ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 343 จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน นี่แหละความรัก
เมื่อหยานชิงเจ๋อเห็นประโยคนี้ ก็ถึงกลับถอนหายใจอย่างแรง
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอจะรักเขา
“ แต่ว่าเขาก็ไม่ชอบฉันมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาดุใส่ฉัน แถมแสดงความรังเกียจใส่ฉันอีก และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ใช้คำพูดแทงใจดำแบบนั้นกับฉันอีก ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก อยากที่จะอธิบายให้เข้า แต่กลัวว่ามันจะยิ่งทำให้เขารังเกียจฉันเพิ่มมากขึ้น ”
“ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มที่จะทนไม่ไหวเล็กน้อย แต่ทว่าก็ยังคงให้เวลาตัวเองอีก 2 เดือน และฉันก็แค่อยากที่จะลองพยายามดูสักตั้งเพื่อคนที่ฉันรักอย่างสุดในชีวิต !”
“ ฉันก็เลยให้ฝานหวามันช่วยฉันเล่นละคร เพราะฉันอยากจะรู้ว่าในสายตาของพี่ชิงเจ๋อนั้นจะแคร์ฉันบ้างสักนิดไหม ”
“ ถ้าเกิดว่ามี มันก็จะทำให้ฉันก็มีแรงจูงใจในการยืนหยัดต่อไป ”
ในใจของหยานชิงเจ๋อก็รู้สึกไม่มีความสุขและเขาเอนกายลงบนไปพิงเก้าอี้ด้วยความหมดแรง
อันที่จริงแล้วลั่วฝานหวาเป็นคนที่เธอขอให้มาให้ช่วยเล่นละครอย่างนั้นหรอ ?
แต่ทว่าเมื่อวานเขาเพิ่งจะเข้าใจเธอผิดไปเอง และยังคิดว่าในระหว่างพวกเขานั้นมีอะไรกันสักอีก !
ถ้าอย่างนั้นในตอนนั้นเขาก็เข้าใจเธอผิดหน่ะสิแล้วความเจ็บปวดในใจของเธอจะเป็นเช่นไร?
ในไดอารี่หลังจากนั้น ก็ดูเหมือนว่าจะมีความสนุกสนานไม่ใช่น้อย
“ ฉันพบว่าหลังจากที่ชิงเจ๋อนั้นกลับมาจากการทำงานต่างจังหวัด ก็ดูเปลี่ยนไป เขาไม่ได้ดูเย็นชาและรังเกียจฉันเหมือนก่อนหน้านี้ ในบางครั้งเขาก็ยิ้มให้กับฉัน พวกเราเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีฉันก็รู้สึกว่าอยู่ในภาพลวงตา การที่อยู่ร่วมกันมากยิ่งขึ้นมันจะทำให้เขาค่อยๆชอบฉันขึ้นมาบ้างไหมนะ ”
ดวงตาของหยานชิงเจ๋อก็ถึงเบิกว้าง
ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
เขา ชอบเธอหรอ ?
ใช่สิ ทำไมเขาถึงไม่ชอบเธอละ ?
เป็นเพราะว่าเขามองเธอมันก็เลยทำให้ค่อยๆใจลอย ทันใดนั้นก็อยากที่จะจูบเธอขึ้นมา และเขาคงอิจฉาที่เธอเข้าใกล้ผู้ชายคนอื่นมากเกินไป จนทำเขาอยากจะขังเธอไว้ในโลกของเขาเพียงคนเดียว……
เขาชอบเธอ
เขารู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย และรู้สึกแค่ว่าในก้นบึ้งหัวใจของเขานั้นมีความรู้สึกที่อึดอัดใจที่กำลังค่อยๆคลายปม
ดังนั้น เขายังคงเลื่อนมันลงไปอ่านอีก
ในช่วงหลังๆซูสือจิ่นแทบจะเขียนมันทุกวัน ไดอารี่แบบนี้มันเริ่มจะเหมือนกับบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวันที่เธอเขียนในตอนเด็กเลย แม้แต่พวกเขากินอะไรไปในสามมื้อของวันนี้บ้าง ? เขาพูดคุยอะไรกับเธอบ้าง เธอล้วนบันทึกมันลงไปทั้งหมด
จากนั้น เขาก็เห็นเธอเขียนไว้ว่า : “ ฉันเริ่มจะบันทึกบัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละวันอีกแล้วสิ เดาได้เลยว่าถ้าชิงเจ๋อมาเห็นเข้าละก็คงจะหัวเราะเยาะฉัน แต่เหตุผลที่อยากจะเขียนให้มันละเอียดขนาดนี้ ก็แค่คิดว่า ถ้าเกิดว่ามีวันหนึ่ง เขาไปจากฉัน และไม่อยากอยู่กับฉันอีกละก็ ฉันก็ยังสามารถที่จะพึ่งพาการในอ่านไดอารี่เหล่านี้ได้ ก็เพื่อที่จะได้หวนคิดถึงเรื่องในอดีตของเราได้ ”
พอเขาอ่านมาถึงตรงนี้ ก็มีความรู้สึกอันเจ็บปวดที่ลึกอยู่ในก้นบึ้งหัวใจ
เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในตอนเด็กเธอที่ถูกพ่อแม่รักเอ็นดู คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีช่วงเวลาที่ระมัดระวังตัวและอ่อนแอแบบนี้
ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นเพราะเขา
หยานชิงเจ๋อรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะอ่านต่อไปไม่ได้แล้ว
เขาทำอะไรลงไปบ้าง ทั้งๆที่อยากจะให้เธอมีความสุข แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงทำให้เธอเจ็บปวด และอีกทั้งยังเป็นคนที่ทำให้เธอเจ็บปวดมากที่สุดอีกด้วย !
“ วันนี้ พี่ชิงเจ๋อกลับมาจากทำงานต่างจังหวัด แล้วเขาก็สวมแหวนให้กับฉัน มันเป็นแหวนแต่งงานของพวกเรา แต่ทว่าก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามาพอเขารับสายเสร็จเขาก็ออกไปเลย ”
“ ฉันรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี ราวกับว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แต่ทว่าฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่น และก็ไม่กล้าแม้แต่จะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ก็เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนเขา ดังนั้นก็เลยทำได้แค่รอ ”
“ ข้างนอกหิมะตกอีกแล้ว ฉันไม่รู้ว่าช่วงเวลาอันงดงามก่อนหน้านี้เป็นของขวัญจากหิมะที่ตกในครั้งแรกหรือเปล่านะ ? เพราะฉะนั้นตอนนี้พระเจ้าก็ได้เอากลับไปแล้ว ”
“ ฉันได้วาดแบบร่างที่มีชื่อว่าปรารถนาของสโนว์เอลฟ์ ซึ่งหวังว่าสโนว์เเลฟ์จะสามารถได้ยินคำขอของฉัน
และทำให้ฉันได้อยู่เคียงข้างเขาไปอีกยาวนาน
……
“ วันนี้ในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งฉันก็ได้มีแผนวางเอาไว้แล้วด้วย ”
“ แม้ว่าแผนที่วางไว้มันจะเสี่ยงมาก แต่ถึงอย่างไรฉันก็รู้จักเขามาตั้งหลายปีแล้ว และเขาช่วยฉันเกือบทุกครั้งและฉันก็อยากจะช่วยเขาสักครั้งบ้าง ”
“ คืนนี้ฉันก็จะไปแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าฝานหวาจะคอยดูวิดีโออยู่ก็ตาม ถ้าเกิดว่ามีเรื่องขึ้น เขาก็คงจะแจ้งตำรวจ อีกอย่างฉินไห่เทาก็คงไม่ได้โง่ขนาดนั้น ก็แค่เพื่อการแก้แค้นก็คงจะไม่ปล่อยให้ติดคุก แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังคงรู้สึกกลัวและประหม่าอย่างมาก ”
“ ภาวนาขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดี พรุ่งนี้หยานชิงเจ๋อก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ”
“ ฉันคิดถึงเขามาก อยากจะให้เขากลับมา ”
พออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หยานชิงเจ๋อแทบจะไม่ต้องอ่านอีกแล้วเพราะเขารู้เรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มจนจบแล้ว
ที่เธอเป็นนี้ ก็เพราะเธอเสียสละเพื่อเขา แม้ว่าจะไปโรงแรมกับลั่วฝานหวาถึงสองครั้ง แล้วมันจะเกิดเรื่องอื่นขึ้นได้ยังไง ?
เขาเข้าใจเธอผิด !
ในใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก จมูกก็เริ่มแสบ ดวงตาก็ยิ่งรู้สึกแสบร้อนมากขึ้นและรับรู้ถึงความเสียใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อวานเขาจะทำกับเธอแบบนั้น จนกระทั่งวันนี้พวกเขาได้รับใบหย่า เขาถึงเพิ่งจะขอโทษเธอ แต่ถึงอย่างไรในใจของเขาก็ยังคงเข้าใจเธอผิด !
เขาผิดแล้ว เขาไม่ควรทำร้ายเธอขนาดนี้ แล้วก็ยังทำร้ายผู้หญิงที่รักเขามากที่สุดในโลก อีกทั้งยังทำร้ายภรรยาที่เขาอยากใช้ชีวิตด้วย!
หยานชิงเจ๋อพบว่าลำคออัดตันอย่างไม่สบายใจ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นไปหยิบแก้วน้ำ
ก่อนหน้านี้ ตอนที่เธออยู่บ้าน น้ำในเครื่องทำน้ำจะเป็นน้ำอุ่น บางทีวันนี้ก่อนที่เธอจะไปเธอคงจะปิดมันทิ้งละมั้ง ตอนนี้น้ำก็เย็นไปแล้ว
เขาก็เลยดื่มน้ำเย็นแก้วนั้นลงไป และทันใดนั้น เขาเพียงแค่รู้สึกว่าเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
ที่บ้านเงียบเหงาเป็นอย่างมาก ก็เป็นเพราะว่าไม่มีเธอ
เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นโดดเดี่ยวมาก ก็เป็นเพราะว่าเสียเธอไป
พอมาถึงในตอนนี้ เขาไม่สามารถที่จะหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้อีกต่อไป
อันที่จริงเขาชอบเธอมาตั้งนานแล้ว
ดังนั้นแล้ว เขาถึงได้รักเอ็นดูเธอตั้งแต่เด็ก
เขาดูเหมือนเป็นคนละเอียดรอบคอบ แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่ค่อยมีความอดทนกับคนมากสักเท่าไหร่ แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสอนการบ้านให้เธออย่างละเอียด แล้วก็ยังสอนเธออีกหลายสิ่งหลายอย่าง และถ้าหากมีเวลาก็จะไปหาโรงเรียน ?
ในความคิดของเขา คำว่าแฟนอาจจะเป็นเพียงแค่หมายความตามตัวหนังสือ และความรักก็ไม่ได้ยั่งยืน มีเพียงแต่ความรักในรูปแบบครอบครัวต่างหากที่จะสามารถอยู่ในชีวิตในยืนยาว
ความรู้สึกที่เห็นในครั้งแรก จะไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะตาย
ดังนั้น เขาจึงวางความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไว้ในรูปแบบเป็นครอบครัว ก็เลยคิดว่าพวกเขาจะมีความรู้สึกที่ดีแบบนี้ไปตลอด
พวกเขาจะไม่เหมือนกับคู่รักทั่วไปแบบนั้น ในเวลาที่ดีก็จะเป็นเหมือนกับเด็กที่ตัวติดกันตลอด ในเวลาที่ไม่ดี ก็เลิกกัน แล้วต่างคนต่างอยู่
เพราะเธอจะอยู่ในชีวิตของเขาตลอดไป ในฐานะที่เขาหวงแหนที่สุดและไม่มีใครสามารถมาแทนได้
ฉะนั้นแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เขาเลิกกับแฟนคนก่อน เขาก็แทบจะไม่เคยรู้สึกเศร้าเลย
ถึงแม้ในตอนที่เลิกรากับเจียงซีหยู่ก็ยังมองเหตุผลได้ เมื่อบอกว่าจะไม่เจอกัน ก็ไม่มีทางจะเหลียวแลอีก
แท้ที่จริงแล้วทั้งหมดนั้นล้วนไม่ใช่ความรักที่แท้จริง ทั้งหมดนั้นล้วนแล้วเป็นเพียงแค่ความเพลิดเพลินของผู้ชายที่มีให้ผู้หญิงในบางครั้งบางคราวเท่านั้น หรือไม่ก็คือความไม่ชัดเจนที่คิดว่ามันเป็นความชอบ
แต่เป็นเพราะว่าเขามีคนที่อยู่ในใจตั้งนานแล้ว นั่นก็คือซูสือจิ่น เสี่ยวจิ่นของเขานั้นเอง
ดังนั้นที่เขาโกรธขนาดนั้นก็เป็นเพราะเธออยู่ใกล้กับลั่วฝานหวา ก็เลยทำให้เข้าใจเธอ แต่ก็ไม่ได้อยากหย่ากับเธอ
ในตอนที่เธอพูดว่าหย่ากันเถอะ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วก็หลั่งน้ำตาออกมาต่อหน้าคนที่ไม่รู้จัก
หลังจากที่เธอจากไป ก็รู้สึกว่าความหวังนั้นได้สูญสิ้น ร่างกายและจิตใจเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า แล้วก็ไม่มีทางที่จะกลับมาเติมเต็มได้อีก
นี่ต่างหากถึงจะเป็นความรู้สึกอกหักที่แท้จริง !
ความรู้สึกที่จำฝังใจไม่มีทางลืมเลือนแบบนี้ มันเสียใจจนทุกลมหายใจที่สูดเข้าไปยังเจ็บปวด มันรู้สึกเจ็บปวดมากจนอยากจะเอาของทั้งหมดที่มีไปแลกกับเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน !
เหอะๆเพียงแต่ว่าเขามาเข้าใจในตอนที่มันสายเกินไปแล้ว ถ้าเกิดว่าเร็วกว่านี้หน่อย เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้พวกเขาก็คงจะยุ่งอยู่ในห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารมื้อค่ำ ต่างคนต่างมองแล้วก็ยิ้ม และหัวใจก็คงกำลังเต้นแรงอยู่ ?
พอหยานชิงเจ๋อรู้ตัวอีกที กลับพบว่าทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา
แล้วก็คิดไม่ถึงเลยว่าในหนึ่งวันเขาจะร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง
เขาอ่านไดอารี่หน้าสุดหน้าของซูสือจิ่นด้วยสายตาที่ขมุกขมัว
เห็นได้ชัดว่านี่เพิ่งจะเขียนเมื่อคืนนี้
“ หลายปีที่ผ่านมา ฉันเขียนไดอารี่นี้คนเดียวมา 10 ปีแล้ว มีการแสดงที่ไหนจะทำมาได้ตั้ง 10 ปีกันละ ? ดังนั้นตอนที่ฉันรูปถ่ายใบนั้น ฉันก็พบว่าฉันควรที่จะยอมปล่อยมือจริงๆได้แล้ว ขณะนี้การแสดงนี้ก็ได้จบลง และก็ถึงเวลาที่ฉันต้องตื่นจากฝันเหมือนกัน ”
“ ฉันรู้สึกว่าฉันคงจะทนต่อไปไม่ได้แล้ว ”
“ ฉันตั้งใจจะเลิกกับเขา ปล่อยให้เขามีอิสระ เป็นเพราะว่าวันนี้เขาบอกกับฉันว่าเขารู้เจ็บปวดทรมานมากๆ ”
“ ฉันไม่อยากจะเห็นคนที่ตัวเองรักนั้นเจ็บปวดทรมาน ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่อยากหวังว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขานั้นเจ็บปวดทรมาน ฉันหวังว่าหลายปีต่อมา เมื่อเขาคิดถึงฉันในบางครั้งบางคราวนั้น ก็ไม่อยากให้สิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นความทุกข์ที่ฉันนำมาให้เขา แต่เป็นความรู้สึกที่เรียบง่ายมีความสุขในตอนที่พวกเรานั้นเจอกันครั้งแรก ”
“ ฉันคิดว่าพวกเราควรที่จะหย่ากัน”
“ จริงๆแล้วทุกอย่างมันตรงกับคำพูดของจูอิน : ฉันสามารถเดาในตอนแรก แต่กลับไม่สามารถเดาตอนจบได้ ”
“ ชิงเจ๋อ ลาก่อน ฉันคิดว่าหลังจากนี้ไปพวกเราก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก ”
“ ลาก่อน สุดที่รักของฉัน ประโยคนี้มอบให้พี่ ถึงแม้ฉันจะรู้อยู่ว่า พี่ไม่มีทางที่จะรู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเคยรักพี่มากขนาดนี้ ”
บทความของไดอารี่ก็เลื่อนลงมาถึงจุดจบ
และในตอนนี้ดูเหมือนหยานชิงเจ๋อจะทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว มันก็เหมือนกับตอนที่ซูสือจิ่นพิมพ์คำพูดพวกนี้ออกมา พร้อมกับร้องไห้ออกมาดังๆ
เขาสามารถจินตนาการถึงภาพในตอนที่เธอพิมพ์ได้
แน่นอนว่าไหล่ของเธอสั่นไม่หยุด ในตอนที่เขียนเธอไปหนึ่งครึ่งแน่นอนว่าเลยว่าเธอไม่สามารถพิมพ์มันต่อไปได้อีก และแน่นอนว่าเธอจะต้องเช็ดน้ำตาที่ทำให้เบลอก่อนหน้านี้ถึงจะสามารถเขียนมันต่อไปได้
เขาเสียผู้หญิงที่รักเขามากที่สุดไปและก็เสียงผู้หญิงที่เขารักมากที่สุดไปด้วยเหมือนกัน
“ เสี่ยวจิ่น ขอโทษ……”
หยานชิงเจ๋อก็ยังคงพูดซ้ำๆอยู่ตลอดว่า : “ ขอโทษ ขอโทษ……”
เขาจับเมาส์และมองดูคำพูดประโยคสุดท้ายของเธอ พร้อมสูบบุหรี่อย่างไม่ยั้ง : “ ฉันไม่ได้ไม่รักเธอ เพียงแค่ว่าฉันไม่เข้าใจความรัก ……ตอนนี้ฉันเพิ่งจะรู้ว่าแท้ที่จริงฉันรักเธอมากขนาดไหน และมันก็เป็นเธอมาตลอด……”
เขาฟุบลงตรงที่นั่งและร้องไห้ออกมาด้วยความขมขื่น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนกว่าหยานชิงเจ๋อจะเงยหน้าขึ้นมา
ดวงตาของเขาก็ยังคงแดงมาก เขามองดูหน้าจอคอมของซูสือจิ่นที่มันดับไปเอง ด้านข้างก็ยังมีใบหย่า และนัยน์ตาก็ค่อยๆมืดมน
ไม่ ในเมื่อพวกเขายังรักกัน ก็ไม่ควรที่จะแยกจากกัน !
ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านมันผ่านตัวหนังสือประมาณว่าเธอจะไปจากที่นี้ แต่ทว่าในเมื่อขอให้เขารีบส่งคอมไปให้ มันแสดงให้เห็นชัดว่า เธอยังไม่ไป !
หยานชิงเจ๋อก็คิดได้ในขณะนั้น แล้วก็มารู้ตัวอีกทีในตอนที่ครึกโครมมาแรง โค่นล้มทุกอย่างและท่วมใส่เขา เขาจะไปหาเธอ และรั้งเธอไว้ ! แล้วก็ไม่อยากแม้แต่วินาทีเดียว
ในขณะนั้น ซูสือจิ่นก็ได้เป็นกระเป๋าสัมภาระที่จะไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
เธอคิดไม่ถึงว่า ทั้งสองครั้งที่เธอตัดสินใจจะไปอยู่ที่ต่างประเทศนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วจะเป็นเพราะหยานชิงเจ๋อ
ครั้งแรก เป็นเพราะว่าเขาอยู่ที่นั้น เธอก็เลยจะไปหาเขา
และในครั้งที่สอง เป็นเพราะเธออยู่ในประเทศและเธอก็ต้องการที่จะไปจากเขาให้ไกล
เป็นสาเหตุที่ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง และในนั้นก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง ไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับคนอื่นได้
เธอหัวเราะเยาะตัวเอง แล้วก็ไปที่ห้องครัว เตรียมตัวที่จะกินข้าวที่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย