ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 296 แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะไป หลังจากนี้จะไม่กลับมาอีกแล้ว
หลานเล่อซินเบิกตากว้างอยู่ครู่หนึ่ง “นายพูดว่าอะไรนะ?!”
“วันนั้นในตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์ว่าให้ไปรับคุณ บนร่างของคุณก็ไม่ได้สวมใส่อะไรเลย แถมยังถูกโยนออกมาด้านนอกอีก ดังนั้นแล้ว ผมก็เลยพาคุณขึ้นรถไป ก่อนจะช่วยคุณถอนยาออก” เมิ่งเฉินหยางเอ่ย “แต่ทว่า ถึงแม้ว่าในตอนที่พวกเรากำลังทำอะไร ๆ กันอยู่บนรถ คุณกลับยังร้องเรียกชื่อของเขาอีก!”
ทรวงอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง “เขายอมที่จะได้รับความทุกข์ทรมาน เพื่อที่จะไม่ต้องการคุณ! แต่คุณกลับยังคงพุ่งร่างเข้าไปหาเขาอย่างหน้าไม่อาย!”
“ไม่ ฉันจะไม่เชื่อที่นายพูด!” หลานเล่อซินส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะหมุนตัวไปที่ประตู “ที่นายพูดในวันนี้ ฉันจะคิดเสียว่าไม่เคยได้ยินมันมาก่อน!”
“หลานเล่อซิน ตอนนี้พ่อแม่ของคุณถูกส่งออกไปแล้วนะครับ” เมิ่งเฉินหยางเอ่ยขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ “ถูกส่งไปที่แอฟริกาใต้ รอให้คุณคลอดเด็กออกมาก่อน เกรงว่า……”
หลานเล่อซินหมุนกายกลับไปอย่างรวดเร็วทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ?! พวกเขาส่งพ่อกับแม่ของฉันไปแล้ว? ถ้าอย่างนั้นฉันอยู่ที่หนิงเฉิงก็……”
“ได้ยินมาว่าโจวเหวินซิ่วก็ใกล้จะถูกส่งตัวไปแล้วด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้ว คุณอยู่ที่หนิงเฉิง ไม่มีใครอีกแล้วละครับ” อุณหภูมิของนัยน์ตาเมิ่งเฉินหยางค่อย ๆ เย็นตัวลง “ผมเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทิ้งคุณไปแล้วด้วยเหมือนกัน แต่ทว่าลูกของพวกเรานั้น ผมจะเลี้ยงดูเขาให้เติบโตอย่างดี”
“เมิ่งเฉินหยาง นายหมายความว่าอย่างไร นายพูดกับฉันมาให้ชัดเจนนะ!” หลานเล่อซินรู้สึกเพียงแค่ว่าภายในหนึ่งวัน ถูกโจมตีมามากมายแล้ว สัญชาตญาณของเธอไม่ยินยอมที่จะเชื่อมันเลยทั้งหมด “พ่อกับแม่ของฉันไม่ได้อยู่ในประเทศแล้วอย่างนั้นหรือ?! ทำไมพวกเขาไม่มาบอกกล่าวอะไรกับฉันเลยล่ะ?”
“คุณคิดว่าพวกเขามีความสามารถมากพอที่จะมาหรือไงครับ?!” เมิ่งเฉินหยางเอ่ย “ในงานแต่งงาน คุณแม่ของคุณสาปแช่งลูกของหลานเสี่ยวถาง ครอบครัวของหลานเสี่ยวถางทำให้เธอพูดไม่ได้แล้ว!”
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้……” ริมฝีปากของหลานเล่อซินสั่นเทาอย่างรุนแรง รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างเริ่มเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที “ฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว……ในท้องของฉันยังมีเจ้าตัวน้อยอยู่! ขอเพียงแค่คลอดเขาออกมา ก็พอแล้ว……ฉันจะได้เอาไว้เป็นหลักฐานยืนยันกับสือมูเฉิน……”
พูดไป มือของเธอก็อดไม่ได้ที่จะไปสัมผัสเข้าที่หน้าท้องของตนเอง แต่ทว่าในตอนนั้นเองร่างทั้งร่างก็สั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย เธอกลับไปหวนนึกถึงอีกครั้ง เธอจะไม่มีหวังไม่ได้! เธอจะนำของที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง สีหน้าของหลานเล่อซินแปรเปลี่ยนไปในทันที ก็จะย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว “เจ็บจัง จู่ ๆ ทำไมถึงเจ็บขึ้นมาแบบนี้ล่ะ……”
เมิ่งเฉินหยางนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย “หลานเล่อซิน อย่าแสดงละครอีกเลยครับ เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของสือมูเฉิน ถึงแม้ว่าคุณจะหลอกฟ้าได้ แต่ทว่าไม่ใช่ของเขา ก็ยังคงไม่ใช่ของเขาอยู่วันยังค่ำนะครับ”
“เจ็บ เจ็บ……” หลานเล่อซินส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ในตอนที่รู้สึกได้ถึงต้นขาที่มีความรู้สึกอุ่นร้อนบางอย่างขึ้นมาแล้ว เธอยื่นมือเข้าไปสัมผัสมัน ในตอนที่ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับมันนั้นเอง ใบหน้าของเธอ ก็ซีดเผือดในทันที “เลือด!”
เมิ่งเฉินหยางตกตะลึงในทันที ก่อนจะรีบลุกขึ้นยืน แล้วสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว เป็นดังคาดจริง ๆ ที่พื้นด้านล่างนั้นมีรอยเลือดสดใหม่ทั้งหมดจริง ๆ ด้วย เขารีบเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งไปหาพยาบาลที่อยู่ทางด้านนอกของประตูแล้วเอ่ยว่า “หมอครับ เธอเลือดออกแล้ว!”
ไม่นานนัก หลานเล่อซินก็ถูกพยาบาลช่วยกันพยุงขึ้นไปบนเตียงคนผู้ป่วย หลังจากนั้น หมอก็ปิดประตูห้องผ่าตัด
ไม่เกินสิบห้านาทีหลังจากนั้น หมอก็ถือถาดเข้ามา ก่อนจะวางเอาไว้ตรงหน้าของหลานเล่อซิน “หลานเล่อซิน ลูกของคุณไม่อยู่แล้วนะครับ แต่พวกเราจะเก็บก้อนเนื้อก้อนนี้เอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานของลูกของคุณนะครับ”
“ไม่!” ถึงแม้ว่าหลานเล่อซินจะเจ็บปวดจนถึงขีดสุดแล้ว แต่ทว่า ก็ไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนอีก ก่อนจะแย่งถาดนั้นไป “ทำไมลูกของฉันถึงไม่อยู่แล้วล่ะ?! แล้วอย่างนี้ฉันจะมีอะไรเป็นหลักประกันเพื่อที่จะแต่งเข้าตระกูลสือของเขา! พวกคุณร้ายกาจกันมากเลยนะ ถือสิทธิ์อะไรถึงมาเอาลูกของฉันออกมาแบบนี้?!”
“ก่อนหน้านี้คุณก็เคยแท้งไม่ใช่หรือครับ?” หมอเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น “คุณเข้ารับการผ่าตัดเมื่อก่อน มันเลยส่งผลกระทบทำให้มดลูกของคุณบางมาก เดิมก็ไม่เหมาะสมแก่การตั้งครรภ์แล้ว สามารถพูดได้ว่า คุณจะมีสิทธิ์แท้งได้เสมอ ๆ เลยนะครับ”
“พวกคุณจะเอามันไปเป็นหลักฐานประกันให้กับสือมูเฉินจริง ๆ หรือ?” หลานเล่อซินพยุงถาดขึ้นมา “ไม่แน่ว่าพวกคุณออกไปแล้วก็อาจจะเอามันไปทิ้งก็ได้นี่ หลังจากนั้นก็จะมาบอกว่าไม่ใช่ของเขา ฉันไม่เชื่อหรอกนะ!”
“พวกเราจะทำไปตามกระบวนการยืนยันยีนกับคุณอีกครั้งครับ ดังนั้น ถ้าหากว่าเด็กคนนี้เป็นหลักฐานยืนยันของยีนของคุณจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็จะไม่ห่อมันทิ้งไป” หมอหันไปพยักหน้ากับพยาบาล เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว พยาบาลจึงเข้ามาเอาถาดนั้นไปแล้ว ก่อนจะเอายีนจากหลานเล่อซินไปด้วยเลย หลังจากนั้นก็ส่งไปยังศูนย์ตรวจแล้ว
ในตอนนั้นเอง ในคฤหาสน์หนิงเหอ โทรศัพท์มือถือของสือมูเฉินดังขึ้นมาแล้ว
เขาสบตามองหมายเลขด้านบน ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทางด้านข้าง หลานเสี่ยวถางเห็นว่าเขาไม่รับสาย จึงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “มูเฉิน ใครโทรเข้ามาหรือคะ?”
“แม่ของผม” สือมูเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเลื่อนรับสาย “ฮัลโหล”
“มูเฉิน นี่แม่เอง” โจวเหวินซิ่วเอ่ย “วันนี้แม่จะไปแล้วนะ”
“ครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ
หลังจากงานแต่งงานเมื่อวานเสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อหลานเล่อซินถึงบ้านก็ถูกส่งไปแล้ว แต่ทว่าในเมื่อโจวเหวินซิ่วเองก็เป็นแม่แท้ ๆ ของเขา ดังนั้นแล้วหลังจากที่พาเธอออกไปแล้ว จึงปล่อยเธอไป
“มูเฉิน แม่รู้ว่าตอนนี้แม่พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ถึงแม้ว่าแม่จะรู้สึกเสียในภายหลังแล้ว ลูกก็คงจะไม่ปฏิบัติต่อแม่เหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว” น้ำเสียงของโจวเหวินซิ่วเอ่ยขึ้นมาอย่างแหบแห้งและถอดถอนใจ “ดังนั้นแล้ว แม่จึงตัดสินใจที่จะไปแล้ว จะบินหลังจากนี้แล้วในอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หลังจากนี้ก็จะไม่กลับมาอีกแล้วละนะ”
สือมูเฉินนิ่งเงียบ
“มูเฉิน ลูกกับเสี่ยวถางมาเจอแม่ที่สนามบินเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?” โจวเหวินซิ่วอ่อนลงแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “แม่อยากจะเอ่ยขอโทษเสี่ยวถางต่อหน้า”
“ไม่ต้องหรอกครับ” สือมูเฉินเอ่ย “ผมบอกเธอให้ก็ได้แล้วครับ”
“มูเฉิน——” น้ำเสียงของโจวเหวินซิ่วสะอึกสะอื้นเล็กน้อย “ปีนี้แม่เองก็เจ็ดสิบหกแล้วนะ หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถอยู่ต่อได้อีกกี่ปีแล้ว พวกลูก มาเจอหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้หรือ คิดเสียว่ามาส่งแม่?”
มือของสือมูเฉินที่ถือโทรศัพท์อยู่อดไม่ได้ที่จะออกแรงบีบเข้าหากันแน่น เขานิ่งเงียบอยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ครับ”
“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วแม่จะอยู่ที่โถงใหญ่ของสนามบินเพื่อรอพวกลูกนะ” โจวเหวินซิ่วเอ่ย
เป็นเพราะว่าด้านนอกหิมะพึ่งจะหยุดตกไป ดังนั้นแล้ว บนถนนก็เลยมีการจราจรที่ติดขัดเล็กน้อย ในตอนที่สือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถางขับรถกันมาถึงสนามบินนั้นเอง โจวเหวินซิ่วเองก็ใกล้จะเข้าไปเช็คอินแล้ว
ทั้งสองคนอยู่ที่ไกล ๆ ก็มองเห็นเธอกับผู้หญิงอายุราว ๆ สี่สิบกว่าด้วยอีกคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นกำลังลากกระเป๋าเดินทางของเธออยู่
ทันใดนั้นเอง สือมูเฉินรู้สึกถอดใจเล็กน้อย แต่ทว่า เข้าเองก็เข้าใจ มีของบางอย่าง ราวกับว่าเป็นรอยบาดแผลลึก เป็นสิ่งที่ไม่สามารถชดเชยได้อีกครั้ง
โจวเหวินซิ่วหันไปโบกมือให้กับสือมูเฉินทั้งสองคน ทั้งสองคนเดินเข้าไปหาแล้ว ทันใดนั้นเอง ก็สบตามองกันเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยอะไร
หลังจากนั้น ก็ยังคงเป็นโจวเหวินซิ่วเองที่เอ่ยขึ้นมาก่อนว่า “มูเฉิน ลูกกับเสี่ยวถางใช้ชีวิตกันให้ดี ๆ นะ!”
“ครับ” สือมูเฉินพยักหน้า “แม่เองก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ”
บางที นี่อาจจะเป็นประโยคสุดท้ายที่เขาจะได้เอ่ยกับเธอแล้ว
โจวเหวินซิ่วพยักหน้า แทบจะคิดอยากที่จะยื่นมือเข้าไปสวมกอดสือมูเฉิน แต่ทว่า เมื่อครู่นี้ที่ยกมือขึ้นมา กลับค่อย ๆ ลดลงไปอย่างช้า ๆ แทน
เธอหันศีรษะกลับไปมองหน้าท้องของหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะยกยิ้มครั้งหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย “เด็กคงนี้จะต้องเติบโตมาอย่างดีมากแน่ ๆ เลยนะ……”
หลานเสี่ยวถางขบเม้มริมฝีปากไปมา ไม่ได้เอ่ยอะไร
ในตอนแรกโจวเหวินซิ่วทำร้ายเธอจนเกือบที่จะตั้งครรภ์ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจะเลือกที่จะให้อภัยได้อย่างไร?!
“ไปถ่ายภาพอัลตร้าซาวด์กันหรือยัง?” โจวเหวินซิ่วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ครบสามเดือนก่อนแล้วค่อยไปถ่ายค่ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ยตอบกลับไป
“อื้ม” หลังจากที่สายตาของโจวเหวินซิ่วมองไปที่หลานเสี่ยวถางครู่หนึ่งแล้ว ในนั้น มีคนกำลังเข็นรถเข็นเข้ามาพอดี ที่ด้านบนนั้นเต็มไปด้วยกระเป๋า
จู่ ๆ เธอก็หันศีรษะกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินว่า “มูเฉิน ในหัวใจของลูก ใครสำคัญที่สุด?”
สือมูเฉินชะงักไปครู่หนึ่ง “หมายความว่าอย่างไรครับ?”
“ต้องไม่ใช่แม่อย่างแน่นอนสินะ!” โจวเหวินซิ่วยกยิ้มครู่หนึ่ง ในตอนที่เห็นแล้วว่าคนคนนั้นเข็นรถเข็นเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เธอจึงก้าวเท้าไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วหนึ่งก้าว ก่อนจะออกแรงสุดกำลัง แล้วผลักหลานเสี่ยวถางที่ไม่ทันได้ระวังไปหารถเข็นคันนั้น!
หลานเสี่ยวถางเองเดิมก็ไม่ได้ตั้งตัว อีกทั้งเมื่อครู่นี้นั้นโจวเหวินซิ่วออกแรงผลักไปเยอะมาก ดังนั้นเธอ เธอจึงยืนได้ไม่มั่นคง ร่างทั้งร่างกำลังจะเอนล้มไปทางรถเข็นคันนั้นแล้ว!
สือมูเฉินเองก็นึกไม่ถึงว่าโจวเหวินซิ่วจะทำเช่นนี้ เขารีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า กลับกันระยะเวลาบวกเข้ากับระยะห่างของเขากับหลานเสี่ยวถาง เขาจึงยื่นมือออกไปคว้าได้เพียงแค่อากาศเท่านั้น เพียงแต่ในเวลานั้นเอง ตนเองนั้นราวกับว่าคล้ายจะตกลงไปยังนรกดำมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว!
นั่นคือภรรยาและลูกของเขา!
มารดาแท้ ๆ ของเขา กลับกล้าที่จะหลอกให้เขาออกมาหา ยังไม่หมดความคิดที่จะพรากสิ่งที่สำคัญที่สุดและคู่ชีวิตของเขาไปจากข้างกายเขา!
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังจะถูกผลักจนล้มลงไป เธอก็คิดว่าตนเองนั้นจบเห่แล้ว
ร่างกายของเธอเอนล้มไปทางด้านหลัง ร่างทั้งร่างกำลังจะหล่นลงไปกับพื้น
ด้วยสัญชาตญาณ เธอจึงยื่นมือออกไปกดหน้าท้องของตนเองเอาไว้ คิดอยากที่จะปกป้องลูกในท้องเอาไว้อย่างสุดความสามารถ!
เธอแทบจะหลับตาลง และรอความเจ็บปวดที่กำลังจะมาถึงในวินาทีนั้นอย่างคนหมดแรง
เพียงแต่ ในตอนที่เธอกำลังคิดว่าจบเห่แล้วนั้นเอง จู่ ๆ ร่างทั้งร่างก็ถูกมือข้างหนึ่งออกแรงเข้ามาคว้าจับเอาไว้ ตามต่อมาด้วย มีคนพาเธอพุ่งไปทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ที่หางตาของเธอก็มองเห็นว่ารถเข็นคันนั้นกำลังผ่านตำแหน่งที่เธอยืนอยู่เมื่อครู่นี้ไปแล้ว!
หลานเสี่ยวถางสติหลุดออกจากร่าง ร่างทั้งร่างยังคงตกตะลึงอยู่เล็กน้อย
ส่วนคนเข็นรถเข็นคนนั้น เขาเองก็ตกใจจนหวาดกลัวในภายหลังเช่นกัน “คุณ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลานเสี่ยวถางจึงยืนตัวตรงได้อย่างมั่นคง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ช่วยเหลือตนเองเอาไว้เมื่อครู่นี้
ในตอนที่เห็นใบหน้าของเขา เธออดไม่ได้ที่จะชะงักนิ่งไปทันที
นั่นคือใบหน้าของลูกครึ่งของคนผิวขาวและคนผิวเหลือง จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาคมเข้ม ดวงตาและทรงผมนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสีดำ แต่ทว่ารูปร่างและเครื่องหน้าของเขานั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นของฝั่งตะวันตก
เขามองดูแล้วยังอ่อนเยาว์อยู่ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ราวกับว่าเป็นเจ้าชายรูปงามที่เดินออกมาจากหนังสือนิทานของเด็ก ๆ
เขาก้มหน้ามองเธอ ก่อนจะใช้ภาษาจีนแข็ง ๆ เอ่ยถามเธอขึ้นมาว่า “คุณครับ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรค่ะ!” หัวใจของหลานเสี่ยวถางกลับคืนเข้าสู่ทรวงอก “คุณคะ ขอบคุณนะคะ!”
ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินเองก็เข้ามาหาทั้งสองคนแล้ว ก่อนจะดึงหลานเสี่ยวถางกลับเข้ามาปกป้องในอ้อมกอดของตนเอง แล้วหันไปเอ่ยขอบคุณต่อชายคนนั้นอย่างจริงจังว่า “คุณครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือภรรยาของผมเอาไว้”
ชายคนนั้นยกยิ้มเบา ๆ “ไม่เป็นไรครับผม”
เขาพูดจบ หลังจากนั้นก็พิจารณาสือมูเฉินอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนว่าผมจะเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อนนะครับ”
สือมูเฉินหัวเราะ “บางทีอาจจะเป็นในสื่อธุรกิจก็ได้ละมั้งครับ!”
“อา ผมคิดออกแล้ว ก่อนหน้านี้ที่อเมริกา——” ชายคนนั้นเอ่ย “ไม่ใช่โทรทัศน์นะครับ แต่ทว่าเป็นที่……บริษัทเทคโนโลยีรายย่อย”
บริษัทเทคโนโลยีรายย่อย? หัวใจของหลานเสี่ยวถางกระตุกทันที ไม่ใช่บริษัทของคุณ Jarvis หรือ?
สือมูเฉินเองก็แทบจะนึกออกขึ้นมาแล้ว “คุณคือคุณ Bojan?”
“ใช่ ผมเองครับ!” Bojan เอ่ย “คุณคือ……”
“ชื่อจีนของผมคือสือมูเฉินครับ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนที่จะส่งนามบัตรไปให้เขาหนึ่งใบ “ถ้าหากว่าในอนาคตคุณ Bojan ต้องการอะไรละก็ สามารถติดต่อหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
“ครับผม” Bojan เองก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าใบหนึ่งเช่นกัน “เป็นเพราะว่าคุณแม่ของผมเองก็เป็นคนจีนเหมือนกัน ดังนั้นแล้ว ผมเองก็มีชื่อจีนนะครับ ชื่อว่าโอหยางจวิ้น”
“คุณโอหยาง ขอบคุณนะครับที่ช่วยภรรยาของผมเอาไว้ ถ้าหากว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้คุณยื่นมือเข้าไปช่วยละก็……” สือมูเฉินเองก็รู้สึกหวาดกลัวในภายหลังเล็กน้อย “ถ้าหากสะดวกแล้วละก็ ผมเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”
“วันนี้ผมยังมีธุระอีกนิดหน่อยน่ะครับ เอาไว้วันหน้าค่อยนัดกันก็แล้วกันครับ!” โอหยางจวิ้นยกยิ้มขึ้นอย่างเป็นกันเอง “มีประโยคหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าทำงานโดยไม่ออกแรงเลย มันจะคุ้มค่าได้อย่างไร!”
พูดไป เขาก็หันไปกล่าวลากับสือมูเฉินและหลานเสี่ยวถาง ก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยแล้ว