ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 243 ความจริงของเรื่อง
ลั่วฝานหวามองดูซูสือจิ่นที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของเขาอ่อนโยนขึ้น
เธอทำให้เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่แท้จริง
ก่อนหน้านี้ที่เจอกันครั้งแรก เสียใจขนาดนั้น แถมยังกล้าแย่งบุหรี่เขา
ส่วนเจอกันครั้งที่สอง เธอบอกชัดเจนว่าเธอไม่สนใจเขา แต่สามารถให้ความร่วมมือเขาได้ ถ้าหากมีความชอบเหมือนกัน ก็สามารเป็นเพื่อนกันได้
และตอนนี้ วันนี้เป็นเพราะเขาพูดถึงไอดอลคนหนึ่ง เธอก็ตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ที่พูดคุยกับเขาอย่างไร้ชีวิตชีวาเหมือนกับกำลังทำภารกิจอยู่
ผู้หญิงแบบนี้ จากที่เขากลับประเทศแล้วนัดดูตัวในหลาย ๆ ครั้ง แถบจะไม่มีให้เห็นแล้ว
“ซื่อจิ่น เป็นไข้หายดีแล้วยัง?” ลั่วฝานหวาดูแสงแดดด้านนอก “ตอนบ่ายพระอาทิตย์ยังไม่ตก อากาศไม่ถือว่าเย็นมาก เหมาะกับการสูดอากาศ พวกเราออกไปเดินเล่นกันไหม?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า ในใจกำลังคิดว่าเดี๋ยวออกไปข้างนอกสามารถถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องของตี้ซือกับลั่วฝานหวาได้เยอะ ๆ จึงลุกขึ้นยืนเดินออกไปข้างนอกพร้อมกับลั่วฝานหวา
ตระกูลซูมีประวัติมาหลายชั่วอายุคน ดังนั้น คฤหาสน์ใหญ่สร้างเหมือนกับสวนดอกไม้ยังไงยังงั้น
ลั่วฝานหวากับซูสือจิ่นมาถึงที่ศาลา เขาพูดขึ้น “ซื่อจิ่น อยากพักก่อนไหม?”
ซูสือจิ่นยิ้ม “ทำไมรู้สึกเหมือนคุณเป็นเจ้าบ้านมากกว่า?”
ลั่วฝานหวาพูด “คุณเป็นผู้หญิง ผมดูแลผู้หญิงเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว!”
ซูสือจิ่นเลิกคิ้ว แกล้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็น “ดูท่า คุณดูแลผู้หญิงเก่งมากนะ? ต่อไปน่าจะมีแฟนเยอะแน่?”
คำถามแบบนี้ผู้หญิงคนอื่นก็เคยถามทำนองนี้ แต่ว่าในสายตามักจะแฝงความหมายอื่นอยู่ แต่ซูสือจิ่นที่อยู่ตรงหน้าดูใจกว้าง ดวงตาสดใสไร้มลทิน ลั่วฝานหวารู้ว่า ที่เธอถามเขา แค่ล้อเล่นเฉย ๆ
เขาตอบ “ไม่เยอะมาก แค่สามคน ช่วงที่กำลังเรียนอยู่ หลังจากทำงาน ก็ไม่มีเวลาจริง ๆ”
ซูสือจิ่นยิ้ม “ตรงไปตรงมาดี!”
เธอยื่นมือขวาออกมา “ลั่วฝานหวา ฉันรู้สึกว่าคุณใช้ได้ ไม่ใช่ผู้ชายแบบที่ทำให้คนดูอึดอัด พวกเราเป็นเพื่อนธรรมดากันเถอะ!”
ลั่วฝานหวาหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ใช่ที่ “ปกติจะต้องพูดว่า พวกเราเป็นเพื่อนกันเถอะ? แต่คุณกลับเติมคำว่า “ธรรมดา” ไว้ข้างหน้าคำว่าเพื่อน คุณกลัวว่าผมจะคิดเกินเลยเหรอ?”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้ เขาก็ยังยื่นมือออกไปจับมือกับซูสือจิ่น
ซูสือจิ่นยิ้ม “พูดไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียเวลานายทีหลัง รอให้เรารู้จักกันสักอาทิตย์สองอาทิตย์ คุณก็พูดว่าพวกเรานิสัยเข้ากันไม่ได้ จากนั้น จากนั้น คุณก็สามารถให้ครอบครัวของคุณจัดการนัดดูตัวให้คุณใหม่ได้ ในเมื่อคุณอายุ 28 แล้ว ไม่เด็กแล้ว คบเป็นแฟนสองปีก็ 30 แล้ว”
“ซื่อจิ่น คุณรังเกียจที่ผมแก่?” ลั่วฝานหวาพูดอย่างไร้เดียงสา
“ไม่ใช่ไม่ใช่ ผู้ชายอายุสี่สิบเป็นชายวัยกลางคนที่มีสเน่ห์!” ซูสือจิ่นโบกมือ “พี่ชาย คุณยังวัยรุ่นอยู่ ฉันรอดูคุณอยู่นะ!”
ลั่วฝานหวาเห็นท่าทางยิ้มแย้มของเธอ จึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “ตกลง ขอบคุณที่คุณรอดูผม แต่พูดกลับมา ตกลงคุณชอบคนแบบไหนกันแน่? ผมไม่ได้รับเลือกจากคุณ แต่ยังไงก็อยากรู้ว่าคุณชอบแบบไหน?”
ซูสือจิ่นคิดได้ถึงหยานชิงเจ๋อ หัวใจอดไม่ได้ที่จะบีบรัด แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ปรับตัวได้ แล้วก็ทำท่ากำหมัดใส่ลั่วฝานหวา “ฉันชอบผู้ชายมีกล้ามที่สูงและบึกบึน ต่อเป็น และก็ถูกต่อยได้ แล้วยังเชื่อฟังคำพูดของฉัน!”
“พรืด…” ลั่วฝานหวาถูกทำให้หัวเราะ เขาตบหน้าอกตัวเอง “ไม่อย่างงั้นผมถอดเสื้อให้คุณดู อันที่จริงผมก็มีกล้าม คุณจะไม่พิจารณาดูจริง ๆ เหรอ? สำหรับจะทนการต่อตีได้ไหม คุณฝึกซ้อมบนร่างกายผมบ่อย ๆ ผมเดาว่าผมคงน่าจะรอดมาได้…”
ซูสือจิ่นโบกมือ “ช่างเถอะ คุณหน้าตาหล่อขนาดนี้ ฉันไม่กล้าลงมือ ฉันหาผู้ชายบึกบึนแบบในเรื่อง “เร็วแรงทะลุนรก” แบบนั้นดีกว่า…”
ทั้งคู่คุยกันสนุกสนาน การเจรจา กลับกลายเป็นเพื่อนกันจริง ๆ
ซูสือจิ่นเชิญให้ลั่วฝานหวาทานข้าวที่บ้าน “เดี๋ยวทานเสร็จค่อยกลับไปเถอะ คุณลุงลั่วจะต้องคิดว่าพวกเราสองคนไม่มีปัญหากันแน่ สำหรับเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจของทั้งสองตระกูล รอให้เซ็นสัญญากัน พวกเราค่อยพูดว่านิสัยไม่เข้ากัน แบบนี้ก็ไม่ทำให้ธุรกิจของครอบครัวได้รับการกระทบ”
ลั่วฝานหวาพูดแล้วยิ้ม “คุณคิดได้รอบคอบขนาดนี้ ถ้าหากผมไม่ระวังรู้สึกว่าคุณดีมาก แล้วจีบคุณจะทำยังไง?”
“งั้นต่อไปฉันจะพยายามแสดงออกให้ไม่ดีหน่อย!” ซูสือจิ่นพูด
หยานชิงเจ๋อคิดไม่ถึงว่า ซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวากลับมา ทั้งคู่เข้ากันได้ดีมาก ดูเหมือนรู้จักกันมานานและมีความปรองดองกันมาก
ซูเผิงฮวาดีใจที่เห็นฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะสั่งให้คนใช้ทำอาหารด้วยความพอใจ จากนั้นก็เริ่มพูดคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจกับลั่วฝานหวา
เวลามาถึงช่วงพลบค่ำ ทางด้านสือมูเฉิน ก็ได้ผลการทดสอบของน้ำ
เขาเห็นผู้ช่วยโทรมา จึงสไลด์รับสาย “ผมออกมาแล้วเหรอ?”
ผู้ช่วยพูด “ประธานสือครับ น้ำของเครื่องกดน้ำดื่มไม่มีปัญหา แต่ว่าน้ำในเครื่องกรองน้ำตรวจพบส่วนผสมของยาคุมกำเนิด”
มือที่กุมโทรศัพท์ของสือมูเฉินออกแรงมากขึ้นกว่าเดิม “สั่งให้คนมาถอดเครื่องกรองน้ำออกตอนนี้!”
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พนักงานบริการลูกค้าของเครื่องกรองน้ำก็มาที่นี่ด้วย พวกเขาใช้น้ำยาทดลองทดสอบตัวอย่างน้ำก่อน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งสกปรกในน้ำบริสุทธิ์ แถมยังรักษาธาตุที่ร่างกายมนุษย์ต้องการไว้ด้วย
จากนั้น พวกเขากำลังจะเปิดตัวกรอง
เมื่อช่างซ่อมบำรุงถอดไส้กรองออก ก็อึ้งอยู่พักหนึ่ง เขาพูดขึ้น “คุณผู้ชายครับ เครื่องกรองน้ำของบ้านคุณเคยเปลี่ยนไส้กรองเหรอครับ? ตราประทับบนนี้ถูกเปิดออก น่าจะเพิ่งเปลี่ยนไส้กรองไม่ถึงสามเดือน”
สือมูเฉิดกำหมัดแน่น เขาระงับความโกรธที่แทบจะพุ่งออกมา แล้วส่ายหน้า “ไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน”
ช่างซ่อมเปิดเครื่องกรองน้ำด้วยความงง จากนั้นก็หยิบไส้กรองออกมา
“พระเจ้า นี่มันคืออะไรครับ?” ช่างซ่อมหยิบไส้กรองขึ้นมา กลับพบว่าด้านล่างของไส้กรอง มีของที่เหมือนกับฟองน้ำผูกไว้อยู่
นักวิจัยสารเคมีที่ผู้ช่วยพามารับไส้กรองมาในทันที แล้วหยิบฟองน้ำด้านบนออกมา
หลานเสี่ยวถางยื่นหน้าเข้ามา เห็นฟองน้ำถูกเปิดออก ด้านในมีถูกพลาสติกใสเล็ก ๆ ถุงหนึ่ง และบนถุง ก็เจาะรูอยู่สองสามรู ในถุงมีเม็ดยาสีขาว เพราะว่าถูกแช่น้ำเป็นเวลานานมาก ดังนั้น มองไม่เห็นตัวอักษรด้านบนตั้งนานแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ได้หลอมเหลวเป็นก้อนแล้ว
นักวิจัยนำยาสีขาวส่วนหนึ่งออกมา จากนั้นก็ใส่ภาชนะสำหรับการทดสอบ
ผ่านไปสิบนาที เขาเงยหน้าขึ้น พูดกับสือมูเฉิน “คุณสือครับ เมื่อครู่ผมทดสอบดูคร่าว ๆ ยาเม็ดน่าจะมีส่วนประกอบของยาที่ยับยั้งการฝังตัวของไข่ที่ปฏิสนธิ เพราะตัวยาที่ผมนำมามีจำนวนจำกัด ส่วนผสมเฉพาะต้องได้รับการทดสอบในห้องปฏิบัติการครับ”
สือมูเฉินพยักหน้า “ครับ ตรวจสอบเสร็จแล้ว บอกผมในทันที”
ขณะที่พูด เขาให้ผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำเปลี่ยนไส้กรองใหม่ เก็บตัวอย่างน้ำครั้ง แล้วยื่นให้นักวิจัย จึงได้พูดขอบคุณทุกคน แล้วออกไปส่งพวกเขา
ประตูบ้านถูกปิดลง สือมูเฉินยกกำปั้นขึ้น แล้วชกลงอย่างแรงบนกำแพง
หลานเสี่ยวถางเห็นดังนี้ จึงรีบห้ามเขาไว้ “มูเฉิน แผลบนแขนของคุณยังไม่หาย จะโมโหยังไงก็ห้ามทำร้ายตัวเอง!”
เธอนำแอลกอฮอล์และสำลีก้อนมาทำฆ่าเชื้อให้เขา เธอยกมือของสือมูเฉินขึ้น แล้วเป่าเบา ๆ
“เสี่ยวถาง” สือมูเฉินมองดูหน้าสวยของหลานเสี่ยวถางภายใต้แสงไฟ ดวงตาเศร้าหมอง “ก่อนทำการทดสอบวันนี้ ผมยังคงอธิษฐาน ว่าไม่ใช่เธอทำ แต่ถึงตอนนี้ ผมหมดหนทางที่จะหาข้ออ้างให้เธอแล้วจริง ๆ!”
หลานเสี่ยวถางเงยหน้า แล้วพูดกับเขา “มูเฉิน อย่าเสียใจไปเลย ความเสียใจคือการลงโทษตัวเองด้วยความผิดพลาดของผู้อื่น”
“ผมแค่คิดไม่ถึง ว่าแม้แท้ ๆ ของตัวเอง จะสติฟั่นเฟือนขนาดนี้…” สือมูเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “เสี่ยวถาง ต่อจากนี้ไป ผมไม่มีทางยอมรับเขาเป็นแม่อีกแล้ว จากนี้ไปไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหน ผมจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด! ”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจความรู้สึกของสือมูเฉินในขณะนี้ เธอกุมมือของเขาไว้แน่น “ค่ะ”
กินยาหนึ่งสัปดาห์ ระดับฮอร์โมนของหลานเสี่ยวถางสูงขึ้น ในตอนที่ตรวจร่างกายตามปกติในโรงพยาบาล หมอบอกว่าไม่มีปัญหาใด ๆ แต่ต้องรอตอนสามเดือน ไปอัลตร้าซาวด์เพื่อดูพัฒนาการของตัวอ่อน
เวลาผ่านไปแต่ละวัน จนกระทั่งหลานเสี่ยวถางได้รับสายของเฉียวโยวโยว “เสี่ยวถาง ฉันกลับมาแล้ว”
หลานเสี่ยวถางดูวันที อดที่จะประหลาดใจไม่ได้ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องตั้งครรภ์จึงไม่ได้สนใจอะไร ที่แท้ก็วันที่ 25 แล้ว ส่วนงานแต่งงานของเฉียวโยวโยว ก่อนหน้านี้เลือกไว้วันที่ 28
เธอพูดขึ้น “โยวโยว การ์ดเชิญของเธอล่ะ? ทำไมยังไม่ได้รับ? พวกเธอไม่ได้วางแผนจะเลื่อนงานแต่งงานออกไปหรอกนะ?”
เฉียวโยวโยวพูด “ฉันกับเจียนปอคุยกันแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ต้องจัดงานก่อน ตอนนี้แม่ของเขายังรักษาตัวอยู่ที่ประเทศอเมริกา ครั้งนี้ที่พวกเรากลับมา ให้เพื่อนของเขาช่วยหาพยาบาลช่วยดูแลอยู่ จะมีอารมณ์จัดงานแต่งงานอะไรล่ะ?”
“ก็ถูกนะ!” หลานเสี่ยวถางพูด “แต่ว่า ต่อไปพวกเธอต้องไปมาสองฝ่ายอยู่แบบนี้เหรอ?”
เฉียวโยวโยวพูด “ครั้งนี้ที่กลับมา วันที่ 28 พวกเราจะเชิญทุกคนมารวมตัวทานข้าวกัน แค่ไม่ทำพิธีการอะไรแล้ว รอให้ด้านนี้เสร็จสิ้น พวกเราอาจจะหางานทำที่อเมริกา! ยังไงพวกเราก็เรียนที่ต่างประเทศ ภาษาอังกฤษไม่มีปัญหา เลี้ยงดูตัวเองน่าจะได้อยู่ อีกอย่าง ร่างกายของคุณป้าดูมีความหวังที่จะฟื้นฟู ดังนั้น พวกเราผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!”
“ก็ได้นะ” หลานเสี่ยวถางพูด “อ่อใช่ ฉันท้องแล้ว โยวโยว ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกเธอ เพราะว่าเรื่องค่อนข้างซับซ้อน ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลพอดี เธออยู่ไหน เดี๋ยวฉันตรวจเสร็จ พวกเราทานข้าวด้วยกัน?”
เฉียวโยวโยวเสียงสูง “อะไรนะ?! เสี่ยวถาง เธอท้องแล้วเหรอ?! ฉันจะเป็นแม่บุญธรรมแล้ว! เธออยู่ที่โรงพยาบาลไหน รีบส่งที่อยู่มาด่วน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
หลานเสี่ยวถางถูกคำพูดเป็นชุดของเธอทำให้หัวเราะ “ตกลง ฉันจะส่งให้เธอตอนนี้ ไม่ต้องรีบร้อน ฉันตรวจร่างกายอีกสักครู่ถึงจะเสร็จ!”
เฉียวโยวโยวได้รับที่อยู่ที่หลานเสี่ยวถางส่งมา จึงเรียกรถแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล
เธอถามถึงที่ตั้งของแผนกสูตินรีเวช ในตอนที่วิ่งไปนั้น กลับคิดไม่ถึง ว่าจะได้เจอคนที่คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอ!