ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 290 เขาอยากที่จะฉีกผู้ชายคนนั้นเป็นชิ้น ๆ เลย!
ซูสือจิ่นตกใจกับการกระทำของหยานชิงเจ๋อในตอนนี้เป็นอย่างมาก
เธอยืนมือออกไปปกปิดทรวงอกของตนเองเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าซีดเผือดว่า “พี่ชิงเจ๋อ พี่อย่าทำแบบนี้สิคะ!”
หยานชิงเจ๋อหรี่ตาลง รู้สึกเพียงแค่ว่าสีชมพูตรงหน้ามันแยงตามากขึ้นกว่าเดิม แผ่นอกของเขากระเพื่อมขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่ได้ยินซูสือจิ่นบอกให้เขาอย่าทำแบบนี้
เขาแนบชิดใกล้เข้าไปหาเธอ “อย่าทำแบบนี้งั้นหรือ?!” แทบจะตกคอกออกมาเลย “ฉันเคยเตือนเธอไปแล้วหรือยัง?! ในตอนที่เธอกับไอ้ลั่วฝานหวาคนนั้นอยู่ด้วยกัน เธอได้คิดถึงสถานะของตัวเองบ้างหรือเปล่า?!”
ซูสือจิ่นยกมือขึ้น คิดอยากจะผลักหยานชิงเจ๋อที่กำลังบันดาลโทสะให้ออกห่าง แต่เขากลับคว้าจับมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวเสียแล้ว หลังจากนั้นจึงออกแรงดันมันให้ชูขึ้นเหนือศีรษะ แล้วกดเข้ากับเตียงกว้าง
ซูสือจิ่นหวานกลัวขึ้นมาแล้วจริง ๆ เธอส่ายหน้าอธิบายว่า “ฉันกับลั่วฝานหวาไม่ได้มีอะไรกัน——”
“ฝานหวา สือจิ่น กระดากหูจะตายอยู่แล้ว!” หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าที่ขมับของเขาเต้นตุบ ๆ
การแต่งงานนี้เป็นเธอที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อน เขาที่มีแฟนสาวอยู่แล้วดังนั้นจึงต้องเลิกรากันไปเพราะเหตุนี้ แต่เธอกลับ กลับกล้าที่จะนอกใจสวมหมวกเขียวให้กับเขา!
“พี่ชิงเจ๋อคะ พี่ฟังฉันพูดก่อน ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ นะคะ” ซูสือจิ่นหยิบคำมาอธิบาย “พี่อย่าเป็นแบบนี้สิคะ ฉันจะเลิกบล็อกพี่ก็ได้นะ……”
เธอยังกล้าที่จะเอ่ยถึงเรื่องบล็อกอีก!
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่ายิ่งซูสือจิ่นอธิบายมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าไฟโทสะนี้มันมาจากที่ไหนกันแน่ รู้สึกเพียงแค่ว่าริมฝีปากของเปิดที่ขยับขึ้นลงไม่หยุดนั่น มันทำให้ไฟโทสะของเขานั้นยิ่งปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด!
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงใช้มือที่ว่างล็อกคอของซูสือจิ่นเอาไว้ ก่อนจะกดทับร่างลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วประทับจูบเพื่อหยุดปากของซูสือจิ่น
ทันใดนั้นเอง คำพูดดี ๆ ของซูสือจิ่นทั้งหมดนั้นราวกับว่าถูกกดปุ่มหยุดไปเลยก็ไม่ปาน ทันใดนั้นเองก็ติดอยู่ในลำคอแทนเสียแล้ว
เธอสบตามองใบหน้าของหยานชิงเจ๋อที่อยู่ใกล้อย่างตกตะลึง เรียวคิ้วเรียงตัวสวยของเขา จมูกที่โด่งเป็นสันของเขากระทบเข้ากับแก้มของเธอ หลังจากนั้นก็คือ——
เขาจูบเธอจริง ๆ!
สมองของซูสือจิ่นระเบิดดังตูม เดิมก็ไม่อยากที่จะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง
ส่วนหยานชิงเจ๋อเองในที่สุดก็รู้สึกว่าโลกสดใสขึ้นมาแล้ว
แต่ทว่า ไฟโทสะภายในหัวใจกลับยังไม่มีท่าทีที่จะมอดดับไปเลย
แม้กระทั่ง ในตอนที่เขาจูบเธอนั้นเอง เมื่อหวนนึกถึงเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่บนเรือนร่างอยู่ ล้วนแล้วแต่เป็นของที่ลั่วฝานหวาซื้อให้เธอทั้งสิ้น ในตอนที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า ลั่วฝานหวาอยู่ด้วยหรือเปล่า?!
ความรับรู้นี้ ทำให้ร่างทั้งร่างของหยานชิงเจ๋อราวกับว่าถูกเข็มทิ่มจนทรมานก็ไม่ปาน เขาปล่อยข้อมือของซูสือจิ่นให้เป็นอิสระ ก่อนจะยกมือทั้งสองข้าง แล้วดึงกระโปรงทางด้านล่างของเธอลง
ซูสือจิ่นตกใจจนกระทั่งต่อต้าน หยานชิงเจ๋อกดทับร่างของเธอเอาไว้แน่น ทั้งพรมจูบอย่างบ้าคลั่งไปพลาง ก่อนจะฉีกดึงเสื้อผ้าของเธอต่อไปพลางด้วย
กระโปรงไม่มีแล้ว กางเกงเลกกิ้งก็ไม่มีแล้ว ทันใดนั้นเอง ที่ด้านล่างเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในเท่านั้น
แต่ทว่าครึ่งบน เสื้อคาดิแกนในตอนที่ดิ้นต่อต้านนั้นเอง มันขาดไปครึ่งหนึ่งตั้งนานแล้ว ก่อนจะเผยให้เห็นเสื้อชั้นในที่อยู่ด้านใน
เสื้อชั้นในนั้นเป็นแบบเก็บทรงครึ่งเดียว ดังนั้นแล้ว อีกครั้งหนึ่งนั้นจึงเป็นทรวงอกกลมกลึงขาวนวล
นัยน์ตาของหยานชิงเจ๋อแดงก่ำในทันที
ไอ้ความรู้สึกที่ดินแดนของตนเองถูกรุกรานนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ควบคุมความคิดของเขาเอาไว้หมดแล้ว
เขาฉีกกระชากเสื้อคาดิแกนที่เดิมก็ขาดอยู่แล้วออก หลังจากนั้น ก็ไปจับเข้าที่สายเสื้อชั้นในของซูสือจิ่น
ซูสือจิ่นตกใจจนเป็นบ้าไปแล้ว
หยานชิงเจ๋อในรู้แบบนี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างเขาในตอนนี้ รู้หรือเปล่าว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?!
เขาไม่ได้เป็นคนเอ่ยกับปากของตัวเองหรือไงว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา เขากลับกล้าที่จะถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเธอออกเนี่ยนะ?!
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหยานชิงเจ๋อนั้นไม่มีประสบการณ์กับชุดชั้นในเลย เขาทำความเข้าใจมันอยู่นานก็ยังแกะไม่ออก ทันใดนั้นเองก็บันดาลโทสะขึ้นมาอีกแล้ว
แต่ทว่าเป็นเพราะว่าการเคลื่อนไหวของเขา ผ้าขนหนูที่ปกปิดร่างกายส่วนล่างของเขาจึงหลุดออกไปแล้ว ร่างทั้งร่างของเขานั้นแทบจะเปลือยเปล่าทั้งหมด
ซูสือจิ่นกำลังจะยกเท้าขึ้นขัดขืน แต่ทว่า ในตอนที่เท้าแตะเข้ากับอะไรบางอย่างนั้นแล้ว ร่างทั้งร่างก็แข็งค้างไปในทันที!
หยานชิงเจ๋อเองที่ถูกเตะเข้าก็ส่งเสียงคำรามออกมาครั้งหนึ่ง แต่ทว่า ร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็วแทน
ในตอนนั้นเอง เป็นเพราะว่าผ้าขนหนูหลุดออกไปแล้ว เขาก็กดทับร่างที่แทบจะไม่มีเสื้อผ้าปกปิดตัวของเธอเอาไว้แน่น ความรู้สึกเสียดเสียวนั้น มันเข้าสู่โสตประสาทของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ที่ริมฝีปาก ความรู้สึกอ่อนนุ่มนิ่มเช่นนี้ มันก็เข้ามารังแกสติสัมปชัญญะของเขาไม่ยอมหยุด
เป็นเพราะว่าเขากำลังปลดสายชุดชั้นในอยู่ ดังนั้นแล้ว เขานั้นแทบจะอยู่ในท่วงท่ากกกอดท่าหนึ่งเลยทีเดียว ทำให้ร่างทั้งร่างของเธอนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา
แต่ทว่าในเวลาต่อมานั้นเอง ในที่สุดชุดชั้นในก็ถูกเขาปลดออกเรียบร้อยแล้ว!
เขาดึงชุดชั้นในลง ในตอนที่แผ่นอกแนบชิดเข้าไปนั้นเอง รู้สึกราวกับว่าหัวใจแทบจะทะลุขึ้นมาในลำคอแล้ว
ร่างกายของซูสือจิ่นไม่สามารถขยับไปไหนได้เลย
หัวใจของเธอหวาดกลัว แต่ทว่า ร่างทั้งร่างกลับไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอเบิกตากว้างก่อนจะมองหยานชิงเจ๋อที่เธอไม่รู้จักคนนี้ รู้สึกเพียงแค่ว่าลำคอติดขัดอย่างรุนแรง ส่งเสียงออกไปไม่ได้
แม้กระทั่ง สมองของเธอก็เริ่มหนักอึ้ง เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าไม่ได้ดื่มเหล้าเสียหน่อย แต่ทว่ากลับรู้สึกว่าตนเองนั้นตื่นตระหนกจนคล้ายจะเป็นลมเสียแล้ว
หลังจากที่โยนชุดชั้นในทิ้งไปแล้ว ของบนร่างกายของซูสือจิ่นที่เกี่ยวข้องกับลั่วฝานหวา ในที่สุดก็ไม่มีแล้ว!
นัยน์ตาแดงก่ำของหยานชิงเจ๋อสบตามองเธอ ก่อนจะหายใจเข้าอย่างแรง “กางเกงในเป็นเขาที่ซื้อมันมาด้วยหรือเปล่า?” เขาผ่อนลมหายใจออกก่อนจะเอ่ยถาม
ซูสือจิ่นได้ยินไม่ชัดนัก ก่อนจะสบตามองหยานชิงเจ๋ออย่างเหม่อลอย
เขาเห็นว่าเธอไม่เอ่ยอะไร จึงนึกได้ทันทีเลยว่ากางเกงในก็เป็นของที่ลั่วฝานหวาซื้อให้ ทันใดนั้นเอง เขารู้สึกว่าตนเองนั้นอยากที่จะฆ่าคน! คิดอยากที่จะไปตระกูลลั่วแล้วลากลั่วฝานหวาออกมาฉีกเป็นชิ้น ๆ!
มือของหยานชิงเจ๋อไล่ลงมาจากแผ่นหลังของซูสือจิ่น ก่อนจะคว้าจับเข้าที่ปราการสุดท้ายของเธอ หลังจากนั้นก็ดึงมันลงมา!
เป็นเพราะการการกระทำของเขา ดังนั้นจึงสัมผัสเข้ากับเท้าข้างนั้นของเธอที่ได้รับบาดเจ็บ ซูสือจิ่นส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดออกมาครั้งหนึ่ง
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นเสียงร้องอย่างเจ็บปวด แต่ทว่า ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ กลับให้ความรู้สึกลามกวาบวามขึ้นมาแทนเสียแล้ว
จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อก็นึกอะไรขึ้นมาได้อีกทันที วันนี้เป็นเพราะว่าซูสือจิ่นไม่สบาย แทบจะเป็นเพราะไปที่นั่น ล้วนแล้วแต่มีลั่วฝานหวาคอยอุ้มเธออยู่ตลอดเลย!
ส่วนเขานั้น สามีในนามเช่นเขา ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่ถูกสวมหมวกเขียว!
เมื่อคิดมาได้จนถึงตรงนี้แล้ว นัยน์ตาของเขาล็อกไปที่ริมฝีปากของซูสือจิ่น ก่อนจะก้มศีรษะลงไป หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปจูบเธออย่างรวดเร็ว!
จูบของเขาราวกับพายุฝนที่บ้าคลั่ง เดิมซูสือจิ่นนั้นแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงหายใจอยู่ก่อนแล้ว ก็ถูกการกระทำอย่างบ้าคลั่งนี้ควบคุมเข้าเสียแล้ว
หัวใจของเธอสับสนเล็กน้อย อีกทั้งก็ยังรู้สึกหวานนิดหน่อย ซับซ้อนจนทำให้สมองของเธอนั้นยิ่งขาดอากาศและวิงเวียนมากขึ้นไปอีก
ร่างทั้งร่างของเธอบิดตัวไปมาอย่างไม่รู้ตัว คิดอยากที่จะดิ้นให้เป็นอิสระ คิดอยากที่จะหายใจเอาอากาศเข้ามา
เมื่อร่างกายถูกสัมผัสวาบวามนั่นเข้าให้แล้ว ความรู้สึกเสียดเสียวก็เริ่มแทรกซึมเข้าไปในจิตใจทันที หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าหน้าท้องน้อยนั้นบวมเบ่งอย่างน่ากลัว ก่อนที่จะอดใจเอาไว้ไม่อยู่เสียแล้ว เขาเริ่มเสียดสีร่างกายของเขาเข้ากับร่างกายของเธอ
แต่ทว่า ความรู้สึกเช่นนี้เดิมก็ไม่สามารถบรรเทาอะไรได้เลย เขารู้สึกได้ว่าด้านล่างราวกับถูกแมลงนับพันนับหมื่นตัวรุมกัดอยู่ ในสมองมีความคิดบ้าคลั่งส่งเสียงร้องไม่หยุด เลือดในกายพลุ่งพล่าน ไม่สามารถหาความสงบเยือกเย็นได้เลย!
เขาแยกขาทั้งสองข้างของเธอออกจากกัน รู้สึกถึงเธอที่ดิ้นรนอย่างรุนแรง เดิมก็ยังคงมีความคิดลังเลอยู่เล็กน้อย แต่จู่ ๆ ก็มีความรู้ประหลาดและเป็นหนึ่งเดียวกันออกมาทันที หยานชิงเจ๋อคว้าจับเข้าที่ช่วงเอวของซูสือจิ่นเอาไว้ หลังจากนั้น ออกแรงอย่างรวดเร็ว แล้วสอดใส่มันเข้าไปแล้ว!
ทันใดนั้นเอง ทั้งสองคงต่างก็ชะงักกันไปในชั่วขณะหนึ่ง
ซูสือจิ่นลืมที่จะขัดขืนไปแล้ว ทำได้เพียงแค่จ้องมองร่างของหยานชิงเจ๋ออย่างเหม่อลอย
ส่วนเขา เขากลับทำมันจริง……
หัวใจของเธอสับสนอย่างรุนแรง ความคับแน่นของร่างกายทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าคว้าจับสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้ได้แล้ว ความรู้สึกที่ตีกันเองเช่นนี้ ทำให้เธอนั้นแทบจะเวียนหัวในทันที
แต่ทว่าหยานชิงเจ๋อนั้นกลับนิ่งเหม่อลอยมากกว่าอีก
วันนั้นเป็นเพราะว่าเมาแล้ว อันที่จริงแล้วเขานั้นจำความรู้สึกได้ไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ทว่า เป็นเพราะเขานั้นไม่สามารถยอมรับได้ว่าตนเองกับซูสือจิ่นมีความสัมพันธ์กัน ดังนั้นแล้ว หลังจากนั้นเดิมก็ไม่ได้ไปหวนนึกถึงเรื่องราวในตอนนั้นอีกเลย
แต่ทว่า เขาในตอนนี้ ตื่นเต็มสติอย่างชัดเจน!
ในตอนที่เขามีสติอย่างชัดเจนเช่นนี้ เขากลับต้องการเธอ!
คำนวณขึ้นมาแล้ว นี่ก็ยังคงเป็นครั้งที่สองของเขา
ครั้งแรกก็กับเธอ ครั้งที่สองก็กับเธอ!
เป็นเพราะว่า ตอนที่เข้าเรียนอยู่ในตอนแรก ถึงแม้ว่าเขาจะเคยคบหาใครมาก่อน แต่ทว่าก็เป็นเพียงแค่ความรักในวัยเรียนที่ไปมาหาสู่ที่บ้านเท่านั้น ไปเรียนและเลิกเรียนด้วยกัน ไปติวหนังสือเองด้วยกัน อย่างมากที่สุดก็แค่จับมือถือแขน แตะริมฝีปากนี่ไม่ต้องเอ่ยถึง
แต่ทว่าหลังจากที่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็เปิดบริษัทด้วยกันกับสือมูเฉิน ในตอนนั้นสือมูเฉินเองก็เป็นนักศึกษาปีที่สีแล้ว ส่วนเขาขึ้นปีสาม ทั้งสองคนนั้นแทบจะทุ่มเททั้งเวลาทั้งแรงใจไปกับการเข้าร่วมบริษัททั้งหมด ช่วงเวลาคบหากับใครนั้นจึงไม่มีเลยจริง ๆ
หลังจากนั้น เขาก็รู้จักกับผู้หญิงไปเรื่อย ๆ อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงแค่การพูดคุยอย่างลามกสองสามประโยคเท่านั้น จนกระทั่ง เขาได้มาพบเจอเข้ากับเจียงซีหยู่
แต่ทว่า เขากับเจียงซีหยู่นั้นไม่ได้พัฒนากันไปจนถึงขั้นนั้น
ดังนั้นแล้ว ถ้าคำนวณขึ้นมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำในตอนที่ยังมีสติเต็มที่
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ารู้สึกว่าตนเองควรจะหยุดลงได้แล้ว แต่ทว่า ร่างกายของซูสือจิ่นที่โอบล้อมเขาเอาไว้อยู่นั้นมันนุ่มนิ่มและคับแน่นมาก ความรู้สึกคันยุบยิบเช่นนั้น ทำให้สติสัมปชัญญะของหยานชิงเจ๋ออ่อนแอจนไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
เขาเพียงแค่ขยับตัวไปด้านนอกเล็กน้อยเท่านั้น ก็ควบคุมไม่ให้พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของซูสือจิ่นไม่ได้แล้ว
เขารู้สึกว่าตนเองบ้าไปแล้ว แต่ทว่ากลับหยุดความบ้าคลั่งนี้เอาไว้ไม่ได้ แม้กระทั่ง เขาก็ยังคงขับเคลื่อนไปอย่างไม่รู้ตัวเช่นนั้นอยู่ตลอด เขารู้สึกว่าไฟในหัวใจนั้นของเขา ความโกรธเหล่านั้น มันเริ่มที่จะค่อย ๆ มลายหายไปแล้ว
เขาถอดใจที่จะต่อต้าน ก่อนจะก้มศีรษะลงไปประทับจูบกับซูสือจิ่นต่อ เขาจูบเธอไปพลาง ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบไล้เรือนร่างของเธอไปพลาง
ร่างกายของเธอสูงยาว เรือนร่างก็ดี เขารู้สึกว่าร่างกายของพวกเขานั้นสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เขานั้นควบคุมเส้นจิตใจของตนเองเอาไว้ไม่ได้เลย
หยานชิงเจ๋อผ่อนการเคลื่อนไหวลง ให้มันช้าลง หลังจากนั้น ก็ค่อย ๆ ลูบคลำในส่วนที่ควรจะทำ
ส่วนซูสือจิ่นเอง แรกเริ่มยังคงรู้สึกว่าปรับตัวไม่ได้เล็กน้อย รู้สึกคับแน่นนิดหน่อย ในตอนนี้ แม้กระทั่งความรู้สึกเล็กน้อยเหล่านั้นก็ไม่มีแล้ว
ภายในตัวห้อง โคมไฟส่องสว่างเล็กน้อย เธอสามารถสบตามองใบหน้าของหยานชิงเจ๋อได้อย่างชัดเจน เป็นฝันที่เธอฝันถึงมาหลายครั้ง แต่กลับไม่เคยคิดกล้าที่จะฝัน
ตามการเคลื่อนไหวของเขา ร่างทั้งร่างของเธอก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มขึ้น หลังจากนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะสอดรับเข้ากับจังหวะของเขาโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว
เขาไม่ได้กระแทกกระทั้นในเธออย่างรุนแรง แม้กระทั่ง การเคลื่อนไหวนั้นอบอุ่นและไม่ได้ทำให้เธอเจ็บเลย เธอรู้สึกได้ถึงร่างกายของพวกเขาที่สัมผัสกัน มีความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นมาแล้วโอบล้อมเธอเอาไว้ ก่อนจะลิดรอนความรู้สึกนึกคิดของเธอไป ทำให้สมองของเธอนั้นค่อย ๆ ว่างเปล่า
ในลำคอของเธอนั้นอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงน่าอายในยามปกติออกมาจากไรฟัน จูบของเขาก็อยู่ที่บริเวณลำคอของเธอ ในระหว่างทาง ทำให้ร่างกายของเธออดที่จะสั่นเทาเล็ก ๆ โดยอัตโนมัติไม่ได้
หลังจากนั้น ซูสือจิ่นรู้สึกว่าตนเองสมองขาวโพลนไปหมดแล้ว ในความขาวโพลนเลือนรางนั้น มีประกายดอกไม้ไฟสว่างขึ้นมา เธอควบคุมเสียงที่เปล่งออกไปไม่ได้ ส่วนหยานชิงเจ๋อเอง ก็รู้สึกได้ถึงความตื่นตัวของเธอ เขาเองก็ควบคุมไม่ไหวแล้ว และกำลังจะปลดปล่อย
เพียงแต่ ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีประโยคหนึ่งเมื่อสิบวันก่อนหน้านี้ดังขึ้นมาเข้าที่ใบหูของเขาทันที
จำได้ว่าในตอนที่ตรวจร่างกายเพื่อแต่งงาน หมอบอกว่า ผู้หญิงนั้นทานยาคุมฉุกเฉินไปนั้นจะไม่ดี ปีหนึ่งห้ามรับประทานเกินสองครั้งเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถส่งผลกระทบการตั้งครรภ์ในอนาคตอีกด้วย
หยานชิงเจ๋อไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ตนเองถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ แต่ทว่า การกระทำก็รวดเร็วกว่าสมองแล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะปลดปล่อยเพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น เขาก็ถอดถอนออกมาจากร่างกายของเธอย่างรวดเร็ว
ซูสือจิ่นรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่หน้าท้องน้อยในทันที เธอมองไปอย่างงุนงง ก่อนจะเห็นท่าทางในตอนนี้ของหยานชิงเจ๋อเข้าให้แล้ว
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ตามมาด้วย ใบหน้าที่เห่อร้อนในทันที