ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 315 ภายใต้แสงไฟสปอตไลท์ เขาก็ได้เดินไปหาเธอ
บนเหนือศีรษะมีแสงที่สว่างไสวเป็นอยากมาก ตกกระทบบนผมของสือมูเฉิน เส้นผมที่เล็กๆในระหว่างนั้นก็ราวกับมีแสงเงาที่กำลังเต้นรำอยู่
มุมริมฝีปากของเขาก็ค่อยๆยกขึ้นและยิ้มเล็กน้อย ดวงตาที่ลึกซึ้งราวกับเป็นคืนที่มีดวงดาวเต็มไปหมด ดังนั้นเขาจึงมองไปยังหลานเสี่ยวถางอย่างแน่วแน่ จากนั้นก็เดินไปหาเธอ
งานในขณะนี้ เงียบมากถึงขั้นถ้ามีเข็มตกลงพื้นก็สามารถที่จะได้ยินมันได้ หลานเสี่ยวถางก็มองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามาหาตัวเองด้วยความมึนงง
ใบหน้าอันเป็นมิติที่คุ้นเคยลึกซึ้ง และความสง่าผ่าเผยที่ติดมากับตัวนั้นก็คุ้นเคยลึกซึ้งอย่างมาก แต่เมื่อกี้พิธีกรเพิ่งจะเชิญ Jarvis ขึ้นมามอบรางวัล !
ทันใดนั้นความคิดจากก้นบึ้งของหัวใจของหลานเสี่ยวถางก็ผุดขึ้นมาพร้อมกับดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันที และมองไปยังสือมูเฉินที่เข้ามาใกล้เธออย่างเหลือเชื่อ แล้วในที่สุดก็ยืนอยู่ข้างๆเธอ
หลานเสี่ยวถางรู้สึกแค่ว่าตัวเองราวกับอยู่ในฝัน เธอไม่กล้าจะเชื่อเลย หรือพูดอีกอย่างได้ว่าเธอไม่รู้จะเชื่อมันยังไงดี
และขณะนั้นเอง ในที่สุดพิธีกรก็ได้ทำลายความเงียบงันในงาน
เขาก็ได้บอกระดับพิธีการให้คุณผู้หญิงนั้นถ้วยรางวัลให้กับสือมูเฉิน จากนั้นก็ถอยไปอยู่อีกด้าน
สือมูเฉินถือถ้วยรางวัลเอาไว้แล้วก็ไปยืนตรงหน้าของหลานเสี่ยวถาง จากนั้นก็ยื่นถ้วยรางวัลที่อยู่ในมือออกไป : “ คุณหลาน แสดงความยินดีกับคุณด้วยนะ !”
หลานเสี่ยวถางก็ค่อยๆรับถ้วยรางวัลมาอย่างช้าๆและระมัดระวัง ถ้วยรางวัลนั้นหนักเล็กน้อย เมื่อมันตกมาอยู่ในมือก็รู้สึกว่ามันหนักเป็นพิเศษ และเธอก็เพิ่งจะนึกได้ว่าจริงๆแล้วสือมูเฉินนั้นเป็น Jarvis
จากนั้นพิธีกรก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาและพูดกับทุกคนว่า : “ ระดับต่อไป ขอเชิญคุณJarvis พูดอะไรสักหน่อยกับทุกคน !”
เมื่อคำพูดของพิธีกรได้พูดจบลง ทุกคนที่อยู่ด้านล่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาในทันที
เนื่องจากผู้ที่ได้รับเชิญมาในวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าและพนักงานในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ มีน้อยคนที่จะรู้จักตัวตนจริงๆของสือมูเฉิน หลังจากได้รับการบอกใบ้ของพิธีกรแล้ว ทุกคนต่างก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าแท้ที่จริงแล้วคนที่อยู่บนเวทีที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหล่าและอายุน้อยคนนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็น Jarvis!
ทันใดนั้น ก็มีคนเริ่มปรบมือ พร้อมกับมีคนจำนวนไม่น้อยที่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปอย่างตื่นเต้น ด้านล่างของเวทีก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น และยังมีการโบกไม้โบกมืออย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังมีแสงไฟจากแฟลชที่กระพริบอย่างต่อเนื่อง
สือมูเฉินหยิบไมโครโฟนขึ้นมา และเผชิญหน้ากับแสงแฟลชในขณะนี้ที่กระพริบอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นก็ทำสัญญาณที่บอกให้หยุดเงียบ
หลานเสี่ยวถางก็ได้หันไปมองเขา และในขณะนี้ ใบหน้าของเขานั้นก็เงียบเฉย ออร่าของผู้สูงส่งก็ได้เปล่งประกายออกมา โดยที่เขาไม่ต้องส่งเสียงใดๆออกมา และในไม่ช้าในงานก็เงียบสงบลง
น้อยครั้งมากที่เธอจะเห็นสือมูเฉินเป็นแบบนี้
เธอเคยเห็นเขาในเวลาทำงาน ส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่อยู่ในห้องหนังสือของที่บ้าน ส่วนเธอก็จะทำการอุ่นนมร้อนๆแล้วก็เอาไปให้เขา ถึงแม้ว่าเขาจะกำลังยุ่งมากแค่ไหนก็ตามเขาก็จะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เธอ
ในตอนที่อยู่หน้ากล้องเธอก็เคยเห็นเขามาเหมือนกัน โดยที่เขาก็จะยืนอยู่ต่อหน้าสื่อมวลชนในฐานะประธานของ Times Group อย่างสุขุมเยือกเย็น และทำให้ผู้คนนั้นรู้สึกถึงความเป็นผู้ใหญ่และไม่แยแสอะไร
และเมื่อเขาอยู่ที่บ้าน พอเขากลับถึงบ้านเขาก็จะถอดเนคไทออกในทันที พร้อมกับปลดกระดุมสองเม็ดแรกของเสื้อออก จากนั้นก็จะโบกมือทักทายเธออย่างเกียจคร้านและอ่อนเพลีย ซึ่งมันก็เป็นอีกด้านหนึ่งของเขา
แม้แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างทางนั้น เขาก็ดูเหมือนว่าจะทำมันได้อย่างคล่องแคล่วคุ้นเคย และรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ของเขาก็มักจะทำให้เธอหน้าแดงและหัวใจเต้น…
แต่ใน ณ เวลานี้ จะพูดยังไงดีละ ? หลานเสี่ยวถางก็นึกคำกล่าวขึ้นมาได้ว่า : แม้ว่าจะไม่ได้มีท่าทีที่จะบันดาลโทสะออกมาก็ตาม แต่ทว่ากลับแผ่กระจายอำนาจกดข่มออกไปอย่างเต็มที่แล้ว
ใช่เลย นี่เป็นการที่เธอเห็นเขาในอีกด้านหนึ่ง
เขายืนอยู่หน้าเวที เห็นได้ชัดว่าบนใบหน้า ไม่มีการแสดงอารมณ์ใดๆออกมา แต่ทว่ามันก็ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่าทนแรงกดดันได้ดี ฉะนั้นด้วยเหตุนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมาและก้มลงกราบ
“ รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทุกท่านสามารถมายังบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยของเรา และเป็นสักขีพยานในการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์มาจนถึงทุกวันนี้……” ในขณะที่สือมูเฉินหยิบไมโครโฟนพูดก็ได้กวาดมองไปยังผู้คนในงานด้วยสายตาลึกซึ้ง
หลานเสี่ยวถางกอดถ้วยรางวัลเอาไว้อยู่ เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เคร่งขรึมราบเรียบแต่ทว่ากลับแฝงไปด้วยไมตรีของเขาเอ่ยออกมาแล้วนั้นเอง เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในทรวงอกของเธอนั่นตีรวนกันขึ้นมาเหตุนี้เอง
เธอไม่มีเวลาแม้กระทั่งจะจัดการอะไรทั้งนั้นเป็นเพราะว่าเมื่อเห็นสือมูเฉินนั้นเป็น Jarvis แถมยังมีความรู้สึกตกใจ แต่ทว่าเธอก็ได้ถูกดึงดูดด้วยเนื้อหาของคำพูดของเขา และทำให้เธอจ้องมองไปยังด้านข้างของสือมูเฉินโดยที่ไม่รู้ตัว
เขาพูดจบไปแล้วโดยภาพรวม จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อในการพูดมาถึงรางวัลของวันนี้
ในขณะนั้นเองสือมูเฉินก็หันตัวไปยังทางหลานเสี่ยวถาง และพูดกับผู้ชมทั่วโลกว่า : “ วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ผมได้ใช้ประโยชน์ในงานมอบรางวัลในครั้งนี้ ยืนต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเพื่อได้พบกับทุกคน ! และสิ่งที่เป็นเกียรติยิ่งกว่าก็คือผู้ชนะเลิศของเรานั้นเป็นสุภาพสตรีที่ทั้งสาวและสวย !”
พอเขาพูดจบก็หันไปรับช่อดอกไม้กับพิธีกรที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็มอบให้หลานเสี่ยวถัง : “ คุณหลาน คุณยอดเยี่ยมมาก !”
หลานเสี่ยวถางก็มองไปยังคิ้วที่งดงามของสือมูเฉินในระยะที่ใกล้มาก และริมฝีปากของเธอยกขึ้น พร้อมกับซ่อนความรู้สึกในใจ : “ ขอบคุณนะคะ คุณJarvis !”
คำพูดของเธอยังพูดไม่ทันจบ สือมูเฉินก็ได้ยื่นแขนออกมากและกอดเธอไปแล้ว
เขากอดเธอเป็นเวลาสามสิบวินาทีเต็มๆ ถึงจะปล่อยมือ จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีว่า : “ คุณหลานกำลังท้องอยู่ แต่เธอก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมการแข่งขัน ไม่ว่าจะทักษะความเป็นมืออาชีพและทักษะแนวคิดของเธอก็ได้การยอมรับจากผู้เข้าแข่งขัน ! ดังนั้น วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นคนมอบถ้วยรางวัลกับมือเอง ! อีกทั่งสิ่งที่เป็นเกียรติยิ่งกว่าก็คือ——”
สือมูเฉินจงใจที่จะหยุดไปพักหนึ่ง
ทันใดนั้น ผู้คนในงานต่างก็เงียบกันหมด และตั้งตารอประโยคต่อไปของเขาด้วยความตื่นเต้น
เมื่อหลานเสี่ยวถังเห็นว่าสือมูเฉินค่อยๆเคลื่อนสายตามองมายังตัวเธอ จากนั้นดวงตาของเขาก็ดูอ่อนโยนเล็กน้อย ทำให้เธอก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นเต้นเร็วขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว และความคิดมากมายในหัวก็ผุดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เธอรู้สึกประหม่ามากจนอดไม่ได้ที่จะกำกระโปรงเอาไว้แน่น
“ สิ่งที่เป็นเกียรติยิ่งกว่านั้นก็คือ เธอเป็นภรรยาของผมเอง !” สือมูเฉินมองไปยังหลานเสี่ยวถางพร้อมกับพูดต่อหน้าผู้คนในที่สาธารณะ
สองนาทีเต็มๆได้ ที่ในงานนั้นเงียบสนิท
และสองนาทีหลังจากนั้น ผู้คนในงานทั้งหมดต่างก็แตกกระเจิง
ในขณะนี้ หัวข่าวใน Weibo ก็กำลังรีเฟรชข่าวอย่างต่อเนื่อง
จากจุดเริ่มต้นของ ‘บริษัทเทคโนโลยีรายย่อย และเป็นครั้งแรกที่ Jarvis แสดงจุดยืนต่อหน้าสื่อมวลชน’ ‘บริษัทเทคโนโลยีรายย่อย นั่นคาดไม่ถึงเลยว่า Jarvis จะเป็นสือมูเฉินในTimes Group ของประเทศจีน’ พอมาถึงด้านหลัง ‘ปรากฏว่าแท้ที่จริง Jarvis จะหล่อเหล่าราวกับเทพบุรุษ จนถึงในขณะนี้ :
‘ คาดไม่ถึงเลยว่า Jarvis จะประกาศข่าวแต่งงานของตัวเอง ทำให้เปลี่ยนพิธีมอบรางวัล นั้นกลายเป็นเป็นฉากโรแมนติก !’
‘สือมูเฉิน=ผู้มีฝีมือสูงในการจีบสาว’‘สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถาง’ ‘Jarvisและสือมูเฉิน’ คำกล่าวสำคัญดังกล่าวครอบงำอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์
หลานเสี่ยวถางก็ไม่คาดไม่ถึงว่าสือมูเฉินจะประกาศต่อหน้าสาธารณะ เธอเองก็รู้สึกตะลึงมากจนกระทั่ง เธอรู้สึกว่ามือของตัวเองนั้นได้ถูกสือมูเฉินจับไว้แล้ว จากนั้นเขาก็ยกมือของทั้งสองคนขึ้นมา ยกขึ้นมาและพูดกับทุกคนว่า : “ วันนี้ ผมต้องขอขอบคุณภรรยาของผมที่คอยสนับสนุนผมมาตลอด ! มีหลายครั้งที่คลังข้อมูลของผมนั้นถูกโจมตี ถูกหลอกนับครั้งไม่ถ้วน ก็มีเธอและทีม DR ที่คอยใช้เวลาตลอดทั้งคืนในการฝ่าฟันกับอุปสรรคและความยากลำบากนั้นมาได้ !”
เมื่อคำพูดของเขาจบลง ทันใดนั้น ก็ทำให้คนที่ยินเขาพูดว่าหลานเสี่ยวถางเป็นภรรยาของเขา ทำให้การคาดเดาของความสงสัยเกี่ยวกับความจริงของรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้ จู่ๆก็ได้สลายหายไปดั่งเมฆหมอกในทันที
ทุกคนก็เริ่มอดไม่ได้ที่จะพินิจพิเคราะห์หลานเสี่ยวถางอีกครั้ง เริ่มจากความอิจฉา จนถึงตอนนี้ตระหนักได้ว่าการที่ผู้หญิงจะสามารถยืนเคียงข้างผู้ชายที่ดีเลิศได้นั้น ก็จำเป็นต้องมีความดีเลิศเหมือนกัน
“ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้แต่งงานกับเธอ !” สือมูเฉินมองไปยังหลานเสี่ยวถางและพูดว่า : “ มีความสุขมากจริงๆ อีกทั่งเรายังมีลูกของตัวเองอีกด้วย ตอนนี้เจ้าตัวน้อยกำลังอยู่ในท้องของเสี่ยวถาง และรอการเกิดอย่างเงียบๆ !”
ทุกครั้งคำพูดของสือมูเฉินนั้น ทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่หน้าจอทีวีนั้น ต่างก็เดือดพล่านกันขึ้นมา
เย่เหลียนอีที่อยู่ด้านล่างเวทีก็พูดกับหลานจื่อเฉินที่อยู่ข้างๆว่า : “ จื่อเฉิน พี่เขยของลูกไม่เลวเลยใช่ไหม !”
หลานจื่อเฉินก็แบะปากพร้อมกับพูดว่า : “ หึ หลอกพี่สักจนหัวปั่น ! วันก่อนพี่ยังส่งข้อความมาบอกกับผมว่า พี่ยังเดาอยู่เลยว่า Jarvis น่าจะสวมหน้ากากขึ้นบนเวที เป็นเพราะยังไม่เคยเปิดเผยในหน้าไทม์ไลน์มาก่อน และยังเดาอีกว่าน่าจะขี้เหร่เล็กน้อย ! ผลสุดท้าย……”
หลานจื่อเฉินไม่พอใจ แต่ทว่าเย่เหลียนอีกลับยิ้มและพูดว่า : “ เพียงแต่ว่าลูกไม่รู้สึกหรอว่ามันโรแมนติก ?”
“ ไม่เลย !”หลานจื่อเฉินก็พูดว่า : “ ผมเดาเลยว่าอีกเดี๋ยวหลังจากที่พี่ลงมาจากเวทีจะต้องระเบิดออกแน่ๆ !”
“ จริงเหรอ ?” เย่เหลียนอียักคิ้ว : “ แม่เดาว่าเธอจะต้องซาบซึ้งใจแน่ๆ ถ้าไม่อย่างนั้นเรามาพนันกันไหม ? ดูสิว่าน้องชายแท้ๆจะเข้าใจเธอ หรือว่าแม่แท้ๆจะเข้าใจเธอกันแน่ !”
หลานจื่อเฉินก็สนใจขึ้นมาในทันที : “ ถ้าหากผมชนะละก็ ของสะสมที่เป็นมีดที่แม่เอามาจากอียิปต์ก็ต้องตกเป็นของผม !”
เย่เหลียนอีก็ปวดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะเดาไม่ผิด ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า : “ ตกลง !”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันนั้น สือมูเฉินก็ได้ประกาศบอกกับทุกคนว่าขอให้เพลิดเพลินกับอาหารในมื้อค่ำนี้ และในเวลาเดียวกัน หลานเสี่ยวถางก็ถือถ้วยรางวัลเดินลงจากเวที
เธอเดินลงจากเวทีก่อน แล้วก็เพิ่งจะเดินถึงหลังเวที หลานเสี่ยวถางได้ยินสือมูเฉินเรียกเธอจากด้านหลัง
เธอก็มีท่าทีในการตอบโต้ในทันที และอดที่จะเร่งความเร็วของฝีเท้า
พอเดินออกมาจากหลังเวที ก็ได้เดินผ่านระเบียงทางเดินของล็อบบี้โรงแรม พอเดินออกไปอีกก็จะเป็นสวนจัตุรัสด้านหลังที่เป็นสวนดอกไม้
หลานเสี่ยวถางเดินด้วยความรีบร้อนเล็กน้อย และทันทีที่เดินไปถึงประตูสวนดอกไม้ ก็ถูกแขนของสือมูเฉินดึงเอาไว้จากด้านหลัง
ตัวของเธอก็แข็งทื่อ และก็หันกลับไปพูดกับเขาว่า : “ ปล่อยฉันนะ !”
“ เสี่ยวถาง ระวังหน่อย เธอกำลังท้องนะ เดินเร็วมากเกินไปไม่ได้นะ !” สือมูเฉินก็ได้พูดแบบนั้น
พอหลานเสี่ยวถางมองไปยังใบหน้าของเขา ความโกรธที่อยู่ในใจก็ค่อยๆล้นทะลักออกมา
ใช่ บนเวทีเมื่อกี้ เธอเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เขาให้ความรู้สึกที่ประหลาดใจอย่างมากกับเธอ บวกกลับนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเผชิญหน้ากับสื่อมวลชนและถ่ายทอดสดไปยังทั่วโลก จนกระทั่งยังมีเวลาอีกมากหลังจากนั้น เธอก็เกือบจะอยู่ในภาวะที่สมองแตก
แต่พอเธอลงมาจากเวทีแล้วก็หันกลับไปในตอนนั้น จู่ๆมันก็ทำให้นึกถึงอารมณ์ในตอนนั้น
ตั้งแต่ต้นสือมูเฉินก็หลอกเธอมาโดยตลอด !
เขาแกล้งทำมาเป็นรู้จัก Jarvis แล้วก็ยังมีอีกหลายครั้งที่เธอถามถึงJarvis และเขาก็ยังแสดงความหึงหวงต่อหน้าเธออีก !
เขาจะหึงหวงอะไรอีก ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็คนไหมอะ ? !
นอกจากนี้ เขายังเป็นคนแนะนำบัญชีวีแชทของ Jarvis ให้กับเธออีก พอแอดวีแชทของ Jarvis ไปแล้ว จนกระทั่งเขาทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นมากจนเกือบจะนอนไม่หลับ
เขาเป็นคนเริ่มที่จะพูดคุยกับเธอ และเธอก็ยิ่งได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนมันทำให้รู้สึกประหลานใจ !
และด้านหลัง ก็ยิ่งกำเอาไว้อย่างรุนแรง
เธอคิดว่า Jarvis นั้นเข้าใจสือมูเฉิน ดังนั้นเมื่อสือมูเฉินหึงหรือเข้าใจผิดเพราะหันจื่ออี้เธอก็จะมาขอคำปรึกษาจาก Jarvis แล้วก็จะถามถึงวิธีการง้อผู้ชายที่กำลังโกรธ !
แต่ Jarvis เป็นคนดี ก็บอกกับเธอตรงๆเลยว่า ถ้าผู้หญิงอยู่บนเตียงแล้วเป็นฝ่ายรุกก็จะสามารถง้อผู้ชายได้ !
ตอนนี้พอนึกถึงเรื่อนี้ขึ้นมา ในตอนนั้นที่สือมูเฉินที่ถือโทรศัพท์เอาไว้และส่งคำพูดเหล่านี้ให้กับเธอ เขากำลังหัวเราะเยาะเธอหรือว่ากำลังภูมิใจในความโอหังของตัวเองอยู่กันแน่ ?
พูดไม่ออกมากที่สุดก็วันนี้แหละ Jarvis บอกว่าชอบความจริงใจของเธอ เขายังพูดอีกว่า ภรรยาของเพื่อน ต้องไม่โดนรังแก !
มิน่าล่ะครั้งก่อนที่เธอไปพักอยู่กับหลานเซี่ยวเฉิง Jarvisก็เป็นฝ่ายที่ติดต่อเธอมา เพื่อช่วยอธิบายความเข้าใจผิดของสือมูเฉิน นั่นก็เป็นเพราะเดิมทีพวกเขาก็คือคนคนเดียวกัน !
คิดไม่ถึงเลยว่าเธอยังจะช่วยสือมูเฉินปกปิดความลับของเขาในตอนที่มั่วหลิงชวนนั้นกำลังจะเปิดเผยตัวตนของเขา พอหลังจากที่แก้ไขปัญหานั้นแล้ว เธอยังคงเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขาอีก และไม่ได้ถามคำถามอะไรเลยแม้แต่ประโยคเดียว !
พอคิดมาตรงนี้แล้ว หลานเสี่ยวถางก็ยิ่งรู้สึกโกรธและขายหน้าเป็นอย่างมาก !