ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 249 ค่ำคืนที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ จะเสียใจในภายหลังไหม
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 249 ค่ำคืนที่ไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้ จะเสียใจในภายหลังไหม
ซูสือจิ่นไม่รู้ว่าตนเองกลับมาที่ห้องได้อย่างไร สรุปได้ว่าหลังจากที่เธอกลับไป ยังคงมีเสียงดังก้องอยู่ในหูตลอด มันเป็นประโยคนั้นที่หยานชิงเจ๋อพูดว่า’ฉันกับเธอมันเป็นไปไม่ได้!’
เธอรู้ว่าตนเองไม่ควรจะไปคิด แต่มันก็ควบคุมไม่ได้
คำพูดอย่างนั้นมันราวกับการสาปแช่ง มันทะลุทะลวงเข้าไปในหู ก่อกวนทำร้ายไม่หยุด ทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่
เธอยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าต่าง มองพายุที่โหมกระหน่ำทางด้านนอก เวลานั้นเธอถึงกับอยากจะตะโกนใส่ลมพายุนั้นว่า : หยานชิงเจ๋อ ฉันไม่ใช่น้องสาวของคุณ! ฉันชอบคุณ! ชอบมานานมากแล้วด้วย!
และเวลานี้หยานชิงเจ๋อกลับมาที่ห้องของตนเอง ไม่เพียงแต่อารมณ์จะไม่สงบลง กลับไม่สบายใจมากขึ้นด้วยซ้ำ!
หาได้ยากที่เขาจะชอบผู้หญิงสักคนหนึ่ง พอพามาบ้านพ่อแม่ก็กลับไม่ชอบ แต่เขาก็พอจะทนได้
เพราะเขาเชื่อว่า ขอเพียงค่อยๆได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน พ่อแม่จะรู้ว่าเจียงซีหยู่ไม่ได้เลวร้าย น่าจะค่อยๆยอมรับเธอได้
แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ คือแม่ของเขา คาดไม่ถึงว่าจะอยากให้เขากับซูสือจิ่นอยู่ด้วยกัน!
เขาจะเอ็นดูเธอชอบเธอก็ไม่ผิด แต่นั่นคือน้องสาวของเขา! น้องสาวที่เขาเชื่อมั่นและยอมรับเสมอมา!
จะให้เขาแต่งงานกับซูสือจิ่น นี่มันจะต่างอะไรกับการทำผิดศีลธรรมระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดเดียวกัน!
เขา ทำ ไม่ได้!
หยานชิงเจ๋อยิ่งคิดมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลุ้มใจมากขึ้นเท่านั้น ความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างเขากับซูสือจิ่น จะถูกแปดเปื้อนด้วยประเพณีความนิยมเช่นนี้ได้อย่างไร?
ถ้าวันหนึ่งเขาคิดถึงเรื่องความรักแล้ว เขาจะเผชิญหน้ากับซูสือจิ่นได้อย่างไร?!
หน้าอกของเขาแปรปรวนไปหมด รู้สึกแค่ว่าตนเองโตขนาดนี้แล้ว ยังคงเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับเรื่องที่น่าโมโหแบบนี้
เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง อยากจะระงับความโกรธลง แต่มันก็เปล่าประโยชน์
สุดท้ายสายตาของเขาก็ตกไปอยู่ที่เหล้าในตู้โชว์
ลังเลอยู่ไม่ถึงสองวินาที หยานชิงเจ๋อก็เปิดตู้โชว์ออก แล้วหยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวด
43 ดีกรี ไม่ถือว่าสูงเกินไป มันเหมาะกับสภาวะที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวของเขาในตอนนี้
หยานชิงเจ๋อหยิบแก้วเหล้าออกมา แล้วรินเหล้าให้ตนเองเต็มแก้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาอยู่คนเดียวหรือเปล่า จึงไม่มีใครแก้ปัญหาความทุกข์ใจนี้ได้ เมื่อหยานชิงเจ๋อได้สติกลับมา ก็พบว่าเหล้าปริมาณ 400ml ได้ถูกเขาดื่มไปจนหมดแล้ว
เวลานี้หัวของเขามึนงงเล็กน้อย เขามองดูสายฝนนอกหน้าต่าง แล้วยิ้มออกมาเบาๆ
รู้สึกผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาก
เสี่ยวจิ่น เป็นได้แค่น้องสาวของเขาเท่านั้น และในอนาคตเขาก็จะต้องแต่งงานกับเจียงซีหยู่!
เวลานี้ที่ด้านนอกไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆแล้ว หยานชิงเจ๋อมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
สายตาที่พร่าเลือนค่อยๆเพ่งมอง ดูเหมือนว่าจะดึกไปหน่อยแล้ว
เขาลุกขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ ต้องการจะไปหาเจียงซีหยู่ เพื่อจะปรึกษาหารือเรื่องแต่งงานกับเธอ นึกถึงตรงนี้แล้ว เขาก็เดินไปที่ประตู แล้วเปิดประตูออก
หลังจากที่ซูสือจิ่นกลับมาที่ห้องของตนเองแล้ว ก็เหมือนกับต้องคำสาป
เธอบังคับตนเองให้หลับลงไป แต่คำพูดที่ไร้เยื่อใยของหยานชิงเจ๋อนั้นยังคงดังอยู่ข้างๆหู
คำพูดอย่างนั้น ทุกๆครั้งที่ดังก้องขึ้นมา ก็เหมือนกับถูกเส้นด้ายพันรอบหัวใจหนึ่งรอบ เมื่อเวลาผ่านไป มันก็พันจนเธอแทบหายใจไม่ออก
เธอลุกจากเตียงขึ้นนั่งทันที ในใจเกิดความคิดที่แย่ลงขึ้นเรื่อยๆ——
เธอทนต่อการแอบรักเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว เธอต้องไปหาหยานชิงเจ๋อแล้วพูดให้ชัดเจน!
เธอต้องบอกเขา ว่าเธอชอบเขามาตั้งแต่เด็กๆ!
เธอต้องการบอกเขา ว่าตอนเด็กๆ เธออยากจะเป็นแฟนของเขา หลังจากที่โตขึ้นมา ก็อยากเป็นภรรยาของเขา และในอนาคตก็อยากเป็นแม่ของลูกเขา!
จับมือกันไว้ อยู่กันไปจนแก่เฒ่า ทุกๆครั้งที่ได้เห็นประโยคนี้ เธอก็นึกถึงเขาทุกที!
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา ซูสือจิ่นก็ไม่สามารถอยู่ในห้องได้อีกต่อไป
เธอรู้ดีว่าถ้าตนเองสารภาพไป 99.9%ที่รอคอยเธออยู่คือการที่ถูกหยานชิงเจ๋อปฏิเสธอย่างไรน้ำใจ
และอีก 0.1% นั้น ไม่แน่ว่าเขาอาจจะต่อว่าเธอว่าไร้ยางอายด้วย
แต่เธอรู้สึกว่า เป็นเช่นนี้ต่อไป เธอจะต้องตายจริงๆ
เมื่อก่อนเขาเพียงแค่มีคนคุยด้วย เธอเสียใจจนต้องซ่อนตัวร้องไห้อยู่ในผ้าห่มทุกวัน ตอนนี้เขาพาผู้หญิงกลับมาเจอพ่อแม่ ยังบอกว่าจะแต่งงานกันอีกด้วย มันยิ่งเหมือนถูกมีดแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ
เธอบอกกับเขาว่า จะมีเพียงแค่ผลลัพธ์เดียว ก็คือระหว่างพวกเขาจากนี้เป็นต้นไปเป็นได้แค่คนแปลกหน้ากันเท่านั้น
บางทีเธออาจจะหมดหวังแล้วจริงๆ คาดไม่ถึงว่าอยากจะขอเป็นคนแปลกหน้าอย่างนี้ เพื่อให้ตนเองได้แสดงออกถึงความในใจมานานกว่าสิบปี แม้ว่าผลสุดท้ายมันจะน่าเวทนาก็ตาม!
ด้วยเหตุนี้ซูสือจิ่นจึงลุกขึ้นจากเตียง แม้แต่รองเท้าแตะก็ไม่ใส่ ดึงประตูเปิดออกแล้วเดินออกไป
ก่อนเธอจะออกไปก็ดูเวลาเล็กน้อย เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว
เวลานี้หยานชิงเจ๋อน่าจะนอนหลับแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่สามารถอยู่ได้นานถึงเจ็ดชั่วโมงเพื่อรอวันถัดไปได้
เธอเดินมาที่หน้าประตู ลังเลใจอยู่นาน หัวใจเหมือนมาติดอยู่ที่ลำคอ มันตึงเครียดประหม่าจนแทบจะเป็นลม
เมื่อเธอรู้สึกว่าตนเองทนไม่ไหวอีกต่อไป และกำลังจะล้มลง ประตูตรงหน้าก็เปิดออกเอง
ด้วยเหตุนี้ซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหยานชิงเจ๋อ
แววตาเขามีความพร่าเลือน บนตัวมีกลิ่นเหล้าคละคลุ้ง
เขามองเห็นเธอ สายตาที่เคลิบเคลิ้มไม่ได้จางหายไป แต่มุมปากกลับยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
หัวใจของซูสือจิ่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง เดิมทีคำถามที่ต้องการจะถาม ก็ติดอยู่ในลำคอ ประหม่าจนแทบจะพูดไม่ออก
ดังนั้น จึงเป็นหยานชิงเจ๋อที่เอ่ยปากก่อน
เขามองเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า มองใบหน้าของเธอได้ไม่ชัดเจน เพียงแต่ เมื่อกี้ใจกำลังคิดถึงเจียงซีหยู่ ดังนั้น ในจิตใต้สำนึกของเขาจึงคิดว่าซูสือจิ่นคือเจียงซีหยู่
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยิ้มแล้วกล่าวว่า: “คุณมาแล้วเหรอ? เมื่อกี้ฉันคิดถึงคุณอยู่ คุณก็ปรากฏตัว คุณบอกมาซิว่า คุณคงไม่ใช่ภาพลวงตาของฉันหรอกใช่ไหม?”
ซูสือจิ่นฟังคำพูดนี้ของหยานชิงเจ๋อแล้วก็นิ่งอึ้งไป แต่แก้มกลับแดงระเรื่อขึ้นมา
เขาบอกว่าเขาคิดถึงเธอ?
เพียงแต่ วินาทีต่อมาขณะที่เธอกำลังตกตะลึงอยู่ หยานชิงเจ๋อก็ยื่นมือออกมา แล้วดึงมือของเธอ น้ำเสียงแฝงไปด้วยความมึนเมาเล็กน้อย: “รีบเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนฉันเร็วเข้า”
ซูสือจิ่นถูกเขาจูงเข้าไปในห้องอย่างงุนงง
พอเข้าไปแล้ว หยานชิงเจ๋อก็โอบกอดเธอเอาไว้: “ซีหยู่ แม่ของฉันไม่เห็นด้วยกับพวกเรา แต่ฉันคิดหาวิธีหนึ่งได้แล้ว พวกเราขึ้นรถไปก่อน แล้วค่อยซื้อตั๋วทีหลัง เป็นยังไง?”
เดิมทีความงุนงงและความตื่นเต้นของซูสือจิ่นที่มีอยู่ หลังจากได้ยินคำว่า’ซีหยู่’คำนั้น ก็เหมือนกับน้ำแข็งที่มาปะทะกับน้ำเดือด ละลายกลายเป็นหมอกควันในชั่วพริบตา
ที่แท้เขาก็เข้าใจผิด ดังนั้น จึงได้พูดว่า’คิดถึงคุณ’อะไรแบบนั้น
และเมื่อกี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะพูดว่า ต้องการขึ้นรถก่อนแล้วซื้อตั๋วทีหลังอะไรนั่น?!
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าหัวใจหนาวเหน็บขึ้นมาทันที ระหว่างที่กำลังอึดอัดจนหายใจติดขัด หยานชิงเจ๋อก็ก้มลงไปจูบที่ใบหูของเธอ: “พวกเรามีลูกด้วยกันสักคนหนึ่ง เป็นยังไง?”
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าเมื่อคำพูดของเขาจบลง ความร้อนแรงก็พุ่งเข้าใส่ใบหูของเธอ กระแสไฟฟ้าไหลออกมาจากหูอย่างบ้าคลั่ง วิ่งวนไปมาในร่างกาย
เธอจนปัญญาที่จะหายใจได้ รู้สึกเพียงว่าชั่วพริบตานั้นพละกำลังของตนเองได้ถูกสูบออกไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้ว่า เธอจะรู้ดีว่าประโยคนั้นที่เขาพูดว่า’พวกเรามีลูกด้วยกันสักคนหนึ่ง’คือไม่ได้พูดให้เธอฟัง แต่ในเวลานี้ที่คนกำลังมึนเมา ซูสือจิ่นก็ยังรู้สึกว่าตนเองถูกน้ำเสียงที่มีเลศนัยแบบนี้ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของเธอคล้ายกับร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
เธอขยับไม่ได้ ทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าควรจะทำอย่างไร
นี่คือระยะห่างที่ไม่เคยมีมาก่อนระหว่างเธอกับหยานชิงเจ๋อ
ถึงแม้ว่าเขาจะเคยกอดเธอเคยจูงมือของเธอ แต่เขาไม่เคยโอบกอดเธอด้วยท่าทีที่คลุมเครือแบบนี้ เขาก้มหน้าลงแล้วปล่อยให้ลมหายใจทั้งหมดตกลงบนร่างกายของเธอ
อาจเป็นเพราะว่าเขาดื่มเหล้าเข้าไป เมื่อแสงไฟส่องลงมา แก้มของเขาจึงแดงกว่าปกติเล็กน้อย ในดวงตามีประกาย เค้าโครงใบหน้าที่เดิมทีดูดีอยู่แล้วก็ยิ่งงดงามราวกับภาพวาด
เขาก้มหน้ามองเธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น คนดูแตกต่างจากปกติไปอย่างสิ้นเชิง มองดูแล้วทั้งอันตรายทั้งดูมีเสน่ห์
ดวงตาทั้งคู่ คล้ายกับสามารถดูดวิญญาณของคนได้
จู่ๆซูสือจิ่นก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย เธอหวาดกลัวเขาทำไม กลัวว่าตนเองจะจนปัญญาที่จะต่อต้านเขาทำไม
ดังนั้น เธอจึงส่ายหน้า แล้วรีบเอ่ยปากว่า: “ฉันต้องไปแล้ว”
คำสารภาพของเธอ คาดว่าคงจะต้องเป็นพรุ่งนี้แล้วล่ะ ถึงอย่างไร ตอนนี้เขาก็คล้ายกับสติไม่ชัดเจน แยกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร ขืนเธอสารภาพไป เขาก็คงไม่รับรู้
“ไม่ให้ไป!” หยานชิงเจ๋อเม้มริมปาก: “ครั้งที่แล้วที่อเมริกาคุณก็หนีไปทีหนึ่งแล้ว ครั้งนี้…..”
เขาพูดพลาง ยกหางตาขึ้นเล็กน้อย ท่าทีที่ชั่วร้ายทำให้คนต้องตกใจ: “ครั้งนี้อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยคุณไป!”
ซูสือจิ่นเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของหยานชิงเจ๋อ หัวใจก็ยิ่งสับสนวุ่นวาย เธอส่ายหน้า: “พี่ชิงเจ๋อ คุณจำคนผิดแล้ว…..”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้สนใจเธอโดยสิ้นเชิง เขายกมือขึ้น ลูบคลำที่แก้มของซูสือจิ่น การเคลื่อนไหวช้ามาก ราวกับฉากslow motionในภาพยนตร์
ดวงตาของเขายิ่งลึกซึ้งขึ้น แต่น้ำเสียงเคร่งขรึมอย่างมาก: “คืนนี้ ต้องอยู่เป็นเพื่อนฉัน”
หัวใจที่เต้นแรงของซูสือจิ่นแทบจะแข็งทื่อขึ้นมาในชั่วพริบตา เธอมองหยานชิงเจ๋อ แทบจะพูดไม่ออก
เธอเข้าใจความหมายที่เขาพูด แต่เธอในเวลานี้ เหมือนถูกตะปูตอกเท้าเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้โดยสิ้นเชิง
และวินาทีต่อมา หยานชิงเจ๋อก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดพึมพำว่า: “เขินอีกแล้วเหรอ?”
เขาพูดพลาง ไม่รอให้เธอได้ตอบกลับ ก็โน้มตัวเข้าไป หลังจากนั้น ก็ใช้นิ้วมือเชยคางของซูสือจิ่นขึ้น แล้วจูบลงไปที่ริมฝีปาก
ชั่วพริบตาที่ริมฝีปากทั้งคู่ประกบกัน ความรู้สึกตัวของซูสือจิ่นก็ขาดหายไป
เธอรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ชุ่มชื้นและอ่อนนุ่มของหยานชิงเจ๋อ ชั่วขณะนั้นที่กดอยู่บนริมฝีปากของเธอ หัวใจของเธอแทบจะพุ่งออกมาจากลำคอ
เขาปล่อยคางของเธอ มือหนึ่งจับที่เอวของเธอเอาไว้แน่น มือหนึ่งจับที่ท้ายทอยของเธอ แล้วก้มหน้าลงไปจูบเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนจูบ ดวงตาของซูสือจิ่นเบิกโพลง มองใบหน้าของหยานชิงเจ๋อที่อยู่ใกล้มากด้วยความตกตะลึง
หล่อเหลา งดงาม ชัดเจน
และการรับรู้สัมผัสบนริมฝีปากของเธอ ในขณะนี้มันได้แพร่กระจายไปยังเซลล์ประสาททุกเซลล์ในร่างกาย ซูสือจิ่นรู้สึกว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว เธอก็รู้สึกไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ
เขารู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายของเธอ จึงโอบเธอให้แน่นยิ่งขึ้น นำปลายลิ้นงัดฟันของเธอให้เปิดออกเล็กน้อย จากนั้น ก็เข้าไปอย่างลึกซึ้ง
เพียงชั่วพริบตา น้ำตาของซูสือจิ่นก็แทบจะไหลออกมา
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาจูบเธอ เธอจึงดีใจตื่นเต้นจนน้ำตาไหล หรือเป็นเพราะเธอหวาดกลัวกับอนาคตที่จนปัญญาที่จะคาดการณ์ได้จึงได้ร้องไห้ออกมา
เธอรู้สึกเพียงว่า เวลานี้ในสมองว่างเปล่า มีเพียงผิวสัมผัสซึ่งกันและกันของพวกเขา ที่กลายเป็นลึกซึ้งและฝังใจ และกลืนกินสติที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยของเธอไปอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็ดึงเธอให้ถลำเข้าไปในจูบอันเร่าร้อนของเขาทีละน้อยๆ
ขณะที่ฝ่ามือของหยานชิงเจ๋อเลื่อนขึ้นผ่านผมของเธอ ซูสือจิ่นก็แนบชิดที่หน้าอกของเขา แล้วหลับตาลงโดยสัญชาตญาณ