ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 30 นางเงือกบนลานเต้นรำ
ทางหย่าหยุนถูกสือเพ่ยเฉินปฏิเสธอย่างเย็นชา สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอกำลังจะไปหาสือเพ่ยหลินด้วยตัวเอง เวลานี้ เสียงเพลงรอบข้างหายไป พิธีกรเดินมาบนเวที ประกาศเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ
นายท่านจินเดินมาด้านหน้า แสดงความขอบคุณต่อแขกเหรื่อ หลังจากทักทาย ลูกชายของนายท่านจินเจ๋อหมิงเดินขึ้นไป ยกแก้วชนกับแขก และเตรียมเต้นเปิดงานครั้งแรกกับคู่เต้นรำ
และในตอนนี้เอง คนรับใช้คนหนึ่งของตระกูลจินเดินเข้ามา แล้วพูดข้างหูเขา เขาสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย และพูดขออภัยกับแขกในงาน “คู่เต้นรำขอผมเพิ่งมีอาการไส้ติ่งอักเสบอย่างกะทันหัน ดังนั้นดูท่าแล้วผมจึงต้องหาหญิงสาวคนหนึ่งในงานเป็นคู่เต้นรำเปิดงานกับผมแล้วครับ”
ปีนี้จินเจ๋อหมิงอายุสามสิบสาม ยังไม่แต่งงาน และก็ไม่มีคู่หมั้น เมื่อเขาพูดจบหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างดวงตาเปล่งประกาย ค่อย ๆ เขย่งเท้าเดินไปข้างหน้า หวังว่าตัวเองจะถูกเลือก
ก่อนหน้านี้หลานเสี่ยวถางอยู่ใกล้ ๆ นายท่านจิน ดังนั้นตำแหน่งค่อนข้างอยู่ด้านหน้า ในตอนที่เห็นสายตาของจินเจ๋อหมิงมองมาที่เธอ ใจก็กระตุกขึ้นมา
เขาไม่น่าจะเลือกเธอหรอกนะ?
เป็นไปอย่างที่คิด วินาทีต่อมา จินเจ๋อหมิงลงมาจากเวที เดินไปด้านหน้าหลานเสี่ยวถาง ยื่นมืออย่างสุภาพออกไปหาเธอ “หญิงงามท่านนี้ ขอเชิญคุณเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับ?”
หลานเสี่ยวถางเป็นกังวลนิดหน่อย “ฉันอาจจะเต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ…” เธอพูดความจริง ตอนเรียนมหาลัยเกรงว่ายังพอได้อยู่ เพราะว่าพ่อแม่บุญทำให้เธอเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย ที่จริงแล้วก็เพื่อให้เธอสามารถขายออกได้ในราคาที่ดี”
แต่ว่าไม่ได้เต้นรำมาสองปีแล้ว เธอไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองจะยังเต้นเป็นอยู่อีกไหม
“ไม่เป็นไรครับ ผมเต้นนำคุณ” จินเจ๋อหมิงพูดอย่างอ่อนโยน
ถ้าหากยังปฏิเสธอีก ก็ถือว่าไม่ให้เกียรติตระกูลจิน หลานเสี่ยวถางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปข้างหน้า แล้วคล้องแขนของจินเจ๋อหมิงอย่างสุภาพ
ในตอนที่เดินผ่านสือมูเฉิน อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเขา ก็เห็นสือมูเฉินพยักหน้าช้า ๆ ให้เธอ และให้กำลังใจผ่านสายตา
หลานเสี่ยวถางรู้สึกมันใจขึ้นเยอะในทันที เธอเดินไปหน้าเวทีพร้อมกับจินเจ๋อหมิง ได้ยินเสียงดนตรีสบาย ๆ ค่อย ๆ ดังขึ้น เธอค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้าช้า ๆ
“ยังไม่ได้ถามชื่อคุณผู้หญิงเลย?” จินเจ๋อหมิงถามอย่างสุภาพ
หลานเสี่ยวถางยิ้มอ่อนตอบกลับ “ฉันแซ่หลาน หลานเสี่ยวถางค่ะ”
“ที่แท้ก็คือคุุณหลาน!” จินเจ๋อหมิงพูด “ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเยว่ฉีพูดถึงคุณ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ฉันไม่ได้เจอเยว่ฉีนานหลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่เธอไปเรียนที่ต่างประเทศ ก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย”
จินเจ๋อหมิงพูด “ปีนี้เธอเรียนจบปริญญาโท เดาว่าสิ้นเดือนก็น่าจะกลับมาแล้ว ถึงเวลาพวกคุณก็สามารถย้อนวัยกันได้”
เวลานี้ เฉินจื่อโร่วที่อยู่ด้านล่างเวที ในที่สุดก็เห็นหลานเสี่ยวถางที่อยู่ภายใต้แสงไฟได้อย่างชัดเจน เธอตกตะลึงในทันที
เธอคือหลานเสี่ยวถางจริง ๆ หรือ? หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้สภาพเป็นคุณป้าชัด ๆ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้?
วันนั้นที่หย่ากัน เห็นหลานเสี่ยวถางสวมใส่เสื้อเชิ้ตผู้ชาย ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดอะไรมาก ดูท่าหลานเสี่ยวถางมีคนบางคนอยู่ใกล้ ๆ หรือ?
เฉินจื่อโร่วอารมณ์แปรปวน ดวงตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้น จู่ ๆ เธอก็นึกได้ถึงบางอย่าง อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง
ในตอนที่เห็นสือเพ่ยหลินกำลังมองหลานเสี่ยวถางอยู่นั้น เฉินจื่อโร่วรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนมากขึ้นกว่าเดิม
นิ้วมือที่อยู่ข้างลำตัวสั่นเล็กน้อย หลังจากผ่านการสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง ถึงได้ฝืนควบคุมอารมณ์ได้ แล้วพูดกับสือเพ่ยหลินที่อยู่ด้านข้าง “พี่เพ่ยหลิน คนที่อยู่บนเวทีใช่หลานเสี่ยวถางไหม?”
สือเพ่ยหลินพยักหน้า สายตาสับสน
เฉินจื่อโร่วเกลียดจนกัดฟันกรอด แต่กลับประคองน้ำเสียงใสซื่อไว้ “อุ้ย เธอสวยขึ้นนะ เดาว่าน่าจะเป็นฝีมือของผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอแหละ ดูท่าความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องดีมากแน่เลย!”
สือเพ่ยหลินได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในใจรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เขาหรี่ตา แถบจะกัดฟันพูด “ผู้หญิงที่ฉันเคยใช้งาน คนอื่นเก็บได้ ก็แค่เล่นสนุกแค่นั้นแหละ!”
เฉินจื่อโร่วได้ยินประโยคนี้ ค่อยโล่งใจ แต่ก็ยังถามขึ้นอีก “แต่พี่เพ่ยหลินยังไม่เคยแตะต้องเธอนี่ ดังนั้นคนคนนั้นอาจจะเห็นเธอเป็นของมีค่าก็ไม่แน่! พี่ยังจำได้ไหม ครั้งก่อนเธอใส่เสื้อเชิ้ตของคนอื่น ดูท่าพวกเขาน่าจะอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว…”
สือเพ่ยหลินกำหมัดแน่นในทันที ออร่าอาฆาตพลุ่งพล่านไปทั่ว
เฉินจื่อโร่วยังคงพูดอยู่ข้างลำตัวเขา “แต่เธอก็ไม่ง่ายเลย ไม่แน่ผู้ชายคนนั้นที่อยู่เบื้องหลังอาจจะอายุเจ็ดสิบแปดสิบแล้ว ดูแลคนแบบนั้น คนธรรมดาไม่ใช่ว่าจะรับไหว…”
จู่ ๆ สือเพ่ยหลินก็นึกได้ถึงตอนที่เขานอนอยู่บนเตียง ภาพที่หลานเสี่ยวถางดูแลเขา ยกน้ำเทน้ำ แม้กระทั่งนวด เรียกได้ว่าละเอียดละออมาก
ดังนั้นเมื่อคิดได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับผู้ชายพุงย้อยมีอายุ ในใจของเขาก็โมโหและรู้สึกรังเกียจ
เขาดึงสายตาที่มองหลานเสี่ยวถางกลับมา จากนั้นก็หันหลังเดินกลับ “ฉันไปนั่นด้านนู้น”
เฉินจื่อโร่วเห็นผลสำเร็จ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน “พี่เพ่ยหลิน ฉันไปเป็นเพื่อนพี่ค่ะ”
เวลานี้ หลานเสี่ยวถางที่อยู่บนเวทีภายใต้การนำพาของจินเจ๋อหมิง ถือว่าเริ่มดีขึ้นแล้ว
ไม่แข็งทื่อเหมือนกับตอนเริ่มต้นแล้ว ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง หลานเสี่ยวถางค่อย ๆ เรียกความรู้สึกของการเต้นรำในตอนแรกกลับมาได้ตามจังหวะของดนตรี
ทุกครั้งที่หมุนตัว แสงไฟด้านบน เพชรบนกระโปรงของเธอสะท้อนแสงและเงานับพัน ควบคู่กับกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเล เหมือนนางเงือกในคลื่นสีฟ้าจริงๆ
เพลงค่อย ๆ ช้าลง ท่อนสุดท้ายจบลง หลานเสี่ยวถางกับจินเจ๋อหมิงโน้มตัวให้กับผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีเล็กน้อย
เสียงปรบมือดังขึัน เธอเดินลงเวที ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเชิญเธอเต้นรำ แต่ว่าเธอปฏิเสธเพราะข้อเท้าอ่อนล้า จากนั้นก็เดินไปข้างสือมูเฉิน
“ทำได้ไม่เลว” สือมูเฉินพูดชมเชย
หลานเสี่ยวถางยิ้ม “อันที่จริง ตอนที่ฉันเพิ่งขึ้นไป ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะวางมือวางเท้ายังไง”
สือมูเฉินดื่มไวน์ไปด้วย พูดไปด้วย “แต่จริงๆ แล้วหลายๆ อย่างมองย้อนกลับไปก็ไม่มีอะไรน่ากังวล”
“ใช่ค่ะ” หลานเสี่ยวถางพูด “มูเฉิน ขอบคุณนะคะ”
สือมูเฉินเลิกคิ้ว “ขอบคุณฉัน สู้ไปลุยกันกลางคืนดีกว่า”
หลานเสี่ยวถางได้ยินเขาเริ่มอีกแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ฉันไปห้องน้ำหน่อย”
“อืม ฉันไปด้วย” สือมูเฉินพูด แล้ววางแก้วไวน์ลงด้านข้าง จากนั้นก็เดินตามหลานเสี่ยวถางไป
หลานเสี่ยวถางเพิ่งจะเดินเลี้ยวมุมไป ก็เห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยสองคนอยู่ด้านหน้า เธอตกตะลึง เฉินจื่อโร่วกับลูกพี่ลูกน้องของสือเพ่ยหลินรู้จักกัน?
เห็นท่าทางสองคนที่คุยกันกระหนุงกระหนิง เห็นได้ชัดว่าเหมือนจะรู้จักกันนานแล้ว
หลานเเสี่ยวถางเดินตามทั้งสองไปที่ห้องน้ำ ตอนที่ออกมา ทั้งสองกำลังอยู่ที่หน้าอ่างล้างมือ
เฉินจื่อโร่วเห็นหลานเสี่ยวถาง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปในทันที แล้วพูดกับทางหย่าหยุนที่อยู่ด้านข้าง “นี่หย่าหยุน คนนี้ก็คือคนที่ยั่วยวนพี่ชายของเธอก่อนหน้านี้ อีตัวที่นอกใจการแต่งงาน!”
ยั่วยวน? นอกใจการแต่งงาน? หลานเสี่ยวถางไม่รู้จะยิ้มหรือร้องไห้ดี ความสัมพันธ์ผ่านการบอกเล่าที่ เธอที่เป็นเมียหลวงในตอนแรกกลับกลายเป็นเมียน้อยหน้าด้าน?
“หึ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นนางจิ้งจอก!” ทางหย่าหยุนไม่มีความน่ารักเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่อีกต่อไป แต่กลับมองหลานเสี่ยวถางหัวจรดเท้า แล้วพูดดูถูก “ไม่รู้ว่านอนกับผู้ชายมาแล้วกี่คน กลิ่นเหม็นสาบทะลุผ่านกระดูกออกมาแล้ว!”
พูดจาไม่น่าฟัง ไม่ด้อยกว่าหมาดุตัวเมียข้างถนน
หลานเสี่ยวถางเคยได้ยินคำพูดท่อนหนึ่ง สิ่งหนึ่งที่ทำร้ายคุณมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับขอบเขตของการบาดเจ็บและทัศนคติของคุณที่มีต่อมัน
ให้ความสำคัญมากก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ให้ความสำคัญน้อยก็บาดเจ็บน้อย ไม่ให้ความสำคัญก็ไม่บาดเจ็บ
คำพูดนินทาเหล่านี้ก็เช่นกัน เธอเห็นพวกเธอเป็นธาตุอากาศ การละเลยดังกล่าวเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด ในเมื่อทะเลาะกับคนแบบนี้ เดิมทีก็เป็นการลดระดับอย่างหนึ่ง
เห็นหลานเสี่ยวถางไม่พูดอะไร และไม่มีอาการโกรธบนใบหน้าแม้แต่น้อย เฉินจื่อโร่วในใจรู้สึกไม่สบายมากกว่าเดิม
เธอมองไปที่กระโปรงบนตัวของหลานเสี่ยวถาง สัญชาตญาณเริ่มปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงของหลานเสี่ยวถาง จึงพูดขึ้น “หย่าหยุน เธอดูชุดที่หล่อนใส่ ไม่รู้ว่าไปเช่ามาจากที่ไหน หรือว่าไปนอนกับคนอื่นแล้วแลกมันมา!”
ทางหย่าหยุนที่อยู่ด้านข้างหัวเราะ “จื่อโร่ว เธอบอกว่าตระกูลหลานของพวกเขาจะล้มละลายแล้วหรือ ชุดนี้ของเธอคงจะเป็นของปลอมแน่นอน! เดรสแบบนี้ฉันเคยเห็นมาก่อน คือลิมิเต็ดอิดิชั่นของ JoJo ราคาร้อยล้าน ผู้ชายที่อยู่เบื้องหลังเธอจะซื้อชุดนี้ให้เธอได้ยังไง? อีกอย่างเธอก็เป็นของมือสอง!”
“อ่อใช่ ฉันเลอะเลือนไปแล้ว!” เฉินจื่อโร่วรีบสมทบ ทั้งสองหัวเราะคิกคัก
ในตอนนี้เอง กระจกที่อยู่ด้านหน้าจู่ ๆ ก็มีเงาของคนคนหนึ่งเพิ่มขึ้น ทั้งสองที่กำลังหัวเราะอยู่รีบเอามือปิดปากกระทันหัน
สีหน้าของทางหย่าหยุนโอเวอร์มากกว่าเดิม เธอมองไปทางสือมูเฉินที่เดินเข้ามา เหมือนกับถูกจับ จนสูญเสียความรู้สึกไป
“คุณ คุณอาเล็ก…” ทางหย่าหยุนเสียใจจนจุก ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึง ว่าห้องน้ำที่ชั้นหนึ่งของโรงแรมแยกกัน แต่อ่างล้างมือด้านนอกใช้ร่วมกัน? ดังนั้นคำพูดที่เธอพูดเมื่อครู่นี้ สือมูเฉินได้ยินมากเท่าไหร่?
“อืม” สือมูเฉินล้างมือช้า ๆ เมื่อล้างเสร็จ ในตอนที่หยิบกระดาษเช็ดมือ ถึงได้มองไปที่ทางหย่าหยุนช้า ๆ แล้วยิ้มมุมปาก “คุณทางฝีปากไม่เลว”
ทางหย่าหยุนแถบอยากจะมุดลงดิน เธอรีบโบกมืออธิบาย “คุณอาเล็กคะ อันที่จริงไม่ใช่แบบนั้น ฉัน ฉัน…” เธออยากจะอธิบาย แต่ว่าก็คิดหาเหตุผลไม่ออก ในเมื่อคำพูดไม่น่าฟังพวกนั้นออกมาจากปากของเธอ
“วางใจได้ คนแบบผม สำหรับคนและเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีทางสนใจตั้งแต่ไหนแต่ไร” สือมูเฉินทิ้งก้อนกระดาษลงในถังขยะ
“คุณอาเล็ก…” ทางหย่าหยุนแทบจะร้องแล้ว เขาพูดว่าคนและเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง หมายถึงเธอหรือ? เธออยากจะอธิบาย แต่หมดปัญญา จึงทำได้เพียงลากเฉินจื่อโร่วออกไป
ด้านหน้าอ่างล้างมือ เหลือเพียงสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถาง
เขาเดินเข้าไปหาเธอ แล้วมองหลานเสี่ยวถางที่อยู่ด้านหน้า “เมื่อกี้ทำไมไม่ตอบโต้พวกเธอ?”
หลานเสี่ยวถางพูด “การต่อปากต่อคำชั่วคราว แพ้ชนะก็ไม่มีประโยชน์อะไร” พูดจบ เธอก็ถามเรื่องกระโปรงของตัวเองขึ้น “มูเฉิน กระโปรงตัวนี้แพงมากใช่ไหม?”
เขาไม่ได้ตอบเธอ แต่จ้องมองดวงตาของเธอ แล้วพูดขึ้นทีละคำชัด ๆ ช้า ๆ “เสี่ยวถาง กระโปรงตัวนี้เป็นของแท้ ผมไม่เคยซื้อของปลอมมาก่อน แต่ว่าผมหวังว่าสักวันในอนาคต ไม่ว่าจะใส่ของแท้หรือของปลอม คนที่อยู่รอบด้านก็คิดว่าคุณใส่ทองแท้”