ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 289 คนที่คุณกอดอยู่ เป็นภรรยาของผม
“วางใจเถอะ ผมยังหนุ่มยังแน่นอยู่นะ!” ฟู่สีเกอตบเข้าที่หน้าอกของตนเองไปมา เมื่อเห็นว่าเฉียวโยวโยวออกมาแล้ว ดังนั้นจึงรีบตัดบทไปในทันที
เป็นเพราะว่าฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยวย้ายบ้าน ดังนั้นแล้ว ลั่วฝานหวาจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “มูเฉินครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมจะไปส่งสือจิ่นกลับก่อนแล้วนะครับ”
สือมูเฉินพยักหน้า “ยาของสือจิ่นเอาไปด้วยหรือยังครับ?”
“ครับผม เอามาด้วยแล้วครับ” ลั่วฝานหวาพูดไป ก่อนจะหันไปกล่าวลากับหยานชิงเจ๋อ “คุณหยาน พวกเราต้องขอตัวกลับก่อนแล้ว”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ทว่ากลับใช้สายตาทิ่มแทงแหลมคมมองไปยังซูสือจิ่นแทน
หัวใจของเธอสั่นเทาเล็กน้อย เขาโกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว อีกประเดี๋ยวคง……
ในตอนที่ซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวากำลังไปเข้าห้องน้ำก่อนนั้นเอง อีกทั้งยังเป็นในตอนที่กำลังตระเตรียมตัวที่จะจากไปแล้ว หยานชิงเจ๋อเองก็กล่าวลากับสือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินออกไปที่หน้าประตูก่อน
ซูสือจิ่นเดินด้วยเท้าเพียงข้างเดียวออกมาจากห้องน้ำ เมื่อไม่เห็นหยานชิงเจ๋อแล้ว หัวใจของเธอก็ยิ่งดังขึ้นราวกับตีกลอง อดไม่ได้ที่จะหันไปเอ่ยกับลั่วฝานหวาเสียงเบาว่า “พวกเราเคยทดสอบไปแล้วหรือยังคะ?”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นครับ เขาจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาหรอก” ลั่วฝานหวายิ้มก่อนจะเอ่ยว่า “เห็นได้อย่างชัดเจนเลยครับว่าวันนี้เขาออกอาการหึงหวงแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณก็ยังไม่ได้หมดหวังเสียไปหมดนะครับ”
“จริงหรือคะ?” นัยน์ตาของซูสือจิ่นเป็นประกายขึ้นมาในทันที
“อย่ามาแสดงท่าทางดีอกดีใจต่อหน้าผมมากขนาดนี้สิครับ ผมเห็นแล้วอิจฉาริษยานะ” ลั่วฝานหวาเอ่ย
“อา ขอโทษค่ะ” ซูสือจิ่นหลุบตาลงต่ำ
“ไม่เป็นไรครับ เมื่อครู่นี้ผมก็แค่พูดไปเรื่องเท่านั้นเอง” ลั่วฝานหวาหัวเราะ “คุณไม่ได้บอกเองหรือไงครับว่าจะพยายามสองเดือนน่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมจะเป็นเพื่อนคุณทดสอบมันสองเดือนเอง กลับกัน ถ้าหากว่าคุณพ่ายแพ้แล้วละก็ เรื่องค่าตอบแทนผมน่ะจะต้องเก็บมันอย่างแน่นอนเลยนะครับ!”
“ฉันจะต้องชนะให้ได้อย่างแน่นอนค่ะ” ซูสือจิ่นเอ่ย
“ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ขออวยพรให้คุณโชคดีนะครับ!” ลั่วฝานหวาพูดไป ก่อนจะอุ้มซูสือจิ่นขึ้นมา ก่อนจะหันไปกล่าวลากับสือมูเฉินแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไปแล้ว
ที่คฤหาสน์อีกทางหนึ่งคือที่จอดรถ ลั่วฝานหวาพึ่งจะอุ้มซูสือจิ่นแล้วเดินมาถึงประตูทางเข้าของที่จอดรถเมื่อครู่นี้เอง ก็มองเห็นแล้วว่าที่นั่นมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนหน้าแล้ว
ซูสือจิ่นมองท่าทางของเขา ร่างทั้งร่างจึงอดไม่ได้ที่จะแข็งค้างไปเล็กน้อย
เธอคิดอยากที่จะกระโดดลงมา แต่ทว่า ลั่วฝานหวาอุ้มเธอเอาไว้ในท่าเจ้าสาวอยู่ ถ้าหากว่าออกแรงเข้า เธอนั้นไม่สามารถที่จะดิ้นให้หลุดได้เลย
หยานชิงเจ๋อสบตามองเงาของซูสือจิ่นทั้งสองคนบนพื้น หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ หันกลับมาอย่างเชื่องช้า แล้วหันไปเอ่ยกับลั่วฝานหวาว่า “คุณลั่ว ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลเสี่ยวจิ่น ตอนนี้ ส่งคนคืนมาให้ผมได้แล้วครับ!”
น้ำเสียงของเขานั้นเป็นปกติราบเรียบเป็นอย่างมาก นัยน์ตาก็เป็นประกายเย็นยะเยือกเช่นกัน แต่ทว่า ท่าทางที่เขายืนอยู่ในตอนนี้นั้นกลับแสดงความดื้อรั้นแข็งกร้าวออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ซูสือจิ่นรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขาไม่ได้ไม่รักเธอไม่ใช่หรือไง หรือว่าศักดิ์ศรีของผู้ชายนั้นสำคัญมากขนาดนั้นจริง ๆ ถึงทำให้เขาคิดอยากที่จะแย่งชิงเธอกลับไปก่อนเองมากขนาดนี้น่ะ?!
ลั่วฝานหวาหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับผม ผมไปส่งสือจิ่นกลับบ้านเองดีกว่าครับ ตระกูลลั่วกับตระกูลซูของพวกเราเดิมก็มีงานหมั่นกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ผมกับสือจิ่น……”
“คนที่คุณอุ้มอยู่ เป็นภรรยาของผม” น้ำเสียงเย็น ๆ ของหยานชิงเจ๋อเอ่ยแทรกคำพูดของลั่วฝานหวาขึ้นมาแล้ว
ร่างทั้งร่างของซูสือจิ่นตกตะลึงในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หยานชิงเจ๋อยอมรับความสัมผัสระหว่างพวกเขาต่อหน้าสาธารณะ!
เธอรู้สึกว่าจู่ ๆ หัวใจที่มอดไหม้ไปแล้วของตนเอง แทบจะส่อให้เห็นเค้าลางของการฟื้นฟูอีกครั้งเลย!
ในตอนนั้นเอง บรรยากาศในลานจอดรถนั้นเงียบสงบลงไปในทันที ราวกับว่าคำพูดที่หยานชิงเจ๋อเอ่ยออกมาเมื่อครู่นี้นั้น เป็นเพียงแค่คำพูดที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไรประโยคหนึ่งเท่านั้น
ลั่วฝานหวากับหยานชิงเจ๋อสบตามองกันอยู่นาน ถึงจะหันไปก้มศีรษะแล้วเอ่ยถามซูสือจิ่นว่า “สือจิ่น เขาพูดจริงหรือเปล่าครับ?”
ซูสือจิ่นรู้ ลั่วฝานหวาถามถึงท่าทีของเธอ
เธอพยักหน้า “จริงค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยว่าถ้าหากหยานชิงเจ๋อเกิดอาการหึงหวงขึ้นมาแล้วจะเป็นเช่นไร แต่ทว่า เธอกลับไม่อยากให้หยานชิงเจ๋อนั้นเข้าใจว่าเธอกับลั่วฝานหวานั้นมีอะไรกันจริง ๆ
เมื่อลั่วฝานหวาได้เห็นเธอเอ่ยขึ้นมาเช่นนั้นแล้ว ดังนั้นจึงส่งเสียงถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงหันไปเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อว่า “ครับ ผมทราบแล้วครับ”
พูดไป เขาก็ก้าวไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะส่งซูสือจิ่นให้กับหยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋ออุ้มซูสือจิ่นเอาไว้ อีกทั้งก็ไม่ได้หันไปกล่าวลาอะไรกับลั่วฝานหวาอีก ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปทางด้านข้างของรถของตนเองทันที
เขาวางซูสือจิ่นเอาไว้ที่เบาะข้างคนขับ หลังจากนั้น ก็สวมใส่เข็มขัดนิรภัยให้แก่เธอ สตาร์ตรถ หลังจากนั้นก็ขับจากไปแล้ว
ระหว่างทาง หยานชิงเจ๋อไม่ได้เอ่ยอะไรเลย ซูสือจิ่นเองก็ยิ่งไร้หนทางที่จะเอ่ยปากพูดเข้าไปกันใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว บรรยากาศภายในห้องโดยสารที่เล็กและแคบนี้ ทั้งหมดจึงเงียบสงบ
ซูสือจิ่นมองทิศทางที่หยานชิงเจ๋อขับรถไป หัวใจก็ยิ่งเต้นระรัวมากยิ่งขึ้น
เห็นได้อย่างชัดเจนมาก ไม่ใช่บ้านของเขา แล้วก็ยิ่งไม่ใช่บ้านของเธออีกด้วย แม้กระทั่ง ก็ดูเหมือนว่าไม่ใส่เส้นทางที่จะไปโรงแรม แต่ทว่าเป็น——
จู่ ๆ หัวใจของเธอก็มีคำสองคำเด้งขึ้นมาในทันที เรือนหอ!
ที่นั่นเธอเคยได้ยินมาโดยตลอด แต่ทว่ายังไม่เคยไปเรือนหอเลยแม้แต่ครั้งเดียว!
เขาจะพาเธอไปที่นั่นหรือ?!
ในขณะเดียวกันหัวใจของเธอก็รู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อย ภายในหัวใจมีความรู้สึกปีติยินดีอยู่เล็ก ๆ ราวกับว่าเป็นลำแสงที่เปล่งประกาย ก่อนที่จะสาดส่องลงมายังที่มืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ที่นั่น มีแสงจากดวงดาวกำลังเต้นระบำอยู่
ยี่สิบกว่านาทีต่อมา หยานชิงเจ๋อจดรถเอาไว้ในโรงจอดรถใต้คอนโดมิเนียมของเขา หลังจากนั้น ก็หยิบยาที่โรงพยาบาลจ่ายให้ในตอนเช้าโดยไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ ก่อนจะอุ้มซูสือจิ่นไปจนถึงห้องนอนของเขาแล้ว
ซูสือจิ่นพึ่งจะได้มาที่นี่เป็นครั้งแรกเลยจริง ๆ
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าหยานชิงเจ๋ออยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด เธอเองก็ตามเขาไปถึงต่างประเทศ ปีนี้เมื่อตอนต้นปีนั้นเอง เขาเห็นว่าราคาห้องชุดมันพุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอด ดังนั้นจึงซื้อมาหนึ่งห้อง ตกแต่งแล้วเรียบร้อย นั่นก็คือที่นี่
หลังจากที่เขากลับมาแล้ว เขาก็อาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองโดยตลอด ก็แทบจะไม่ค่อยจะได้มาที่นี่เลย เธอนั้นย่อมเคยได้ยินเพียงแค่เขาเอ่ยถึงเท่านั้นอยู่แล้ว ไม่เคยมาเช่นกัน
นี่แทบจะเป็นห้องที่สมบูรณ์แบบและได้มาตรฐานห้องหนึ่งเลย เพียงแต่ เฟอร์นิเจอร์นั้นล้วนถูกเปลี่ยนเป็นไม้โอ๊คชุดใหม่ ตัวห้องดูแล้วเรียบง่ายหรูหรา อีกทั้งยังดูไม่ได้ขาดความอบอุ่นอีกด้วย
หยานชิงเจ๋อสาวเท้าก้าวยาวเข้าไปในตัวห้อง หลังจากนั้น ก็วางซูสือจิ่นลงบนเตียงกว้าง
ร่างทั้งร่างสัมผัสเข้ากับความนุ่มนิ่มทันที ทำให้หัวใจของเธอเต้นกระตุก
เขา……
เพียงแต่ หลังจากที่หยานชิงเจ๋อวางซูสือจิ่นลงแล้ว ก็รีบออกจากห้องไปในทันที
หัวใจของซูสือจิ่นผ่อนคลายตัวลงไม่น้อย หลังจากนั้น ก็หันศีรษะกลับมาพิจารณาและครุ่นคิดใหม่อีกครั้ง
ที่แทบจะเป็นคอนโดมิเนียมสามห้องนอนสองห้องน้ำเลยนะ ดังนั้นแล้ว หยานชิงเจ๋อก็คงจะไปที่อีกห้องหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
ซูสือจิ่นหันศีรษะกลับไปมองตู้เสื้อผ้า เมื่อคิดได้ว่าคืนนี้ตนเองไม่มีชุดนอน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงกระโดดขาเดียวลงมาที่พื้น ก่อนจะเดินเข้าไปดูว่าภายในตู้เสื้อผ้ามีเสื้ออะไรที่สามารถสวมใส่ได้บ้าง
ในตอนที่เปิดตู้เสื้อผ้าออกมานั้นเอง ซูสือจิ่นตกตะลึงไปครู่หนึ่งเลย
ภายในตู้ล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ตัดป้ายราคาออกทั้งสิ้น มีทั้งเสื้อผ้าของผู้ชาย แล้วก็มีทั้งเสื้อผ้าของผู้หญิง
เสื้อผ้าของผู้หญิง……
จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที นี่คงจะเป็นเสื้อผ้าที่หยานชิงเจ๋อตระเตรียมเอาไว้ให้เจียงซีหยู่หรือเปล่านะ?
หรือจะบอกว่า ก่อนหน้านี้หยานชิงเจ๋อกับเจียงซีหยู่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่กันอย่างนั้นหรือ?
มือของเธออดไม่ได้ที่จะกำเข้าหากันแน่น จุดประกายไฟเดิมขึ้นมาอีกครั้ง แทบจะมอดไหม้ขึ้นอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
เสื้อผ้าด้านใน มีตั้งแต่ชุดนอนไปจนถึงชุดธรรมดา ทั้งหมดล้วนถูกเตรียมเอาไว้หมดแล้ว! ผู้ชายผู้หญิงแขวนเอาไว้ด้วยกัน ราวกับว่าเป็นสามีภรรยาที่ใช้ชีวิตร่วมกันทุกวันเลยก็ไม่ปาน!
จู่ ๆ หัวใจของเธอก็มีความเจ็บปวดราวกับจะฉีกขาดขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะมีของบางอย่างพรั่งพรูออกมาจากทรวงอก แล้วติดเข้าที่การหายใจของเธอจนทำให้หายใจเข้าออกได้อย่างยากลำบาก
มีชุดนอนอยู่ แต่ทว่า เธอกลับไม่ยินยอมที่จะสวมใส่มัน!
เธอยอมที่จะสวมใส่ชุดที่ไม่สบายชุดนี้ ยังดีกว่าที่จะยอมสวมใส่ชุดที่เขาตระเตรียมมันเอาไว้ให้ผู้หญิงคนอื่น! ถึงแม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าใหม่แกะกล่อง ผู้หญิงคนนั้นจะไม่เคยสวมใส่มันมาก่อนเลยก็ตามเถอะ!
ในตอนนั้นเอง เสียงในห้องอาบน้ำดังขึ้นมา ซูสือจิ่นตกใจในทันที มือจึงไปกระทบเข้ากับชุดนอนชุดหนึ่งเข้า ชุดนอนชุดนั้นจึงร่วงหล่นลงมาด้านล่าง
เธออดไม่ได้ที่จะต้องย่อตัวไปหยิบขึ้นมา
เพียงแต่ ในตอนที่เธอหยิบมันขึ้นมานั้นเอง ถึงค้นพบว่ามันเป็นชุดนอนวาบหวิวอีกต่างหาก!
หัวใจของเธอถูกจุดไฟขึ้นมาในทันที อยากที่จะฉีกกระชากชุดนอนให้ขาดเป็นจุณ!
แต่ทว่า ในตอนที่เธอกำลังจะฉีดชุดนอนเข้าแล้วจริง ๆ นั้นเอง จู่ ๆ ก็หันไปเห็นป้ายบอกขนาดชุดที่ด้านบนเข้าให้เสียแล้ว
เป็นไซซ์ M
เธอจำได้ เสื้อผ้าที่เจียงซีหยู่สวมใส่คือไซซ์ S
รูปร่างของเจียงซีหยู่สูงเพียงแค่หนึ่งร้อยหกสิบ อีกทั้งยังผอมด้วย ดังนั้นจึงสวมใส่ไซซ์ M ไม่ได้หรอก
แต่ทว่าเธอนั้นสูงหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ด โดยปกติแล้วก็สวมใส่ไซซ์ M
เมื่อซูสือจิ่นคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หัวใจก็แปรเปลี่ยนเป็นเต้นระรัว อดไม่ได้ที่จะหันไปมองป้ายบอกขนาดเหล่านั้นภายในตู้เสื้อผ้าทันที
เป็นไซซ์ M ทั้งหมดจริง ๆ! ไซซ์ S สักตัวก็ไม่มี!
เธอยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม ราวกับว่าแทบจะไม่อยากจะเชื่อสายตาของตนเองเลย
ที่เธอสามารถยืนยันได้อย่างชัดเจนเลยคือ เสื้อผ้าเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เสื้อผ้าที่หยานชิงเจ๋อตระเตรียมมันเอาไว้ให้เจียงซีหยู่!
แต่ทว่า เตรียมให้เธอจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ซูสือจิ่นอยากรู้ แต่ก็ทั้งหวาดกลัวความผิดหวัง
เธอยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที ก่อนจะหันไปมองป้ายบนเสื้อผ้าของผู้ชาย
ขนาดด้านบน ล้วนแล้วแต่เป็นไซซ์ของหยานชิงเจ๋อ
ดังนั้นแล้ว เธอไม่ได้คิดผิดไปแน่ นี่ก็คงจะเป็นเสื้อผ้าของหยานชิงเจ๋อกับผู้หญิงคนไหนสักคนเลยจริง ๆ แต่ทว่า ผู้หญิงคนนั้นอาจจะเป็นเธอก็ได้!
ซูสือจิ่นกัดริมฝีปาก รู้สึกว่าความรู้สึกภายในหัวใจตีรวนขึ้นมา แม้กระทั่งสมองก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงนี้ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ที่ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา ซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้นไปมอง หลังจากนั้นก็เห็นหยานชิงเจ๋อเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันรอบ
เส้นผมของเขายังคงมีหยดน้ำอยู่เลย หลังจากที่แช่น้ำร้อนชำระร่างกายเสร็จแล้วเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าความหล่อเหล่าของเขานั้นกลับเพิ่มมากขึ้นไปอีก เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอายุก็ตั้งยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้ว แต่ทว่ามองดูแล้วกลับคล้ายราวกับว่าพึ่งจะอายุยี่สิบปีต้น ๆ เท่านั้นเอง หล่อเหลาจนทำให้คนไม่อาจละสายตาจากไปได้เลย
เพียงแค่ หลังจากที่ซูสือจิ่นมองอยู่สองสามวินาทีแล้ว ทันใดนั้นเองก็รู้สึกอะไรได้บางอย่าง ก่อนจะรีบกักเก็บสายตาอย่างกุลีกุจอในทันที
ท่อนบนของเขาไม่สวมใส่อะไรเลย เธอทำได้เพียงแค่มองหน้าครู่เดียวเท่านั้น ก่อนที่สายตาจะเบนลงไปมองที่ตำแหน่งทรวงอกของเขา ราวกับว่าถูกน้ำร้อนลวกเข้าให้ก็ไม่ปาน
ซูสือจิ่นบีบประตูตู้เสื้อผ้าในมือแน่น รู้สึกว่าจู่ ๆ การหายใจก็บีบรัดตัวขึ้นมาในทันที แม้กระทั่ง แม้กระทั่งลำคอก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
หลังจากนั้น เธอรู้สึกได้ว่าหยานชิงเจ๋อนั้นเดินเข้ามาหาทีละก้าวทีละก้าวแล้ว
เธอไม่กล้าขยับ ไม่กล้าหันศีรษะกลับไปมอง รู้สึกเพียงแค่ว่าเท้าแทบจะรับน้ำหนักของร่างทั้งร่างเอาไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว
หยานชิงเจ๋อเดินมาถึงหน้าตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เขากวาดสายตามองเสื้อผ้าในตู้ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ก็หยิบชุดนอนผู้หญิงออกมาจากตู้ชุดหนึ่ง แล้วโยนไปบนเตียง “เปลี่ยนเสีย”
ซูสือจิ่นหันศีรษะกลับไปมอง ก่อนจะสบตามองหยานชิงเจ๋ออย่างตกตะลึง
นัยน์ตาของเขาเคร่งขรึม สายตาฉายประกายของความอันตราย
เธออดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลัง แต่ทว่ามีเพียงเท้าข้างเดียวเท่านั้นที่เคลื่อนไหวสะดวก ดังนั้นแล้ว จึงล้มลงไป แล้วนั่งลงบนเตียงกว้าง สีหน้าซีดเผือด “ถ้าอย่างนั้นแล้วพี่ออกไปก่อนครู่หนึ่งได้ไหมคะ?”
เดิมหยานชิงเจ๋อเองนั้นสามารถควบคุมอารมณ์ได้อยู่ แทบจะเป็นเพราะประโยคนี้นั้นจึงทำให้ไฟของเขาถูกจุดขึ้นมาทั้งหมดเสียแล้ว
เขาพุ่งเข้าไปหาก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับซูสือจิ่นกดเข้ากับเตียงกว้าง “ฉันออกไปอย่างนั้นหรือ?”
หัวใจของซูสือจิ่นเต้นระรัว “ถ้าอย่างนั้นแล้วพี่จะ จะ……”
เธอรู้สึกว่าหยานชิงเจ๋อใกล้กับเธอมาก ในระยะห่างที่อันตรายนี้เอง เธอนั้นแทบจะสามารถมองเห็นเรียวคิ้วที่เรียงตัวสวยของเขาได้อย่างชัดเจน อีกทั้งการหายใจเข้าออกของเขา ก็แทบจะตกลงเข้าที่ใบหน้าและข้างแก้มของเธอทั้งหมด
เป็นเพราะว่าคอเสื้อคาดิแกนของซูสือจิ่นเป็นแบบห่อไหล่ เมื่อเอนตัวลงไปเล็กน้อยแล้วจึงหดตัวเล็กลงมาก เมื่อถูกหยานชิงเจ๋อไล่บี้เข้ามาใกล้ ในตอนที่ซูสือจิ่นก้าวถอยหลังนั้นเอง คอเสื้อจึงไปตกที่อีกทาง ดังนั้นจึงเผยให้เห็นหัวไหล่ของเธอออกมาครึ่งหนึ่ง
สายตาของหยานชิงเจ๋อสบตามองลงไป
ในนั้น เป็นเพราะว่าเมื่อตอนเที่ยงเขาได้ยินเธอบอกว่าจะไปหาลั่วฝานหวาก็เลยบันดาลโทสะ ดังนั้นแล้วจึงออกแรงบีบมันจนแดงก่ำ ในตอนที่หัวไหล่ของเธอเปลือยเปล่านั้นเอง ที่ด้านบนไม่มีอะไรเลย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง กลับมีสายเสื้อในเพิ่มขึ้นมาสายหนึ่งเสียแล้ว!
จู๋ ๆ หยานชิงเจ๋อกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันที ก่อนที่นัยน์ตาจะหดตัวเร็วอย่างรวดเร็ว!
ตอนเช้าเธอสวมใส่ชุดของเพื่อนเจ้าสาว ไปโรงพยาบาลก็ยังคงเป็นชุดนั้นอยู่ แต่ทว่า รอให้เธอกับลั่วฝานหวาไปที่บ้านของสือมูเฉินแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นชุดนี้ไปแล้ว!
เห็นได้ชัดเลย เสื้อผ้าชุดนี้คงจะเป็นลั่วฝานหวากับซูสือจิ่นไปซื้อมันมาด้วยกัน! นอกจากจะซื้อเสื้อผ้าแล้ว ยังซื้อเสื้อชั้นในอีกด้วย!
ความคิดนั่นทำให้หัวใจของหยานชิงเจ๋อระเบิดโทสะออกมาในทันที
เธอกลับกล้าที่จะไปซื้อชุดชั้นในกับผู้ชายคนอื่น!
เมื่อคิดได้มาจนถึงตรงนี้แล้ว หยานชิงเจ๋อพุ่งมือเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงเสื้อคาดิแกนของซูสือจิ่นลงมาครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นเอง เสื้อชั้นในสีชมพูก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!