ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 316 ง้อผู้หญิงให้ง้อด้วยการกอดจูบและอุ้มให้สูงๆ
เนื่องจากหลานเสี่ยวถางยืนอยู่บนถนนหินกรวดที่ไม่เรียบ สือมูเฉินกลัวว่าเธอจะล้ม จึงไม่กล้าที่จะดึงเธอแรง ดังนั้นเขาจึงปล่อยมือออกและอธิบายว่า : “ เสี่ยวถาง ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะหลอกคุณนะ ผมก็แค่รู้สึกว่า……”
เมื่อสือมูเฉินพูดมาถึงนี่แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าควรที่จะพูดยังไงดี
ในตอนแรกเป็นเพราะว่าทั้งสองเพิ่งจะแต่งงานกัน เขาก็ไม่สามารถที่จะไว้วางใจเธอได้อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร
ต่อมา เขารู้สึกว่าเธอสามารถแชร์ความลับกับเขาได้ แต่ทันใดนั้นก็กลับพบว่า ถ้ามีสองตัวตนแล้วแกล้งเธอละก็ อันที่จริงก็ดูน่าสนุกดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาปล่อยให้เธอเป็นฝ่ายรุกในจัดการกับเขา เธอที่มีท่าทางขี้อายเป็นอย่างมากนั้น เป็นเพียงความสุขของร่างกายและจิตใจ
แต่มีของบางอย่างต่อให้จะปิดมันอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะปิดมันมิด ก็เหมือนกับที่หยานชิงเจ๋อพูด ถ้าเกิดว่าเธอรู้เป็นคนสุดท้าย แน่นอนว่าเธอจะไม่มีความสุข
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มีการจัดวางเอาไว้อย่างนี้ และมันพอดีกับที่เขาประกาศต่อหน้าคนทั่วโลกว่า ตัวเองนั้นไม่ได้โสด !
แต่ดูเหมือนว่าภรรยาที่น่ารักของเขาจะอารมณ์เสีย เขาควรจะง้อยังไงดี ?
มุมใดมุมหนึ่งของสวนดอกไม้ มั่วหลิงชวนที่แอบตามหลานเสี่ยวถางออกมาก็ได้พิงอยู่กับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ แล้วก็ยิ้มมุมปากพร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยความขี้เล่น !
ในที่สุดก็มีตอนที่สือมูเฉินไม่สามารถจัดการได้ ? และทั้งหมดก็เป็นไปตามที่ก่อนหน้านี้เขาคาดเอาไว้ในใจ ! วันนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยวจริงๆ! มั่วหลิงชวนก็รู้สึกได้ใจเป็นอย่างมาก !
ในเวลานี้ หลานเสี่ยวถางที่เห็นว่าสือมูเฉินพูดไปได้เพียงหนึ่งครึ่งก็พูดต่อไปได้แล้ว เดิมที่เธอรู้สึกโกรธ และเพียงแค่แป๊บเดียวมันก็ทำให้ทุกข์ระทม
อารมณ์ของผู้หญิงที่ท้องนั้นมักจะแปรปรวน หลานเสี่ยวถางรู้เพียงแค่ว่าแสบจมูก ดวงตาร้อนผ่าว แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
ทรวงอกของเธอนั้นขึ้นๆลงๆ นัยน์ตาที่มีน้ำตาคลอขมุกขมัวก็มองไปยังสือมูเฉิน : “ ก่อนหน้านี้คุณไม่เคยไว้ใจฉันเลย อีกทั่งคุณยังเย้าเล่นฉันอีก !”
มั่วหลิงชวนที่อยู่ในลับตาพอเห็นแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกได้ใจมากยิ่งขึ้น สายตาของเขาก็มองไปยังสือมูเฉินที่มีท่าทางที่ยอมแพ้
สือมูเฉินที่เห็นหลานเสี่ยวถางร้องไห้ ทันใดนั้นก็รู้สึกลุกลี้ลุกลน พอเขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว หลานเสี่ยวถางก็ถอยข้างหลังหนึ่งก้าว และเขากลัวว่าเธอจะล้ม ก็เลยรีบยกมือขึ้นมาในทันทีพร้อมกับพูดว่า : “ โอเค เสี่ยวถาง เป็นเพราะผมไม่ดีเอง คุณอย่าวิ่งไปเรื่อยเลยนะ ผมขอโทษ อย่าโกรธไปเลยนะโอเคไหม ?”
พอมั่วหลิงชวนได้ยินก็ถึงกับขนลุกขนพอง แล้วเขาก็โทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงไว้ เสียดายเป็นเพราะว่าอยู่ในระยะที่ไกล ก็เลยทำให้เสียงที่อัดในโทรศัพท์นั้นแย่มาก และแทบจะได้ยินไม่ชัด
ทำให้เขารู้สึกเสียดายมากๆ !
หลานเสี่ยวถางก็ยังคงยิ่งคิดยิ่งรู้สีน้อยใจ และน้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด
เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอะไรไป อาจจะเป็นเพราะว่าท้องก็เลยมีอารมณ์ก็ได้มั้ง !
อันที่จริงก็ยังคิดในใจว่าไอดอลที่ตัวเองเคารพและเลื่อมใสมาโดยตลอดนั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสามีของตัวเอง มันถือว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะดีใจและภูมิใจ ! แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรถึงยังได้มีความรู้สึกที่น้อยใจอยู่เล็กน้อย
สือมูเฉินรู้สึกว่านี่มันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา แต่อันที่จริงแล้วเขากังวลเกี่ยวกับรองเท้าส้นสูงที่หลานเสี่ยวถางนั้นใส่อยู่
จึงทำให้เขารู้สึกสะกิดใจ จากนั้นก็มองไปตามมุมต่างๆ และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “ นั่นใคร ? !”
ตัวของมั่วหลิงชวนก็ถึงกับแข็งทื่อ แล้วก็กำลังด่าอยู่ในใจ ไม่ใช่ละมั้ง ดวงตาของสือมูเฉินจะมีรังสีอินฟราเรตอย่างนั้นเหรอ? เขายืนอยู่ตั้งที่นู้นจะเห็นเค้าได้ยังไงกัน ? !
ในขณะที่มั่วหลิงชวนกำลังจะเดินออกมานั้น สือมูเฉินเห็นว่าหลานเสี่ยวถางได้ถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปยังทางนั้น และท้นใดนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วจากนั้นโน้มตัวลงแล้วอุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้นมา
หลานเสี่ยวถางคิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะถูกหลอก ดังนั้นจึงทำให้ทั้งโกรธทั้งร้อนใจ ในขณะที่กระทืบเท้าไปด้วยก็ยื่นมือออกมาทุบตีสือมูเฉิน
เขาอุ้มเธอเอาไว้แน่นๆ โดยที่ไม่ได้สนใจกำปั้นของหลานเสี่ยวถางเลย จากนั้นก็เดินไปตามระเบียงทางเดินของสวนดอกไม้ : “ เสี่ยวถาง อย่าโกรธเลยนะ จะตีก็ได้ แต่อย่าเขย่าขา ถ้าเกิดว่าพวกเราต่างก็เขย่ากันไปมา แล้วถ้าหากว่าพวกเราสองคนล้มแล้วทำให้ลูกในท้องได้รับบาดเจ็บจะทำยังไง ? ”
พอหลานเสี่ยวถางได้ยินแบบนั้นแล้ว ก็เป็นไปอย่างที่คิดหลานเสี่ยวถางไม่ได้เขย่าขาแล้ว และก็ไม่ได้ทุบตีสือมูเฉินอีกต่อไป ก็ทำได้เพียงแค่แบะปากอย่างแรง
สือมูเฉินเดินมาถึงบริเวณที่เงียบสงบ แล้งทางด้านนั้นก็มีเครื่องทำความร้อน พอเห็นว่าไม่หนาวแล้วเขาถึงได้ปล่อยหลานเสี่ยวถาง
เขาวนเธอไว้ระหว่างทางเดินและทรวงอกของตัวเอง แล้วเขาก็ก้มลงมองเธอ : “ โอเค คุณภรรยาอย่าโกรธไปเลยนะ ผมไม่ได้ไม่ไว้ใจคุณ ผมก็แค่ชอบเห็นคุณเป็นฝ่ายรุกเข้ามาเพื่อใกล้ชิดกับผม……”
หลานเสี่ยวถางเหลืองมองไปด้านข้างและไม่ได้สนใจเขา
สือมูเฉินก็ได้โน้มตัวเข้าไปใกล้เพื่อที่จะจูบหลานเสี่ยวถาง แต่ทันทีที่เข้าโน้มตัวเข้าไปหลานเสี่ยวถางก็ส่ายหน้าหันไปอีกด้าน ดังนั้นมันก็เลยทำให้เขาจูบโดนใบหน้าด้านข้างของเธอ
พอนึกอะไรบางขึ้นได้ สือมูเฉินก็ค่อยๆปล่อยหลานเสี่ยวถาง
เขาก็ได้ก้มตัวลงและสัมผัสอุณหภูมิความอุ่นของพื้น ดังนั้นก็เลยเอื้อมมือออกไปถอดรองเท้าส้นสูงออกให้หลานเสี่ยวถาง
ทันใดนั้น ความสูงของทั้งสองคนก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน
หลานเสี่ยวถางสังเกตเห็นว่าสือมูเฉินเงยหน้าขึ้นมาพร้อมดวงตาที่ไม่พอใจ แต่ในเวลานี้สือมูเฉินก็ฉวยโอกาสจับไปหลังศีรษะของเธอ จากนั้นก็ก้มลงไปจูบ
ด้านหลังของหลานเสี่ยวแนบติดไปกับกำแพงแล้ว อยากจะหลบก็หลบไม่ได้แล้ว เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกมาผลักสือมูเฉิน
แต่ทว่าเขากลับใช้มือที่ว่างอยู่นั้นจับมือของเธอไว้ แล้วก็ยกมันขึ้นบนเหนือศีรษะของพวกเขา กลีบริมฝีปากก็ค่อยๆออกจากเธอ เสียงบริสุทธิ์ทุ้มต่ำที่ราวกับแม่เหล็กก็ดังขึ้นที่ริมหูของเธอ : “ ว่ากันเวลาที่ผู้หญิงโกรธก็ให้จูบจูบกอดกอดแล้วยกขึ้นสูง เสี่ยวถาง พวกเราทั้งจูบทั้งกอดแล้ว ตอนนี้จะให้อุ้มคุณให้สูงๆไหม ?”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วก็ทั้งโกรธทั้งตลก ในเวลานี้ ไม่รู้เลยว่าควรจะมีท่าทีโต้ตอบยังไงดีก็เลยใช้ดวงตาคู่นี้ที่มัวหมองมองไปยังสือมูเฉิน
เขาก็หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มลงมองเธอ : “ หรือว่ากลับบ้านไปลงโทษสามีด้วยการคุกเข่ากับแป้นพิมพ์ หรือไม่ก็คุกเข่ากับทุเรียน ?”
หลานเสี่ยวถางแค่ได้ยินก็รู้สึกทนไม่ไหวไม่แล้ว ก็เลยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและถอดหายใจ
พอสือมูเฉินเห็นแบบนั้น ก็ยิ้มให้เธอพร้อมกับพูดว่า : “ ไม่โกรธแล้วโอเคไหม ? วันนี้ผมเชิญทั้งคุณแม่และน้องชายของคุณมานะ และเดาได้ว่าพวกเขาก็รอคุณอยู่ที่ห้องโถงใหญ่นะ !”
หลานเสี่ยวถางถึงกับอึ้งไปเลย : “ พวกเขามาอย่างนั้นหรอ ? ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้ !”
สือมูเฉินก็ยิ้ม : “ ดังนั้น พวกเราต้องไม่ทะเลาะเรื่องงี่เง่า ถ้าไม่อยากนั้นแม่ของคุณจะเป็นห่วงคุณนะ ”
หลานเสี่ยวถางก็ถลึงตาใส่เขา : “ ฉันงี่เง่าตรงไหน ”
ในขณะที่สือมูเฉินยิ้มนั้นก็พรางจัดผมของหลานเสี่ยวถางไปด้วย : “ ดังนั้น ดีกันแล้วเน้อ ? ยกโทษให้ผมนะ ?”
หลานเสี่ยวถางทำเสียงหึหึอยู่สองครั้งและแสดงออกว่าปล่อยเขาไปชั่วคราว
เมื่อสือมูเฉินเห็นแบบนี้แล้ว นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยแสงเห็นความดีใจ จากนั้นเขากอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้แน่นและยังคงจูบอย่างต่อเนื่อง
ระยะห่างจากสวนดอกไม้อยู่ไม่ไกลจากหน้าประตูระเบียงทางเดิน มั่วหลิงชวนเห็นว่าสือมูเฉินจูบหลานเสี่ยวถาง นัยน์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและไม่สบายใจ
“ น่าเบื่อจริงๆเลย ! ไม่เห็นจะสนุกอย่างที่คิดไว้เลย !” เขาก้มลงและพูดกับตัวเอง : “ ยกโทษให้เร็วขนาดนี้เลยหรอ เป็นผู้หญิงที่โง่เลยจริงๆ !”
ในขณะที่พูดนั้น เขาก็แตะไปที่แท่นดอกไม้ที่อยู่ข้างๆด้วยความไม่พอใจ จากนั้นก็หันตัวและเดินออกไป
หลานเสี่ยวถางถูกสือมูเฉินจูบจนถึงขั้นหมดแรง พอเห็นว่าเขาถอยออกห่างจากเธอเล็กน้อย เธอถึงได้มีเวลาในการสูดหายใจ และก็พูดอย่างหงุดหงิดว่า : “ คุณแม่และน้องชายของฉันรอจนเป็นกังวลใจแล้ว !”
สือมูเฉินยิ้ม : ไม่ต้องรีบ ตอนที่พวกเราออกมา งานเลี้ยงก็เพิ่งจะเริ่มเอง ก่อนหน้าที่น้องชายและแม่ของคุณจะมาดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้กินอะไรมา และเดาได้ว่าตอนนี้ก็คงไม่ว่างมาหาคุณ ”
“ ดังนั้นเมื่อกี้คุณตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจของฉันอย่างนั้นหรอ ? !” หลานเสี่ยวถางก็ถึงกับถลึงตากลมโตใส่
“ ง้อภรรยา ก็ต้องใช้วิธีทุกอย่างถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องใช้ด้วยกล ” สือมูเฉินพูดอย่างตรงไปตรงมา
“ คุณนี่มัน—”หลานเสี่ยวถางถึงกับหมดคำพูด
“ โอ๋นะ คนดี ไม่โกรธแล้วโอเคไหม หื้ม ?” ในขณะที่สือมูเฉินพูดนั้นก็ก้มตัวลงไปหยิบรองเท้าส้นสูงของหลานเสี่ยวถางขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้นมา : “ เรากลับกัน ?”
หลานเสี่ยวถางก็อืมใส่ไปหนึ่งคำ จากก็กัดริมฝีปากและพูดว่า : “ คุณบอกมานะว่ายังมีอะไรที่ปิดบังฉันเอาไว้อีก ?”
สือมูเฉินก็พูดอย่างรับประกันในทันที : “ นอกจากเรื่องนี้แล้ว ผมก็ไม่มีความลับอะไรแล้ว !”
หลานเสี่ยวถางหรี่ตาลง : “ แน่ใจนะ ?”
สือมูเฉินก็พยักหน้าและพูดแสดงท่าที : “ ถ้าเกิดว่ามีละก็ คุณก็แฮ็คคอมผมได้เลย ภรรยาของผมเก่งสักขนาดนี้ ผมก็ไม่กล้าที่จะปิดบังอะไรทั้งนั้น !”
หลานเสี่ยวถางยักคิ้ว : “ โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะฝืนใจเชื่อคุณก็ได้ !”
ในเวลานั้นเอง สือมูเฉินก็ได้อุ้มเธอเดินมาถึงระเบียงทางเดินของห้องโถงใหญ่แล้ว และเขาก็ก้มลงเธอพร้อมกับพูดว่า : “ เสี่ยวถาง เดินได้ไหม ? ถ้าหากว่าพวกเราเข้าไปแบบนี้ ผมคิดว่ากล้องทุกตัวก็คงจะจับจ้องมา ส่วนผมไม่เป็นไร……”
“ คุณหน้าหนาสักอย่างแน่นอนว่าต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว !” ในขณะที่หลานเสี่ยวถางพูดนั้นก็รีบเร่งจะลงมาจากอ้อมแขนของเขาก็พูดว่า : “ ฉันเดินเองได้ค่ะ !”
สือมูเฉินเห็นท่าทางของเธอที่ร้อนใจ ก็รู้สึกว่ามันตลก ดังนั้นก็เลยค่อยๆวางเธอลง จากนั้นก็นั่งลงยองๆใส่รองเท้าให้กับเธอพร้อมกับพูดว่า : “ เราเดินเข้าไปด้วยกันนะ !”
ในขณะที่เขาพูดนั้นก็จับไปที่มือของเธอและเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ด้วยกัน
เป็นไปตามอย่างที่คิดเลย ทันใดนั้นก็มีแสงไฟสปอร์ตไลท์ส่องมายังพวกเขา แล้วก็เดินผ่านเข้าไปด้วยความสุขุมและมุ่งตรงไปยังที่ที่เย่เหลียนอีอยู่
เขาโบกมือทักทายทั้งคนสอง ก่อนที่จะแยกออกไปคุยธุระกับบริษัทพันธมิตรที่เชิญมาในวันนี้
ในขณะนี้หลานจื่อเฉินกำลังรับประทานอาหารมื้อค่ำและดูเวลาไปด้วย ก็ได้หันไปพูดกับเย่เหลียนอีว่า : “ แม่ครับ เท่าที่ผมดู มีดเล่มนั้นของแม่ก็คงจะรักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว !”
เย่เหลียนอีก็ได้พาหลานเสี่ยวถางมานั่งลง : “ เสี่ยวถาง เมื่อกี้ลูกกับสือมูเฉินกำลังจู๋จี๋กันอยู่ด้านนอกใช่ไหม……”
หลานจื่อเฉินส่ายหัว : “ พี่ครับ ผมไม่เชื่อ ! ผมเห็นนะว่าเรื่องที่พี่เขยปิดบังตัวตนนั้นทำให้พี่โกรธ แล้วเขากำลังง้อพี่อยู่ใช่ไหม ?”
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นมามองหลานจื่อเฉิน : “ แกรู้ได้ยังไงอะ ?”
“ ฮ่าฮ่า !” หลานจื่อเฉินรู้สึกอิ่มใจเป็นอย่างมาก จากนั้นก็ยื่นมืออกไปพร้อมกับพูดกับเย่เหลียนอี : “ แม่ครับ อย่าลืมนะว่ามีดเล่มนั้นต้องให้เอาผม !”
พอหลานเสี่ยวถางได้ยินก็ไม่เข้าใจเล็กน้อย แต่พอได้ฟังเย่เหลียนอีอธิบายแล้ว ก็คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสองคนจะพนันกันเรื่องของเธอ และเย่เหลียนอีก็พูดอีกว่า : “ เสี่ยวถาง ในเมื่อสือมูเฉินก็คือJarvis แม่คิดว่าแม่จะจัดการให้พวกลูกกลับไปเจอกับคุณตาของลูก ”
หลานเสี่ยวถางก็ถึงกับอึ้งไปเลย : “ ห๊ะ ?”
“ เรื่องที่แม่หาลูกเจอ ก็เดาได้ว่าน่าจะปิดบังไปได้อีกไม่นาน ฉะนั้นแล้วถ้าแม่เป็นฝ่ายพาพวกลูกไปเจอกับท่านมันน่าดีกว่า ” เย่เหลียนอีพูด : “ อีกอย่างหลานสาวและลูกเขยของหลานสาวเก่งขนาดนี้ แล้วก็ยังมีเด็กอีกด้วย แม่คิดว่าท่านก็คงจะดีใจมาก !”
“ค่ะแม่…….” หลานเสี่ยวถางรู้สึกประหม่าเล็กน้อย พูดอีกอย่างก็คือคุณตาคนนั้นของเธอที่อยู่ในเส้นทางทั้งดีและชั่วที่ถูกขนานนามไว้ว่านักเทววิทยาก็คงจะไม่สร้างความลำบากใจอะไรให้เธอใช่ไหม
แต่ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เธอรู้สึกลำบากใจจริงๆเธอก็ทำเรื่องที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจมาตลอดให้สำเร็จ !
พ่อแม่ของเธอถูกแยกกันไปคนละที่แล้วก็ยากที่จะได้เจอ สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่โหดร้าย !
แน่นอนว่าเธอจะพยายามทำให้พ่อแม่ของตัวเองนั้นได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ถ้าอย่างนั้น จะต้องถือโอกาสในการเจอกับคุณตาในครั้งนี้และช่วยให้คุณตากำจัดปมในใจทิ้ง จากนั้นก็ทำให้คนในครอบครัวทั้งสี่คนของตัวเองกลับมาอยู่ด้วยกัน !
งานเลี้ยงของในค่ำคืนนี้ก็ได้จบลง เป็นเพราะว่าหลานเสี่ยวถางได้ตัดสินใจที่จะไปที่แบรนด์ honor กับสือมูเฉินเพราะฉะนั้นแล้วเย่เหลียนอีและทั้งสองจึงได้อยู่ต่อ และเตรียมตัวกลับไปกับพวกเขาในวันรุ่งขึ้น
ในตอนค่ำ หลานเสี่ยวถางก็ได้เปิดโทรศัพท์และพบว่าได้รับข้อความจะผู้คนที่ส่งมาเป็นจำนวนมาก
ปกติแล้วก็ไม่ค่อยจะติดต่อกันอยู่แล้ว แต่ทว่าหลังจากที่รู้ว่าเธอแต่งงานกับสือมูเฉินก็มีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้า แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้ามมันไปโดยตรง
แต่พอปัดลงไปถึงด้านล่าง ก็เพิ่งจะเห็นว่าเฉียวโยวโยวนั้นได้ส่งความมาหา