ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 334 เด็กคลอดออกมา ก็มอบคฤหาสน์ให้หนึ่งหลัง
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง ห้องเด็กอ่อนเหรอ?
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่อเมริกามาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ก็ไม่ได้บอกว่าต้องการจะอย่างอยู่ถาวร!
เพียงแต่เธอยังไม่ทันจะพูดอะไร เย่ซีโจวก็ลุกขึ้นยืน : “ถางถาง พวกคุณตามฉันมา!”
พูดจบเขาจึงพาหลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆออกจากห้องโถง เดินผ่านทางเดิน และมาที่ระเบียงบนชั้นสาม
เย่ซีโจวดึงกระดิ่งเล็กๆที่บนระเบียง ชั่วขณะ ก็มีเสียงกระดิ่งอันไพเราะดังกังวานไปถึงลานด้านล่าง
เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง ทุกๆคนที่กำลังยุ่งอยู่กับงานก็วางมือลง มาที่บนลานนั้นแล้วมองไปยังระเบียง
“ท่านนี้คือคุณถาง เมื่อเห็นเธอ ก็เหมือนเห็นคุณผู้หญิง!” สายตาของเย่ซีโจวกวาดมองลงไปทางด้านล่าง : “จำให้ได้อย่างแม่นยำ คำพูดวันนี้ ฉันไม่อยากพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง!”
“ครับ!” ทุกๆคนที่ด้านล่างทำความเคารพหลานเสี่ยวถาง : “คุณถาง!”
ที่ด้านล่าง มีคนทางด้านทิศตะวันออก แล้วก็มีคนทางด้านทิศตะวันตกอีกหลายคน และมีคนผิวดำอีกบางส่วน ทุกๆคนต่างใช้ภาษาอังกฤษเรียกขานเธอ ทักทายเธออย่างเคารพนบนอบ นี่เป็นครั้งแรกที่หลานเสี่ยวถางประสบพบเจอกับฉากอย่างนี้
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วโบกมือตอบกลับให้กับผู้คนข้างล่าง : “สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ทุกคนไปทำงานของตนเองเถอะ! ในอนาคตหวังว่าจะเข้ากันได้ดีนะคะ!”
ทุกๆคนต่างทำความเคารพอีกครั้ง แล้วก็ไปทำงานกันต่อ
เย่ซีโจวกล่าวว่า : “เสี่ยวถาง มูเฉิน ฉันจะพาพวกคุณไปเลือกของให้เด็กสักสองสามอย่าง” พูดจบก็พาทั้งสองคนเดินออกมาจากระเบียง เดินไปยังห้องท้ายสุดของระเบียงทางเดิน
ในห้องนั้น คาดไม่ถึงว่าจะเป็นจอ LED เวลานี้เย่ซีโจวหยิบรีโมทคอลโทรลในมือขึ้นมา เปิดจอ LED ทั้งหมด
หลานเสี่ยวถางเห็นแล้ว ก็รู้สึกขนหัวลุก
ด้านบนนั้นหนาแน่นไปด้วยภาพปืน!
“นี่คือของที่ฉันเก็บสะสมมาหลายปี” เย่ซีโจวพูดจบ ก็ชี้ไปที่ปืนกระบอกหนึ่งในจำนวนนั้น : “กระบอกนี้ในตอนนั้นมันเป็นเพื่อนฉันฝ่าความเป็นความตาย ต่อสู้กันมาจนถึงกระสุนนัดสุดท้าย”
พูดจบ เขาก็ชี้ไปอีกกระบอกหนึ่ง : “นี่คือปืนที่ฉันใช้ตอนที่แม่ของคุณเกิดมา ในตอนนั้นมีคนบอกว่าฉันซื้อขายทองคำเพื่อเกร็งกำไร จึงตามฆ่าฉัน ฉันจึงต้องพาคุณยายของคุณหลบหนีไปด้วยกัน แต่ในระหว่างทางที่หนี ก็ได้คลอดแม่ของคุณออกมา”
ขณะที่หลานเสี่ยวถางฟังเขาอธิบายเรื่องราวของปืนแต่ละกระบอก ก็รู้สึกเหมือนว่ามีภาพปรากฏขึ้นตรงหน้า
ชีวิตการเป็นทหารนี้ ท้ายที่สุดชายคนนี้ก็ประคับประคองตลาดทองคำมาได้เป็นเวลานาน เคยมีประสบการณ์ทั้งขาขึ้นขาลงมาแล้ว
และท้ายที่สุด เย่ซีโจวก็ชี้ไปที่ปืนกระบอกสุดท้ายอันนั้น แล้วพูดว่า : “นี่คือปืนที่ฉันให้จื่อเฉิน”
“พี่ ฉันยังจำได้เลยตอนที่คุณปู่ให้ปืนกับฉัน ก็เคยพูดแบบนี้” หลานจื่อเฉินที่อยู่ข้างๆกล่าว : “คุณปู่บอกว่า ปืนกระบอกนี้ ประการแรกคือหวังว่าจะให้ฉันใช้มันเพื่อปกป้องแม่ รองลงมาคือให้เอาไว้เพื่อปกป้องเกียรติ”
“บางครั้งกำลังทหารก็โหดร้ายป่าเถื่อน แต่มันสามารถปกป้องคุ้มครองญาติพี่น้องของตนเองได้!” เย่ซีโจวหันไปพูดกับหลานเสี่ยวถางว่า : “ถางถาง เหตุผลที่ฉันให้คุณดูสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่จะบอกว่าบนโลกใบนี้โหดร้ายแค่ไหน แต่อยากจะให้คุณเข้าใจครอบครัวของคุณ เข้าใจว่าเราทำเพื่อปกป้องชีวิตและฐานะตำแหน่งปัจจุบันของเรา เป็นสิ่งที่จะต้องแบกรับมันเอาไว้ทั้งหมด!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “คุณปู่ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
บางครั้งอาวุธก็ไม่ได้เอาไว้ใช้ทำร้ายคน แต่เพื่อปกป้องสิทธิความเป็นอยู่และความสุขให้กับตัวเองและญาติพี่น้อง!
เย่ซีโจวอธิบายจบ ก็พาหลานเสี่ยวถางไปยังอีกห้องหนึ่ง
เช่นกัน ห้องนี้ก็เป็นจอ LED
พร้อมกับหน้าจอที่สว่างขึ้น หลานเสี่ยวถางก็เห็นแผนที่แต่ละอันๆ
“มูเฉิน ตั้งชื่อให้ลูกหรือยัง?” เย่ซีโจวถามสือมูเฉิน
“เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ฉะนั้นจึงยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ครับ” สือมูเฉินตอบ
“ตระกูลเรา เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน” เย่ซีโจวพูดจบ ก็กดรีโมทไปที่หน้าจอ
ทันใดนั้น แผนที่ตรงนั้นก็เปลี่ยนเป็นแผนที่สามมิติพร้อมภาพถ่ายทางอากาศโดยอัตโนมัติ
“สิ่งเหล่านี้เป็นอสังหาริมทรัพย์ของออเนอร์ เป็นทรัพย์สินที่เราได้รับตลอดหลายปีมานี้” เย่ซีโจวชี้ไปที่สถานที่หนึ่งในนั้น : “ฉันประมูลคฤหาสน์หลังนี้เมื่อสามปีที่แล้ว รอให้เด็กคลอดออกมา ก็จะให้เป็นของขวัญวันคลอดแก่เขา บันทึกไว้ภายใต้ชื่อของเขา”
หลานเสี่ยวถางตกใจ เมื่อก่อนในอดีต เธอเคยอ่านรายงานของคนที่รวยเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อเด็กเกิดมา ก็จะมอบอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็สิ่งของประเภทหุ้นให้
ตอนนี้เด็กน้อยที่อยู่ในท้องของเธอ ก็มีกฎเกณฑ์และสวัสดิการเช่นนี้ด้วยเหรอ?
“ว้าว ที่ตรงนั้นฉันก็อยากได้!” หลานจื่อเฉินเบะปาก : “ทำเลที่ตั้งดีกว่าคฤหาสน์หลังเล็กของฉันอีก! คุณปู่ลำเอียง!”
“ชอบก็ต้องใช้ความสามารถของตนเอง!” เย่ซีโจวชำเลืองมองหลานจื่อเฉิน : “คุณต้องแต่งงาน มีลูก ฉันก็จะให้ลูกของคุณเช่นกัน!”
หลานจื่อเฉินแสร้งทำเป็นแลบลิ้นออกมา : “ฉันเพิ่งจะ 21 ยังวัยรุ่นอยู่เลย! ไม่อยากหาภรรยาเร็วขนาดนี้หรอก!”
เย่ซีโจวไม่ได้สนใจเขา เดินมาตรงหน้าจอ LED อีกอันหนึ่ง
ที่ด้านบน ทั้งหมดเป็นเครื่องประดับทองคำ อีกทั้งของเหล่านั้นล้วนเป็นงานฝีมือที่วิจิตรงดงาม เป็นฝีมือระดับปรมาจารย์
หลานเสี่ยวถางมองดู ทุกๆชิ้นด้านบนนั้น หลังจากที่ขยายดูแล้ว บนนั้นมีอยู่อันหนึ่งที่เป็นโลโก้ดอกกล้วยไม้
เย่ซีโจวกล่าวว่า : “ถางถาง เด็กยังไม่เกิด ถึงแม้จะเกิดแล้วก็ยังเล็กเกินไป ไม่สามารถเลือกเองได้ คุณก็เลือกแทนเขาสักหนึ่งชิ้นแล้วกัน!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า แล้วมองดูทีละชิ้นๆ
ด้านบน มีครบทุกอย่างที่ต้องการ ตั้งแต่มงกุฎจักรพรรดิจนถึงปิ่นปักผมแบบจีนโบราณ
เธอเลือกจนตาลาย ขณะที่กำลังเป็นกังวลกับการเลือก สือมูเฉินที่อยู่ข้างๆก็ชี้ไปยังสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งในจำนวนนั้นแล้วกล่าวว่า : “เสี่ยวถาง คุณคิดว่าอันนี้เป็นยังไง?”
หลานเสี่ยวถางมองไป ก็เห็นว่าบนสร้อยข้อมือเป็นไข่มุกกลมๆขนาดประมาณ5มิลลิเมตร ดูเหมือนว่าไม่ได้พิเศษอะไร แต่เมื่อมองรายละเอียดแล้วจึงพบว่า ด้านในไข่มุกแต่ละเม็ดล้วนเป็นหยกสีใสแวววาว และด้านนอกครึ่งหนึ่งถูกล้อมไปด้วยทองคำ ที่แกะสลักด้วยลวดลายที่วิจิตรบรรจง
เมื่อวางอยู่ในหมู่เครื่องประดับก็ดูไม่สะดุดตาจริงๆ แต่หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ก็ทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้เลย
“โอเค อันนี้แหละ!” หลานเสี่ยวถางกล่าว : “คุณปู่ ฉันเลือกได้แล้วค่ะ”
“โอเค” เย่ซีโจวสั่งลูกน้อง : “หยิบสร้อยข้อมือเส้นนั้นเข้ามา”
เลือกสิ่งของเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ลงไปชั้นล่างด้วยกัน คนของเย่ซีโจวก็นำสร้อยข้อมือออกมาให้แล้ว
เวลานี้พ่อบ้านก็เข้ามา แล้วกล่าวกับเย่ซีโจวว่า : “คุณIshan มื้อกลางวันต้องการรับประทานอาหารแบบไหนครับ?”
เย่ซีโจวมองไปยังหลานเสี่ยวถาง : “ถางถาง ชอบทานอะไรล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า : “คุณปู่ ฉันไม่พิถีพิถันเรื่องการทานอาหารมากหรอกค่ะ แล้วก็ไม่ได้งดอาหารอะไร คุณจัดมาได้ตามสะดวกเลยค่ะ!”
“อย่างนั้นก็ลองรสชาติเม็กซิกันดูนะ!” เย่ซีโจวกล่าว : “เตรียมอาหารจีนไว้อีกโต๊ะหนึ่งด้วย เผื่อถางถางไม่ชิน!”
“ครับ!” พ่อบ้านพยักหน้า และไปทำตามคำสั่ง
และเวลานี้ ด้านนอกก็มีลูกน้องเข้ามา แล้วกล่าวกับเย่ซีโจวว่า : “คุณIshan คุณแดเนียลและคุณBojanของตระกูลเพอร์เซลล์มาแล้วครับ”
หลานเสี่ยวถางได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกใจเต้น ตระกูลเพอร์เซลล์? Bojan? ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหูแบบนี้นะ?
ขณะกำลังคิดใคร่ครวญอยู่ จู่ๆเธอก็นึกขึ้นได้ ในตอนนั้นที่อยู่สนามบิน โจวเหวินซิ่วผลักเธอ ก็คือโอวหยางจวิ้นของตระกูลเพอร์เซลล์ และก็คือBojanที่ช่วยเธอ
เพียงแต่ต่อมาเหมือนว่าโอวหยางจวิ้นจะงานยุ่งมาก ดังนั้นเธอและสือมูเฉินก็เลยไม่มีโอกาสได้เข้าไปขอบคุณอย่างเป็นทางการ ก็เลยอยากถือโอกาสบังเอิญในครั้งนี้ เพื่อกล่าวขอบคุณเขาก็แล้วกัน!
หลานเสี่ยวถางกำลังคิดแบบนี้อยู่ จู่ๆเย่ซีโจวก็คล้ายกับนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วกล่าวกับลูกน้องว่า : “สั่งลงไปเดี๋ยวนี้ว่า เรื่องที่หาคุณถางพบแล้ว ห้ามเปิดเผยออกไปแม้แต่คำเดียว!”
“พ่อ ทำไมล่ะ?” เย่เหลียนอีกล่าวถามอย่างงุนงง
แต่เย่ซีโจวยังไม่ทันได้อธิบาย ก็ได้ยินเสียงของคนอายุมากแต่ดังกังวานเป็นพิเศษดังเข้ามาจากด้านนั้น: “Ishan นี่คือกำลังนับญาติอยู่เหรอ?”
หลานเสี่ยวถางมองไป ในบรรดาสองสามคนที่เข้ามา ก็เห็นใบหน้าหนึ่งที่ค่อนข้างคุ้นเคย
โอวหยางจวิ้นที่เดินอยู่ท่ามกลางผู้ชายสองสามคน เขาในเวลานี้ มันช่างแตกต่างกับชุดสูทนักธุรกิจที่สวมตอนที่หลานเสี่ยวถางเจอที่สนามบินก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
เขาสวมชุดลายพรางและรองเท้ากีฬา ดูแล้วเหมือนกับทหารเกณฑ์คนหนึ่ง
สายตาของเย่ซีโจวมองไปที่ชายอเมริกันที่อายุ 60กว่าปีคนนั้นที่อยู่ข้างๆโอวหยางจวิ้น ขมวดคิ้วเล็กน้อย ในดวงตาปรากฏความสับสนวุ่นวายขึ้นมา
แต่ผู้ชายคนนั้นที่อายุเท่ากันกับเขา เวลานี้ดูค่อนข้างที่จะโมโหเล็กน้อย ไม่รอให้เย่ซีโจวได้กล่าวทักทาย ก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ในห้องโถง แล้วกล่าวซ้ำอีกว่า : “Ishan กำลังนับญาติอยู่เหรอ?”
สือมูเฉินเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ออเนอร์และตระกูลเพอร์เซลล์ ถือว่าเป็นสองกรุ๊ปใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในอเมริกา
ออเนอร์มุ่งเน้นไปที่ทองคำ และแทบจะผูกขาดตลาดทองคำทั้งหมด แต่ตระกูลเพอร์เซลล์ คือทำผลิตภัณฑ์ที่หรูหราระดับไฮเอนด์ แต่เล่ากันว่ามีการแอบจัดหาอาวุธให้กับกองทัพด้วย
ดังนั้น สามารถพูดได้ว่าทั้งสองกรุ๊ปนี้พอฟัดพอเหวี่ยงกัน
หลายปีก่อน เคยได้ยินมาว่าทั้งสองฝ่ายเคยขัดแย้งกัน แต่ต่อมาได้สงบลงแล้ว เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่สามัคคีไม่มีปัญหา แล้วก็ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยๆ
แต่ตอนนี้ ทำไมหัวหน้าแดเนียลของตระกูลเพอร์เซลล์ ถึงได้พูดจาบจ้วงกับเย่ซีโจวแบบนี้ล่ะ?
เย่ซีโจวได้ฟังคำถามของแดเนียลแล้ว ก็ชำเลืองมองหลานเสี่ยวถางด้วยความรู้สึกสับสนอลหม่านเล็กน้อย จากนั้น ก็กล่าวอย่างนิ่งๆว่า : “เรื่องนี้ วันหลังพวกเราค่อยคุยกัน”
“ไม่ได้!” แดเนียลฟังแล้ว ก็ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ : “นี่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องของศักดิ์ศรีตระกูลเพอร์เซลล์ของพวกเรา ประจวบกับบุคคลที่เกี่ยวข้องล้วนอยู่ที่นี่ วันนี้ก็จำเป็นที่จะต้องคุยกัน!”
ตามคำพูดของเขาที่จบลง ในห้องโถงใหญ่ คนของทางด้านเย่ซีโจวก็หยิบปืนขึ้นมาพร้อมกัน แล้วเล็งเป้าไปที่คนของตระกูลเพอร์เซลล์
เช่นเดียวกัน บอดี้การ์ดของแดเนียลและโอวหยางจวิ้นก็หยิบปืนขึ้นมา เล็งไปยังหลานเสี่ยวถางและคนอื่นๆ
หลานเสี่ยวถางเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ซะที่ไหนกัน อีกอย่าง เมื่อกี้ก็ยังดีๆกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงจะทะเลาะวิวาทกันล่ะ?
ระหว่างที่ยังไม่ได้สติกลับมา สือมูเฉินก็ดึงเธอเข้าไปไว้ในอ้อมกอดแล้ว แล้วพาเธอไปยืนด้านหลังหลานจื่อเฉินที่ยกปืนขึ้นมา
ขณะนี้เย่ซีโจวยังคงมีท่าทีที่สุขุมเยือกเย็น เขานั่งตัวตรงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกล่าวในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความแปรปรวนว่า : “ได้ ในมือต้องการคุย อย่างนั้นก็คุยให้มันชัดเจนในครั้งเดียวไปเลย!”
“พ่อ ตกลงมันคือเรื่องอะไรกัน?” เย่เหลียนอีมองคนสองสามคนของตระกูลเพอร์เซลล์ด้วยความงุนงง แล้วก็ชำเลืองมองเย่ซีโจว
“lian คาดไม่ถึงว่าคุณจะไม่รู้เรื่องนี้?!” แดเนียลมองเย่เหลียนอีอย่างประหลาดใจ จากนั้นก็ชี้ไปยังหลานเสี่ยวถางแล้วกล่าวว่า: “เธอคือลูกสาวของคุณใช่ไหม?”
เย่เหลียนอีพยักหน้า
บนใบหน้าของแดเนียลแสดงความโกรธ กระทั่งหน้าอกแปรปรวนขึ้นลง แล้วกล่าวกับเย่ซีโจวว่า: “Ishan ข้อตกลงสัญญาที่สองตระกูลของพวกเราทำกันไว้ในตอนนั้น คุณคิดที่จะเปลี่ยนใจเหรอ? ปีนั้น พูดเรื่องการสมรสกันไว้ดีแล้ว ตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าคุณผู้หญิงท่านนี้จะแต่งงานกับคนอื่น แถมยังตั้งท้องอีก เรื่องนี้ จะอธิบายว่ายังไง?! คุณอยากให้ตระกูลเพอร์เซลล์ของพวกเราต้องกลายเป็นตัวตลกให้ตระกูลคนอื่นหัวเราะเยาะงั้นเหรอ?”