ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 339 เขาจับมือเธอเอาไว้ ราบกับว่ามีโลกทั้งใบเลย
จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อก็รู้สึกว่าภายในตัวรถขาดอากาศ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลดกระจกรถลง เพื่อให้ลมเย็น ๆ ถ่ายเทเข้ามา
แทบจะ เป็นเพราะแบบนี้ถึงสามารถหายใจได้เลย
สถานการณ์บนท้องถนนนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะขับมาด้วยความเร็วสี่สิบไมล์ต่อชั่วโมงมาโดยตลอด แต่ทว่าก็ยังคงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วก็มาถึงยังที่จอดรถในสำนักงานกิจการพลเรือน
ที่ไกล ๆ กันนั้นเอง เขามองเห็นรถของซูสือจิ่นแล้ว
สายตาของเขาราวกับว่าถูกลวกเลยก็ไม่ปาน ร่างทั้งร่างสั่นเทาอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น เขาถึงค่อย ๆ เลื่อนสายตาไปมองอีกครั้ง
ห่างไปไม่มากแล้ว เขาสามารถมองเห็นได้แล้ว เธอกำลังอยู่ในรถ กำลังนั่งพิงกับเบาะ ศีรษะเงยขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังหลับตาพักผ่อนจิตใจอยู่
เธอรอมาจนถึงตอนนี้ คงจะต้องรอมานานมากแล้วใช่ไหม?
พวกเขาอยู่ด้วยกัน เดิมก็เป็นความผิดพลาด
บางที ถ้าหากว่าวันนั้นเธอไม่ได้จงใจที่จะไปห้องของเขา เธอเพียงแค่เดินผ่านทางไปพอดีเท่านั้น บางทีอาจจะไปเล่นกับเขา หลังจากนั้นก็เมาแล้วถูกเขาลากเข้าไปด้านใน ดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น……
บางที เป็นเพราะว่าบิดามารดาของเขาบีบบังคับเขา ในตอนที่เขาไม่มีความสุข เธอนั้นก็คงจะทุกข์ทรมานมากกว่าเขาแน่ ๆ
ดังนั้นแล้ว ตอนนี้ เธอถึงเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องหย่าขึ้นมาก่อนเองสินะ
แต่ทว่า เดิมเขากลับไม่คิดที่จะหย่ากับเธอเลย
เป็นเพราะว่าอะไรกันนะ?
เขารู้สึกหมดแรงที่จะไปคิดถึงมันเล็กน้อย แต่ทว่าจดจำได้เพียงแต่ว่า ในตอนที่เขาวางแผนที่จะยอมรับการแต่งงานตอนนั้น ในตอนที่กำลังวางแผนที่จะใช้ชีวิตอย่างดีกับเธอไปแล้ว เขานั้นก็วางแผนอนาคตของพวกเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เขารู้สึกว่าอนาคตนั้นคงจะต้องเป็นสุขอย่างมากแน่ ๆ เขาไม่คิดที่จะจบลงเพียงเท่านี้เลย
แต่ทว่า เมื่อครู่นี้เธอกลับเอ่ยขึ้นมาในสายโทรศัพท์ บอกว่าเธอไม่มีความสุข
ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้จะเป็นอย่างไรก็ตาม เธอเองก็เป็นน้องสาวที่เขารักใคร่มาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเองก็ไม่อยากให้เธอไม่มีความสุข
ถ้าอย่างนั้นแล้ว……
หยานชิงเจ๋อค่อย ๆ หยุดรถ หลังจากนั้น ก็เปิดประตูรถ
เขาลงมาจากรถ ก่อนจะสาวเท้าทีละก้าวไปยังทางด้านข้างของรถซูสือจิ่น
ซูสือจิ่นเดิมก็ไม่ได้นอนหลับหรอก เพียงแค่เงยศีรษะขึ้นแล้วเหม่อลอยเท่านั้น ดังนั้นแล้ว ในตอนที่หยานชิงเจ๋อเดินเข้ามาหา เธอก็รู้สึกได้แล้ว
เธอหันศีรษะกลับไป สบตามองเขาเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทันใดนั้นเอง ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
เธอ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมความรู้สึกของตนเองได้เลยจริง ๆ
อีกอย่างหนึ่ง ไม่เพียงแค่ช้อนตามองครั้งหนึ่งเท่านั้น เธอกลับยังรู้สึกเสียใจในภายหลังเล็กน้อยอีกด้วย รู้สึกเสียใจในภายหลังที่ตนเองเป็นฝ่ายเอ่ยถึงเรื่องหย่าออกมาก่อน
ดังนั้นแล้ว ซูสือจิ่นไม่เคลื่อนไหว เพียงแค่นั่งอยู่ในตัวรถ ก่อนจะทุ่มสุดชีวิตเพียงที่จะกดความรู้สึกลงไปและไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
ส่วนหยานชิงเจ๋อที่อยู่นอกรถ แทบจะดูไม่รีบร้อนอะไรเลย
เขายืนอยู่อย่างนั้นอย่างสงบ ไม่ได้กระตุ้นเร่งเร้าเธอ
ช่วงเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดซูสือจิ่นก็กดข่มความรู้สึกของตนเองไปได้แล้ว เธอถึงปลดเข็มขัดนิรภัยออก หลังจากนั้น เปิดประตูแล้วลงจากรถมา
ในตอนที่เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะใช้ชีวิตกับเธออย่างดีได้ไม่นานนัก ในทุกครั้งที่พวกเขาออกไป เขามักจะจับมือของเธออยู่เสมอ
แต่ทว่าในตอนนี้ หยานชิงเจ๋อสบตามองซูสือจิ่นที่เดินเข้ามาหา มือของเขาขยับเขยื้อนเล็กน้อย เดิมแทบจะเป็นสัญชาตญาณเลยที่ต้องการจะไปจับมือของเธอ
แต่ทว่า จู่ ๆ กลับหวนนึกถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้อีกครั้งโดยอัตโนมัติ มือของเขาจึงแข็งเกร็งอยู่ที่เดิม
ทั้งสองคนสบตามองกันอย่างไร้เสียง ยืนกันอยู่ที่ข้างรถ ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
จนกระทั่ง มีสายลมเย็น ๆ พัดเข้ามาหา ซูสือจิ่นสวมใส่เสื้อผ้าไม่เยอะนัก ดังนั้นแล้วจึงจามออกมาในทันที
หยานชิงเจ๋อเห็นดังนั้นแล้ว เขาพุ่งเข้าไปหาตามความเคยชิน ก่อนจะช่วยบังลมให้กับเธอ
เป็นเพราะว่าเขาเข้ามาใกล้ ซูสือจิ่นได้กลิ่นที่ทั้งคุ้นเคยทั้งอ่อนเบาอย่างชัดเจนได้ในทันที นั่นคือสั่งที่เธอพบเจอนับครั้งไม่ถ้วนในห้วงแห้งความฝันในทุกค่ำคืน มันทำให้ลมหายใจของเธอสงบตัวลง
จู่ ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวทันที หยานชิงเจ๋อนั้นแทบจะสวมใส่ชุดของเมื่อวานตอนที่จากไปอยู่เลย อีกทั้งบนร่างกายของเขา ก็ไม่มีกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงอีกด้วย……
หลังจากที่ความคิดนี้พรั่งพรูออกมาไม่นานนัก จู่ ๆ ซูสือจิ่นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ในทันที
ทำไมกันนะ มาจนถึงตอนนี้แล้ว เธอกลับยังคงมีความคิดที่อยากจะกอดอยู่อีกนะ? อีกทั้งยังมีความคิดที่จะหาข้ออ้างกับเขาไม่หยุดเลยด้วย?
ภาพถ่ายนั้นเป็นจริงอย่างถึงที่สุดแล้ว บนภาพถ่ายใบนั้นเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นหยานชิงเจ๋อและเจียงซีหยู่ ทั้งสองคนไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า กกกอดเข้าด้วยกัน มันยังมีความเป็นไปได้อื่น ๆ ด้วยอีกอย่างนั้นหรือ?
อีกอย่างหนึ่ง เขาเองก็บอกแล้ว ว่าอยู่กับเธอนั้นรู้สึกทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก……
ถ้าอย่างนั้นแล้ว ท้ายที่สุดแล้วก็ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานสินะ
บางที หลังจากวันนี้ไป เธอก็อาจจะสามารถเห็นเขาที่จู่ ๆ ก็ยกยิ้มขึ้นมาเบา ๆ เขาที่สงบนิ่งอีกครั้งก็ได้
เพียงแต่ บางทีเธอก็อาจจะมองอีกครั้ง วันหน้า ก็อาจจะไม่ได้เห็นอีกต่อไปแล้ว
ซูสือจิ่นความคุมความรู้สึกของตนเองอย่างสุดกำลัง ก้มหน้า สบตามองกระเป๋าของตนเอง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ไปเถอะค่ะ เอกสารทุกอย่างอยู่ที่ฉันหมดแล้ว”
ริมฝีปากของหยานชิงเจ๋อเปิดออกจากกัน แทบจะคิดอยากที่จะเอ่ยอะไรออกมาเลยก็ไม่ปาน แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้วกลับเอ่ยคำที่จะอยากเอ่ยไม่ออก
เขาเห็นซูสือจิ่นเดินนำหน้าไปก่อนแล้ว ดังนั้นถึงหมุนตัวไป ก่อนจะเดินตามฝีเท้าของเธอไป
ในตอนนั้นเอง มีรถอีกคันหนึ่งขับเข้ามา ความเร็วของรถคันนั้นเร็วเล็กน้อย หัวใจของหยานชิงเจ๋อบีบรัดกันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสาวเท้าไปทางด้านหน้า แล้วจับมือของซูสือจิ่นเอาไว้
เธอหันศีรษะกลับไป สบตามองเขาอย่างงงงันเล็กน้อย
เขาไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่กำมือของเธอแน่นขึ้นไปอีก
ที่ผ่านมา เขาเองก็รู้สึกว่ามือของเธอนั้นดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก แต่ทว่า ในตอนนี้มันกลับรู้สึกอ่อนแอจนไร้กระดูกมากกว่าเดิมเสียอีก
มือของเธออยู่ในมือของเขา เขาจับเธอเอาไว้ ทันใดนั้นราวกับว่ามีแทบจะมีโลกทั้งใบเอาไว้เลย
เรื่องไม่มีความสุขเล็กน้อยของเมื่อวานที่เกิดขึ้น การหักหลัง บางอีกก็อาจจะเป็นอย่างอื่น แต่ทว่าในวินาทีนั้นเองล้วนแล้วแต่แปรเปลี่ยนเป็นไม่สำคัญขึ้นมาทั้งหมดเสียแล้ว
จู่ ๆ หยานชิงเจ๋อก็หยุดฝีเท้าลง
ซูสือจิ่นหันศีรษะกลับไปมองเขา “ทำไมหรือคะ?”
เขาอยากพูด ว่าเขาไม่อยากหย่า
เขาอยากพูด ว่าพวกเขาไม่ต้องหย่ากันแล้ว เรื่องที่ผ่านมา ก็ให้ถือเสียว่ามันผ่านไปแล้ว หลังจากนี้ ขอเพียงแค่เธอไม่สนใจลั่วฝานหวาแล้ว ไม่ทำให้เขาก่อเกิดความริษยาอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาอีกก็พอแล้ว
แต่ทว่า หยานชิงเจ๋อกลับรู้สึกว่าตนเองนั้นตื่นตระหนกจนพูดไม่ออก
เนิ่นนานราวกับครึ่งวัน เขาถึงเอ่ยปากขึ้น ก่อนจะหาเหตุผลมารองรับตนเองว่า “ฉันอาจจะท้องเสียเล็กน้อย ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันกลับไปพักก่อนสักครู่หนึ่ง วันหน้าค่อยมาคุยกันใหม่ ดีไหม?”
ซูสือจิ่นสับสนงุนงง “ท้องเสียหรือคะ? ในสำนักงานกิจการพบเรือนคงจะมีห้องน้ำ พวกเราเดินไปเร็วขึ้นอีกหน่อยเถอะค่ะ แล้วพี่ก็ไปเข้าห้องน้ำก่อน!”
พูดไป เธอก็หยิบทิชชูออกมาจากกระเป๋าหนึ่งห่อ “ฉันมีทิชชูค่ะ”
หยานชิงเจ๋อสบตามองทิชชู รู้สึกเพียงแค่ว่าตนเอานั้นย้ายหินไปทับเท้าของตัวเองเข้าให้แล้ว
เขาอยากที่จะพูด ทำไมไม่พูดออกมา ทำไมกันนะ ทำไมถึงบอกว่าท้องเสีย?!
ซูสือจิ่นเห็นว่าหยานชิงเจ๋อไม่รับไป ดังนั้นแล้วจึงหยิบทิชชูออกมายัดใส่กระเป๋าเสื้อของเขา “พี่รีบไปเถอะค่ะ ฉันจะรอพี่อยู่ที่โถงใหญ่เอง”
มือของหยานชิงเจ๋อที่บีบซูสือจิ่นอยู่ออกแรงขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาเปิดออกอีกครั้ง ท้ายที่สุดแล้วก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบ พวกเราไปด้วยกันเถอะ”
“ค่ะ” ซูสือจิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นก็หมุนตัวกลับไป ก่อนจะเดินไปพร้อมกับหยานชิงเจ๋อเงียบ ๆ
ตั้งแต่ลานจอดรถจนมาถึงโถงใหญ่ มีระยะห่างเพียงแค่สิบกว่าเมตรเท่านั้น
ระยะห่างที่สั่นมากขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะช้าขึ้นอีกหน่อยก็ตามแต่ ไม่นานนักก็มาถึงแล้ว
หยานชิงเจ๋อจับซูสือจิ่นอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ม้านั่งในโถงใหญ่ หลังจากนั้นก็นั่งลง ซูสือจิ่นกลับเอ่ยขึ้นมาว่า “คงจะต้องไปหยิบบัตรคิวก่อน”
ทำไมนะ ที่ผ่านมาเธอที่รู้สึกเลอะเลือนเล็กน้อย แต่ทว่าความคิดในตอนนี้กลับชัดเจนมากขนาดนี้?
หัวใจของหยานชิงเจ๋อรู้สึกทุกข์ทรมาน แต่ทว่าก็ยังคงตามซูสือจิ่นไปหยิบบัตรคิว
วันนี้ก็ไม่ใช่วันดีอะไรที่จะทำเรื่องหย่า ดังนั้นแล้ว จุดหน้าต่างที่ทำเรื่องหย่านั้นเอง จึงมีคนอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
พวกเขาทั้งสองคนพึ่งจะนั่งได้ครู่หนึ่งเท่านั้น ก็เรียกหมายเลขของพวกเขาเสียแล้ว
ร่างทั้งร่างของหยานชิงเจ๋อซวนเซเล็กน้อย หลังจากนั้น ก็จับซูสือจิ่นเอาไว้ ก่อนจะเดินไปที่ช่องหน้าต่างอย่างเชื่องช้า
ในตอนที่มาถึงช่องหน้าต่างแล้วนั้นเอง มือของพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่จับกันอยู่เลย
เขา ไม่อยากปล่อยมันไปเลย
พนักงานที่ช่องหน้าต่างเห็นว่าเมื่อครู่นี้ทั้งสองคนนั้นเดินจูงมือกันเข้ามาหา อีกทั้งภาพลักษณ์ภายนอกของทั้งสองคน ล้วนแล้วแต่เป็นหนุ่มหล่อสาวงามกันทั้งสิ้น เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว จึงอดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ทั้งสองท่าน ตรงนี้ของพวกเราเป็นช่องหน้าต่างสำหรับทำเรื่องหย่านะคะ พวกคุณเดินมาผิดที่หรือเปล่าคะ?”
ลูกกระเดือกของหยานชิงเจ๋อขยับตัวขึ้นลงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เอ่ยอะไร ส่วนซูสือจิ่นเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ดังนั้นจึงเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังพยักหน้าอีกด้วย “ค่ะ พวกเรามาทำเรื่องหย่ากันค่ะ”
พนักงานชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงพยักหน้า “ได้ค่ะ สมุดทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน แล้วก็ทะเบียนสมรสนำมาด้วยแล้วใช่ไหมคะ?”
ซูสือจิ่นพยักหน้า ก่อนจะหยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งไป “นำมาด้วยกันทั้งหมดแล้วค่ะ”
พนักงานรับไป ก่อนจะเปิดสมุดทะเบียนสมรส ก่อนจะดูวันที่ทางด้านบน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น “พึ่งจะแต่งงานกันได้สองเดินเอง ก็จะหย่ากันแล้วหรือคะ?”
ซูสือจิ่นก้มหน้าลง นิ่งเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร
พนักงานหันไปมองทางหยานชิงเจ๋ออีกครั้ง “คิดดีกันแล้วใช่ไหมคะ? เห็นว่าภายนอกของพวกคุณนั้นเหมาะสมกันมากเลย อายุอานามก็เหมาะสมกันมาก ๆ ตัดสินใจแล้วใช่ไหมคะว่าจะไม่อยู่ด้วยกันอีกต่อไปแล้ว? คนหนุ่มสาวอย่าใจร้อนขี้หงุดหงิดเลยค่ะ มีปัญหาอะไรกัน พูดคุยแก้ไขกันดี ๆ จะดีกว่านะคะ การหย่าร้างท้ายที่สุดแล้วไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดหรอกค่ะ”
หยานชิงเจ๋อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองซูสือจิ่น
ประจวบเหมาะกับซูสือจิ่นเองก็เงยหน้าขึ้นพอดี ก่อนจะสบตามองไปยังหยานชิงเจ๋อ
ระยะห่างนั้นใกล้กันมาก เธอมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลย ใต้ดวงตาของเขามีรอยเขียวบาง ๆ อยู่ด้วย อีกทั้งกรอบใบหน้าของเขานั้นก็แทบจะเห็นชัดมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เดิมใบหน้าทั้งหมดในตอนนั้นนั้นมองดูแล้วลึกลงไปในความลงจำเป็นอย่างมาก บวกเข้ากับไรหนวดเขียว ๆ เล็กร้อนที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีก ร่างทั้งร่างนั้นแทบจะแปรผันมากกว่าเดิมไปหลายส่วนเลย
นี่มันไม่ใช่เขาในความทรงจำของเธอนี่!
เขาในเมื่อก่อน รักสวยรักงามเป็นอย่างมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวัน มักจะทำตนเองให้สะอาดสะอ้านอยู่เสมอ
หนวดบนริมฝีปาก มักจะโกนอย่างสะอาด ไม่มีทางที่จะให้เห็นไรหนวดสีเขียวเป็นอันขาด
แต่ทว่า เขาอยู่กับเธอ ไม่เพียงแต่ผอมลงเท่านั้น แทบจะดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เมื่อมองดูแล้วก็รู้เลยว่าท่าทางจะอยู่อย่างไม่มีความสุข
นี่คือเขาในแบบที่เธอไม่อยากจะเห็นเลย เธอหวังว่าเขาจะยังคงคบหากันกับเจียงซีหยู่คนนั้นอยู่ เขาคนนั้นที่สมบูรณ์แบบ
ดังนั้นแล้ว ซูสือจิ่นคิดไปคิดมา ก่อนจะหันไปพยักหน้าแก่พนักงาน “ค่ะ พวกเราคิดกันมาดีแล้วค่ะ ก็เลยมาทำเรื่องหย่า”
พนักงานเห็นดังนั้นแล้ว สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้า “ได้ค่ะ เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบต่อทางที่ตนเองเลือกและรับผิดชอบในสิ่งที่ตัดสินใจ”
พูดไป เขาก็หยิบกระดาษออกมาสองใบ “ทั้งสองท่านเขียนข้อมูลพื้นฐานให้หน่อยแล้วกันนะคะ”
ซูสือจิ่นรับมา ก่อนจะส่งให้หยานชิงเจ๋อหนึ่งใบ หลังจากนั้น จึงหยิบปากกาขึ้นมาแล้วเริ่มขีดเขียนลงไป
ในตอนแรกเริ่มก่อนหน้านี้ เธอนั้นเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ตั้งนานแล้ว
แต่ทว่า ในตอนที่เริ่มเขียนข้อมูลลงไปจริง ๆ แล้วนั้นแล้ว ในตอนที่เขียนชื่อของตนเองลงไป ซูสือจิ่นถึงค้นพบว่า มือของตนเองนั้นสั่นระริกจนไม่เป็นอย่างเดิมเลย
เธอหายใจเข้าออกลึก ๆ อยู่หลายหน หลังจากนั้นจึงสามารถฝืนเขียนตัวอักษรลงไปได้ แต่ทว่า ก็ยังคงเขียนแบบโย้ ๆ เย้ ๆ เช่นเดิมอยู่ ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่รูปร่างตามแบบปกติเลย
ทางด้านข้าง หยานชิงเจ๋อสบตามองท่าทางเขียนหนังสือของซูสือจิ่น จู่ ๆ ก็เริ่มรู้สึกสับสนอีกครั้ง
เขาหยิบปากกาขึ้นมา และสบตามองเธออยู่ตลอด
เขากำลังคิด เขาจะต้องสูญเสียเธอไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?
ถ้าอย่างนั้นแล้ว ถ้าหากว่าพวกเขาหย่าร้างกันแล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นแล้วหลังจากนี้ มันจะสามารถกลับไปเป็นอย่างก่อนได้ไหม?
เขาหวังว่าเธอจะยังคงเป็นน้องสาวที่เขารักใคร่มากที่สุด ปกป้องภยันตรายให้เธอ มองดูเธอสร้างตัวและครอบครัวของตนเอง……
ในตอนที่คิดถึงครอบครัวขึ้นมานั้นเอง หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจนั้นจู๋ ๆ ก็เจ็บปวดอย่างรุนแรงขึ้นมาในทันที
เธอจะอยู่ด้วยกันกับคนอื่น คบหากัน แต่งงาน อีกทั้งยังมีเจ้าตัวน้อย?
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกแย่เป็นอย่างมาก ก่อนจะบีบบังคับตนเองไม่ให้ไปคิดอีกต่อไปแล้ว
ทางด้านข้าง ซูสือจิ่นเขียนเสร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว แทบจะรู้สึกได้ในทันทีว่าทางด้านข้างไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย ดังนั้นจึงอดที่จะหันศีรษะไปมองไม่ได้
ในตอนที่เธอเห็นว่าหยานชิงเจ๋อไม่ได้เขียนอะไรเลยแม้แต่ตัวเดียวเลยนั้นเอง ดังนั้นแล้วจึงอดที่จะเอ่ยขึ้นอย่างงุนงงไม่ได้ว่า “ทำไมพี่ไม่เขียนละคะ?”