ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 281 ได้ยินพวกเขาพูดคุยกันกับหูเองเลย!
แทบจะเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงสายตาของหยานชิงเจ๋อ หรือจะกล่าวว่า หยานชิงเจ๋อกับซูสือจิ่นปรากฏตัวในโรงพยาบาลเช่นนี้นั้นมันจะดูเตะตามากเกินไปแล้ว ดังนั้น เจียงซีหยู่จึงสบตามองพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว สายตาทั้งสี่ประสานเข้าหากัน สีหน้าบนใบหน้าของทั้งสองคนนั้นล้วนแล้วแต่ซับซ้อนขึ้นมาเล็กน้อย
เดิมซูสือจิ่นไม่ได้มองอะไรเลย แต่ทว่า เป็นเพราะว่าพยาบาลว่าที่หน้าต่างเอ่ยถามหยานชิงเจ๋อทั้งสองคนไปว่าให้ไปที่แผนกศัลยกรรมอะไรสักอย่างแต่ทว่ากลับเขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาเลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเงยศีรษะขึ้น ก่อนจะมองไปทางหยานชิงเจ๋อ
เขาราวกับว่ากำลังสบตามองอะไรอยู่ แสงที่ส่องออกมาจากดวงตานั้นดูยุ่งเหยิงซับซ้อน มีความรู้สึกปรากฏอยู่ตรงระหว่างคิ้ว แทบจะดูไม่ผ่อนคลายเลย
ที่ทำให้เขาเสียอากัปกิริยานั้นไม่มาก กลับกลายเป็นน้อย
หัวใจของซูสือจิ่นมีการคาดเดาที่น่าหวาดกลัวเอาไว้แล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองตามสายตาของหยานชิงเจ๋อ มองตามเขาไป
เจียงซีหยู่!
ที่แท้เขาก็เห็นเจียงซีหยู่นี่เอง!
จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็รู้สึก เมื่อครู่นี้ที่ถูกลมที่พัดอยู่ทางด้านนอกพัดเข้ามาหา ตอนนี้กลับไม่ได้รู้สึกหนาวเย็นเลย
เธออดไม่ได้ที่จะขยับตัวไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะตรงพิงไปยังทรวงอกที่หดเกร็งตัวลงของหยานชิงเจ๋อ
บางทีอาจจะเป็นเพราะการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั้น ดังนั้นจึงทำให้หยานชิงเจ๋อหลุดออกจากภวังค์แล้ว เขามีปฏิกิริยาตอบกลับมา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับพยาบาลที่หน้าต่างว่า “ขอโทษนะครับ พวกเราจะไปแผนกศัลยกรรมครับ”
เดิมพยาบาลก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ในเมื่อ ในเมื่อได้พบเจอกับหนุ่มหล่อที่ไม่เคยได้เห็นมานานถึงสิบปีแล้วเป็นครั้งแรกขนาดนี้ เธอกลับยังอยากที่จะให้หยานชิงเจ๋อนั้นยืนอยู่ที่หน้าต่างไปชั่วชีวิตแทนเสียอีก! ถึงแม้ว่าหนุ่มหล่อจะยังคงอุ้มสาวสวยคนหนึ่งเอาไว้อยู่ก็ตามที แต่ทว่า เธอกลับเลือกที่จะไม่สนใจไปก่อนเอง
ดังนั้นแล้ว เธอไม่ได้รีบร้อนหรือร้อนรนบอกป้ายหมายเลขหรืออะไรให้หยานชิงเจ๋อ หลังจากนั้นถึงจะบอกป้ายแขวนให้กับหยานชิงเจ๋อ อีกทั้งยังเอ่ยบอกทางของห้องที่แขวนหมายเลขเอาไว้อีกครั้งหนึ่งด้วยว่า “เดินไปตามทางด้านหน้าตรงไป เลี้ยวซ้ายจะมีลิฟต์อยู่ หลังจากนั้นก็ขึ้นไปที่ชั้นสองค่ะ”
“ขอบคุณครับ” หยานชิงเจ๋อหันไปยกยิ้มให้กับพยาบาล หลังจากนั้น ก็หมุนตัวไปแล้ว
ซูสือจิ่นเห็นหยานชิงเจ๋ออุ้มเธอเดินไปทั้งอย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงไปชั่วขณะ
เขาไม่ได้ควรที่จะเอ่ยอธิบายอะไรแก่เจียงซีหยู่หรือ หลังจากนั้นก็ค่อยบอกตามความจริง? แต่ทำไมถึงเดินออกมาเช่นนี้เสียแล้วล่ะ?
หรือว่าเขาจะไม่รู้ ว่าเขาเดินออกมาเช่นนี้แล้ว เจียงซีหยู่นั้นก็อาจจะเข้าใจพวกเขาผิดไปก็ได้?
ซูสือจิ่นยังไม่ทันที่จะดีใจ เพียงแค่ รู้สึกคิดไม่ตก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
แต่ทว่าบนตึก เจียงซีหยู่เห็นว่าหยานชิงเจ๋อกลับกล้าที่จะอุ้มซูสือจิ่นแล้วเดินไปขนาดนั้นแล้ว มือของเธอจึงอดที่จำกำหมัดเข้าหากันแน่นไม่ได้
เขาแม้กระทั่งการเอ่ยทักทายสักคำ แม้กระทั่งการพยักหน้าให้กันสักครั้งยังไม่ให้เธอเลย กลับอุ้มผู้หญิงอีกคนแล้วเดินไปแล้ว!
แต่ทว่า เธอกลับหวนคิดอย่างละเอียดดูแล้ว เขาแทบจะไม่เคยอุ้มเธออย่างใกล้ชิดเช่นนั้นมาก่อนเลย พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานมากขนาดนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะว่าในตอนแรกที่เขาต้องการ เธอไม่ได้ให้เขา เขาก็เลยถอดใจไปเสียแล้ว ก่อนที่จะเปลี่ยนใจไปเป็นคนอื่นแทน?!
ไม่ได้จะบอกว่า ผู้ชายนั้นจะมองผู้หญิงที่ได้มาอย่างง่ายดาย แล้วจะไม่ได้ถนอมรักษามากขนาดนั้นไม่ใช่หรือไง? ดังนั้นแล้ว หลังจากที่เขาตามจีบเธอแล้ว ถึงแม้ว่าเธอเองก็ชมชอบเขา อีกทั้งยังจงใจแสร้งปล่อยเอาไว้ให้ยาวนานถึงจะตอบตกลงด้วย เธอเองก็ไม่ยินยอมที่จะมีความสัมพันธ์กับเขาอย่างรวดเร็วมาก่อนโดยตลอด นั่นก็เป็นเพราะว่ากังวลว่าหากเขาได้ไปแล้วจะไม่รักษาเอาไว้
แต่ทว่า——
นัยน์ตาของเจียงซีหยู่เป็นประกายทะมึนขึ้นมาในทันที เธอไม่ใช่เป็นครั้งแรก เรื่องที่เธอกังวลใจมากที่สุด นั่นก็คือกังวลว่าหยานชิงเจ๋อจะใส่ใจ กังวลว่าหลังจากที่เขากับเธอก่อเกิดความสัมพันธ์ขึ้นมาแล้ว จะรู้สึกผิดหวัง……
ในตอนนั้นเอง หยานชิงเจ๋ออุ้มซูสือจิ่นเอาไว้แน่น ก่อนจะค่อย ๆ หายออกไปจากสายตาแล้ว หัวใจของเจียงซีหยู่ตกตะลึงในทันที อดไม่ได้ที่จะออกตัววิ่งไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วสองก้าว
ซูสือจิ่นได้รับบาดเจ็บอย่างนั้นหรือ? ดังนั้นแล้ว เขาจึงพาเธอขึ้นอีกชั้นหนึ่งไป คงจะเป็นแผนกศัลยกรรมหรือเปล่านะ?
เจียงซีหยู่สบตามองตัวเลขของลิฟต์ ก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ตามขึ้นไปที่ชั้นสองด้วย
วันนี้ ก่อนหน้าที่จะได้พบเจอเขา เธอยังคงควบคุมตนเองเอาไว้ไม่ให้ไปหาเขาอีกด้วย แต่ทว่า วันนี้ ในตอนที่เธอเห็นว่าเขานั้นดูหล่อเหลามากกว่าตอนไหน ๆ ที่เธอเคยเจอเขาเสียอีก หัวใจของเจียงซีหยู่จึงมีความคิดฝังใจลึกซึ้งนั่นนั้นมาทันที อีกทั้งยังรู้สึกควบคุมไม่ได้เล็กน้อยอีกด้วย
หยานชิงเจ๋ออุ้มซูสือจิ่นเข้าไปในห้องตรวจ หลังจากที่คุณหมอดูอาการของเธอไปครู่หนึ่งแล้ว คุณหมอก็ออกใบสั่งแล้วส่งมันให้กับหยานชิงเจ๋อ “ไปทำสแกนสักหน่อยเถอะครับ แต่ต้องไปชำระเงินก่อน”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า ก่อนจะหยิบใบสั่งแล้วเดินจากไปแล้ว
ในตอนที่เขาเดินไปถึงช่องชำระเงินนั้นเอง ที่ด้านหลัง จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงอบอุ่นที่คุ้นเคยดังนั้นมา “ชิงเจ๋อ——”
หยานชิงเจ๋อราวกับว่าไม่ได้ยิน ศีรษะนั้นไม่หันกลับไปมองเลย
เจียงซีหยู่รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจนั้นถูกฉีกขาดออกจากกันแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะก้าวไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว ไปหยุดยืนอยู่ที่ด้านข้างของหยานชิงเจ๋อ ก่อนจะกดข่มศักดิ์ศรีและมาดของตนเองลงแล้วเอ่ยเรียกเขาต่อว่า “ชิงเจ๋อคะ ทำไมคุณถึงไม่สนใจฉันละคะ? ถึงแม้ว่าคุณจะแต่งงานแล้ว แต่ทว่า พวกเราไม่สามารถเป็นแม้กระทั่งเพื่อนกันได้เลยหรือคะ?”
หยานชิงเจ๋อหันศีรษะกลับไป เขาสบตามองเจียงซีหยู่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้เธออย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่ง “ขอโทษครับ ผมไม่อยากทำให้คุณเสียเวลาน่ะ ดังนั้น หลังจากที่เลิกกันแล้ว ผมก็เลยรู้สึกว่าไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกัน”
สีหน้าของเจียงซีหยู่แข็งค้างไปในทันที ในตอนที่กำลังจะเอ่ยอะไรอยู่นั้นเอง พยาบาลที่ช่องชำระเงินก็เอ่ยแทรกทั้งสองคนขึ้นมา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสองร้อยห้าค่ะ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์
คุณหมอพิมพ์ใบเสร็จให้ ก่อนจะเอ่ยว่า “ไปต่อแถวที่ห้องสแกนทางนั้นเลยค่ะ!”
“ชิงเจ๋อคะ——” เจียงซีหยู่เห็นว่าหยานชิงเจ๋อกำลังจะเดินไปแล้ว เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงยื่นมือไปคว้าจับเขาให้หยุดเอาไว้
“สแกนเสร็จแล้วผมจะมาหาคุณครับ” หยานชิงเจ๋อพูดไป ปลดแขนออกจากเจียงซีหยู่ ก่อนจะเข้าไปอุ้มซูสือจิ่นออกมา หลังจากนั้นก็มุ่งตรงไปยังห้องสแกน
ตั้งแต่เห็นว่าเจียงซีหยู่เองก็อยู่ด้วย ซูสือจิ่นจึงรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเล็กน้อย
เธอรู้ ความรู้สึกระหว่างเจียงซีหยู่และหยานชิงเจ๋อทั้งสองคน มาพบเจอกันที่โรงพยาบาล หยานชิงเจ๋อนั้นจะไม่ไปดูแลเอาใจใส่เจียงซีหยู่ได้อย่างไร
ความรู้สึกของซูสือจิ่นยิ่งดำดิ่งลงมากกว่าเดิม ในตอนที่หยานชิงเจ๋ออุ้มเธอไปวางลงที่ห้องแกสน ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่ประโยคเดียว
เป็นเพราะจู่ ๆ หัวใจของเธอก็มีความรู้สึกดำมืดบางอย่างพรั่งพรูออกมาเสียแล้ว
เธอรู้ พวกเขากำลังจะทำอะไร ไม่ได้เป็นเธอที่สามารถที่จะเข้าไปขัดขวางได้ เธอพูดไป หรือไม่ก็ไม่พูด นั่นล้วนแล้วแต่ไม่ได้ทำให้เกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นมาเลย
ไม่แน่ว่าหากเธอพูดไปแล้ว เขาก็จะยิ่งเกลียดชังเธอมากขึ้นไปอีก อีกทั้งยังทำร้ายศักดิ์ศรีของเธอมากขึ้นไปด้วย
ไม่นานนัก คุณหมอได้ทำสแกนซูสือจิ่นเสร็จแล้ว หยานชิงเจ๋อหยิบภาพถ่ายของซูสือจิ่นมาแล้วกลับไปหาคุณหมออีกครั้ง
หมอดูภาพถ่ายไปมาก่อนจะเอ่ยว่า “ข้อเท้าของคุณซูก็แค่แพลงเท่านั้นครับ ปัญหาไม่ใหญ่มากนัก ทายาก็โอเคแล้วละครับ ประเดี๋ยวตอนนี้ผมจะจ่ายยาทาภายนอกเอาไว้ให้ ระมัดระวังสองสามวันมานี้อย่าให้เดินลงพื้นเด็ดขาดเลยนะครับ”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากนั้น ก็เดินไปชำระค่ายารักษาอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่เขาทำเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว เขามองเห็นว่าเจียงซีหยู่ยังคงอยู่ที่โถงทางเดิน เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงเดินเข้าไปเอ่ยปากว่า “ซีหยู่ครับ ไม่ต้องรอผมแล้วนะครับ พวกเราไม่มีหวังแล้ว”
เจียงซีหยู่สบตามองใบหน้าหล่อเหลาของเขา หัวใจก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น “ได้ค่ะ หลังจากวันนี้ไป ฉันรับประกันว่าจะไม่เข้าหาคุณก่อนแล้วละค่ะ แต่ว่านะคะชิงเจ๋อ คุณสามารถบอกกับฉันได้ไหมคะว่าทำไม? คุณตกหลุมรักเธอเข้าแล้วหรือคะ? คนที่คุณรักมาโดยตลอดนั้นคือเธอหรือคะ?”
เป็นเพราะว่าระยะเวลาที่หยานชิงเจ๋อออกไปนั้นนานเล็กน้อยมากแล้ว ดังนั้น ซูสือจิ่นรออยู่ในห้องพักผู้ป่วยอยู่ครู่ใหญ่ก็ยังไม่เห็นคนกลับมาเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงอาศัยจังหวะที่คุณหมอไม่อยู่ เธอจึงกระโดดลงมาจากเตียงผู้ป่วยแล้ว
ในตอนที่เท้าสัมผัสเข้ากับพื้นนั้นเอง ความเจ็บปวดก็ตีขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว เธอผ่อนลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ยกเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บขึ้น ก่อนจะเดินด้วยเท้าเปลือยเปล่าเช่นนั้น ก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว แล้วกระโดดด้วยเท้าข้างเดียวออกไปแล้ว
ที่ข้างกาย มีคนจำนวนมากที่เห็นเธอ แม้กระทั่งยังมีคนที่หยุดเดินแล้วเอ่ยถามเธอขึ้นมาว่า “คุณคะ ต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า?”
ซูสือจิ่นส่ายหน้าไปมา หลังจากนั้น ก็เดินทั้งอย่างนั้นต่อไปทางด้านหน้า
แต่ไหนแต่ไรมา เธอนั้นรักความสะอาดมาโดยตลอด โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นโรงพยาบาลเช่นนี้ ให้เธอเดินเท้าเปล่าเช่นนั้น มันรู้สึกทรมานมากว่าการฆ่าเธอเสียอีก!
แต่ทว่า เธอค้นพบว่า ยังมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งด้วย ที่รุนแรงมากกว่าการที่เธอเดินเท้าเปล่าอีก นั่นก็คือการดูคนอื่นจับตามอง!
นั่นก็เป็นเพราะว่า หยานชิงเจ๋อจะต้องไม่สนใจเธอแล้วแน่ ๆ อีกทั้งก็ไปหาเจียงซีหยู่แล้ว!
เธออยากที่จะไปดูให้รู้กันไปเลย ก็ดี รู้กันไปเลยให้ชัดเจน
ซูสือจิ่นเดินอย่างนั้นทีละก้าวทีละก้าว ก่อนจะเดินมาถึงทางเลี้ยว
เธอยังไม่ทันที่จะได้เดินไปเลย แต่ทว่ากลับได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมาแล้ว
ได้ยินเพียงแค่เจียงซีหยู่ที่เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ชิงเจ๋อคะ คุณสามารถบอกกับฉันมาได้ไหม? คุณตกหลุมรักเธอแล้วใช่ไหมคะ? หรือจะบอกว่า คนที่คุณรักเป็นเธอมาโดยตลอดหรือคะ?”
ซูสือจิ่นชะงักไปครู่หนึ่งทันที รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจคล้ายกำลังจะทะลุขึ้นมาถึงลำคอแล้ว
ดังนั้นแล้ว คนคนนั้นที่เจียงซีหยู่ถามถึง ก็ต้องเป็นเธอซูสือจิ่นสิ!
เธอเองก็อยากทราบ ว่าหยานชิงเจ๋อจะต้องกลับไปอย่างไร!
ถึงแม้ว่าเธอจะเดาออกได้ตั้งนานแล้ว เขาอาจจะพูดประโยคที่ไม่นานฟังเอามาก ๆ ออกมา แต่ทว่า เธอก็ยังคงอยากที่จะรู้มันให้ได้อยู่ดี
คำพูดก่อนหน้านั้น ซูสือจิ่นไม่ได้ยิน เธอเองก็แอบคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว วันนี้เจียงซีหยู่จะต้องโกรธแน่น ๆ ถึงเอ่ยถามหยานชิงเจ๋อออกไปแบบนั้น
ซูสือจิ่นยกยิ้มอย่างขมขื่น เขาชอบใคร เจียงซีหยู่ยังไม่รู้อีกหรือ? หยานชิงเจ๋อตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ชอบเจียงซีหยู่มาโดยตลอดไม่ใช่หรือไง?!
หลังจากนั้น ก็ได้ยินหยานชิงเจ๋อเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ซีหยู่ครับ เสี่ยวจิ่นเป็นน้องสาวของผม ผมไม่รู้นะว่าทำไมคุณถึงเข้าใจผิดว่าผมรักเธอได้ หรือว่าที่พี่ชายดีต่อน้องสาวของตัวเองนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้วหรือไงครับ?!”
แทบจะเป็นเพราะว่าหยานชิงเจ๋อนั้นรู้สึกกลับกันเสมอมาที่มักจะถูกถามคำถามเช่นนี้ ดังนั้นแล้ว ไม่รอให้เจียงซีหยู่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมา เขาก็เอ่ยสมทบขึ้นอย่างหงุดหงิดว่า “ชั่วชีวิตนี้ผมไม่สามารถรักเธอได้หรอกนะครับ! ดังนั้นแล้ว หลังจากนี้อย่าลากผมกับเธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์แบบนี้อีกเลยเถอะครับ! อ๋อ ไม่สิ ควรจะพูดว่าไม่มีหลังจากนี้อีกแล้วต่างหาก!”
เป็นเพราะว่านี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขากับเจียงซีหยู่จะได้พูดคุยกัน เขาจะรีบบอกเธอไปตอนนี้เลย ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป สำหรับเขาแล้วเธอคือคนแปลกหน้า ดังนั้นแล้ว คำถามที่น่าเบื่อหน่ายเหล่านี้ เขาจะไม่ตอบมันอีกต่อไปแล้ว! หลังจากนี้ ถ้าหากเจียงซีหยู่เอ่ยถามเขาอีก เขาก็จะทำเป็นไม่เห็นไม่ได้ยิน!
ในตอนที่หยานชิงเจ๋อกำลังจะเอ่ยความในใจบอกต่อไปให้จบนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยขึ้นอย่างตกตะลึงเล็กน้อยว่า “คุณคะ ทำไมถึงใส่กระโปรงแล้วเดินเท้าเปล่าแบบนี้ที่นี่ละคะ? ให้ฉันช่วยคุณตามหมอดีไหมคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงสาวเท้าไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนที่สายตาจะหันไปสบตามองที่หัวมุมอีกทางหนึ่ง นั่นจึงทำให้เห็นซูสือจิ่นเข้าให้แล้ว
เขารู้สึกว่า เขานั้นราวกับว่าไม่รู้จะอธิบายลักษณะของแววตาของเธอในตอนนี้อย่างไรดี
จำว่าอย่างไรดีนะ? ซูสือจิ่นไม่ได้ร้องไห้ แม้กระทั่ง บนใบหน้าก็ไม่มีสีหน้าอื่นใดอยู่เลย แต่ทว่า นัยน์ตาของเธอกลับคล้ายกับเด็กทารกแรกเกิดที่จับจ้องมองมาเลยก็ไม่ปาน แต่ทว่ากลับปกปิดความรู้สึกมากมายและซับซ้อนเอาไว้อยู่
เธอสบตามองเขาเช่นนั้น ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน อีกทั้งก็ไม่เอ่ยอะไรด้วย
แม้กระทั่ง แม้กระทั่งใจตอนที่จู่ ๆ เขานั้นหันกลับมา เธอก็ไม่มีความตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอที่มองดูแล้ว ดูเงียบสงบมากกว่าตอนไหน ๆ ในยามปกติเลย
แต่ทว่า หัวใจของหยานชิงเจ๋อ กลับมีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลย ว่ามันเป็นความรู้สึกสับสนตื่นตระหนกที่ตีตื้นขึ้นมา
ความรู้สึกนี้ ในช่วงชีวิตของเขา แทบจะไม่เคยมีเลย นอกเสียจาก สัญชาตญาณของเขาที่ยืนมือออกไปทางด้านหน้า แทบจะคิดอยากที่จะคว้าซูสือจิ่นเอาไว้
เธอไม่ได้ขยับไปไหน แต่ทว่า เป็นเพราะว่าระยะทางระหว่างพวกเขานั้นมีอยู่ ดังนั้นแล้ว เขาจึงคว้าจับได้เพียงแค่อากาศและความว่างเปล่า
หัวใจของเขามีความผิดหวัง ยากที่จะไม่สนใจได้ อีกทั้งบวกเข้ากับความหวาดกลัวเมื่อครู่นี้อีก นั่นจึงทำให้เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
เขากำลังหวาดกลัวอะไรอยู่?
กลัวว่าเธอจะได้ยินอย่างนั้นหรือ?
ไม่ เขาไม่ได้เคยเอ่ยปากบอกกับเธอเองไปแล้วหรือไง? ทำไมตอนนี้กลับกลัวว่าเธอจะได้ยินอีกล่ะ?
นัยน์ตาของหยานชิงเจ๋อฉายประกายความสับสนงุนงงขึ้นมา แต่ทว่า ไอ้ความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียของที่สำคัญอะไรสักอย่างนั้น กลับไม่สามารถมลายหายไปเพราะความงงงวยของเขาได้เลย กลับกัน กลับยิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
แม้กระทั่ง สายตาของเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังร่างของซูสือจิ่น ภายในสมองมีอะไรที่แขวนเอาไว้บางอย่าง บางทีหลายปีหลังจากนี้ เขาก็อาจจะจดจำสีหน้าของเธอในตอนนี้เอาไว้ไม่ได้แล้ว ทำให้เขานั้นราวกับว่าถูกทำให้หยุดเอาไว้อยู่ที่เดิม จับไม่ได้ รั้งเอาไว้ไม่อยู่ ไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างเดิมได้แล้ว