ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 255 การพบเจอกันโดยบังเอิญในสำนักงาน
ไม่นานกสายก็โทรติดได้อย่างรวดเร็ว สือมูเฉินกดสปีกเกอร์โฟนและพูดว่า : “ ผมคือเพื่อนของคุณเฉียวครับ และเป็นเจ้าของคฤหาสน์หนิงเจียง…… ”
เมื่อ รปภ.ได้ยินเสียงของสือมูเฉิน ก็พูดอย่างเคารพว่า : “ คุณคือท่านประธานสือ ?”เนื่องจากว่าคฤหาสน์ทั้งหมดเป็นของTimes Group และยังเป็น CEO ที่โทรมาอีกด้วย จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไงกัน ?
เขาตัวสั่นงันงกเล็กน้อย : “ ท่านประธานสือ ทำไมถึงได้โทรมาด้วยตัวเองเลยละครับ ?”
สือมูเฉินก็ถามตรงๆเลยว่า : “ เมื่อกี้ที่ส่งรูปถ่ายนั้นมามันเกิดอะไรขึ้น ?”
“ คือสุภาพบุรุษคนนั้น พอเขาเห็นรถขับเข้ามาก็วิ่งเข้าไปหาหน้ารถ และถูกชนจนได้รับบาดเจ็บครบ ” รปภ.พูดอีกว่า : “ ตอนนี้ถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลแล้วครับ ”
“ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ? โรงพยาบาลนั้นชื่อว่าอะไร ?” สือมูเฉินก็ถาม
“ เป็นโรพยาบาลโบเรนที่อยู่ข้างๆครับ เขาดึงผมเอาไว้ตลอดก่อนที่จะหมดสติไป เขาให้ผมโทรหาคุณเฉียวให้หน่อย ผมก็ทำตาม อย่างอื่นผมก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันครับ ” รปภ.ก็รู้สึกกลัวในภายหลังเล็กน้อยก็เลยพูดอีกว่า : “ ท่านประธานสือ ผมไม่รู้ว่าคุณเฉียวเป็นเพื่อนของคุณ ขอโทษนะครับ แล้วผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ……”
“ โอเค ฉันรู้แล้ว ” สือมูเฉินก็กดวางสายทิ้งไปในทันที
เป็นเพราะว่าเปิดสปีกเกอร์โฟน ดังนั้นเรื่องที่พูดเมื่อกี้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ต่างได้ยินกันหมด
เฉียวโยวโยวมีใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อย อันที่จริงแล้วถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้รักฟู้เจียนปอแล้ว แต่ว่าพอได้ยินเรื่องแบบนี้ มันก็ความรู้ที่เป็นห่วงเป็นใยอยู่บ้าง
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พูดว่า : “ พี่สือ เขาไม่มีญาติพี่น้องที่อยู่หนิงเฉิงเลย พวกเราน่าจะ……”
สือมูเฉินเงยหน้าขึ้นและพูดว่า : “ โยวโยว เธอคิดดีๆนะ ว่ามันเหมาะสมที่เธอจะไปไหม ”
เฉียวโยวโยวก็เงียบ
มันก็จริง ถ้าเกิดว่าเธอไป ในเมื่อตัวเธอเองจะไม่ได้คิดอะไรกับเขาแล้ว แต่ฟู้เจียนปอก็อาจจะเข้าใจผิด ถ้าอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ที่เธอพยายามมาทั้งหมดมันก็สูญเปล่า
“ พี่สือ ช่วยอะไรสักเรื่องได้ไหม ?” เฉียวโยวโยวก็พูดว่า : “ ฉันไม่ไปแล้ว แต่เนื่องจากรู้จักกันมาหลายปี เพราะฉะนั้น ฉันก็ยังเป็นห่วงเขาอยู่เขาตัวคนเดียวไม่มีใครดูแลมันถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบาก ช่วยหาคนพยาบาลพิเศษไปดูเขาหน่อยได้ไหมคะ ?”
สือมูเฉินพยักหน้า : “ ได้สิ ไม่มีปัญหา ”
หลานเสี่ยวถางมองไปยังเฉียวโยวโยว : “ โยวโยว ดังนั้นพวกเรา ?”
เฉียวโยวโยวดื่มน้ำเข้าไปหนึ่งอึก เพื่อสงบสภาพจิตใจ : “ ฉันกับเขาเลิกกันไปแล้ว ให้พยาบาลพิเศษไปดูแลก็เพราะมีความเป็นมนุษยธรรมก็เลยให้ไปดู แต่ถึงอย่างไรก็ตามตัวฉันเองไม่มีวันที่จะกลับไปมีความเกี่ยวข้องใดๆกับเขาอีก ”
พอได้ยินเฉียวโยวโยวพูดแบบนี้ ฟู่สีเกอก็เหลือบไปมอง
พอดีกับเธอพูดจบ สายตาเหลือบไปมองเขาที่อยู่ทางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เฉียวโยวโยวก็ลุกลี้ลุกลนแล้วหลบสายตา แล้วแกล้งทำมาเป็นดื่มน้ำ แต่เพราะว่ารีบร้อน ก็เลยทำให้สำลักน้ำและไอยู่สองสามครั้งจนหน้าแดง
เมื่อฟู่สีเกอเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าทุกคนต่างก็พยายามไม่พูดถึง จนกระทั่งคนพยาบาลพิเศษมาถึง แล้วก็บอกว่าถึงแม้ว่าฟู้เจียนปอจะเสียเลือดเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่ได้รับการถ่ายเลือดแล้วนั้น สถานการณ์ก็แน่นอนแล้ว จะไม่มีปัญหาอะไรหลงเหลือและหลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วง
ดังนั้น เฉียวโยวโยวที่รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย ในที่สุดก็วางใจลงได้แล้ว
ฟู้เจียนปอนอนอยู่ที่นั้นในวันนี้และงานแต่งของพวกเขาก็ไม่มีทางที่จะจัดขึ้นมาได้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าในท้ายที่สุดแล้วเขาจะจัดการเกี่ยวกับอุบัติเหตุในเรื่องนี้ยังไง ถ้าให้พูดโดยรวมนี่มันก็ถือเป็นความหายที่ลึกซึ้ง และในที่สุดเธอเองก็เป็นอิสระ
อาหารในมื้อกลางวัน พอหลานเสี่ยวถางกินไปได้เพียงไม่กี่คำ ความอยากในอาหารก็เริ่มไม่ดีอีกครั้ง
สือมูเฉินเห็นว่าเธอนั้นเอาแต่ขยับตะเกียบอยู่สักพัก กับข้าวที่ชามก็ยังเหลือมากกว่าครึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะวางตะเกียบของตัวเองลงและถามอ่อนโยนว่า : “ เสี่ยวถาง กินอะไรไม่ลงอีกแล้ว ?”
หลานเสี่ยวถางไม่สบายใจและทำปากมุ่ยพร้อมกับพูดว่า : “ ถึงแม้ว่าไม่อยากอ้วก แต่ทว่ากินไปได้ไม่กินคำก็รู้สึกไม่อยากกินแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะมีอาการต่อเนื่องแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน……”
“ มาครับ สามีอย่างผมจะป้อนคุณเอง ” ในขณะที่สือมูเฉินพูด ก็ยกชามของหลานเสี่ยวถางขึ้นมา แล้วก็หยิบช้อนขึ้นมาจริงๆ ก่อนอื่นคีบลูกบ๊วยเปรี้ยวขึ้นมา จากนั้นวางเนื้อเข้าไป แล้วก็ป้อนให้หลานเสี่ยวถาง
“ ทนดูไม่ไหว !” สีหน้าของฟู่สีเกอก็เหมือนกับจะอ้วกออกมาเป็นเลือด ใบปกคลุมไปด้วยความโอเว่อร์ แล้วก็พูดกับเฉียวโยวโยวที่อยู่ข้างๆ : “ คุณรู้สึกไหมว่าอาเฉินยิ่งอยู่ก็ยิ่งเพี้ยนขึ้นมากเรื่อยๆ ”
เฉียวโยวโยวพบว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ฟู่สีเกอพูดกับเธอคนเดียวในวันนี้ และเธอก็ตกตะลึงไปชั่วขณะพร้อมกับส่ายหัวพูดว่า : “ พี่สือก็ออกจากดี ก็เขารักและทะนุถนอมเสี่ยวถางนิ”
ฟู่สีเกอก็กะพริบตาปริบๆ แล้วถามอย่างเจาะลึก : “ คุณชอบคนแบบเขาหรอ ?”
เฉียวโยวโยวก็ดูเหมือนว่าจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ แต่ในขณะนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เธอก็เลยเพียงทำไม้มือแทนปฏิเสธ : “ ไม่ใช่แบบนั้นนะ ฉันก็แค่ดูออกเท่านั้นว่าพี่สือทำดีกับเสี่ยวถางเป็นอย่างมาก ฉันดีใจแทนเสี่ยวถางต่างหาก !”
“ ดังนั้น ถ้าตอนที่คุณท้อง ก็อยากจะให้ป้อนแบบนี้ใช่ไหม ?” ฟู่สีเกอก็มองไปยังเฉียวโยวโยวอย่างมีความหมายที่ลึกซึ้ง
ดูเหมือนว่าเขาจะหมายความถึงอะไรบางอย่าง ในขณะที่เฉียวโยวโยวคิดในใจ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก ก่อนหน้านี้พวกเขาคุยกันอย่างชัดเจนแล้ว เธอเองก็รู้อยู่ว่าภายในใจของฟู่สีเกอนั้นเย่อหยิ่ง ในตอนที่เธอบอกว่าจะปล่อยมือ เขาก็น่าจะไม่ไปต่อแล้วมั้ง ?
เธอแกล้งทำเป็นไม่สนใจ : “ ฮิฮิ ตอนนี้ฉันโสด แฟนก็ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นอย่าพูดถึงท้องเลย……”
“ แฟน ?” ฟู่สีเกอเอนหลังพิงไปที่เก้าอี้ มุมของขอบตาก็ยกขึ้นทีละนิด : “ มีได้สิ ”
และอีกฝั่งนั้น หลานเสี่ยวถางที่ถูกสือมูเฉินป้อนไปหนึ่งคำ ก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าเขาป้อนแล้วมันอร่อยหรือเปล่า มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับอร่อยกว่าที่ตัวเองตักกินเองในเมื่อกี้
ดังนั้น ในตอนที่สือมูเฉินนั้นป้อนนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะช้า แต่ก็คงยังต้องบังคับให้กินอาหารทั้งหมดลงไป
สือมูเฉินวางชามลง แล้วก็ยักคิ้วให้ฟู่สีเกอ : “ เห็นหรือยัง แบบอย่างที่ดีมีตรงนี้ ต่อไปแต่งงานมีภรรยาไปก็เรียนรู้เอาไว้บ้างนะ !”
ฟู่สีเกอหัวเราะ : “ เมื่อกี้ฉันก็พลาดไป น่าจะถ่ายการกระทำที่นายทำเมื่อกี้เอาไว้แล้วก็ไปโพสต์ในอินเทอร์เน็ต ดูสิว่าแฟนคลับในอินเทอร์เน็ตของนายจะตกใจแค่ไหนกัน ”
ทั้งสี่กำลังพูดถึงบางสิ่งบางอย่าง จู่ๆหลานเสี่ยวถางก็นึกเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ จึงไปที่ห้องและหยิบตั๋วคอนเสิร์ตของตู้ลี่ลี่ออกมาสองใบ และเอาฟู่สีเกอพร้อมกับพูดว่า : “ พี่สีเกอ อันนี้เป็นตั๋วที่เคยให้ฉันก่อนหน้านี้เดิมที่ฉันอยากจะไปดูมากๆ แต่ทว่าท้องก็เลยไม่สามารถที่จะไปงานคอนเสิร์ตได้ ก็เลยเอาตั๋วมาคืน พี่ลองหาเพื่อนแล้วก็ไปฟังด้วยกันสิ !”
ฟู่สีเกอรับตั๋วกลับมา แล้วก็มองไปอย่างเฉียวโยวโยวอย่างมีความหายที่ลึกซึ้ง : “ ดูเหมือน ของบางสิ่งบางอย่างถ้ามันถูกกำหนดให้เป็นของตัวเองแล้ว ต่อให้อ้อมไปอ้อมมายังไง สุดท้ายแล้วมันก็คงกลับมาอยู่ในมือฉัน ”
ในไม่กี่วันที่ผ่านนั้น ส่วนใหญ่แล้วฟู่สีเกอแทบจะมากินข้าวฟรีที่นี่ และหลังจากที่เฉียวโยวโยวได้ผ่านการสัมภาษณ์มาแล้วหลายครั้ง ในที่สุดก็หาเจอ
บริษัทE-commerce แห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับวางแผนการตลาด
วันแรกในการทำงาน เธอนั่งรถของสือมูเฉินเข้าไปในเมืองและขึ้นรถไฟใต้ดินอีกสองสามป้าย และมาถึงบริษัทที่เคยมาสัมภาษณ์มาก่อนหน้านี้
เพิ่งมาถึงบริษัท เธอก็พบว่าบรรยากาศก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเพราะว่าตัวเองเป็นพนักงานใหม่ ดังนั้นเฉียวโยวโยวก็ไม่ได้เมาท์อะไร เพียงแค่นั่งลงในที่ของตัวเองและศึกษาเอกสารที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดเอามาให้
ระหว่างที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับเอกสารอยู่นั้น เฉียวโยวโยวก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานพูดอย่างตื่นเต้นว่า : “ มาแล้ว คุณ Luis มาแล้ว ”
ตามคำพูดของเพื่อนร่วมงาน เฉียวโยวโยวก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาและมองไปยังสุดทางของระเบียงทางเดิน
ในไม่ช้า ชายหนุ่มผมบลอนด์ก็รายล้อมไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัท จากนั้นก็เดินไปยังที่ทำงานของตัวเอง
เมื่อเห็นใบหน้าที่ชัดเจนของเขา เฉียวโยวโยวก็ถึงกับตาโตขึ้นมาในทันที
ชายหนุ่มต่างชาติที่อยู่ตรงหน้า นั้นมันคุณ Luis ที่เคยเจอตอนอยู่บนเครื่อง ตอนที่เธอกลับมาจากลอนดอนก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรอ ? !
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทสำนักงานใหญ่แบบนี้ ? !
ก่อนหน้านี้ เธอเคยคุยกับเขาในเฟสบุ๊คอยู่ช่วงหนึ่ง รู้ว่าเขามักจะเดินทางไปเที่ยวรอบโลก และรูปธรรมเขาทำอะไร ในเวลานั้นเธอเองก็ไม่ได้อยากที่จะรู้อะไร
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นเธอ จู่ๆคุณ Luisก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน จากนั้นก็ค่อยๆยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าของเฉียวโยวโยว
เธอรีบลุกขึ้นมาจากที่นั่ง ในเวลานั้น ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทักทายดีไหม
คุณ Luis ยื่นมืออกมาให้เฉียวโยวโยวและยิ้มอย่างสุภาพแต่อบอุ่น : “ สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผม Luis ดีใจมากนะครับที่พบคุณ ”
เฉียวโยวโยวงงงวย และยื่นมืออกจับมือกับคุณ Luis : “ สวัสดีค่ะ ฉัน YOYO ค่ะคุณ Luis ดีใจเป็นอย่างค่ะที่ได้รู้จักกับคุณ ”
พอทั้งสองคนปล่อยมือออกจากกัน จากนั้นคุณ Luis ก็พยักหน้าให้กับเฉียวโยวโยว และหน้าไปข้างต่อ
ถึงอย่างไรก็ตาม ฝีเท้าในการเดินของเขาก็เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังไม่ได้สนใจใยดีต่อสายตาของผู้หญิงคนอื่นในที่ทำงานที่เฝ้ารออย่างกระตือรือร้น และท้ายที่สุดก็มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของ CEO
เมื่อเห็นว่าด้านหลังของเขานั้นหายไปแล้ว เฉียวโยวโยวที่เพิ่งกำลังจะนั่งลง เพื่อนทำงานที่อยู่บริเวณรอบๆแห่เข้ามาพูดอย่างเฮฮาว่า : “ โอ้โห YOYO เมื่อกี้คุณ Luis ไม่สนใจใครเลยนะ นอกจากทักเธอคนเดียว หรือว่าเขาชอบเธอหรือเปล่า ?”
เฉียวโยวโยวก็หัวเราะ : “ จะเป็นไปได้ยังไงกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะที่นั่งของฉันมันอยู่ใกล้ทางเดินมากกว่า ดังนั้น พอเขามาก็เลยถือโอกาสจับมือละมั้ง !”
“ จะเป็นไปได้ยังไง !” ก็มีเพื่อนร่วมงานพูดขึ้นมา : “ เมื่อกี้ฉันเห็นนะว่า เขาเห็นเธอมาตั้งนานแล้ว จากนั้นถึงได้มุ่งตรงเดินมายังทางเธอเลย !”
“ ใช่ YOYO หลังจากนี้ถ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทายาทสำนักงานใหญ่จริงๆแล้วละก็อย่างลืมพวกเราเด่นขาดนะ !”
ทุกคนต่างก็พูดกันยกใหญ่ เฉียวโยวโยวก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย แต่ไม่ทันได้สังเกตว่าในเวลานั้นก็มีคนคนหนึ่งยังนั่งอยู่ในที่นั่งของเธอเอง จากนั้น สายตาสุขุมลุ่มลึกก็มองมาทางเฉียวโยวโยว
การพบปะกันในช่วงเช้าก็เหมือกับเป็นเพียงแค่บทแทรกเล็กๆเท่านั้น จนกระทั่งเฉียวโยวโยวนั่งตรงหน้าคอม และก็ได้เริ่มทำงานในวันนี้อีกครั้ง
ที่คุณ Luisมาในครั้งนี้ ก็เพื่อมาประชุมกับผู้บริหารระดับสูง เพื่อมาประเมินตลาดจีน และมาดูกลยุทธ์การลงทุนในขั้นต่อไป
เขาแทบจะอยู่ในห้องประชุมในตลอดทั้งเช้านี้ จนกระทั่งถึงเวลาที่พักกินข้าวเที่ยง ถึงจึงจะเดินออกมา
เป็นเพราะว่าเฉียวโยวโยวเพิ่งจะเริ่มทำงาน เลยยังไม่สนิทกับเพื่อนร่วมงาน แล้วก็กำลังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะต้องไปหาคนมากินข้าวด้วยหรือเปล่า และในขณะนั้นเอง คุณ Luisก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว : “ คุณ YOYO ขอเชิญคุณไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันได้ไหมครับ ?”
เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะมองไปบริเวณอบๆ แล้วก็พบว่าสายตาของทุกคนแทบจะจับจ้องมายังทางนี้ เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ทว่านอกจากนี้จะเข้าใจว่าคุณ Luis เป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแล้ว ถ้าเกิดว่าปฏิเสธไปมันก็ถือว่าไม่ให้เกียรติเขา เลยจำใจต้องพยักหน้า : “ ขอบคุณค่ะ ”
ทันใดนั้นบนใบหน้าที่ยิ้มผลิบานของคุณ Luis ก็อย่างอารมณ์ดีว่า : “ เยี่ยมไปเลย ผมกำลังอยากที่จะเข้าใจประเพณีนิยมของทางหนิงเฉิง เดี๋ยวยังไงต้องรบกวนคุณ YOYO ด้วยนะครับ ”
เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างงงงวย : “ ท่านรองประธานบริษัทพวกเขาไม่ชวนคุณกินข้าวหรอคะ ?”
คุณ Luis ก็ได้เผยรอยยิ้มอย่างเป็นมาตรฐานของผู้ดีอังกฤษ : “ พวกเขาชวนแล้ว แต่ผมปฏิเสธไปเพราะว่าไม่อยากกินอาหารฝรั่งเศส ”
เฉียวโยวโยวทำตัวไม่ถูก รู้สึกเพียงแค่ว่าแรงกดดันนั้นมากขึ้น ถึงอย่างไรก็ต้องยืนขึ้นมาพูด : “ สักครู่ถ้าเกิดว่าฉันทำไรที่บกพร่องไปในการทักทายละก็หวังว่าคุณ Luis จะไม่ถือสานะคะ ”
“ น่าจะพูดว่า มันถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ” คุณ Luis พูดพร้อมกับทำท่าทางเป็นการเชิญ
ก็เลยทำให้เฉียวโยวโยวถูกสายตาของทุกคนนั้นเพ่งมอง เพราะออกไปกินข้าวกับทายาทบริษัทสำนักงานใหญ่เพียงลำพัง
พอลงมายังชั้นหนึ่ง ในที่สุดเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย และพูดกับเขาอย่างช่วยไม่ได้ว่า : “ คุณ Luis ถ้าคุณเป็นแบนี้ ฉันคงกลับไปทำงานไม่ได้แล้ว !”
คุณ Luis ก็ไม่ได้แสร้งทำต่อไปอีก และพูดด้วยความประหลาดใจ : “ ทำไมละ ? พวกเขาทุกคนก็คงจะรู้แล้วว่าคุณรู้จักกับผม ก็น่าจะไม่มีใครกล้าทำให้คุณลำบากใจแล้วมั้ง ?”
เขาหัวเราะ : “ ผมยังจำได้นะ ครั้งแรกที่ผมเจอคุณ ก็เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าเป็นคนที่ชอบถูกรังแก และเหมือนกับยัยขี้แยมากๆ ”
เฉียวโยวโยวก็ก่ายหน้าผากแล้วพูดว่า : “ คุณไม่รู้ใจจิตใจของคนบางคน พูดยังไงดีละ ไม้ใหญ่ชวนให้ลมพัดใส่……โอ๊ยช่างเถอะ หวังว่าจะเป็นฉันที่คิดมากไป ช่างมันเถอะ คุณอยากกินอะไร ฉันพาคุณไป !”
เมื่อพูดจบ เธอก็เสริมขึ้นมาอีกครั้งว่า : “ เอาเป็นว่าค่อยว่ากันละกัน แล้วก็ฉันเพิ่งจะมาทำงานวันแรก เงินเดือนก็ยังไม่ได้สักบาก ถ้าอยากจะให้ฉันเลี้ยงละก็ห้ามสั่งของแพง ”
“ วางใจเถอะครับ สุภาพบุรุษทั้งคน จะให้สุภาพสตรีเลี้ยงข้าวได้ยังไงกัน !” คุณ Luis ก็พูด : “ คุณชอบกินอะไร ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง ?”
ไม้ใหญ่ชวนให้ลมพัดใส่
###ความหมายก็คือเมื่อเราโดดเด่นหรือมีชื่อเสียงขึ้นมามันก็มักจะถูกโจมตีและทำให้คนอื่นไม่ชอบ