ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 338 เขาตัดสินใจที่จะทำตามใจเธอทั้งหมด
วันนั้น หลังจากที่ออกมาจากคอนโดมิเนียมของตนเองเพราะว่าทะเลาะกับซูสือจิ่นแล้ว หยานชิงเจ๋อขับรถมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงกลางดึก
เดิมเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะพักที่โรงแรม แต่ทว่า เป็นเพราะว่าหวนนึกขึ้นได้ว่าซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวานั้นไปโรงแรมด้วยกันมาสองครั้งแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงมีความรู้สึกประหลาดต่อโรงแรมขึ้นมาทันที
ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่ได้ไปไหนเลย จึงอยู่แต่ในรถเช่นนั้น เปิดกระจกรับลม ก่อนจะอยู่ในนั้นทั้งคืน
เช้าวันที่สอง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ฝืนความง่วงเอาไว้ไม่ได้ ดังนั้นจึงหลับไปแล้ว
แทบจะลืมเลือนไปเลยทีเดียวว่าวันนี้ตอนนี้คือเวลาไหนแล้ว ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนั้น ท้องฟ้าก็สว่างมากแล้ว แสงอาทิตย์ของฤดูเหมันต์สาดส่องเข้ามาอย่างแรง ดังนั้นแล้ว จึงให้ความอบอุ่นราวกับวสันต์ฤดูอย่างน่าประหลาด
หยานชิงเจ๋อขยับกายที่แข็งเกร็งเล็กน้อย หลังจากนั้นถึงค่อย ๆ ลุกขึ้น
เขาก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะพบว่าตอนนี้สิบโมงกว่าแล้ว
เขานั้นหิวเล็กน้อย รู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงนิดหน่อย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงซื้อของกินเล็กน้อยจากข้างถนนมารับประทาน
ช่วงเวลาในตอนนี้นั้นแปรเปลี่ยนเป็นทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก เขานั่งอยู่ในตัวรถ คิดอยากที่จะกลับบ้าน แต่ทว่าก็ไม่สามารถยอมรับได้ว่าซูสือจิ่นนั้นอยู่ด้วยกันกับผู้ชายไปทั้งคืนอยู่ดี
เขานั่งอยู่ในรถตลอด นั่งคิดไปคิดมาอยู่นาน
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง
ราวกับว่าเขานั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่งเลย ก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมาดูในทันที
ที่แท้แล้วก็เป็นซูสือจิ่นที่ส่งข้อความมาหาเขาจริง ๆ ด้วย
หยานชิงเจ๋อไม่รู้ว่าความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนในหัวใจนี้คืออะไรกันแน่ เพียงแต่ รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจที่แห้งแล้งเล็กน้อยนั้น ทันใดนั้นเองก็ราวกับว่ามีฝนตกลงมาห่าหนึ่งทันที
เขารีบเปิดดูทันที ในตอนที่มองเห็นประโยคด้านบนนั้นอย่างชัดเจนแล้วนั้นเอง ร่างทั้งร่างของเขาก็ราวกับว่าตกตะลึงและซวนเซไปในทันที
ประโยคด้านบนเขียนเอาไว้อย่างเรียบง่ายที่สุดแล้ว “ชิงเจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะค่ะ”
เธอกลับ กลับบอกเขาว่าจะหย่า……
หยานชิงเจ๋อรับรู้ถึงความรู้สึกได้อย่างชัดเจน หัวใจของตนเองพรั่งพรูความสับสนขึ้นมาในทันที ราวกับว่ามีของที่สำคัญที่สุดบางอย่าง กำลังจะจากไป แล้วก็จะไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะอ่านข้อความบนหน้าจออีกหลายครั้ง
ชิงเจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะค่ะ
ชิงเจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะ!
ชิงเจ๋อ พวกเราหย่ากันเถอะค่ะ……
ราวกับว่ามีคนกำลังสาปแช่งอยู่ที่ข้างหูของเขาเลยก็ไม่ปาน ในโสตประสาทของเขานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำเสียงที่เอ่ยประโยคนี้ออกมาของซูสือจิ่น
เธอกลับ อยากที่จะหย่ากันเขางั้นหรือ?
ลมหายใจของหยานชิงเจ๋อติดขัดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกว่าตนเองนั้นกำลังบันดาลโทสะ
ใช่สิ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้ว เขานั้นยังไม่เอ่ยปากเรื่องหย่าเลย แต่ทว่าเธอกลับบอกที่จะหย่าเองเสียแล้ว?!
เขาบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก ไฟโทสะนั้นตีรวนขึ้นมาอย่างรุนแรง แม้กระทั่ง เขายังคิดที่อยากจะเข้าไปคว้าตัวเธอมา แล้วด่าทออย่างรุนแรงสักยก ลงโทษเธอสักหน!
แต่ทว่า ในวินาทีต่อมาอีกนั้นเอง จู่ ๆ เขากลับหลุดออกจากภวังค์ในทันที
เขา เขากลับไม่อยากที่จะหย่าอย่างนั้นหรือ?
ที่ผ่านมา เขานั้นคิดอยากที่จะหย่ากับเธอเป็นอย่างมาก แต่ทว่าตอนนี้ เธอเองก็เป็นคนเอ่ยปากขึ้นมาก่อนแล้ว หัวใจของเขาจู่ ๆ ก็ไม่มีความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจเลยแม้แต่นิดเดียว!
ในตอนที่รับรู้ถึงความรู้สึกนี้แล้วนั้น หยานชิงเจ๋อนั้นทั้งทุกข์ทรมานทั้งแพ้ราบคาบ แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะรู้สึกแย่มากเพียงใด ในความรู้สึกนั้นล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีความคิดที่จะหย่ากับเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
เขา ไม่ อยาก หย่า!
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงทำเป็นไม่เห็นข้อความในวีแชทนี้เลยก็ไม่ปาน อีกทั้งยังไม่สนใจด้วย
แม้กระทั่ง เขานั้นยังหาร้านกาแฟร้านหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งข้างกระจก
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ทางฝั่งซูสือจิ่นนั้นยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจของตนเองนั้นจู่ ๆ ก็ผ่อนคลายตัวลงในทันที
ดังนั้นแล้ว เธอก็แค่พูดออกมาอย่างนั้นเองใช่หรือเปล่านะ? ในตอนแรกที่พวกเขาแต่งงานกันเดิมก็เพราะเป็นความคิดของผู้อาวุโสในบ้าน แต่ทว่าเธอเองก็เป็นฝ่ายยินยอมที่จะแต่งงานด้วยกันเองแล้ว แต่ว่าทำไมเธอถึงพูดถึงมันออกมาอีกกันนะ?
หยานชิงเจ๋อค้นพบว่า หัวใจของตนเองนั้นจู่ ๆ ก็มีความรู้สึกปีติเล็กน้อยขึ้นมา
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงดื่มลาเต้ต่อ ก่อนจะสบตามองไปนอกหน้าต่าง
เพียงแต่ ผ่านมาอีกเพียงแค่ยี่สิบกว่านาทีเท่านั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
เขาไม่อยากอ่านมันโดนอัตโนมัติ แต่ทว่า หลังจากที่อดทนรอจนถึงห้านาทีแล้ว ท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงหยิบมันขึ้นมาดู
ยังคงเป็นซูสือจิ่นที่ส่งข้อความมาหาเขา เธอบอกว่า “ชิงเจ๋อ ฉันหยิบสมุดทะเบียนบ้านและทะเบียนสมรสของพวกเรามาเรียบร้อยแล้วนะคะ พี่สะดวกเมื่อไหร่คะ พวกเราจะได้ไปดำเนินการที่สำนักงานกิจการพลเรือน?”
จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อก็หลุดจากภวังค์ในทันที!
เธอกลับพูดจริง ๆ ด้วย พูดอย่างเด็ดขาด ว่าจะหย่ากับเขา?!
เขานั้นคิดก็แทบจะไม่ได้คิดเลย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายไปหาซูสือจิ่นในทันที
เธอรับสายแล้ว น้ำเสียงไม่ค่อยดีนักเล็กน้อย น้ำเสียงแผ่วเบา มีความแหบแห้งเล็กน้อย แต่ทว่า กลับสงบนิ่งเป็นอย่างมาก “ชิงเจ๋อ เห็นข้อความในวีแชทที่ฉันส่งไปให้พี่หรือยังคะ?”
เธอกลับเย็นชามากขนาดนี้เลยหรือ? เป็นเพราะว่าลั่วฝานหวาสินะ?!
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่ามีความเจ็บปวดเล็ก ๆ ที่ตีรวนขึ้นมาภายในหัวใจอีกแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แหลมคม แต่ทว่า กลับสามารถทำให้การหายใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นทุกข์ทรมานอย่างยากลำบาก “เห็นแล้ว”
“ดังนั้น?” ซูสือจิ่นเอ่ยถามขึ้นมาว่า “สะดวกเมื่อไหร่คะ? ที่ที่ฉันอยู่ในตอนนี้ถ้าขับรถไปก็จะห่างจากสำนักงานกิจการพลเรือนไปยี่สิบนาทีเองค่ะ อีกอย่าง หลักฐานของพวกเราฉันก็นำมาด้วยเรียบร้อยแล้ว”
หัวใจของหยานชิงเจ๋อมีไฟโทสะปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็วในทันที “ซูสือจิ่น เธอหมายความว่าอย่างไร? ทำไมต้องพูดว่าจะหย่าด้วย?!”
หัวใจของซูสือจิ่นแข็งค้างในทันที แทบจะ รับรู้ได้จากในน้ำเสียงของเขาเลย ว่าราวกับว่าเขาไม่คิดที่จะอย่างหย่ากับเธอ
แต่ทว่าหลังจากนั้น เธอก็หลุดออกมาจากภวังค์อีกครั้ง เขาควรที่จะโกรธใช่ไหมนะ? คนที่เย่อหยิ่งเช่นเขา เรื่องแบบนี้ เขาไม่ได้เอ่ยถึง แต่ทว่าเธอกลับเอ่ยถึงขึ้นมาเสียแล้ว ราวกับว่าเธอนั้นจะเป็นคนสะบัดเขาออกไปเลยก็ไม่ปาน
เพียงแต่ เขากลับไม่รู้เลย เธอเพียงแค่เหนื่อยแล้ว อีกทั้งก็ยังคิดหาทางออกแล้วด้วย
เธอไม่อยากผูกมัดเขาเอาไว้ แล้วทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องทุกข์ทรมานกันอีกแล้ว เขาต้องการอิสระ เธอก็จะให้เขา
เขาชอบเจียงซีหยู่ เธอเองก็จะไม่ขว้างเขาอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่พวกเขาหย่ากันแล้ว เธอจะไปให้ไกล ๆ เลย อีกทั้งก็จะไม่ปรากฏตัวในโลกของเขาอีก ไม่ขัดขวาง ไม่รบกวน จะยินดีเงียบ ๆ แบบนี้ก็ดีแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ซูสือจิ่นจึงเอ่ยกับหยานชิงเจ๋อว่า “เป็นเพราะว่าฉันไม่อยากให้พวกเราต้องเจ็บปวดกันไปมากกว่านี้แล้วค่ะ ชิงเจ๋อ ฉันดูออกนะคะ พวกเราแต่งงานกัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้มีความสุขกันเลย ในเมื่อนี่เป็นเรื่องผิดพลาด ดังนั้นแล้วก็แก้ไข้ความผิดพลาดนี้ให้ถูกต้องกันเถอะค่ะ! พวกเราวางมือกันเถอะ!”
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่า หัวใจของตนเองนั้นไร้เรี่ยวแรงราวกับว่าอยู่ในน้ำก็ไม่ปาน จู่ ๆ ก็ทำให้เขาจมน้ำตายไปเสียแล้ว แม้กระทั่งเขาเองก็ยังไม่ทันที่จะได้อธิบายความรู้สึกของตนเองให้กับอีกฝ่ายได้ทันเลย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามเธอไปว่า “อยู่กับฉัน เธอไม่มีความสุขหรือ?”
ใช่สิ หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว เธอก็แทบจะไม่ได้ร่าเริงมากขนาดนั้นแล้วนี่นะ
เธอเมื่อก่อนคิดจะหัวเราะก็หัวเราะ คิดจะร้องไห้ก็ร้องไห้ออกมาเลย แต่ทว่า หลังจากที่พวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว เขาได้เห็นท่าทีที่อดทนอย่างน่าสงสารนั้นของเธอแล้ว เห็นเธอดื้อดึงไม่ยอมกินข้าว เป็นเพราะว่าทำข้าวให้เพื่อเขา อีกทั้งมือก็เลยถูกลวกเข้าให้แบบนี้……
เขาเห็นเธอมาหลายครั้งแล้ว พวกนั้นล้วนแล้วแต่ไม่ใช่เธอในความทรงจำของเขาเลย หญิงสาวที่ไม่มีความทุกข์ความกังวลใด ๆ เลยคนนั้น
“ใช่ค่ะ” ซูสือจิ่นเอ่ยปากขึ้น นัยน์ตาเปียกชื้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว “ไม่มีความสุข”
ตั้งแต่ที่แต่งงานกับเขามา เธอนั้นไม่มีความสุขเลยจริง ๆ
ในตอนแรกเริ่ม เธอกลัวว่าเขาจะเย็นชาและพูดคำพูดเสียดแทงใส่ แต่ทว่าหลังจากที่เขาเริ่มแปรเปลี่ยนท่าทีไปแล้ว ภายในหัวใจของเธอกลับรู้สึกเพียงแค่ว่าภาพบรรยากาศเหล่านั้นนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน ท้ายที่สุดแล้วก็จะกลายเป็นความว่างเปล่าไปทั้งสิ้น
อีกอย่างเขาไม่มีความสุข เธอจะมีความสุขขึ้นมาได้อย่างไรกัน?
เขาจะรู้หรือเปล่านะ ในทุก ๆ ความเป็นไปของเขา ของเหล่านั้นล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อเธอทั้งหมด?
หยานชิงเจ๋อได้ยินซูสือจิ่นเอ่ยว่าไม่มีความสุข ทันใดนั้นเอง สีเลือดบนใบหน้าก็แทบจะไม่มีเลยในทันที
เขาหัวเราะออกมาครู่หนึ่ง แต่ทว่าภายในหัวใจกลับรู้สึกกลับกันโดยสิ้นเชิง ริมฝีปากของเขาสั่นระริกเล็กน้อย แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้วก็เอ่ยออกไปว่า “ได้ พวกเราจะหย่ากัน”
ในเมื่อเธอไม่มีความสุข เธอไม่อยากที่จะไปต่ออีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว เขาก็จะตามใจเธอ
หวังว่าเธอจะสามารถกลับไปเป็นเสี่ยวจิ่นคนเดิมอย่างเมื่อก่อน เป็นหญิงสาวแสนบริสุทธิ์คนเดิมในหัวใจของเขา
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ตอบรับแล้วอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าเรื่องหย่าจะเป็นเธอที่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนก็ตาม แต่ทว่า ที่ก้นบึ้งในหัวใจของเธอ ล้วนแล้วแต่มีเสียงมากมายร้องตะโกนอยู่ กำลังสวมภาวนา บอกว่าเขาจะตอบว่าไม่
ซูสือจิ่นได้ยินเสียงหัวใจของตนเองที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แต่ทว่า น้ำเสียงของเธอกลับราบเรียบอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างเดิมแทน “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราไปพบกันที่หน้าประตูทางเข้าของสำนักงานกิจการพลเรือนนะคะ”
“ได้” หยานชิงเจ๋อพูดจบ ก็ค้นพบว่าจู่ ๆ ลำคอของตนเองนั้นส่งเสียงออกมาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เขาบีบแก้วกาแฟในมือ ออกแรง จนกระทั่งเป็นเพราะว่าออกแรง ข้อมือจึงเริ่มสั่นเทาขึ้นมาแล้ว อีกทั้งบนหลังมือก็มีหยาดกาแฟร้อน ๆ หกใส่ด้วย ก่อนจะให้ความรู้สึกแสบร้อนตีขึ้นมา
เขานั้นราวกับว่ารับรู้สึกอะไรได้บางอย่างโดยอัตโนมัติเลยก็ไม่ปาน หลังจากนั้น ก็วางกาแฟลง
สายตาของเขามองออกไปที่นอกหน้าต่าง เนิ่นนานไม่ขยับเขยื้อนดวงตาไปไหนเลย เขารู้สึกเพียงแค่ว่าดวงตานั้นรู้สึกทรมานไปหมดแล้ว มันแสบ ๆ บวม ๆ หัวใจกลับมีความคิดบ้าคลั่งตีตื้นขึ้นมา
แต่ทว่า ในตอนที่เขากำลังตามหาอยู่นั้นเองว่ามันคือความคิดอะไรกันแน่ กลับค้นพบว่าเดิมมันไม่ชัดเจนเลย และอธิบายออกมาไม่ถูก
“คุณคะ?” ในตอนนั้นเอง มีคนเรียกเขาเอาไว้
หยานชิงเจ๋อช้อนสายตาขึ้นสบตามอง
มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังชี้ไปที่ที่นั่งตรงข้ามกับเขา ก่อนจะเผยรอยยิ้มเขินอายออกมาครั้งหนึ่ง “ตรงนี้มีคนนั่งไหมคะ?”
หยานชิงเจ๋อเบนสายตาออกไป ราวกับว่าเดิมเขานั้นไม่ได้ยินเลยก็ไม่ปาน
หญิงสาวที่ถูกเมินจนทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว เธอชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ทว่าก็ทิ้งตัวนั่งลงมาแล้ว
หยานชิงเจ๋อไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแค่สบตามองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เป็นสีดำไปเรียบร้อยแล้วของตนเองตลอดเวลา
ผ่านไปนานหลายนาที คาปูชิโนของหญิงสาวตรงหน้ามาส่งเรียบร้อยแล้ว หยานชิงเจ๋อจึงเบิกตากว้างเล็กน้อย
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา ปลดล็อกหน้าจอ ก่อนจะเปิดข้อความที่ซูสือจิ่นส่งมาอีกครั้ง
เธอบอกว่าจะหย่า
หยานชิงเจ๋อกัดริมฝีปากไปมา จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าอยากที่จะร้องไห้เล็กน้อย
เขาถูกความคิดของตนเองกัดเข้าให้เสียแล้ว ราวกับว่ากลัวว่าจะเสียอาการก็ไม่ปาน จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองแล้วก็เดินออกไปเสียแล้ว
เขาพึ่งจะเดินออกมาจากร้านกาแฟ ก็ได้ยินเสียงเรียกของหญิงสาวจากทางด้านหลังดังขัดขึ้นมาว่า “คุณ คุณคะ!”
หยานชิงเจ๋อไม่สนใจ ก่อนจะสาวเท้ายาวก้าวไปยังรถยนต์ของตนเอง
ในตอนที่เขาจะเปิดประตูรถนั้นเอง ในที่สุดหญิงสาวก็ไล่ตามมาทันแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นระคนหายใจไม่ทันว่า “คุณคะ คุณลืมกระเป๋าตังค์ไว้บนโต๊ะค่ะ”
เธอพูดไป ก่อนจะส่งกระเป๋าเงินไปให้เขา เพียงแต่ ในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นไปมองหยานชิงเจ๋อนั้นเอง จู่ ๆ ราวกับว่าเธอก็ชะงักไปครู่หนึ่งเลยทันทีก็ไม่ปาน “คุณคะ ทำไมคุณ……”
เธอสบตามองอย่างละเอียด ในดวงตาของหยานชิงเจ๋อ กลับมีหยาดน้ำสีใสขึ้นมาแล้วจริง ๆ ในตอนที่เขาเบิกตากว้างนั้นเอง ในที่สุดสายตาก็ทนไม่ได้เสียแล้ว หลังจากนั้นก็มีหยาดน้ำตาไหลกลิ้งออกมาจากดวงตาของเขา ภายในแสงอาทิตย์ มันเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ไม่เห็นแล้ว
“ขอบคุณครับ” หยานชิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างแข็ง ๆ ประโยคหนึ่ง ก่อนจะหันหน้ากลับไป แล้วรับกระเป๋าตังค์มา หลังจากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว
กระจกมองหลัง เขานั้นก็ยังคงสามารถมองเห็นได้ หญิงสาวคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่ไกล ๆ อยู่เลย สบตามองเขาอย่างตกตะลึง ราวกับว่ากำลังคิดไม่ถึงเป็นอย่างมากก็ไม่ปาน
เขาขบเม้มริมฝีปากอย่างหงุดหงิดครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาขายหน้าที่ข้างนอกมากขนาดนี้!!
เขาสตาร์ตเครื่องยนต์ จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบนั้นเงียบสงบมากขึ้นหลายส่วน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงเปิดเพลงในรถ
ราวกับว่าเป็นสถานีเพลงนั้นเลย เขากำลังจะเปลี่ยนช่อง ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาแล้วว่า “สวัสดีค่ะ ฉันอยากที่จะเปิดเพลงน่าเสียดายของจวงซินหยานค่ะ”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นมันคล้ายกับเสียงของซูสือจิ่นเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้ว เดิมมือของหยานชิงเจ๋อที่จะหมุนพวงมาลัยนั้นกลับวางทิ้งอยู่ตรงนั้นแทน
ไม่นานนัก สถานีเพลงก็เริ่มเปิดเพลงนั้นขึ้นมา
หยานชิงเจ๋อค้นพบว่า ตนเองนั้นกลับกำลังขับรถกลับไปที่คอนโดมิเนียมของตนเองแทนเสียแล้ว
เธอไม่ได้บอกเอาไว้ว่าจะไปรอเขาที่สำนักงานกิจการพลเรือนหรอกหรือ?
ถ้าอย่างนั้นแล้วเขา……
เขาขับรถตรงมาสองถนนแล้ว หลังจากนั้นถึงจะเลี้ยงหัว แล้วขับรถไปทางสำนักงานกิจการพลเรือนแล้ว
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง เพลงนั้นก็ร้องขึ้นมาในท่อนฮุกแล้วว่า “น่าเสียดาย ท้ายที่สุดแล้วก็สูญเสียเธอไป……”