ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 269 เพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าวเข้าประจำที่
ฟู่สีเกอค่อยๆ เดินไปทีละก้าว และเฉียวโยวโยวก็ค่อยๆ ถอยหลังไปทีละก้าว ในที่สุดเธอก็ถูกบังคับให้ถอยไปที่เตียง จากนั้นฟู่สีเกอก็กางมือกางเท้าออกเพื่อเข้าไปประกบเธอ ทันใดนั้นเฉียวโยวโยวก็ล้มลงบนเตียงนุ่ม .
“ไอ้เจ้าคนบ้า” เฉียวโยวโยวกำลังจะพูด แต่ถูกฟู่สีเกอประทับริมฝีปากลงมาเสียก่อน
ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นทันที ผู้ชายคนนี้กล้าที่จะทำทุกอย่างกับเธอในห้องแต่งตัวของเสี่ยวถาง!
ถ้าหลานเสี่ยวถางหรือคนอื่นๆ เข้ามาละก็……
เฉียวโยวโยวกำลังยกเข่าขึ้นเพื่อจะเตะฟู่สีเกอ แต่เขาก็ถอนจูบเธอซะก่อน
เนื่องจากพวกเขาเพิ่งจูบกัน ริมฝีปากของทั้งสองจึงมีสีแดงก่ำแวววาวเล็กน้อย ฟู่สีเกอยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนมองดูท่าทางที่กำลังโกรธของเฉียวโยวโยว
เฉียวโยวโยวจ้องมาที่เขา“ไอ้เจ้าคนลามก!”
ฟู่สีเกอไม่ได้พูดอะไร แต่นัยน์ตาของเขาดูลึกขึ้น
เขามองดูเฉียวโยวโยวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนใช้นิ้วสอดเข้าไปที่ผมยาวสวยของเธอ แล้วลูบเบาๆ ที่รอยแผลที่เกิดจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ของเฉียวโยวโยว
บรรยากาศเริ่มนิ่งเงียบเล็กน้อยและพวกเขาอยู่ใกล้กันมาก เฉียวโยวโยวรู้สึกถึงลมหายใจของฟู่สีเกอที่กระทบลงมาที่แก้มของเธออย่างชัดเจน มันทำให้เธอเกิดความรู้สึกเสียวซ่าน
ร้อนนิดหน่อย
เธอเขินอายเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นก่อน”ฟู่สีเกอ คุณต้องการ……”
“เฉียวโยวโยว” ฟู่สีเกอพูดขัดจังหวะเธอในทันที ดวงตาของเขาดูจริงจังขึ้น ปลายนิ้วของเขายังคงวางอยู่ที่รอยแผลของเธอ เสียงของเขาเบากว่าปกติ “ผมชอบคุณ เป็นแฟนกับผมได้ไหม?”
เฉียวโยวโยวรู้สึกตะลึงในทันใด
เมื่อก่อนเธอคิดเสมอว่าที่เขาพูดแซวเธอบางครั้งก็ดูเหมือนจะเป็นคำสารภาพรักแบบอ้อมๆ บางครั้งก็เหมือนพูดล้อเล่น
แต่ตอนนี้เขากลับกลายดูเป็นคนเคร่งขรึม ตั้งใจ และสารภาพรักกับเธออย่างจริงจัง!
เฉียวโยวโยวกะพริบตา เม้มริมฝีปาก และไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฟู่สีเกอดูเหมือนจะอดทนมาก ขึ้นคร่อมตัวเธอไว้เพื่อรอคำตอบจากปากเธอ
เฉียวโยวโยวรู้สึกว่าเริ่มขาดออกซิเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และคอของเธอก็แห้งมาก
พูดอีกอย่างก็คือทำไมเธอดูเหมือนสาววัยแรกแย้มที่ประหม่าจนหายใจไม่ออก?
ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางดูเหมือนจะเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว เสียงของเธอดังมาจากข้างนอก “โยวโยว ยังไม่เปลี่ยนอีกเหรอ?”
สัญญาณในหัวของเฉียวโยวโยวดังขึ้น
ถ้าหลานเสี่ยวถางเข้ามาแล้วเห็นว่าฟู่สีเกออยู่ในห้องของเธอ……
“ว่าไง จะเป็นหรือไม่เป็น?” ฟู่สีเกอจ้องมองมาที่เฉียวโยวโยวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เธอรู้สึกสับสน รู้สึกว่าสมองกำลังจะระเบิด รู้สึกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ในที่สุดเมื่อเธอได้ยินเหมือนหลานเสี่ยวถางกำลังจะเปิดประตูเข้ามา เฉียวโยวโยวจึงรีบตอบรับทันที “ตกลง”
ฟู่สีเกอยิ้มมุมปากและดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาว “เจ้าเด็กโง่โยวโยว ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้คุณเป็นแฟนผมแล้วนะ”
เมื่อเฉียวโยวโยวได้ยินคำพูดของเขาเธอก็ร้อนแผ่วที่ใบหน้า ดวงตาเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย
เธอกัดริมฝีปากของเธอ “อืม”
ฟู่สีเกอพอใจมากในตอนนี้ เขาก้มศีรษะลงจูบเธอแบบนุ่มนวล “ลุกขึ้นเถอะ แฟนสาวของผม!”
เขายื่นมือมาดึงเฉียวโยวโยวให้ลุกขึ้น
หลานเสี่ยวถางหมุนลูกบิดประตูแล้วพูดว่า “โยวโยว มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?”
หลานเสี่ยวถางพูดพึมพำกับตัวเอง “ว่าแต่ฟู่สีเกอหายไปไหนนะ ไม่เจอหน้าเลย”
เฉียวโยวโยวไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร แต่ในขณะนี้ฟู่สีเกอช่วยเธอรูดซิปอย่างเงียบๆ แล้วเดินไปพูดกับหลานเสี่ยวถางที่หน้าประตู”เสี่ยวถาง ผมกำลังช่วยแต่งตัวแบบเรียบๆ !”
หลานเสี่ยวถางตระหนักได้ว่าฟู่สีเกออยู่ในห้อง ดังนั้นเธอจึงเปิดประตูเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “ใช่ ฉันลืมไปเลยว่าพวกเรามีสไตลิสต์ฝีมือดี!”
ฟู่สีเกอขอให้เฉียวโยวโยวนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นใช้เครื่องเป่าผมทำทรงผมให้กับเธอ
“สวยมาก!” หลานเสี่ยวถางอุทานออกมา “โยวโยว ฉันรู้สึกว่าหลังจากที่เธอได้เข้าร่วมงานแต่งงานของฉันในครั้งนี้ จะต้องมีคนหนุ่มๆ มาขอข้อมูลติดต่อของเธอกับฉันอย่างแน่นอนเลย!”
ทันทีที่เธอพูดจบก็มีลมเย็นพัดเข้ามาในห้อง
เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฟู่สีเกอ แล้วได้เห็นท่าทางที่ไม่พอใจของเขาในตอนนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากยิ้ม เธอรู้สึกร้อนวูบวาบที่ริมฝีปากที่เขาเพิ่งจูบเธอไป และแก้มของเธอก็แดงก่ำขึ้นเล็กน้อย
เขาที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอสวมใส่ชุดสูทที่ออกแบบมาอย่างดี ซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลาแบบผู้คนไม่อาจละสายตาได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงวันแต่งงานของหลานเสี่ยวถางและสือมูเฉิน
เนื่องจากเย่เหลียนอีและหลานจื่อเฉินไม่สามารถมาเข้าร่วมได้ หลานเสี่ยวถางจึงเชิญคนมาถ่ายทอดสดตลอดงานแต่งงานทั้งหมดให้เย่เหลียนอีได้รับชม
เธอเลือกสถานที่ออกเรือนเป็นบ้านพักในเขตทหารของหลานเซี่ยวเฉิง ดังนั้นหลานเสี่ยวถางจึงได้นอนพักที่พ่อของเธอก่อนวันงาน
เช้าตรู่หลานเซี่ยวเฉิงสั่งให้ลูกน้องไปรับฟู่สีเกอมาแต่งหน้าทำผมให้กับหลานเสี่ยวถาง
เวลาประมาณแปดโมงครึ่งหลานเสี่ยวถางก็เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เธอนั่งอยู่บนเตียงรอสือมูเฉินมาสู่ขอด้วยอาการตื่นเต้น
เพราะฟู่สีเกอยังต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ดังนั้นหลังจากแต่งหน้าทำผมให้หลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรีบขับรถตรงไปหาสือมูเฉิน
เฉียวโยวโยวนั่งอยู่ข้างๆ หลานเสี่ยวถาง เมื่อเธอเห็นหลานเสี่ยวถางบีบมือตัวเองด้วยอาการตื่นเต้นจึงพูดออกไปว่า “เสี่ยวถาง เธอบอกว่าเธอแต่งงานกับพี่สือมาครึ่งปีแล้ว แค่รอเขามารับถึงกับต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยเหรอ? ”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว “มันไม่เหมือนกัน สักพักฉันต้องเดินอยู่บนพรมแดง เธอรู้ไหมว่าเพื่อนของเขาเป็นคนดังทั้งหมด ถ้าฉันทำเรื่องหน้าแตกในตอนนั้นละก็……”
“เสี่ยวถาง ทำไมเธอถึงไม่มั่นใจนักล่ะ?” เฉียวโยวโยวหยิบกระจกมา “ดูสิ เธอช่างดูสวยงดงามยิ่งนัก! ตอนเรียนมีหนุ่มๆ ตามจีบเธอตั้งเยอะ ถ้าไม่ใช่เพราะหัน……ยิ่งตอนนี้เธอแต่งงานกับพี่สือเธอดูดีมีออร่ากว่าเมื่อก่อนขึ้นเยอะเลย บวกกับมีเชื้อสายอเมริกัน……”
หลานเสี่ยวถางยิ้มมุมปาก “เธอก็ชมฉันเกินไปแล้วนะ! แต่พูดตามตรงชื่อเสียงทางด้านฝีมือของฟู่สีเกอนั้นไม่ได้ปลอมจริงๆ ฉันคิดว่าฉันไม่เคยสวยเท่านี้มาก่อน ถ้าในอนาคตเมื่อเธอแต่งงานควรจ้างเขานะ! ”
เฉียวโยวโยวหลับตาลงแล้วนึกคิด ตอนเธอแต่งงาน……ฟู่สีเกอจะได้เป็นเจ้าบ่าวของเธอหรือไม่? พวกเขาสามารถไปต่อกันได้อีกนานแค่ไหน?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากยิ่งขึ้น
ในขณะนี้มีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถาง เฉียวโยวโยวเดินไปหยิบมาให้เธอ
เมื่อเธอเปิดดูก็เห็นว่าเป็นข้อความจากหันจื่ออี้
ก่อนหน้านี้เธอเห็นชื่อหันจื่ออี้ในแขกที่เชิญมา เธอจึงถามสือมูเฉิน
คาดคิดว่าตาบ้านั้นจะมีนิสัยเหมือนเด็กน้อยขนาดนี้ “การ์ดเชิญของหันจื่ออี้ผมส่งให้เขาเป็นการส่วนตัวแล้ว!”
หลานเสี่ยวถางยิ้มเพราะไม่รู้จะทำยังไง “มูเฉิน คุณเป็นคนใจแคบขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอน!” สือมูเฉินพูดว่า “กล้าที่จะอยากได้ภรรยาของผม งั้นก็ปล่อยให้เขาดูงานแต่งงานของเรา!”
“ดังนั้นเขาก็รับคำเชิญเหรอ?” หลานเสี่ยวถางถาม
สีหน้าของสือมูเฉินในเวลานั้นหลานเสี่ยวถางยังจำได้ เขาเลิกคิ้วขึ้นด้วยความภูมิใจเล็กน้อย “Times Group และ Latitude Technology กำลังอยู่ในความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน ไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับ!”
เมื่อหลานเสี่ยวถางนึกถึงเรื่องนี้ เธออดไม่ได้ที่จะคลิกเปิดวีแชท
หันจื่ออี้ส่งมาว่า”เสี่ยวถาง ผมปวดท้องอย่างกะทันหันในเช้านี้ ดังนั้นผมไปเข้าร่วมไม่ได้นะ ผมจะให้ผู้ช่วยส่งอั่งเปาซองใหญ่ให้คุณ ผมหวังว่าเราจะมีโอกาสนั่งทานข้าวด้วยกัน!”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลานเสี่ยวถางดูผิดปกติไป เฉียวโยวโยวจึงเหลือบอ่านข้อความนั้น
เฉียวโยวโยวจึงพูดว่า “เสี่ยวถาง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถทนเห็นเธอรักกับคนอื่น จึงหลีกเลี่ยงที่จะมาเข้าร่วม ดังนั้นเขาน่าจะแกล้งทำเป็นป่วย! !”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว “ฉันเชื่อว่าเวลาเป็นยาที่ดีที่สุดในการรักษาทุกอย่าง เขาจะปล่อยวางไปไม่ช้าก็เร็ว!”
เธอตัดสินใจตอบข้อความเขาไปว่า “โอเค งั้นคุณอย่าลืมไปหาหมอนะ ถ้ามีโอกาสฉันจะชวนมูเฉินไปทานข้าวกับคุณ ขอบคุณสำหรับอั่งเปาซองใหญ่ของคุณ!”
“เฮ้อ เขาต้องเสียใจมากแน่ๆ เมื่อเห็นข้อความนี้!” เฉียวโยวโยวกำลังหัวเราะและแหย่เธอเล่น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นพอดี
เธอรับสาย “พี่สีเย็นคนหล่อ?”
“ฮ่า คุณคนสวย ทำไมวันนี้คุณปากหวานจัง?” ฟู่สีเกอแซว “คุณช่วยบอกเสี่ยวถางหน่อย ว่าอาเฉินกับผมกำลังจะออกเดินทางแล้ว และจะไปถึงในอีกประมาณยี่สิบนาที นอกจากนี้ชิงเจ๋อได้มาหาพวกเราแล้ว ซูสือจิ่นก็กำลังรีบไปหาเสี่ยวถางแล้ว คาดว่าสิบนาทีก็ถึง”
“โอเคค่ะ” เมื่อเฉียวโยวโยวฟังฟู่สีเกอบอกเวลา เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกัน
ฟู่สีเกอพูดว่า “ผมวางแล้วนะ อย่าลืมเปิดประตูหลังให้อาเฉิน!”
เฉียวโยวโยวรู้ดีว่าฟู่สีเกอหมายถึงอะไร เพราะโดยทั่วไปแล้วตามธรรมเนียมเจ้าบ่าวจะได้เจอหน้าเจ้าสาวต้องผ่านหลายด่าน ในบางพื้นที่แต่ละด่านนั้นยากเป็นพิเศษ เจ้าบ่าวอาจหมดตัวไปในแต่ละด่านได้
“โอเค ฉันรู้แล้ว!” ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าบ่าวคนอื่นเธออาจจะต้องล้อเลียนเขาแน่ๆ แต่เมื่อเป็นสือมูเฉิน……
พูดอย่างตรงไปตรงมาก็คือความประทับใจที่เธอมีต่อสือมูเฉินคือเขามีความเป็นผู้ใหญ่ สงวนตัว ฉลาด และมีไหวพริบ เธอมักจะรู้สึกว่าภาพลักษณ์นี้สมบูรณ์แบบ ดังนั้นแม้ว่า หลานเสี่ยวถางจะแต่งงานกับสือมูเฉิน แต่เฉียวโยวโยวก็ยังรู้สึกห่างไกลจากเขา ไม่ล้อเล่นอะไรกับเขา
สักพักทำเป็นเดินพอเป็นพิธีการก็พอแล้ว……
สิบนาทีต่อมาซูสือจิ่นก็มาถึง
เธอแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว แค่สวมใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวก็โอเคแล้ว
ตั้งแต่ไปจดทะเบียนสมรสในวันนั้นซูสือจิ่นก็ไม่เห็นหยานชิงเจ๋ออีกเลย
เธอส่งข้อความหาเขา แต่เขาไม่ตอบ อย่างไรก็ตามเมื่อคืนเขาส่งข้อความมาทางวีแชทโดยบอกว่าเขาจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในวันนี้ สำหรับอย่างอื่นเขาไม่ได้พูดเลย
เนื่องจากหยานชิงเจ๋อไม่อยู่ ทั้งสองครอบครัวจึงไม่ได้ประกาศเกี่ยวกับการแต่งงานของพวกเขาต่อสาธารณะ อาจจะหาโอกาสที่จะจัดงานหมั้นสำหรับสองคนก่อน
เพราะถ้าแต่งงานโดยกะทันหัน คนภายนอกต้องเดาไปต่างๆ นานา และเป็นผลเสียต่อชื่อเสียงของทั้งสองคน
นอกจากนี้ความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างตระกูลซูและตระกูลลั่วอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤติ หากซูสือจิ่นและหยานชิงเจ๋อแต่งงานกัน ทั้งสองครอบครัวจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
อีกสักพักก็เห็นหยานชิงเจ๋อแล้ว ซูสือจิ่นมีความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทุกวันนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมเพื่อที่จะไม่ต้องยุ่งยาก ในตอนเช้าฟู่สีเกอบอกว่าจะไปรับเธอที่บ้านตระกูลซู แต่เธอบอกว่าเธอออกไปนอกเมืองและจะรีบไปที่นั่นด้วยตัวเองในตอนเช้า
เธอแต่งหน้าเสร็จแล้ว เธอแค่สวมใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวก็โอเคแล้ว
เมื่อชุดเพื่อนเจ้าสาวต้องสวมอยู่บนตัวของเธอ ซูสือจิ่นคิดในใจตามลำดับพิธีเธอจะต้องเดินไปที่พรมแดงพร้อมกับหยานชิงเจ๋อ มันจะถือว่าเป็นงานแต่งงานของเธอกับหยานชิงเจ๋อได้ไหมนะ?