับความอบอุ่นแบบนี้เลย……
“เสี่ยวจิ่น เดี๋ยวพี่ขอรับโทรศัพท์ก่อนนะ” หยานชิงเจ๋อพูดพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างเพื่อกดรับสาย
“ชิงเจ๋อ คุณอยู่ที่ไหน? เสี่ยวจิ่นเป็นไงบ้าง?” เจียงซีหยู่พูดอย่างกังวลใจ “ตอนที่พวกคุณออกไป ฉันโทรหาหลายสายมาก แต่คุณก็ไม่รับสาย ฉันเป็นห่วงคุณมากนะ”
หยานชิงเจ๋อมองดูสายผู้โทรก็พบว่ามีหลายสายที่ไม่ได้รับ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าโทรศัพท์ของเขาไม่ปิดเสียง แต่ทำไมเขาไม่ได้ยิน
เขาตอบว่า “ตอนนั้นผมกังวลเกินไป เลยไม่สนใจ ตอนนี้เสี่ยวจิ่นอยู่ในโรงพยาบาล รอดูอาการสักพักก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
“โอเคค่ะ” เจียงซีหยู่พูด “คุณอยู่โรงพยาบาลไหนคะ ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้?”
“ไม่เป็นไร อีกสักพักผมจะไปส่งเธอที่บ้าน” หยานชิงเจ๋อพูด “ซีหยู่ ผมขอโทษ เดี๋ยวคุณเรียกรถกลับไปก่อนแล้วกันนะ!!”
“โอเคค่ะ” เจียงซีหยู่วางสายแล้วมองไปที่ทางออกของห้องโถง
วันนี้เป็นวันฉลองวันเกิดของคุณปู่แห่งตระกูลลั่ว คนที่มาร่วมฉลองวันเกิดต่างก็ขับรถมาเอง
เมื่อจบงานเลี้ยงฉลองรถคงน่าจะติดน่าดู เพราะทุกคนต่างก็นำรถส่วนตัวมาเอง เกรงว่าจะเรียกแท็กซี่ก็คงไม่สะดวก
เมื่อตอนที่เธอเห็นหยานชิงเจ๋ออุ้มซูสือจิ่นออกไป เธอไม่มีแม้แต่โอกาสจะพูดว่าเธอจะไปด้วย หยานชิงเจ๋อก็รีบออกไปแล้ว
ทันทีที่เขาออกไป เธอจะอยู่ในสถานที่นี้ต่อไปก็ไม่มีความหมายแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาวางแผนว่าหลังจากจบงานเลี้ยงของวันนี้ เขาจะไปที่บ้านของเธอเพื่อฟังเพลงที่เธอจะเล่นเมื่อเดินทางไปทำธุรกิจต่างเมือง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะลืมไปแล้ว……
เจียงซีหยู่เดินออกจากบ้านตระกูลลั่ว แล้วเรียกแท็กซี่กลับ
เมื่อขึ้นรถเธอได้ส่งป้ายทะเบียนรถแท็กซี่ให้หยานชิงเจ๋อ
ในขณะนี้หยานชิงเจ๋อกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงกำลังปอกผลไม้ให้ซูสือจิ่น
ซูสือจิ่นเอนกายอยู่บนเตียงแล้วมองไปที่รูปร่างหน้าตาของหยานชิงเจ๋อ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกยากจะร้องไห้
จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่ไม่ต้องการเธอ แต่เขายังคงถือว่าเธอเป็นน้องสาวคนโปรดของเขา เขาสามารถมอบสิ่งดีๆ ทั้งหมดให้เธอได้ ยกเว้นความรักแบบหนุ่มสาว
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของหยานชิงเจ๋อก็ดังขึ้น เขากำลังยุ่งกับการปอกผลไม้ ดังนั้นเขาจึงเรียกให้ซูสือจิ่นช่วยดู “เสี่ยวจิ่น ช่วยพี่ดูหน่อยว่ามีอะไร”
ซูสือจิ่นพยักหน้า รับโทรศัพท์มาแล้วปัดหน้าจอ “ฉันไม่รู้รหัสผ่าน……”
“7982” หยานชิงเจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ
ซูสือจิ่นพยักหน้าแล้วป้อนรหัสผ่านเข้าไปก็เห็นป้ายทะเบียนรถที่เจียงซีหยู่ส่งมา เธออดไม่ได้ที่จะบีบโทรศัพท์แน่น หรี่สายตาลงแล้วยื่นโทรศัพท์ให้หยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋อเหลือบมองแล้วพยักหน้า “ช่วยตอบกลับหน่อย”
ดังนั้นซูสือจิ่นจึงพิมพ์คำว่าอืมส่งไป
ทางด้านเจียงซีหยู่ได้รับข้อความตอบกลับอย่างรวดเร็ว ไม่มีคำว่าระมัดระวังความปลอดภัยดีๆ หรือถึงแล้วส่งข้อความมาบอกผมด้วยนะ ที่หยานชิงเจ๋อเคยบอกกับเธอเป็นประจำ แต่มีคำว่าอืมคำเดียว
เซนส์ของผู้หญิงคนนั้นแม่นยำมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
ซูสือจิ่นอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรอสังเกตอาการเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ระหว่างรอนั้นเธอก็มีไข้อ่อนๆ
เมื่อสือมูเฉินโทรมาซูสือจิ่นได้กินยาลดไข้แล้วและนั่งอยู่ในรถของหยานชิงเจ๋อแล้ว
หยานชิงเจ๋อพูดว่า “พี่เฉิน พี่อธิบายกับตระกูลอย่างไร?”
“ตระกูลลั่วได้ส่งคนไปที่สถานีตำรวจแล้ว แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะเพราะเห็นแก่หน้าของตระกูลลั่ว ถึงยังไงตระกูลลั่วและตระกูลซูก็ต้องการสร้างพันธมิตรกัน แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้ว พวกเขาต้องจัดการมัน” สือมูเฉินพูด “ดังนั้นแม้ว่าเด็กคนนั้นจะไม่ตาย แต่เขาก็ยังหนีไม่ไกลจากความตาย”
หยานชิงเจ๋อหรี่ตาลง “ครั้งนี้ประสิทธิภาพในการจัดการของพวกเขาค่อนข้างสูง”
สือมูเฉินอธิบายว่า “ครั้งนี้คนที่จัดการเรื่องคือลั่วฝานหวา เขาทำอะไรไม่เคยรีรอ เขาพาชายคนนั้นออกไปแล้ว คาดว่านำชายคนนั้นไปไว้ในเหมืองชั่วข้ามคืน คาดว่าภายในสามวันชายคนนั้นคงไม่รอด”
“หึหึ นี่คือสิ่งที่เขามอบให้เสี่ยวจิ่นเหรอ?” หยานชิงเจ๋อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย น้องสาวสุดที่รักของเขาเกือบตายในวันนี้ ตอนนี้เธอยังเสียขวัญอยู่ตลอดเวลา แถมยังมาไข้ขึ้นอีก ถึงชายคนนั้นจะตายสิบครั้งก็ไม่สามารถชดใช้สิ่งที่มันทำลงไปได้ !
“ชิงเจ๋อ นี่คือสิ่งที่ตระกูลลั่วทำเต็มที่ที่สุดแล้ว” สือมูเฉินพูด“ท้ายที่สุด ครอบครัวของคนนั้นก็ไม่มีอิทธิพลใดๆ ดังนั้นลั่วฝานหวาตัดสินใจจัดการได้อย่างรวดเร็วแล้ว ทางนั้นจะเอาผิดก็ไม่ทันแล้ว รู้อีกทีคนก็ตายไปแล้ว และไม่มีประโยชน์ที่จะตามหา”
“เสี่ยวจิ่นมาเจอลั่วฝานหวาครั้งแรกก็เจอเรื่องแบบนี้แล้ว” หยานชิงเจ๋อขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่เขาเคยได้ยินมาก่อน เขาเริ่มสับสนเล็กน้อย ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูสือจิ่นเจอลั่วฝานหวาใช่ไหม?
อย่างไรก็ตามเขายังคงพูดต่อ “หลังจากนี้ผมคิดว่าควรจะให้เธอไปมาหาสู่กับคนพวกนั้นให้น้อยลง”
สือมูเฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ชิงเจ๋อ วันนี้มันเป็นเรื่องที่จู่โจมกะทันหัน มันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับลั่วฝานหวาเลย”
สือมูเฉินพูดติดตลกกึ่งจริงจัง “โชคแห่งความรักของสือจิ่น นายจะขัดขวางไปถึงไหน ตอนนี้เธออายุ 23แล้ว ถึงเวลาที่ต้องมีแฟนได้แล้ว หากล่าช้าไปกว่านี้นายจะรับผิดชอบเธอไปตลอดชีวิตเหรอ?”
หยานชิงเจ๋อพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่งและอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซูสือจิ่นที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา
ในความทรงจำของเขาสาวน้อยช่างพูดช่างงอแงได้โตเป็นผู้ใหญ่โดยเขาไม่รู้ตัว……