ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 250 หัวใจที่เต้นตึกตักของเธอ กับเสียงก้องกังวานของเขา
ดูเหมือนว่าจะรู้สึกได้ถึงการโอนอ่อนผ่อนตามของคนในอ้อมกอด หยานชิงเจ๋อจึงจูบอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
อากาศในปอดของเธอถูกเขาสูดเข้าไปจนหมด สมองของเธอเหมือนขาดออกซิเจน จนแทบไม่สามารถหายใจได้
ร่างกายเริ่มเร่าร้อนขึ้นตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อแทบจะเป็นลมสลบไป ก็สามารถแย่งชิงออกซิเจนที่อยู่ในปากมาได้
ในพื้นที่เล็กๆ การสัมผัสใกล้ชิดระหว่างริมฝีปากและฟัน การทดสอบฝีมือและการพัวพันซึ่งกันและกัน ทำให้ความสัมพันธ์รุ่มร้อนขึ้นอย่างไม่ขาดช่วง
ซูสือจิ่นรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายของหยานชิงเจ๋อร้อนมาก ซึ่งความร้อนนี้กำลังละลายการป้องกันและประสาทของเธอที่มีทั้งหมด
ฝ่ามือของเขาเริ่มจุดไฟบนร่างกายของเธอ และระหว่างที่วนเวียนไปมา เธอรู้สึกว่าทุกๆที่ที่ถูกลูบคลำ มันเหมือนกับว่าถูกดึงกระดูกออกไปด้วย
เธอลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว เพียงแค่ตอบสนองหยานชิงเจ๋อตามสัญชาตญาณเท่านั้น
จูบของเขาเริ่มจากริมฝีปากของเธอลงไป แล้วเคลื่อนลงไปที่คางของเธอ และไปปลุกเร้าอยู่บนคอของเธอ
รู้สึกได้ถึงกระแสไฟฟ้าที่ไหลวนเวียนอยู่ในร่างกาย เพราะเหตุนี้รูขุมขนทั้งหมดจึงเปิดออก เธอไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เหมือนเซลล์ทุกๆเซลล์กำลังกระโดดโลดเต้น นำพามาด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต
และวินาทีต่อมา เขาก็อุ้มเธอขึ้น จากนั้นก็เดินไปข้างๆเตียงของเขา แล้วค่อยๆวางเธอลงไป
เมื่อหลังของเธอได้สัมผัสกับผิวเตียง ในขณะนี้สติของเธอก็เหมือนจะกลับคืนมา ซูสือจิ่นกำลังจะตอบสนองกลับ ในช่วงเวลาสั้นๆ หยานชิงเจ๋อก็กดทับลงมาแล้ว
เธอเห็นใบหน้าของเขาอย่างใกล้ชิดมาก ด้วยอารมณ์แห่งความรัก เห็นได้ชัดว่ามันดูเซ็กซี่มีเสน่ห์
เขาหลุบตาลงราวกับว่ากำลังมองเธออยู่ แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่ได้มองเธอ
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา
ในชั่วพริบตา ก็มีความงามที่น่าตื่นเต้นตกใจ
หัวใจของซูสือจิ่นในเวลานี้เต้นรัวราวกับตีกลอง ขณะนี้เธอไม่รู้ว่าควรจะเคลิบเคลิ้มต่อไปหรือควรจะผลักไสเขาออกดี
เพียงแต่เมื่อหยานชิงเจ๋อจูบลงมาอีกครั้ง เธอก็รู้เลยว่า ความอาลัยอาวรณ์และความลังเลใจเมื่อกี้นี้ ได้ทิ้งเธอไปแล้วตลอดกาล
เวลานี้ จูบของหยานชิงเจ๋อเห็นได้ชัดว่าไม่เหมือนเมื่อกี้นี้
เขาใช้แรงบดขยี้ริมฝีปากของเธอ เพื่องัดปากของเธอให้เปิดออก และบังคับให้เธอมาพัวพันกับเขา
มือของเขาสอดเข้าไปที่ใต้กระโปรงของเธอ
ซูสือจิ่นไม่เคยรู้สึกมาก่อนว่ามือของหยานชิงเจ๋อจะใหญ่ขนาดนี้
รู้สึกแค่ว่าทุกๆที่ที่ฝ่ามือของเขาเคลื่อนผ่าน ที่ตรงนั้นก็เหมือนเกิดไฟขึ้นมาทันที
มือของเขาเรียวยาวสวยงามไม่มีความแข็งกระด้าง แต่เวลานี้คาดไม่ถึงว่าจะรู้สึกเหมือนโดนลับคม มันทำให้ร่างกายของเธอรู้จั๊กจี้จนอธิบายไม่ถูก
เธออดไม่ได้ที่จะครางออกมาเบาๆ เมื่อเขาได้ยินเสียงของเธอ ร่างกายก็สั่นสะท้าน จากนั้นก็ย้ายฝ่ามือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเธอคิดว่าจะนอนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่กางเกงชั้นใน
หยานชิงเจ๋อเคลื่อนมือลงไปบนท้องน้อยอันแบนราบของเธอ ไม่นานก็ได้จับความอวบอิ่มของเธอไว้ในมือ
เขาตกอยู่ในภวังค์ครึ่งวินาที ดูเหมือนจะสกัดกั้นเสียงเอาไว้ จากนั้นก็ปล่อยริมฝีปากของเธอ และก้มลงไปจูบที่ดอกบัวตูมของเธอ
ดวงตาของซูสือจิ่นเบิกโพลงขึ้นทันที เธอตกใจจนร้องออกมา ต้องการจะผลักหยานชิงเจ๋อออกไปโดยสัญชาตญาณ
แม้ว่าเธอจะชอบเขามาหลายปีแล้ว แต่ความใกล้ชิดสนิทสนมนี้ดูเหมือนจะเกินความรู้ความเข้าใจของเธอไปแล้ว
จากจูบแรก ไปถึงจูบแบบใช้ลิ้น ตอนนี้ยังมาจูบบนร่างกายของเธออีก……
เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วตนเองนั้นกลัวอะไร แต่ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นเทา
หยานชิงเจ๋อเหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ เขาจึงค่อยๆปล่อยจากความอ่อนนุ่มของเธอ จากนั้นก็ยกร่างกายขึ้นไปข้างๆหูของซูสือจิ่น
เขางับติ่งหูของเธอ แล้ววนด้วยปลายลิ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า : “ฉันชอบคุณนะ คุณให้ฉันได้ไหม?”
ชั่วขณะตัวของซูสือจิ่นก็แข็งทื่อ
น้ำตาของเธอไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ในที่สุดเธอก็ได้ยินเขาบอกว่าเขาชอบเธอ ถึงแม้จะเป็นในขณะที่สติสัมปชัญญะของเขาไม่ชัดเจนก็ตาม
ถึงแม้ว่าคนรักที่เขาต้องการบอกจะไม่ใช่เธอ
ในใจไม่รู้ว่าเจ็บปวด ดีใจ หรือว่าอะไร ซูสือจิ่นน้ำตาไหลไม่หยุด แต่เธอไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา และไม่ได้ขัดขืนเลยแม้แต่น้อย
หยานชิงเจ๋อกำลังจูบอยู่ รู้สึกได้ถึงรสชาติที่เค็มๆปะปนมาด้วย
เขาตกตะลึงเล็กน้อย และอยากเห็นใบหน้าผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา แต่สายตาก็ยังคงไม่ชัดเจนอยู่ดี
เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา และเริ่มกลับไปจูบลงที่ข้างๆหูของซูสือจิ่นอีกครั้ง จากนั้นก็จูบน้ำตาบนแก้มของเธอ และก็จูบลงที่ตาของเธอ
เขามีท่าทีระมัดระวัง ราวกับปกป้องของล้ำค่าที่สำคัญที่สุดในโลก
บางทีอาจเป็นความสงสารเช่นนี้ที่มาปลอบโยนซูสือจิ่น ทำให้เธอลืมร้องไห้ไป และต่อจากนั้นจิตใจก็เริ่มเป็นอิสระอีกครั้ง ในที่สุดก็ได้จมดิ่งลงไปในจูบอันนุ่มนวลของหยานชิงเจ๋ออย่างสมบูรณ์แบบ
เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ร้องไห้แล้ว ด้วยเหตุนี้จึงค่อยๆยกตัวขึ้น แล้วถอดเสื้อผ้าบนร่างกายของตนเองออกจนหมด
จากนั้นเขาก็ก้มลงมา พลางจูบซูสือจิ่นต่อ แล้วถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดไปด้วย
รู้สึกได้ถึงบนร่างกายที่หนาวเย็น และเมื่อซูสือจิ่นได้สติกลับมา คาดไม่ถึงว่าตนเองจะเปลือยเปล่าหมดแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง รู้สึกได้ถึงเสียงดังหึ่งอยู่ในหัว
หยานชิงเจ๋อที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่ได้สวมอะไรเลย ดังนั้น เธอจึงมองเห็นลายเส้นกล้ามเนื้อและV lineของเขาที่ขยายลงมาจนถึงที่ลับ
เธอรู้สึกว่าโลกหยุดนิ่งลง เธอคล้ายกับถูกตรึงเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ
และหยานชิงเจ๋อก็โน้มตัวลง แล้วเริ่มจูบลงไปตามลำคอของซูสือจิ่นอย่างพิถีพิถัน จนกระทั่งมาถึงที่ตำแหน่งท้องน้อยของเธอ
ซูสือจิ่นมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที เธอใช้กำลังเพียงเล็กน้อยที่มีอยู่ตะโกนบอกเขาว่า: “พี่ชิงเจ๋อ อย่านะ ฉันคือเสี่ยวจิ่น คุณจะไม่เสียใจภายหลังจริงๆเหรอ?”
ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นอยู่กับโลกของตัวเอง ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เอาแต่จูบเธอต่อไป
ด้านล่างท้องน้อยก็เกิดความร้อนขึ้นมาอย่างฉันพลัน ซูสือจิ่นโตมาจนป่านนี้แล้ว ไม่เคยมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อนเลย
ในสมองราวกับมีดอกไม้ไฟเบ่งบานอย่างต่อเนื่อง ให้ทั้งตัวเธอโบยบินไปบนก้อนเมฆด้วยดอกไม้ไฟ
เธอไม่สามารถระงับเสียงที่เปล่งออกมาได้ เสียงแบบนั้นเป็นเสียงที่ปกติแล้วอายที่จะเอ่ยปาก แต่เวลานี้ กลับระงับไว้ไม่อยู่โดยสิ้นเชิง
จนกระทั่ง เธอรู้สึกว่าด้านล่างของตนเองคล้ายกับอยู่ในกระแสน้ำ
เธอเขินอายอย่างมาก บังคับให้ตนเองดึงสติกลับมา กำลังจะขอร้องให้ปล่อยเธอไป ก็รู้สึกว่าส่วนล่างของร่างกายเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
ความเจ็บปวดทำให้เธอกลับมาสู่ความเป็นจริง รูม่านตาของซูสือจิ่นขยายขึ้นในทันที เธอเอนตัวขึ้นมองไปเล็กน้อย ในชั่วพริบตาก็รู้สึกว่าคล้ายกับถูกคนเข้าโจมตีอย่างกะทันหัน
ความแข็งแกร่งของหยานชิงเจ๋อได้เข้าไปในร่างกายของเธอแล้ว เวลานี้พวกเขา สัมผัสได้ถึงความสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
ซูสือจิ่นรู้ดีว่า ระหว่างพวกเขามันจบลงแล้ว
เธอไม่สามารถนิ่งเงียบเป็นน้องสาวคนนั้นที่ชอบเขาแต่ไม่กล้าพูดต่อไปได้อีก ไม่สามารถหยอกล้อกับเขาเหมือนเมื่อก่อนได้ และไม่สามารถแสร้งทำเป็นเฉยเมยต่อไปได้อีก!
ตามความคิดนี้ที่ปรากฏขึ้น ก็มีความรู้สึกเจ็บปวดและตึงแน่นที่ด้านล่างของร่างกาย
ชัดเจน ฝังใจ
เธอรู้สึกเหมือนว่าตนเองเดินเข้าไปในสายหมอกแห่งอนาคต บางทีหลังผ่านสายหมอกไปอาจจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และบางที เธออาจจะออกมาไม่ได้เลยตลอดชีวิต
รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของร่างกายซูสือจิ่น หลังจากที่หยานชิงเจ๋อเอาเข้าไปแล้วก็ไม่กล้าขยับตัว
เขาโน้มตัวไปนำเธอเข้ามาในอ้อมกอด โอบกอดเอาไว้แน่น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกดดันและหอบเหนื่อย: “เจ็บมากเลยเหรอ? ฉันจะเบาลงหน่อยนะ…..”
เธอพยักหน้าโดยอัตโนมัติ
จริงๆเขาอยากที่จะลองดู แต่เมื่อได้ยินเธอร้องว่าเจ็บ เขาก็หยุดลงอีก
จนกระทั่ง หยานชิงเจ๋ออดทนไม่ไหวจริงๆ เขาจึงกล่าวปรึกษาว่า: “ฉันทนไม่ไหวแล้ว ฉันจะทำให้เบาหน่อยโอเคไหม?”
ซูสือจิ่นมองใบหน้าของเขาในเวลานี้ แล้วก็เหงื่อที่หน้าผาก จึงกล่าวด้วยเสียงเบาๆว่า: “อืม”
เธอรู้ดีว่า พวกเขากลับไปไม่ได้แล้ว
บางทีหลังจากผ่านคืนนี้ไป พวกเขาก็อาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน แต่คืนนี้ เป็นประจักษ์พยานว่าเธอกับเขาได้อยู่ด้วยกันจริงๆ
หยานชิงเจ๋อได้รับอนุญาต ด้วยเหตุนี้ จึงเคลื่อนไหวขึ้นมาเบาๆ
มือของซูสือจิ่นคว้าผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ในฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
เจ็บปวด จิตใจสับสนวุ่นวาย อารมณ์ทุกอย่างที่ยากจะอธิบายโหมกระหน่ำขึ้นมาภายในร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่ง เธอรู้สึกได้ถึงการกระทำของเขาที่เร็วขึ้น แต่ในความเจ็บปวด ยังมีความรู้สึกคันๆที่ยากจะอธิบายปรากฏขึ้นมาภายในส่วนลึกของร่างกาย ซูสือจิ่นค่อยๆปล่อยผ้าปูเตียงออก นิ้วมือสั่นเล็กน้อย ปลายนิ้วจับไปบนหลังของหยานชิงเจ๋ออย่างช้าๆ
สัมผัสที่เรียบเนียนและมีพลัง ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว
และส่วนที่ร่างกายสัมผัส พลังความร้อนแบบนั้นทำให้เธอลุ่มหลงและเข้าไปใกล้
ในที่สุด เธอก็กอดเขาไว้แน่นด้วยตัวที่สั่นระริก
เขารู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดของเธอ ก้มลงจูบเธอไปพลาง การกระทำก็แรงขึ้นไปพลาง
เมื่อเขาได้ปลดปล่อยเข้าไปในส่วนที่ลึกของร่างกายเธอแล้ว เธอก็รู้สึกว่ามีแสงสีขาวแวบเข้ามาในสมอง ช่วงเวลานั้น กับความกังวลในอนาคตของพวกเขา กับความกลัดกลุ้มทุกข์ใจกับอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่าง ถูกลืมไปจนหมดสิ้น มีเพียงร่างกายที่โอบกอดซึ่งกันและกัน อย่างลึกซึ้งโดยแท้จริง
เดิมทีหยานชิงเจ๋อก็เมาอยู่แล้ว ดังนั้น หลังจากปลดปล่อยออกมาแล้ว เขาก็กอดซูสือจิ่นไว้ในอ้อมกอด แล้วหลับไป
แต่ซูสือจิ่นไม่มีความง่วงนอนเลยสักนิดเดียว
เธอเหลือบตามองใบหน้าของหยานชิงเจ๋อ เห็นท่าทีที่เขาโอบกอดเธอ ก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังอยู่ในความฝัน
เพียงแต่ ความเจ็บปวดที่บริเวณหว่างขา ได้ย้ำเตือนเธออยู่ตลอดเวลาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขามันคือเรื่องจริง
เธอยกนิ้วมือขึ้น ลังเลใจเล็กน้อย แต่ยังคงลูบไปยังคิ้วของหยานชิงเจ๋อ
รูปร่างหน้าตาของเขาประณีตกว่าคนอื่นโดยกำเนิด เป็นความประณีตที่งดงาม งดงามก็คืองดงาม แต่ไม่เหมือนผู้หญิง
เธอลูบไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ ทีละน้อยๆ สุดท้ายปลายนิ้วก็มาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของหยานชิงเจ๋อ
เมื่อกี้ ตอนที่เขาจูบเธอ รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ทั้งอวบอิ่มทั้งยืดหยุ่น
แต่เวลานี้ ดูแล้วริมฝีปากจะบางมากอมชมพูอย่างมาก คล้ายกับยากที่จะจินตนาการได้ว่าเขาแสดงถึงสัมผัสของจูบเมื่อกี้ได้อย่างไร
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยิ่งเต้นเร็วขึ้น เธอพยายามระงับความตึงเครียด แต่พบว่า เบื้องหลังความตึงเครียดนั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีความดีใจและความตื่นเต้นซ่อนอยู่เล็กน้อย
ในที่สุดเธอก็กลายเป็นผู้หญิงของเขา เธอชอบเขา เธอได้มอบครั้งแรกของตนเองให้เขาไปแล้ว
การมอบตนเองให้แบบนี้ มันค่อนข้างโรแมนติกใช่ไหม?
ซูสือจิ่นคิดถึงตรงนี้แล้ว มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เธอนำตนเองเข้าไปชิดอ้อมกอดของหยานชิงเจ๋อมากขึ้น พยายามนำหูเข้าไปฟังการเต้นของหัวใจของเขา
ตุบๆตุบๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นจังหวะเดียวกันกับการเต้นของหัวใจในอกของเธอ
ช่วงเวลานั้น เธอรู้สึกสมบูรณ์แบบขึ้นมาในทันที ไม่ว่าในอนาคตจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ก็เหมือนกับว่าไม่ต้องกลัวอีกต่อไป