ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 286 เธอกล้าพาชู้มาหยอกล้อกันต่อหน้าเขา!
“หา?” ฟู่สีเกออึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตอบสนอง “ก่อนหน้านี้นายเลิกกับเจียงซีหยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? คืนดีกันแล้วเหรอ?”
หยานชิงเจ๋อเหลือบมองซูสือจิ่น แล้วพูดอย่างเฉยชา “ไม่นับว่าใช่”
“งั้นก็ยังไม่สำเร็จ?” ฟู่สีเกอหัวเราะ “ชิงเจ๋อ นายไม่มีน้ำยานี่หว่า!”
หยานชิงเจ๋อมองไปทางซูสือจิ่น ส่งสายตาพิฆาตออกมา แต่ว่าน้ำเสียงของเขากลับสงบนิ่ง “เล่นไพ่!”
ฟู่สีเกอดูออกว่าเขาไม่อยากพูด จึงไม่ได้ถามต่อ
ทุกคนเล่นไพ่กันสักพักหนึ่ง พ่อครัวบอกว่าอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจึงไปที่ห้องอาหารพร้อมกัน
ทุกคนนั่งล้อมวง ที่นั่งของซูสือจิ่นถูกหลานเสี่ยวถางจัดแจงไว้ข้างลั่วฝานหวา ส่วนหยานชิงเจ๋อกลับนั่งตรงข้ามเธอ
ฤดูหนาว ทุกคนทานหม้อไฟยวนยาง ไอน้ำหนาแน่นกั้นไว้ ใบหน้าของหยานชิงเจ๋อเลือนรางนิดหน่อย
เมื่อซูสือจิ่นเงยหน้า แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมองหน้าเขา
มือที่จับตะเกียบของเธอเหมือนจะไม่ค่อยฟังคำสั่งเท่าไหร่ จนกระทั่ง ลั่วฝานหวาที่นั่งอยู่ข้างเธอสังเกตเห็นว่าเธอเหม่อลอย จึงคีบผ้าขี้ริ้ววัวใส่ในถ้วยของเธอ “ถ้าต้มต่อจะแก่แล้ว”
ซูสือจิ่นหันหน้ามา ยิ้มให้เขา
หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าตอนนี้เขาใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่ออดทนแล้ว
ถึงเขาจะไม่ยอมรับว่าซูสือจิ่นคือภรรยาของเขา แต่ว่าไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถทนให้เธอพลอดรักกับชายอื่นได้!
เขายกเหล้าบนโต๊ะ ดื่มจนหมด เขารู้สึกแสบร้อนในกระเพาะ ความโมโหในใจก็สะท้อนออกมา ดูเหมือนว่าจะควบคุมไม่ได้เล็กน้อย
“ฉันออกไปสูดอากาศ” หยานชิงเจ๋อพูดแล้วลุกขึ้นยืน
“ชิงเจ๋อเป็นอะไรไป?” สือมูเฉินเห็นหยานชิงเจ๋อเดินออกไป ถึงได้ถามซูสือจิ่น “สือจิ่น เธอรู้ไหม?”
อันที่จริงซูสือจิ่นสังเกตหยานชิงเจ๋ออยู่ตลอด
ลั่วฝานหวาคือคนที่เธอให้มาช่วยลองเชิงเขา และท่าทางของเขาในวันนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ
แต่เธอไม่รู้ว่าความไม่พอใจของเขา มันเป็นความเป็นเจ้าของหรืออะไรบางอย่าง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ซูสือจิ่นส่ายหน้า “วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีมาตลอด”
“งั้นเดี๋ยวฉันว่างแล้วถามดู” สือมูเฉินพยักหน้า จากนั้นก็คีบอาหารให้หลานเสี่ยวถางต่อ
เมื่อทานหม้อไฟเสร็จ ทุกคนดื่มเหล้านิดหน่อย พูดคุยกันอย่างดี สำหรับลั่วฝานหวาก็คุ้นเคยกับทุกคนมากขึ้น
ในตอนที่กลับมาห้องรับแขก ลั่วฝานหวาเห็นหยานชิงเจ๋อกลับมา จึงพูดกับทุกคน “ไม่งั้นพวกเรามาเล่นเกมกันไหม?”
“เกมอะไร?” ซูสือจิ่นพูดอย่างสนใจใคร่รู้
“อันที่จริงดัดแปลงมาจาก “คำสารภาพเงียบๆ” ลั่วฝานหวาพูดอธิบาย “ผมปรับเปลี่ยนนิดหน่อย วันนี้พวกเรามีกันเจ็ดคน ทุกคนสามารถกำหนดเป้าหมายหนึ่งคนในนี้ เขียนคำพูดประโยคหนึ่งโดยไม่ระบุชื่อ สุดท้าย ทุกคนส่งมอบกระดาษข้อความออกมา จากนั้นก็เลือกคนหนึ่ง อ่านข้อความข้างต้นให้ทุกคนฟัง”
เฉียวโยวโยวได้ฟัง ดวงตาเปล่งประกาย “ไม่ระบุชื่อเหรอ อันนี้น่าสนุก!”
หลานเสี่ยวถางก็ยกมือ “ไม่มีปัญหา”
พวกผู้หญิงตกลงกันหมด แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีความคิดเห็นอะไร หลานเสี่ยวถางจึงหากระดาษเจ็ดแผ่นกับปากกาเจ็ดด้ามมา แล้วแจกจ่ายให้ทุกคน “แต่ว่าพวกเราสนิทกันมากเกินไป ดังนั้นในตอนที่ทุกคนเขียน พยายามอย่าเปิดเผยลายมือของตัวเอง”
เมื่อแบ่งให้ทุกคนเสร็จ หลานเสี่ยวถางหยิบปากกาขึ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขียนประโยคหนึ่ง “อยู่กับคุณมีความสุขมาก”
เมื่อเขียนเสร็จ เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นนิดหน่อย ใบหูร้อน จากนั้นก็พับกระดาษ แล้วเก็บไว้ด้านข้าง
ส่วนซูสือจิ่นที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ กำปากกาไว้อยู่นาน แต่ก็ยังไม่เริ่มเขียน
เวลานี้ ลั่วฝานหวาขยับมาข้างหูเธอ แล้วกดเสียงต่ำ “ขนาดไม่ระบุชื่อก็ไม่กล้าเขียน?”
ซูสือจิ่นตื่นตระหนก อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา
“ไหนพูดว่าจะพยายามสักครั้ง ถ้าหากไม่มีความกล้า งั้นก็ยอมแพ้โดยดีเถอะ!” ลั่วฝานหวาพูด
ซูสือจิ่นได้ยินคำพูดของเขา พยักหน้า แล้วยิ้มให้เขา
หยานชิงเจ๋อนั่งอยู่ข้างพวกเขา เห็นทั้งคู่ซุบซิบกัน ปากกาในมือของเขาแทบจะถูกเขาทำหัก
เขากำด้ามปากกาแน่น ผ่านไปสักพักใหญ่ ถึงได้เขียนลงประโยคหนึ่ง กระดาษแทบจะทะลุ
ตอนนี้ซูสือจิ่นก็เขียนเสร็จแล้ว
เธอมองดูตัวอักษรสามคำด้านบน ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เขียนเพิ่มอีกสามคำกับเครื่องหมายจุลภาคตัวหนึ่งเพิ่มด้านหน้า จากนั้นก็พับกระดาษ แล้วเก็บเอาไว้
ในไม่ช้า ทุกคนก็เขียนเสร็จ หลานเสี่ยวถางพูด “งั้นฉันเก็บกระดาษแล้วนะ!”
เธอเก็บกระดาษทั้งหมดไว้ จากนั้นก็ทำกระดาษให้มั่ว ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากด้านใน เธอยิ้มแล้วพูด “พวกเรามาดูกันว่ากระดาษแผ่นแรกเขียนอะไร”
“ว้าว แผ่นแรกก็น้ำเน่าขนาดนี้!” หลานเสี่ยวถางอ่านออกมาทีละคำ “อย่าระแวง ฉันจะดีต่อคุณ”
“wow นี่ใครเขียนกันนะ?” เธอกวาดตามองไปที่ทุกคน จากนั้นก็หยุดสายตาอยู่ที่ลั่วฝานหวา “ฝานหวา ใช่คุณไหม?”
ลั่วฝานหวาโบกมือ “กฏนี้คือต้องเดาด้วยตัวเอง ดังนั้นผมบอกพวกคุณไม่ได้!”
“ก็ได้ มีสองเป้าหมายที่น่าสงสัยในใจของฉัน” หลานเสี่ยวถางพูด “เดี๋ยวอ่านออกมาทั้งหมด ใช้วิธีกำจัด ก็น่าจะเดาได้ว่าเป็นใคร”
ขณะที่พูด เธอเอากองกระดาษส่งให้สือมูเฉิน ให้เขาเลือกอ่านแผ่นหนึ่ง
สือมูเฉินหยิบกระดาษใบหนึ่ง แล้วพูดขึ้น “จำคำที่ฉันพูดกับคุณวันนี้ไว้”
สือมูเฉินอ่านจบ ซูสือจิ่นอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น มองไปทางหยานชิงเจ๋อ
เป็นไปอย่างที่คิด เขากำลังมองเธออยู่ด้วยสายตาตักเตือน
นี่คือสิ่งที่เขาพูดกับเธอ? เธอใจสั่นเล็กน้อย แล้วมองไปทางอื่น พยายามทนต่อแรงกดดันจากเขา แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
จากนั้น กระดาษก็ถูกส่งต่อไปที่ลั่วฝานหวา
เขาหยิบขึ้นมาดู แล้วอ่าน “อยู่กับคุณดีใจมากจริง ๆ”
ฟู่สีเกอได้ยิน ก็มองไปทางเฉียวโยวโยว
นี่เธอเป็นคนเขียนใช่ไหม? งั้นเธอรู้ไหม ว่าที่หลานเสี่ยวถางอ่านเมื่อครู่ เขาเป็นคนเขียนให้เธอ?
เขาดึงแขนเฉียวโยวโยว จากนั้นก็กุมมือเธอไว้
เฉียวโยวโยวขยับเขยื้อน แต่มือหลุดออกมาไม่ได้ จึงปล่อยให้เขาจับอยู่แบบนั้น
จากนั้น หยานชิงเจ๋อเปิดออก แล้วอ่าน “อยู่กับคุณมีความสุขมาก”
จากนั้น ฟู่สีเกอก็อ่านอีกแผ่นที่เหมือนกัน “อยู่กับคุณมีความสุขมาก”
เขาอ่านจบ ก็มองไปทางสือมูเฉินทั้งคู่ “แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นพวกนาย รู้ใจกันขนาดนี้?!”
สือมูเฉินเลิกคิ้ว แสดงความชื่นชม ว่าเขาเห็นด้วย
ตอนนี้ กระดาษข้อความยิ่งอยู่ยิ่งน้อย จนกระทั่งเฉียวโยวโยวเริ่มอ่าน “ฉันชอบคุณจริง ๆ”
เพราะว่าเหลือกระดาษเพียงสองแผ่น ดังนั้นเมื่อถึงซูสือจิ่น ก็เหลือเพียงแค่กระดาษใบเดียว เป็นแผ่นที่เธอเขียนเอง
เธอหัวใจเต้นแรง พยายามอย่างมากที่จะควบคุมมือของตัวเอง เพื่อไม่ให้มือสั่น แต่ว่ามีแต่เธอที่รู้ ว่าในมือของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
“ขอโทษด้วย ฉันรักคุณ” เธอเอ่ยปากขึ้น
นี่คือสิ่งที่เธออยากจะพูดกับหยานชิงเจ๋อ เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่พูดคำที่อยากจะพูดออกมาต่อหน้าเขา
คำพูดสั้น ๆ หกพยางค์ ทำให้เธอแทบจะหมดแรง เธอรีบเอามือไว้ด้านหลัง นิ้วมือสั่นไม่เป็นท่า
ลั่วฝานหวาเห็นแบบนี้ จึงยื่นแขนออกไป โอบบ่าซูสือจิ่นไว้
เธอรู้สึกได้ถึงแรงของเขา หัวใจที่เดิมทีเป็นกังวลจนแทบจะบินออกมา ค่อย ๆ กลับสู่ช่องอก
“แทบจะเป็นคำสารภาพรักทั้งหมด!” ฟู่สีเกอยิ้มให้เฉียวโยวโยวแล้วพูด “ยายโง่โยว รู้ไหมว่าแผ่นไหนผมเป็นคนเขียน?”
ตอนนี้เฉียวโยวโยวก็พอเดาออกได้แล้ว เธอรู้สึกซาบซึ้ง กัดปาก แล้วพูดเสียงเบา “คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันระแวง?”
“ดูท่าทางตอนนอนก็รู้แล้ว!” ฟู่สีเกอพูด “ต่อไปไม่ต้องกอดผ้าห่มแล้ว กอดผมก็พอ!”
“โรคจิต!” เฉียวโยวโยว “พูดอะไรก็ปะติดปะต่อไปด้านนั้นหมด!”
เพียงแต่ขณะที่ทุกคนพูดคุยกันสนุกสนาน หยานชิงเจ๋อกลับรู้สึกปวดขมับ
เมื่อกี้ นอกจากกระดาษแผ่นนั้นที่เขาเขียน แผ่นอื่นเป็นคำรักทั้งหมด!
ไม่ต้องพูดถึงฟู่สีเกอกับเฉียวโยวโยวจริงจังหรือเปล่า พวกเขาพลอดรักกันก็ช่างเถอะ ถ้างั้นที่เหลือล่ะ?!
จะดูแลคุณอย่างดี, ขอโทษ ฉันรักคุณ ยังมีอีก “อยู่กับคุณดีใจมากจริง ๆ” อันไหน คือซูสือจิ่นเขียนให้ลั่วฝานหวา?!
หยานชิงเจ๋อกำหมัด เขากับซูสือจิ่นจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ไม่พูดถึงการจดทะเบียนสมรสระหว่างทั้งสองคนว่ายุ่งเหยิงหรือไม่ แต่ว่าตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป เขาไม่ได้สนใจเจียงซีหยู่อีกต่อไป
เธอมีส่วนร่วมในการแต่งงานครั้งนี้ แต่กลับกล้าสวมเขาให้เขาที่ด้านนอก?!
แถมตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งใจกล้า ถึงได้พาชู้มาหยอกล้อกันต่อหน้าเขา?!
หยานชิงเจ๋ออดกลั้นแรงกระตุ้นที่อยากจะฉีกลั่วฝานหวาเป็นชิ้น ๆ ไว้ เขารู้สึกว่าเขาอยู่ตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาลุกขึ้นยืน “ฉันมีธุระที่ต้องจัดการ พี่เฉิน ขอยืมห้องหนังสือพี่หน่อย”
“ตกลง” สือมูเฉินพยักหน้า จากนั้นก็เข้าไปตามเขา “ชิงเจ๋อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม?”
หยานชิงเจ๋อพูด “เรื่องอินเทอร์เน็ตกลางวันวันนี้ อาจจะเป็นเจียงซีหยู่เป็นคนทำ เขาเคยแตะต้องโทรศัพท์ของฉัน”
สือมูเฉินตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “เธอ?”
“อืม” หยานชิงเจ๋อพูด “แต่ฉันก็ยังส่งคนไปตรวจสอบคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้าหากไม่มีปัญหา งั้นก็…”
สือมูเฉินคิดในใจ ที่หยานชิงเจ๋ออารมณ์ไม่ดีเป็นเพราะเรื่องนี้
เขายื่นมือออกไปตบบ่าหยานชิงเจ๋อ “ชิงเจ๋อ ไม่ใช่ความผิดของนาย ถ้าหากเป็นเธอจริง ๆ ก็โทษที่พวกเราดูคนผิด”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนสือมูเฉินก็เดินออกไปจากห้อง ให้เขาอยู่คนเดียว
ตอนนี้ ในคฤหาสน์อีกหลังที่อยู่ห่างจากคฤหาสน์ของสือมูเฉินไม่ถึงห้าสิบเมตร บทสนทนากำลังดำเนินการอยู่
เมิ่งซินหรุ่ยกำลังทานยาแก้ท้องร่วงไปด้วย ดวงตาส่องประกายแล้วพูดไปด้วย “ซื่อหนิง เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ ฟู่สีจูบเด็กสาวคนหนึ่งที่งานแต่งงานวันนี้?!”
พ่อของฟู่สีเกอ ฟู่ซื่อหนิงพยักหน้า “อืม หน้าตาใช้ได้ ไม่รู้ว่าใช่แฟนของเขาหรือเปล่า”
“แม่เจ้า ลูกชายของฉันในที่สุดก็มีสติแล้ว ชอบผู้หญิงแล้ว!” เมิ่งซินหรุ่ยรู้สึกว่า ท้องที่เสียดีขึ้นทันที เธอกลัดกลุ้มใจมาก “ทำไมเมื่อวานฉันถึงได้กินของเสีย? ฮือฮือ ไม่ได้เห็นหน้าตาของเด็กสาวคนนั้น ทำยังไงดี?”
ฟู่ซื่อหนิงเคยชินกับท่าทางของภรรยาแล้ว เขาพูดอย่างเรียบเฉยมาก “เธอเป็นเพื่อนเจ้าสาว ตอนที่ผมจะกลับมาได้ยินสีเกอพูดว่า พวกเขาไปปาร์ตี้ที่บ้านของสือมูเฉินคืนนี้”
“ทำไมไม่บอกแต่แรก?!” เมิ่งซินหรุ่ยวางแก้วน้ำ ลุกขึ้นจากโซฟาในทันที “ฉันจะไปบ้านมูเฉินตอนนี้!”
ฟู่ซื่อหนิงห้ามเธอไว้ “พวกเขาวัยรุ่นปาร์ตี้กัน คุณไปที่นั่นแล้วพูดว่าจะดูว่าเด็กคนจะดีเหรอ? รอให้มีเวลา ค่อยถามสีเกอว่าจริงจังไหม ถ้าหากจริงจัง ก็พากลับมาเจอพวกเรา!”
“ไม่ได้ ไม่ไปดูคืนนี้ฉันนอนไม่หลับแน่” เมิ่งซินหรุ่ยเขย่าแขนของสามี “ฉันนอนไม่หลับก็จะส่งเสียงจนคุณนอนไม่ได้ สามีคะ ให้ฉันไปดูได้ไหมคะ…”
ฟู่ซื่อหนิงถูกขัดจนหมดหนทาง “ตกลง คุณไปคนเดียวนะ ผมไม่ไปให้ขายขี้หน้า”
“คุณดีที่สุดแล้ว!” เมิ่งซินหรุ่ยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างตื่นเต้น “ฉันกลับมาแล้วจะบอกสถานการณ์กับคุณ!”