ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 293 พวกเราหย่ากันดีไหม
ตอนนั้น สือมูเฉินโตกว่าพวกเขานิดหน่อย แต่ไม่ใช่แบบในตอนนี้
แรกๆตอนโจวเหวินซิ่วยังอยู่บ้าน สือมูเฉินยังเป็นลูกชายที่เอ็นดูของพ่อแม่ ดังนั้นพาพวกเขาเล่นอย่างซุกซน หลายครั้งยังตีกันจนต้องเรียนผู้ปกครอง
เวลานั้น ซูสือจิ่นก็แค่ผู้ติดตามตัวน้อย เป็นคนรับผิดชอบถ่ายทอดคำพูดของผู้ปกครอง
เธอมีหน้าตาน่ารัก ดวงตากลมโต สุภาพนุ่มนวล ราวกับตุ๊กตาผ้าตัวหนึ่ง
แต่เธอเล่นขึ้นมาก็ซนมากเหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้เห็นเธอเป็นผู้หญิง รู้สึกเพียงแค่กลุ่มของตัวเองรับน้องชายคนหนึ่งมา
จนถึง เธอขึ้นม.1…
จำได้มีวันหนึ่ง เขาเล่นบ้านอยู่ที่โรงเรียนเธอ เธอเชียร์เขาอยู่ข้างๆ แต่เล่นไปถึงแค่ครึ่ง สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไป แล้ววิ่งด้วยความลนลาน
เขาเห็นเธอผิดปกติ โยนบอลตามไปทันที
วิ่งไปถึงเธอ เห็นปลายนิ้วเธอเป็นสีแดง เขาตกใจนึกว่าเธอบาดเจ็บ แล้วจะปั่นจักรยานพาเธอไปห้องพยาบาล
แต่ตอนนั้นเธอกลับหน้าแดง ขัดๆไม่ยอมไป
ถึงตอนสุดท้าย เขาถึงรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
นั่นคือรอบเดือนเธอมาครั้งแรก และเป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักถึง น้องชายของเขา เดิมเป็นเด็กผู้หญิง
ดังนั้น หลังจากครั้งนั้น เขาก็โอ๋เธอเหมือนคนบ้า
เพราะในความคิดเขา น้องชายมีไว้แกล้ง น้องสาวมีไว้โอ๋
เขาอิจฉาคนอื่นมีน้องชายน้องสาวมาตลอด หลังจากมีเธอ เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวของตัวเอง ทำดีกับเธอทุกอย่างที่คนคนหนึ่งสามารถทำให้ได้
เขามองเธอโตขึ้นทุกวัน นานวันยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดมีสายตาของผู้ชายที่อยากได้เธออยู่รอบตัว
ดังนั้น เขาไล่ผู้ชายพวกนั้นไปหมด จดหมายรักฉีกเป็นชิ้นๆ คิดในใจแค่ น้องสาวของฉัน พวกแกไม่คู่ควร!
ส่วนใครเหมาะสม เขาไม่เคยคิด คิดแค่ว่าอนาคตหากมีสักคนที่ดีพร้อมทุกด้าน ถึงพาเธอไปได้
และคนคนนั้น เขาไม่เคยเจอมาก่อนแค่นั้น
พวกเขาเป็นแบบนี้มาโดยตลอด โตมาถึงตอนนี้
ระหว่างทาง เขาเคยมีแฟน ทั้งหมดแค่เพียงเล่นๆ ตอนนี้มาคิดดู หน้าตาเป็นยังไง กลับจำอะไรไม่ได้สักนิดเดียว
ผู้หญิงในชีวิตของเขา นอกจากเจียงซีหยู่ เหมือนมีแค่เธอ
และเจียงซีหยู่…
หยานชิงเจ๋อจู่ ๆก็นึกถึงเรื่องมือถือ ในใจหนาวเย็นขึ้นทีละน้อย ความรู้สึกใจเต้นแรงที่มีให้เจียงซีหยู่ตอนเริ่มแรก เกือบจะหมดไปแล้ว
ราวกับทุกคนเป็นแค่แขกในชีวิต มีเพียงแค่ซูสือจิ่น อยู่ในโลกของเขามาโดยตลอด ในนามของน้องสาวมาเนิ่นนาน
เหมือนรู้สึกร้อนนิดๆ เวลานี้ ซูสือจิ่นที่อยู่ในอ้อมกอดจู่ ๆ ขยับตัว
“เสี่ยวจิ่นเป็นอะไรไป?”หยานชิงเจ๋อก้มศีรษะถามเธอ น้ำเสียงอ่อนโยนมากๆ
เธอที่เบลออยู่ได้ยินเสียงเขา พูดเสียงเบาว่า “น้ำ…”
ดังนั้นหยานชิงเจ๋อปล่อยซูสือจิ่น แล้วไปเทน้ำอุ่นแก้วหนึ่งมาให้เธอ
เขาพยุงเธอ ดื่มไปอึกหนึ่งด้วยความเคยชิน แล้วเม้มริมฝีปากเข้าไปใกล้
เธอมีสติกว่าก่อนหน้านี้มาก หลังจากริมฝีปากเขาประกบเธอ เธอก็อ้าปาก
ดังนั้น เขาป้อนน้ำเธออย่างช้าๆ
แต่ตอนเขากำลังจะผละออก เตรียมจะป้อนเธออีกครั้ง จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็ยื่นลิ้นเลียริมฝีปากเขา
รูม่านตาของหยานชิงเจ๋อขยายใหญ่ เขามองเธอ เธอกลับไม่รู้ตัว เม้มริมฝีปากเหมือนเดิม เหมือนอยากได้มากกว่านี้
หัวใจเต้นผิดจังหวะนิดๆ ผละออกอย่างรีบร้อน แล้วคิดว่าเธอดื่มน้ำเองได้แล้ว ถึงรีบเอาแก้วน้ำเข้าไปใกล้
อย่างที่คิดไว้ ซูสือจิ่นที่สะลึมสะลืออยู่ต้องการแค่ดื่มน้ำ เขาเอียงแก้วน้ำ เธอก็อ้าปากดื่มน้ำเอง
เพราะฉะนั้น เมื่อกี้…
หยานชิงเจ๋อถอนใจโล่งอก
ซูสือจิ่นดื่มน้ำเสร็จ รู้สึกสบายขึ้น มุมปากค่อยๆยกขึ้น ระหว่างคิ้วก็ผ่อนคลายลงช้าๆ
หยานชิงเจ๋อพาเธอกลับไปที่เตียงอีกครั้ง แล้วนอนลง ดึงเธอมากอดไว้เหมือนเดิม
เธอขยับเข้าไปอย่างเด็กดี หมอนอยู่บนหน้าอกเขา แล้วนอนต่อ
หยานชิงเจ๋อสวมชุดนอน เพราะกอดซูสือจิ่น กระดุมสองเม็ดเปิดออกเพราะการกระทำก่อนหน้านี้ ตอนซูสือจิ่นหายใจ ลมหายใจอุ่นอยู่ตรงหน้าอกเขา
เขารู้สึกคันนิดๆ แม้กระทั่งในความคิดเริ่มฟุ้งซ่านแบบคุมไม่ได้
ความรู้สึกแบบนี้มันแปลกมาก หรือเพราะว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะขึ้นอะไรกับเธอ
สัญชาตญาณของหยานชิงเจ๋อต่อต้าน งุ่นง่านอยู่ ถึงขนาดเริ่มคิดอีกครั้ง พรุ่งนี้หลังจากเธอตื่นมา เกิดความต่อต้านแบบนี้อีก เขาควรเผชิญหน้ากับเธอยังไง?
เขาถามตัวเอง แม้ว่าทั้งสองจะแนบชิดกันมาแล้วสองครั้ง แต่เขากลับรับความสัมพันธ์แบบนี้กับเธอไม่ได้เหมือนเดิม
เขาเป็นคนที่เผชิญหน้ากับความจริง แต่เป็นครั้งแรกของชีวิต อยากจะหนีความสัมพันธ์ที่เป็นความจริงแล้วแบบนี้
ลึกๆในใจวางตำแหน่งเป็นคนในครอบครัวมาสิบกว่าปีแบบนั้น เขาบอกตัวเองในช่วงเวลาสั้นๆไม่สามารถรับโชคชะตาที่ถูกทำลาย
“พี่ชิงเจ๋อ…”จู่ ๆ ซูสือจิ่นที่อยู่ในอ้อมกอดละเมอออกมาหนึ่งคำ
เขาได้ยินไม่ชัด ดังนั้น เอียงหูเข้าไปใกล้ริมฝีปากเธอ พูดว่า “เสี่ยวจิ่นเป็นอะไรไป?”
“อย่าโหดร้ายกับฉันได้ไหม…”น้ำเสียงเธอมีความวิงวอนอยู่เล็กๆ เพราะน้ำเสียงแหบนิดๆ ฟังแล้วยิ่งน่าสงสาร
ชั่วพริบตาหยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าหัวใจตัวเองเจ็บเหมือนถูกมือข้างหนึ่งที่ไร้รูปร่างกุมไว้อย่างแรง หายใจไม่ออก รวมไปถึงเจ็บปวดไปทั้งตัว
เขากอดเธอแน่น พูดอย่างเจ็บปวด “ฉันก็ไม่อยาก แต่ฉันรับไม่ได้จริงๆ…”
นิ่งเงียบอยู่นาน น้ำเสียงเขาสั่นเล็กน้อย “ทำไมพวกเราถึงเป็นแบบนี้?”
เธอเหมือนไม่ได้ยิน แต่พูดซ้ำๆต่อไป “อย่าโหดร้ายกับฉัน…”
เขาได้ยินน้ำเสียงเธอสะอื้นเล็กน้อย ยื่นมือไปสัมผัสแก้มเธออย่างห้ามไม่ได้ เป็นอย่างที่คิดสัมผัสโดนความเปียกชื้น
หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าฝ่ามือเหมือนโดนอะไรเผาแบบนั้น สั่นอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกัน เกิดความเจ็บจากก้นบึ้งในใจ ลามไปทั่วร่างกาย ทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
ซูสือจิ่นเหมือนจมดิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง เธอร้องไห้ เสียงหดหู่ ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยน้ำตา ราวกับถูกโลกทั้งใบทอดทิ้ง
หยานชิงเจ๋อไม่รู้จะปลอบโยนเธอยังไง เห็นเธอยังร้องไห้อยู่ ดังนั้นก้มศีรษะลงจูบที่ตาซูสือจิ่นอย่างไม่รู้ตัว
เขาสัมผัสได้ถึงความเค็ม ในความเข็มมีความขม ติดอยู่ที่ปลายลิ้น และเกิดความเจ็บปวดขึ้นจากก้นบึ้งในใจเข้าไปในกระดูก
เธอร้องไห้ตลอดเวลา เขาจูบแก้มเธอไปพลาง ยื่นมือลูบหลังเธอไปพลาง
อารมณ์ของเธอถึงค่อยๆสงบลงมา เขาจูบซับน้ำตาหยดสุดท้ายบนแก้มของเธอ จ้องเธอเนิ่นนาน กดน้ำเสียงที่สั่นไว้ “เสี่ยวจิ่น พวกเราหย่ากันดีไหม?”
เธอไม่ได้ตอบ เขาพูดต่อ“พวกเราถือเสียว่าเรื่องหลายวันมานี้ ไม่เคยเกิดขึ้น เธอยังเป็นน้องสาวของฉันเหมือนเดิม ฉันยังคงดีกับเธอเหมือนเมื่อก่อน…”
ครั้งแรกในชีวิตเขาที่หลอกตัวเอง หนีความเป็นจริง อยากกลับไปเหมือนเมื่อก่อน
เธอหยุดร้อง สงบนิ่ง จู่ ๆ ลืมตาขึ้น
หยานชิงเจ๋อนิ่งอึ้ง สบตาดวงตาที่แดงนิดๆของซูสือจิ่น
เธอมองเขานิ่งๆอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหลับลงไปอีกครั้ง
เขาไม่รู้ว่าเมื่อกี้เธอตื่นหรือว่าอะไร เรียกเธอเบาๆอย่างห้ามไม่ได้ “เสี่ยวจิ่น?”
เธอไม่ตอบ พิงอยู่ในอ้อมกอดเขานิ่งๆ ไม่ขยับ
หยานชิงเจ๋อนึกว่าเธอหลับแล้ว ก็ไม่ได้พูดอีก ดังนั้นในห้องมีแต่ความเงียบ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หยานชิงเจ๋อมองถุงน้ำเกลือของซูสือจิ่นใกล้หมดแล้ว ดังนั้นวางเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ หยิบแหนบ เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ เตรียมจะดึงเข็มออกให้ซูสือจิ่น
ตอนดึงเข็มออก เธอขยับเล็กน้อย แล้วกลับไปนิ่งสงบเหมือนเดิม
หยานชิงเจ๋อวัดอุณหภูมิให้เธออีกครั้ง ไข้ลดเหลือ 38.2 องศาแล้ว
เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก กำลังจะนอนลงข้างตัวเธอ ก็รู้สึกซูสือจิ่นทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อ
เพราะว่าเหงื่อออกมาก ชุดนอนแนบบนตัวเธอ ผ้าห่มก็เปียกเล็กน้อย ดังนั้นหยานชิงเจ๋อเดินไปถึงตู้เสื้อผ้า เตรียมจะเปลี่ยนชุดให้ซูสือจิ่นอีกครั้ง
แต่ในตู้เสื้อผ้าไม่มีชุดนอนแล้ว ในนั้นมีแต่เสื้อผ้าที่สวมไปข้างนอก
เขาลังเลครู่หนึ่ง ปิดประตูตู้เดินกลับมา
เขาอุ้มซูสือจิ่นขึ้นจากเตียง พิงอยู่บนตัวเขา แล้วถอดชุดนอนที่เปียกของเธอออก แล้วอุ้มเธอไปอีกห้องหนึ่ง ห้องที่เขาเตรียมให้ตัวเองนอน
ในห้องมีชุดนอนชุดหนึ่งของเขา มีแค่เสื้อ เขาสวมให้เธออย่างอิด ๆ ออด ๆ
เพราะเสื้อตัวใหญ่มาก สวมบนตัวเธอ ยิ่งทำให้ตัวเธอดูเล็กอย่างเห็นได้ชัด
และตอนเปลี่ยนชุด เขายังเห็นร่องรอยสีชมพูที่เข้มและอ่อนมากมายบนตัวเธอ ในใจเขาว้าวุ่นขึ้นมาทันที
เหมือนทั้งหมดจะเตือนเขาอยู่ เขากับเธอ ความสัมพันธ์ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว…
อันที่จริงซูสือจิ่นหลังจากลืมตาขึ้น ก็ตื่นแล้ว
แม้ว่าสมองจะรู้สึกหนักอยู่บาง แต่กลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าหยานชิงเจ๋อทำอะไรไปบ้าง
เธอรู้ว่าเขาถอดเข็มออกให้เธอ กอดเธอเปลี่ยนชุด และพาเธอไปบนเตียงอีกห้อง
และตอนนี้ เขากอดเธอนอนลง เหนี่ยวตัวเธอมากอดไว้!
ซูสือจิ่นงงเล็กน้อย รู้สึกแค่ในสมองมีข้อมูลพวกนี้พุ่งเข้ามาจนมึนงง
แต่มีเสียงหนึ่งดังอยู่ข้างหู
เขาพูดว่า เสี่ยวจิ่น พวกเราหย่ากันเถอะ!
เขาไม่อยากอยู่กับเธอ เขาอยากหย่ากับเธอ…
แม้ว่า พวกเขาจะผ่านคืนนั้นไปแล้ว เขายังอยากหย่ากับเธอ…
ซูสือจิ่นคิดถึงตรงนี้ ยื่นมือไปจับเสื้อบนหน้าอกหยานชิงเจ๋ออย่างห้ามไม่ได้ อยากหาความรู้สึกปลอดภัยจากในนั้นสักหน่อย
หยานชิงเจ๋อเห็นจู่ ๆเธอขยับ ดังนั้นเลยดึงมือเธอออก แล้วกอดตัวเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง
มือข้างหนึ่งของเขาโอบหลังไหล่เธอ มือข้างหนึ่งกอดเอวเธอไว้ ท่าทางกอดเธอไว้ทั้งตัว ทำให้เธอกลายเป็นของล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะใกล้มาก ซูสือจิ่นรู้สึกถึงหัวใจหยานชิงเจ๋อเต้น ผ่านชุดนอนบางๆอย่างชัดเจน หนักแน่นมีพลังสลักอยู่บนตัวเธอ
ในจมูกเธอมีแต่ลมหายใจของเขา ถึงขนาดแค่เธอขยับศีรษะเล็กน้อย เธอก็สามารถรู้สึกลูกกระเดือกของเขาเลื่อนลงไปหนึ่งครั้ง
อ้อมแขนที่อบอุ่นของเขา ท่าทางแบบนี้ เธอวาดฝันอยากจะได้มันอยู่หลายครั้ง
ดังนั้น ประโยคนั้นที่เขาเพิ่งพูดไป ถูกเธอปิดกั้นแบบอัตโนมัติ และมุมปากเธอค่อยๆยกขึ้น
พี่ชิงเจ๋อ ลองตกหลุมรักฉันสักครั้งได้ไหม?
ส่วนลึกในใจเธอบอกกับเขาเงียบๆ