ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 322 สองเดือนก่อน พวกเขาเคยไปที่โรงแรม
ฉินไห่เทาถูกน้ำเสียงเย็นยะเยือกของหยานชิงเจ๋อพูดจนหัวใจเขาแข็งค้างไปในทันที แต่ทว่า ก็ยังคงมีปฏิกิริยาตอบกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เกรงกลัวว่า “ฮ่า ๆ มีเงินเยอะกว่าผมนั้นไม่ผิดแน่ แต่ทว่า ตระกูลของผมมีใครหนุนหลังอยู่? คุณกล้าข่มขู่ผมหรือ?!”
พูดไป เขาก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “อีกอย่างนะ ตอนนี้คุณไม่ได้เพียงแค่ถูกสวมหมวกเขียวแล้วล่ะ ถ้าอยากจะระบายละก็ ก็ควรที่จะไประบายกับคนที่ยังนอนกับผู้หญิงของคุณตอนนี้เถอะ!”
พูดไป เขาก็วางสายไปอย่างรวดเร็ว
หยานชิงเจ๋อได้ยินเสียงตู๊ดตู๊ดดังขึ้นมาจากปลายสาย ถึงแม้ว่าจะนอนไปเพียงแค่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น แต่ทว่า ตอนนี้เขานั้นกลับนอนไม่หลับไปเต็ม ๆ เสียแล้ว
เขาบีบโทรศัพท์มือถือ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะต่อสายหาซูสือจิ่นไป
เดิมซูสือจิ่นขอเพียงแค่จะนอน ก็มักจะปิดเครื่องเสมอ แต่ทว่า เป็นเพราะว่าเมื่อครู่นี้ฉินไห่เทานั้นบอกว่าต้องการที่จะแลกเปลี่ยนหลักฐานกัน เธอจึงกังวลใจว่าจะพลาดสายไป ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้ปิดเครื่องทั้งคืน
ตอนเช้ามืด จู่ ๆ เธอก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์แล้ว
ซูสือจิ่นลืมตาขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นหยานชิงเจ๋อ ทันใดนั้นก็ตื่นเต็มตาทันที เธอลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะกดเลื่อนรับสาย “ชิงเจ๋อ”
น้ำเสียงของหยานชิงเจ๋อนั่นเป็นปกติราบเรียบ “เสี่ยวจิ่น ฉันโทรไปปลุกเธอหรือเปล่า?”
มุมปากของซูสือจิ่นยกยิ้มขึ้นมาทันที “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับไปนอนต่อได้ค่ะ” พูดไป เธอก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ชิงเจ๋อ พี่ทำธุระเสร็จหรือยังคะ?”
หยานชิงเจ๋อได้ยินน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติเป็นอย่างมากของซูสือจิ่น ที่แท้แล้วก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผู้ชายคนนั้นกล่าวเอาไว้ เขารู้สึกเพียงแค่ว่าความรู้สึกที่แผดเผาหัวใจเอาไว้อยู่อ่อนตัวลงไปแล้วเล็กน้อย เขาเอ่ยว่า “ใกล้แล้ว”
“ค่ะ ฉันจะรอพี่กลับบ้านนะคะ” ซูสือจิ่นเอ่ย
ในเมื่อวันนี้ตอนเช้า ทางฝั่งนั้นก็จะส่งตัวผู้ดูแลมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว เขาก็คงจะสามารถแก้ไขปัญหา แล้วก็กลับบ้านมาได้แล้ว
“เสี่ยวจิ่น วันนี้เธอนอนที่ห้องไหนหรือ?” หยานชิงเจ๋อเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
หัวใจของซูสือจิ่นหนักอึ้งในทันที
ถ้าหากว่าเธอบอกไปว่าเธอไม่ได้อยู่บ้าน ถ้าอย่างนั้นแล้ว…..
เธอไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดไป เมื่อคิดได้ว่าเขาก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นแล้วจึงเอ่ยว่า “ฉันก็นอนในห้องนอนใหญ่น่ะสิคะ ทำไมหรือคะ?”
“ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกเธอ หิมะด้านนอกหนามากแล้ว” มือที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ของหยานชิงเจ๋อสั่นเทาขึ้นมาเล็กน้อย
“อื้ม เมื่อวานตอนที่ฉันลงไปซื้อของที่ชั้นล่าง ก็เห็นหิมะที่ด้านล่างแล้วล่ะค่ะ” ซูสือจิ่นเอ่ย
“อืม ฉันวางแล้วนะ” หยานชิงเจ๋อเอ่ย
เขาวางสายไปแล้ว รู้สึกเพียงแค่ว่าตอนนี้เมฆในหัวใจบ้าคลั่งของเขาตอนนี้ย้ายออกไปแล้ว
ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าตนเองกับฉินไห่เทานั้นมีความแค้นต่อกัน ที่ฉินไห่เทาพูดมา เขาไม่เชื่อมันหรอก แต่ทว่า หยานชิงเจ๋อนั้นเดิมก็ไม่อาจสงบใจได้อยู่ดี
เขารู้สึกว่าตนเองนั้นไร้ความคิด ไร้การตัดสิน รู้สึกเพียงแค่ว่าในทุก ๆ วินาทีหัวใจของเขานั้นราวกับว่ากำลังถูกเวทมนตร์เลยก็ไม่ปาน
เขาเองก็อดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว หลังจากที่คืนห้องพักไปแล้ว ก็กำลังจะมุ่งหน้าไปยังคอนโดมิเนียมของเขา
ตอนเช้ามืด บนถนนแทบจะไม่มีรถ ไม่นานนักหยานชิงเจ๋อก็กลับมาถึงบ้านแล้ว
ในตอนที่บีบกุญแจเปิดประตูเอาไว้แน่น หัวใจของเขานั้นสวดภาวนาเป็นอันดับแรก เขาขอให้ซูสือจิ่นยังคงอยู่ในห้องนอนใหญ่จริง ๆ ขอให้เธอไม่ได้โกหกเขา
เขาเปิดประตูออกมาแล้ว
ภายในตัวห้องนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก เขาค่อย ๆ ก้าวเข้าไปด้านในอย่างช้า ๆ ก่อนจะมาถึงโถงทางเดิน หลังจากนั้นก็มาถึงห้องนอนใหญ่
ประตูของห้องนอนใหญ่ยังคงเปิดอยู่ มันไม่เหมือนกับความเคยชินปกติของเธอเลย ปกติถ้าเธอต้องการจะนอนแล้ว ล้วนแล้วแต่จะปิดประตูทุกครั้ง
สายตาของหยานชิงเจ๋อ ค่อย ๆ ตกกระทบลงไปบนเตียงกว้างในห้องนอนใหญ่
แต่ทว่า บนเตียงหลังนั้นกลับยังถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างดี และไร้คน
อีกทั้งตั้งแต่ดูจากความสะอาดเรียบร้อยบนเตียงกว้างแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าซูสือจิ่นนั้นเดิมก็ไม่เคยนอนมาก่อน
มือของหยานชิงเจ๋อกำหมัดเข้าหากันแน่นในทันที เขาค่อย ๆ ถอยห่าง ก่อนจะไปที่ห้องนอนรับแขก
แต่ทว่า ห้องนอนรับแขกก็ไม่มีคนเช่นกัน อีกทั้งก็ยังคงเห็นสภาพเดิมก่อนหน้าที่เขาจะจากไปด้วย
เขารู้สึกว่าตนเองนั้นใกล้จะบ้าเต็มทนแล้ว ความรู้สึกราวกับว่าเนื้อของร่างกายถูกคนฉีกออกเป็นแผ่น ๆ อย่างช้า ๆ แต่ทว่า เขากลับยังไม่ตาย!
“เสี่ยวจิ่น!” หยานชิงเจ๋อตะโกนใส่ห้องที่ว่างเปล่าเสียงดัง “ซูสือจิ่น!”
แต่ทว่า เธอไม่อยู่บ้าน ใครจะตอบเขากลับไปได้อีกกันล่ะ?!
หยานชิงเจ๋อหาไปทั่วทั้งบ้านรอบหนึ่งแล้ว แม้กระทั่งที่ระเบียงเขาก็หาแล้ว แต่ทว่า ก็ยังคงไม่เจอใครอีกคน
เขารู้สึกว่าหัวใจของตนเองราวกับว่าถูกคนตีเข้าอย่างรุนแรง มันกลับเป็นความวิงเวียนที่ไร้เรี่ยวแรงเช่นนี้นี่เอง
เขายืนเหม่อลอยอยู่ในห้องหลายนาที หลังจากนั้น ก็ไปหยิบกุญแจแล้วออกไปแล้ว——
ซูสือจิ่นหลังจากที่หยานชิงเจ๋อโทรศัพท์เข้ามาหา เธอก็นอนไม่หลับเสียแล้ว
เธอพลิกไปพลิกมาบนเตียงกว้างอยู่นาน ในที่สุดก็ลุกขึ้นมา หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเปิดประตูห้องนอน
ด้านนอกของในตัวห้อง ลั่วฝานหวากำลังนอนอยู่ เมื่อได้ยินเสียงเธอตื่นแล้ว ดังนั้นจึงรีบลุกขึ้นยืนทันที
เขามองเธอ “สือจิ่น ทำไมถึงตื่นเช้าขนาดนี้ละครับ?”
ซูสือจิ่นเอ่ยว่า “นอนไม่หลับแล้วค่ะ”
“ตอนนี้ทางโรงแรมคงจะมีอาหารเช้าแล้ว พวกเราไปเก็บของ หลังจากนั้นไปทานอาหารเช้าด้วยกันดีไหมครับ?” ลั่วฝานหวาเสนอความคิดเห็น
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้ที่หยานชิงเจ๋อโทรเข้ามา เธอไม่รู้ว่าทำไม หัวใจจึงรู้สึกไม่สงบเลย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เธอจึงส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยว่า “ฝานหวา ฉันอยากที่จะกลับบ้านก่อนค่ะ”
“แต่ทว่ากุญแจของคุณ——” ลั่วฝานหวาเห็นท่าทางในตอนนี้ของซูสือจิ่นแล้ว ดังนั้นจึงรู้สึกหมดคำจะเอ่ยเล็กน้อย คิดก็ไม่ต้องคิดเลย แน่นอนว่าจะต้องเป็นเพราะว่าหยานชิงเจ๋ออีกแล้วแน่ ๆ
“ช่างเปลี่ยนกุญแจที่เขตเล็กของพวกเรา ในหกโมงเช้าของทุกวันร้านก็เปิดแล้วล่ะค่ะ” ซูสือจิ่นเอ่ย
“ครับ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมจะไปส่งคุณเอง” ลั่วฝานหวาถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง
“ขอบคุณนะคะ” ซูสือจิ่นยกยิ้ม
ทั้งสองคนเก็บข้าวเก็บของแล้วคืนห้องพักแล้ว ซูสือจิ่นนั่งโดยสารอยู่บนรถของลั่วฝานหวา หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าขับไปยังเขตเล็กของเธอกับหยานชิงเจ๋อ
แต่ทว่าในตอนที่ขับแผ่นสี่แยกหนึ่งนั้นเอง ซูสือจิ่นเบนสายตากลับไปมองโดยไม่ได้สนใจมากนั้น ก็มองเห็นไฟจากรถที่อยู่ตรงหน้าแล้ว รถคันนั้นดูแล้วคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ป้ายทะเบียน QZ1203 เป็นป้ายทะเบียนรถยนต์ของหยานชิงเจ๋อ!
หัวใจของซูสือจิ่นตกตะลึงในทันที แทบจะเป็นปฏิกิริยาตอบกลับมาตามสัญชาตญาณเลยก็ว่าได้ ร่างทั้งร่างจึงหดตัวลงในทันที ก่อนจะแนบเข้ากับเบาะที่นั่งข้างคนขับไป
ลั่วฝานหวาเห็นดังนั้นแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “สือจิ่น คุณกำลังทำอะไรน่ะ?”
“เขาอยู่ฝั่งตรงข้าม——” ซูสือจิ่นเองก็รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองนั้นดูน่าขันมากเพียงใด แต่ทว่า เธอก็ยังคงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “ฉันกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด”
ในเมื่อตอนเช้ามืดมานี้ เธอกลับมานั่งโดยสารอยู่บนรถของผู้ชายคนอื่น อีกทั้งเส้นทางของรถยังขับไปยังคอนโดมิเนียมของเธอด้วย จะว่าเป็นใคร ก็ล้วนแล้วแต่จะเข้าใจพวกเขาผิดกันทั้งหมดแน่!
รถยนต์ของลั่วฝานหวาและหยานชิงเจ๋ออยู่ตรงเส้นจราจรสีเหลืองสองเส้นตรงกลาง ก่อนจะขับผ่านกันไปแล้ว
เมื่อกลับไปถึงคอนโดมิเนียม หัวใจของซูสือจิ่นที่บีบตัวกันจึงผ่อนคลายตัวลงแล้วเล็กน้อย เธอลองเคาะประตูดู เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคน เธอจึงเรียกช่างทำกุญแจมา หลังจากที่เปลี่ยนล็อกแล้ว ดังนั้นจึงนั่งหมดแรงอยู่ในตัวบ้าน
ไม่รู้ว่าทำไม เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว คุณพ่อของหยานชิงเจ๋อไม่นานก็จะสามารถออกจากคุกได้แล้ว แต่หัวใจของซูสือจิ่นยังคงรู้สึกยุ่งเหยิงอยู่
เธอลองดื่มน้ำให้ไปมาก ๆ แต่ทว่า หัวใจกลับไม่มีท่าทีที่จะอ่อนตัวลงเลย
เธอกลับยิ่งรู้สึกแย่เข้าไปกันใหญ่ ในเมื่อนั่งในบ้านไม่ติดแล้ว เธอจึงอดที่จะลุกขึ้นไม่ได้ ก่อนจะเดินไปเดินมาอยู่ภายในตัวห้อง
ส่วนหยานชิงเจ๋อ หลังจากที่ลองโทรศัพท์ยืนยันดูแล้ว ไม่นานนักก็ไปถึงที่โรงแรมที่ซูสือจิ่นเคยจองเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เขาลงมาจากรถ หัวใจบอกกับตนเองอยู่ตลอดว่าให้ใจเย็นลงหน่อย แต่ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้เธออาจจะกำลังอยู่กับผู้ชายคนอื่นในห้องนอน ความรู้สึกนั้นมันทรมานกว่าฆ่าเขาให้ตายเสียอีก
เขาจอดรถแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปในโถงกว้าง
หยานชิงเจ๋อพุ่งเข้าไปหางานบริการส่วนหน้าทันที
พนักงานบริการส่วนหน้าต้องรอให้ถึงแปดโมงเช้าก่อนเถอะจะเปลี่ยนเวรกัน ดังนั้นแล้วจึงยังคงเป็นคนเดิมกับเมื่อคืน
เขาเห็นหยานชิงเจ๋อ เป็นเพราะรู้สึกง่วงเล็กน้อย อีกทั้งก็เป็นเพราะว่าชายหนุ่มนั้นหล่อเหล่ามากกว่าคนอื่น ในตอนที่กำลังสับสนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มองหยานชิงเจ๋อเป็นลั่วฝานหวาที่เคยเจอกันสองครั้งแทน หลังจากนั้นจึงหันไปยิ้มกับเขาแล้วกล่าวว่า “คุณครับ เมื่อครู่นี้คุณไม่ได้คืนห้องพักไปแล้วไม่ใช่หรือครับ? หรือเป็นเพราะว่าคุณซูได้รับบาดเจ็บอีกเท้าอีกแล้วหรือเปล่าครับ?”
ทันใดนั้นเอง แผ่นหลังของหยานชิงเจ๋อก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที เขากดข่มการเต้นของหัวใจที่บ้าคลั่งลงไป ก่อนจะเอ่ยถามว่า “คุณแน่ใจนะครับว่าเป็นผม?”
พนักงานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสบตามองหยานชิงเจ๋ออย่างละเอียด ทันใดนั้นเอง จึงรวบรวมสติขึ้นมาได้แล้ว “คุณครับ ขอประทานโทษครับ ผมทำงานทั้งคืนเลยรู้สึกไม่ค่อยตื่นดีเท่าไหร่ ดังนั้นก็เลยจำผิดคนแล้ว……ที่สำคัญเลยก็คือคุณกับคุณผู้ชายคนนั้นหล่อเหลามากกว่าคนอื่นไปมาก ดังนั้นจึง……ขอโทษด้วยนะครับ! คุณจะทำเรื่องเข้าพักหรือเปล่าครับ?”
ดังนั้นแล้ว เมื่อคืนนี้เธอนอนค้างคืนที่นี่จริง ๆ อย่างนั้นใช่ไหม?
หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าการหายใจของเขานั้นยากลำบากมากขึ้นเล็กน้อย เขาส่ายหน้า “ผมไม่ได้จะมาทำเรื่องเข้าพักครับ ผมมาตามหาคุณซูที่คุณพูดถึงต่างหาก!”
ฝั่งตรงข้างตกตะลึงจนเบิกตากว้าง “คุณก็รู้จักคุณซูหรือครับ?”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาก็หยิบบัตรประชาชนขึ้นมาทันที “สอบถามห้องพักที่ลูกค้าจองเอาไว้จำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนไหมครับ?”
“ไม่ครับ ห้องพักคุณซูไม่ได้เป็นคนจองเอาไว้ครับ……” พนักงานเห็นว่าสีหน้าของหยานชิงเจ๋อไม่ถูกต้องนัก ทันใดนั้นเองก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที
แทบจะ เขานั้นไม่ทันระวังก็เลยเข้าไปในเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของทั้งสามคนเสียแล้ว!
หัวใจของพนักงานหนักอึ้งในทันที หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วโค้งตัวลง “ขอโทษด้วยนะครับ คุณหยาน พวกเราไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลของลูกค้าออกไปได้ครับ”
พูดไป เขาก็ส่งบัตรประชาชนของหยานชิงเจ๋อกลับคืนไปให้กับเขา
หยานชิงเจ๋อหรี่ตาลง น้ำเสียงแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นในทันที “คุณซูไม่ได้เป็นคนเปิดห้อง แต่เธอกลับอยู่ที่นี่โดยไม่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน นี่มันจะไม่ผิดกฎหรือไงครับ?”
หัวใจของพนักงานเย็นเฉียบ ทันใดนั้นเองก็พูดไม่ออก เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อวานตามหลักการแล้วข้อมูลที่ลงทะเบียนควรที่จะต้องเป็นบัตรประชาชนของซูสือจิ่น แต่ทว่าเธอบอกว่าไม่ได้พกมาด้วย ดังนั้นก็เลยใช้ของลั่วฝานหวา แต่ทว่า เมื่อคืนวานนั้นทั้งสองคนนั้นเข้าพักด้วยกันจริง ๆ!
“ดังนั้นแล้ว คุณอยากที่จะทำงานที่นี่ต่อไปหรือเปล่าครับ?” นัยน์ตาของหยานชิงเจ๋อเข้มขึ้น น้ำเสียงกดต่ำ “อีกอย่าง คุณบอกว่าเรื่องเท้าได้รับบาดเจ็บ เรื่องราวกันเป็นอย่างไรกันอีกล่ะครับ?!”
แย่แล้ว แย่แล้ว……
หัวใจของพนักงานตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อครู่นี้ไม่ทันได้ระวัง ดังนั้นก็เลยเผลอเอ่ยเรื่องของเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ไปเสียแล้ว
ในตอนนี้ถ้าหากไม่เอ่ยอธิบายไป งานของเขาจะต้องหลุดมือไปแน่ ๆ
ถ้าหากว่าอธิบายไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้วจะอธิบายต่อซูสือจิ่นอย่างไรล่ะ……
ในตอนที่ความคิดของเขากำลังตีกันอยู่นั้นเอง หยานชิงเจ๋อเองก็หมุนตัวกลับไปแล้ว ก่อนจะเดินไปถามยังพนักงานทางด้านข้างอีกคน แล้วถามว่าผู้จัดการของพวกเขาอยู่ไหน
พนักงานคนนั้นเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว จึงรีบกุลีกุจอเข้ามาขวางหยานชิงเจ๋อเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า “คุณหยานครับ เชิญหยุดก่อนครับ!”
เพื่อหน้าที่การงานและหนทางในอนาคตของตนเอง เขาจึงตัดสินใจที่จะขายซูสือจิ่นไปแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงคายเรื่องราวออกมาว่า “คุณหยานครับ ราว ๆ เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้ คุณซูคงจะได้รับบาดเจ็บที่เท้ามา แล้วก็มีคุณผู้ชายคนหนึ่งครับที่พาเธอมาที่นี่ หลังจากนั้นพวกเขาก็อยู่ที่ที่กันสองชั่วโมงแล้วก็จากไปแล้วครับ”
เขามองสีหน้าของหยานชิงเจ๋อครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไม เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนี่ว่าหยานชิงเจ๋อไม่ได้มีสีหน้าอื่นใดแสดงออกมาเลย แต่ทว่า ร่างกายกับแผ่กระจายรังสีอาฆาตออกมา มันออกมาจากร่างกายของหยานชิงเจ๋อ
พนักงานตกใจจนตัวสั่น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ส่วนเมื่อคืนวานนี้ ก็ยังเป็นคุณผู้ชายคนนั้นครับที่อุ้มคุณซูมาแล้วเปิดห้องพักกัน แต่ทว่าเมื่อเช้าวันนี้ก็ไปกันแล้วนะครับ”
เขามองดูนาฬิกาอยู่ครู่หนึ่ง “พึ่งจะคืนห้องไปราว ๆ ยี่สิบนาทีก่อนหน้านี้เองครับ”
ถึงแม้ว่าคำพูดทั้งหมดของพนักงานนั้นหยานชิงเจ๋อจะเข้าใจหมดแล้ว แต่ทว่า ในตอนที่ประติประต่อกันเข้ามาแล้ว เขากลับรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ร่างทั้งร่างของเขาซวนเซไปมา สีหน้าบนใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงไม่มีอาการอะไรมากนัก
“ผมทราบแล้วครับ คุณกลับไปทำงานเถอะ!” เขาหันไปพูดกับพนักงานประโยคหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินจากไป
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาถึงรถได้อย่างไร อีกทั้งเหยียบคันเร่งได้อย่างไร เพียงแต่ว่าในตอนที่เขานั้นไม่รู้ว่าควรที่จะขับไปที่ไหนนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาแล้ว
เป็นหลู่หยุนเซียงที่โทรเข้ามา น้ำเสียงของเธอดูตื่นเต้นยินดี “ชิงเจ๋อ เป็นลูกหรือเปล่าที่ตามหาคนที่เกี่ยวข้องมาช่วยเอาไว้ได้แล้ว? ผู้ดูแลคนนั้นปรากฏตัวแล้ว ในที่สุดพ่อของลูกก็ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน! แม่กังวลใจจะตายอยู่แล้ว!”