ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 345 เรื่องราวที่ผ่านมาราวกับหมอกควัน ตอนนี้หมอกควันนั้นมลายหายไปแล้ว
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 345 เรื่องราวที่ผ่านมาราวกับหมอกควัน ตอนนี้หมอกควันนั้นมลายหายไปแล้ว
ฉินไห่เทาเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะบันดาลโทสะมากขนาดนี้ เขาถูกหมักชนกระทบเข้าจนล้มลงกับพื้นในทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ลูกสมุนของเขาก็ตามมากันทันแล้ว ในตอนที่หยานชิงเจ๋อกำลังจะปล่อยหมัดที่สองออกไปนั้นเอง ก็มีคนเข้ามาลากหยานชิงเจ๋อออกไปแล้ว
ฉินไห่เทาแต่ไหนแต่ไรมาก็มันจะเจ้ายศเจ้าอย่างเสมอ ดังนั้นแล้ว ในตอนที่เขาถ่มฟันที่ถูกต่อยจนหักออกมาจากริมฝีปากนั้นเอง จู่ ๆ ภายในหัวใจก็บันดาลโทสะขึ้นมาในทันที คิดก็ไม่ต้องคิดเลย หลังจากนั้นเขาก็ชักกริชที่เหน็บอยู่ที่ข้างเอวออกมา ก่อนจะปลดมันออกจากฝัก หลังจากนั้นก็พุ่งมันเข้าไปหาหยานชิงเจ๋อ
ซูสือจิ่นที่อยู่ทางด้านข้างมาโดยตลอด ในตอนที่ฉินไห่เทาชักกริชออกมาจากฝักนั้นเอง หัวใจของเธอก็ถูกประกายบนคนมีดทำให้ตะลึงลานไปในทันที
แทบจะไม่มีเวลาอื่นใดให้คิดไตร่ตรองเลย ในตอนที่เธอเห็นว่าหยานชิงเจ๋อถูกคนกดเอาไว้แล้วนั้น ในตอนที่กำลังจะรับคมมีดนั้นเอง เธอก็พุ่งร่างทั้งร่างเข้าไปหา ก่อนจะบดบังร่างกายของเขาเอาไว้ หลังจากนั้นก็สวมกอดเขาเอาไว้แน่
ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ราวกับว่าทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าไปหมด
ซูสือจิ่นรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ามีของแหลมคมบางอย่างพุ่งเข้ามาในร่างกาย มันทะลุเนื้อหนังเข้ามาแล้ว หลังจากนั้น มันก็กดลึกเข้าไปในร่าง
หลังจากนั้น ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลก็ตีตื้นขึ้นมาทั้งร่างในทันที
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เธอรู้สึกกว่ามีของเหลวร้อน ๆ ไหลออกมาจากร่างกายของเธอ ก่อนที่จะหายไป อีกทั้งเรี่ยวแรงและอัตราการมีชีวิตอยู่ของเธอก็เช่นกัน
ฉินไห่เทาเองก็นึกไม่ถึงว่าทั้งหมดมันจะออกมาเป็นเช่นนี้ ในตอนที่ซูสือจิ่นพุ่งเข้ามา เขาคิดอยากที่จะดึงมือกลับไปแต่ทว่ามันกลับสายไปเสียแล้ว
เขาเห็นซูสือจิ่นถูกกริชแทงเข้าไป คมมีดไม่ได้เข้าสู่ตัวของเธอ แต่ทว่าบนมือของเขา กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเธอทั้งหมดแล้ว
เขาตกตะลึงจนแข็งค้างไป ก่อนจะรีบปล่อยมือออกไปทันที หลังจากนั้น สีหน้าหวาดหวั่นก็ปรากฏขึ้นมาแทนที่
ส่วนลูกสมุนของเขาเหล่านั้น ในตอนที่เห็นแล้วว่ามีคนได้รับบาดเจ็บ ทุก ๆ คนล้วนแล้วแต่ตกตะลึงกันทั้งสิ้น ก่อนจะค่อย ๆ ปล่อยหยานชิงเจ๋อกันอย่างพร้อมเพรียง
ส่วนหยานชิงเจ๋อ ในตอนที่คมมีดนั้นพุ่งไปหาซูสือจิ่น ก็รู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบกำลังล่มลงมาเลย
เธออยู่บนร่างของเขา เขากับเธอสวมกอดกันอย่างแนบแน่น ดังนั้นแล้ว เขาจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจน คมมีดนั้นแทงเข้าสู่ร่างกายของเธอแล้ว หลังจากนั้นเธอก็สั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างรุนแรง ตามต่อมาด้วย มีของเหลวร้อนที่เปื้อนเสื้อผ้าของเขาจนเป็นวงขนาดใหญ่
เขายื่นมืออันสั่นเทาออกไป ก่อนจะแตะเข้าที่ร่างกายของเธอ
เป็นดังคาด ของเหลวร้อนเหล่านั้นไม่นานนักก็เปรอะเปื้อนเต็มฝ่ามือของเขาแล้ว
เขารู้สึกว่าตนเองนั้นไร้หนทางที่จะหายใจ ร่างทั้งร่างสั่นเทาจนไม่เป็นเหมือนอย่างในตอนปกติ ราวกับว่ากลัวว่าจะจนน้ำก็ไม่ปาน ทำให้เขานั้นกำลังจะขาดอากาศตาย
“เสี่ยวจิ่น เสี่ยวจิ่น!” เขาร้องเสียงชื่อของเธอด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
ส่วนที่ตรงหน้าของพวกเขานั้น ฉินไห่เทาเองก็รู้ได้โดยอัตโนมัติแล้วว่ามันไม่ถูกต้อง หลังจากนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยกับพวกลูกสมุนของเขาว่า “รีบทำให้มันหุบปากเร็วเข้า!”
หลังจากนั้นก็มีผู้ชายสองคนเหวี่ยงไม้กระบองขึ้น ก่อนจะฟาดเข้าใส่หยานชิงเจ๋อ หยานชิงเจ๋อสวมกอดซูสือจิ่นเอาไว้แน่น ทันใดนั้นเอง ไม้กระบองฟาดลงมาแล้ว ก่อนจะกระทบเข้าที่ศีรษะและขาของเขาอย่างรุนแรง
ในตอนนั้นเอง ที่ทางด้านข้างราวกับว่ามีคนเดินมา ฉินไห่เทาเห็นดังนั้นแล้ว ดังนั้นเขาจึงหันไปเอ่ยกับคนอื่น ๆ ว่า “หนีเร็ว!”
ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็โยนไม้กระบองทิ้งไป ก่อนจะหายไปในท้องฟ้าอันมืดมิดอย่างรวดเร็ว
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างเจ็บปวดรวดร้าวอย่างรุนแรง แต่ทว่า ที่เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยที่สุดเลยก็คือเลือดของซูสือจิ่นที่ไหลออกมาไม่อยู่บนร่างกายของเขา
เขาเริ่มสับสนเลือนรางโดยอัตโนมัติ ทุ่มสุดกำลังเพื่อที่จะลืมตาขึ้นไปมองเธอ แต่ทว่า แม้กระทั่งแรงที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นเขายังไม่มีเลย
“เสี่ยวจิ่น เสี่ยวจิ่น!” น้ำตาของเขาไหลออกมาไม่ขาดสาย ร่างทั้งร่างเริ่มเย็นยะเยือกขึ้น เกรงว่ามันจะเย็นไปถึงจิตวิญญาณด้านในแล้ว
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ซูสือจิ่นที่อยู่ในห้วงของความสับสน ราวกับว่าได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย
จู่ ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกตัวกลับมาได้อย่างชัดเจนแล้ว ในตอนที่นึกขึ้นได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้นเอง เธอใช้เรี่ยวแรงสุดกำลังเพื่อเปิดเปลือกตาขึ้น ก่อนจะสบตามองไปยังใบหน้าของหยานชิงเจ๋อ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับว่ากำลังอ่อนแรงก็ไม่ปานที่ข้างใบหูของเขา “พี่ชิงเจ๋อ ฉันไปแล้ว จะไม่มารบกวนพี่อีกแล้วนะคะ พี่เป็นอิสระแล้วล่ะ……”
“ไม่เอานะ!” หยานชิงเจ๋อส่งเสียงออกมาอย่างสุดแรง แต่ทว่ากลับค้นพบแล้วว่าน้ำเสียงของตนเองนั้นเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยิน หยาดน้ำตาของเขาไหลลงมาไม่ขาดสาย “เสี่ยวจิ่น อย่าจากฉันไปเลยนะ อย่าให้ฉันอยู่คนเดียวเลย……”
เขายกมือขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าตนเองยกขึ้นมาจริง ๆ หรือเปล่า อีกทั้งราวกับว่ากำลังเพ้อฝันอยู่ด้วย
มือของเขาสัมผัสเข้าไปที่ใบหน้าของซูสือจิ่นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งเสียงอบอุ่นลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยเอ่ยมาก่อนว่า “เสี่ยวจิ่น ฉันรักเธอ”
……
ในตอนที่หยานชิงเจ๋อได้สติตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็เป็นในช่วงบ่ายของวันที่สองแล้ว
เขารู้สึกว่าสมองของเขาหนักอึ้งในทันที ร่างทั้งร่างราวกับว่าแทบจะประกอบกลับเข้ามาใหม่เลยก็ไม่ปาน ลองเคลื่อนไหวร่างกายดูเล็กน้อย ล้วนแล้วแต่เจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมานทั้งสิ้น
เขาค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ ผ้าม่านสีขาวเข้าสู่โสตประสาททางสายตา เป็นฉากเรียบง่ายฉากหนึ่ง บนศีรษะมีถุงน้ำเกลือห้อยเอาไว้อยู่ มองแวบแรกก็รับรู้ได้แล้วว่าคือโรงพยาบาล
เขาค่อย ๆ ขยับศีรษะหันไปทางด้านข้างอย่างเชื่องช้า ก่อนจะค่อย ๆ นึกเรื่องที่เกิดเมื่อคืนวานขึ้นมาอีกครั้ง
“เสี่ยวจิ่น!” จู่ ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงทำให้กระทบกระเทือนบาดแผลเข้าให้แล้ว ทันใดนั้นเองก็เจ็บไปทั่วทั้งร่าง
แต่ทว่า เขากลับราวไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยก็ไม่ปาน ก่อนจะหันศีรษะมองไปรอบ ๆ บริเวณ
ห้องพักที่เขาอยู่นั้นมีเพียงแค่เตียงผู้ป่วยของเขาเพียงหลังเดียวเท่านั้น เดิมไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของซูสือจิ่นเลย!
หัวใจของหยานชิงเจ๋อตะลึงลานขึ้นมาในทันที ก่อนที่ความหวาดกลัวจะพรั่งพรูออกมาล้อมรอบตัวเขา
ในตอนนั้นเอง หลู่หยุนเซียงได้ยินการเคลื่อนไหว เมื่อเห็นว่าหยานชิงเจ๋อลุกขึ้นมานั้นแล้ว เธอจึงรีบเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ชิงเจ๋อ ลูกรีบนอนลงก่อนเร็วเข้า คุณหมอบอกว่าลูกจะต้องนอนบนเตียงหนึ่งสัปดาห์นะ!”
“แม่ครับ เสี่ยวจิ่นล่ะครับ?” หยานชิงเจ๋อล็อกสายตาไปยังหลู่หยุนเซียง “เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนี่ครับว่าเสี่ยวจิ่นอยู่กับผมด้วย แต่ทำไมไม่เห็นแล้วล่ะครับ?”
“เสี่ยวจิ่นหรือ?” หลู่หยุนเซียงเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง “ไม่เห็นนะ!”
“อะไรนะครับ?!” หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าจู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวในทันที ก่อนจะเริ่มเย็นเฉียบ “จะเป็นได้ไอย่างไรกันครับ? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเธออยู่กับผมด้วยกัน ก่อนที่ผมจะสลบไป เธอยังอยู่เลยนะครับ!”
“ชิงเจ๋อ ลูกจำอะไรผิดไปหรือเปล่า?” หลู่หยุนเซียงส่ายหน้า “ในตอนที่แม่ได้รับสายโทรเข้าจากทางสถานีตำรวด พวกเขาบอกว่าในตอนที่พวกเขาไปถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นแค่ลูกคนเดียวนะ”
“แม่ครับ ไม่ใช่นะครับ ยังมีเสี่ยวจิ่นด้วย!” หยานชิงเจ๋อส่ายหน้า แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว “เธอถูกคนแทงด้วยมีด บนร่างของผม มันเต็มไปด้วยเลือดของเธอครับแม่!”
หลู่หยุนเซียงได้ยินดังนั้นแล้ว ทันใดนั้นนัยน์ตาเบิกกว้างในทันที “ชิงเจ๋อ ลูกบอกว่าเลือดบนร่างของลูก ล้วนแล้วแต่เป็นเลือดของเธองั้นหรือ?!”
“แม่ครับ แม่เห็นอะไรหรือครับ?” หยานชิงเจ๋อเอ่ยถาม “เสื้อผ้าของผมในตอนนั้นล่ะครับ?”
“เสื้อผ้าของลูกส่งให้กับทางสถานีตำรวจไปแล้วล่ะ มันเต็มไปด้วยเลือดจริง ๆ……” จู่ ๆ สีหน้าของหลู่หยุนเซียงก็ซีดขาวเล็กน้อยในทันที “มิน่าล่ะ พวกเราเห็นแล้วว่าบนร่างกายของลูกล้วนแล้วแต่มีแต่รอยฟกช้ำ นอกจากขาที่หักนั้น บาดแผลภายนอกอื่น ๆ ก็ไม่มีเลย ไม่ควรที่จะมีเลือดออกมากขนาดนั้น!”
ทันใดนั้นเองสีหน้าของหยานชิงเจ๋อก็ซีดเผือดไปในทันที “แม่ครับ เลือดทั้งหมดนั้นมันเป็นของเสี่ยวจิ่น! เดิมพวกมันจะแทงผม แต่ผลสุดท้ายแล้วเธอกลับช่วยรับคมมีดแทบผมเอง! เป็นเธอที่ช่วยผมเอาไว้ครับ!”
พูดไป เขาก็ตลบผ้าห่มออกในทันที “ผมจะไปหาเธอครับ!”
“ชิงเจ๋อ!” สีหน้าของหลู่หยุนเซียงแปรเปลี่ยนไปในทันที ก่อนจะยื่นมือออกไปกดหยานชิงเจ๋อเอาไว้ แต่ทว่าเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าหยานชิงเจ๋อนั้นยังหนุ่มยังแน่อยู่ ถึงแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บไปแล้ว แต่ทว่าเรี่ยวแรงนั้นก็ยังคงมีอยู่มาก
เธอไม่ได้ดึงเขาเอาไว้ กลับกับเมื่อเห็นแล้วว่าเขาเป็นเพราะว่าขาข้างซ้ายหัก เมื่อเขาลงจากเตียงมาจึงยืนได้ไม่มั่นคงนัก ดังนั้นจึงล้มลงไปกับพื้นแล้ว
“ชิงเจ๋อ ลูกขาหักแล้ว ลูกอย่าขยับอีกเลยนะ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นคนขาเป๋นะ!” หลู่หยุนเซียงเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรนเสียงดัง
“แม่ครับ หากผมไม่ไปหาเสี่ยวจิ่น ถ้าหากว่าเธอตายขึ้นมาจะทำอย่างไรครับ?!” ในตอนที่เขาเอ่ยคำว่า ‘ตาย’ ออกมา รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจของเขานั้นสั่นไหวไปอย่างรุนแรง
“นี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ?!” ในตอนนั้นเอง หยานเว่ยคุนเดินเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นว่าหยานชิงเจ๋ออยู่กับพื้น อีกทั้งภายในห้องพักผู้ป่วยก็ดูวุ่นวายไปทั้งหมด
“พ่อครับ พ่อเห็นเสี่ยวจิ่นไหมครับ? เธออยู่ที่ไหนหรือครับ?” ราวกับว่าหยานชิงเจ๋อกำลังหาฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
“ชิงเจ๋อ” หยานเว่ยคุนเดินเข้าไปหา ก่อนจะช่วยพยุงหยานชิงเจ๋อขึ้นมา หลังจากนั้นนัยน์ตาก็ดูเคร่งขรึมมากขึ้นเล็กน้อย “แกกับเสี่ยวจิ่นหย่ากันแล้วหรือ?”
จู่ ๆ หัวใจของหยานชิงเจ๋อแข็งค้างไปในทันที เขาหลุบตาลงต่ำ “ครับ”
“ในเมื่อหย่าขาดจากกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าอย่างนั้นแล้ว ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว ทำไมแกถึงมีสภาพแบบนี้ขึ้นมาอีก?” หยานเว่ยคุนเอ่ยถาม
“พ่อครับ ถ้าหากว่าไม่ใช่เธอที่ช่วยเข้ารับคมมีดแทน คนที่จะตายไม่รู้ตัวในตอนนี้ นั่นก็คือผมนะ!” หยานชิงเจ๋อคว้าแขนของหยานเว่ยคุนเอาไว้ “พ่อครับ พ่อรู้อะไรมาหรือเปล่า?”
“เธออาจจะยังไม่ตาย ฉันเองก็พึ่งรู้เมื่อครู่นี้เอง” หยานเว่ยคุนเอ่ย “แต่ทว่า ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเธอไปที่ไหนแล้วเหมือนกัน เป็นเพราะว่าในตอนที่ฉันเอ่ยถามเผิงหวาแล้ว เขากลับส่งให้คนนำใบหย่าส่งมาให้ฉันแทนเสียแล้ว”
มือของหยานชิงเจ๋อสั่นระริกเล็กน้อย “ดังนั้นแล้ว เป็นพ่อของเธอใช่ไหมครับที่พาเธอไป? ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ฉันเองก็ไม่รู้ ตอนนี้เผิงหวาไปออกจากจีนไปเรียบร้อยแล้ว” หยานเว่ยคุนสบตามองหยานชิงเจ๋อ “ส่วนไอ้พวกเศษสวะสามสี่คนคืนนั้น ทั้งหมดถูกจับเอาไว้ได้แล้ว แกไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่จะแก้แค้นอีกต่อไปแล้วล่ะ เป็นเพราะว่ากฎหมายจะลงโทษพวกมันเอง ส่วนแก บอกฉันมานะ ทำไมถึงหย่า?”
ทำไมถึงหย่างั้นหรือ?
ริมฝีปากของหยานชิงเจ๋อสั่นเทาเล็กน้อย เขาสบตามองไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “หลังจากที่แต่งงานกับเธอแล้ว ผมคิดอยากที่จะหย่ากับเธอทุกวัน แต่ทว่า หลังจากที่ได้หย่ากับเธอแล้ว ผมกลับยังคงหวังว่าเธอยังคงเป็นภรรยาของผมอยู่”
ในตอนนั้นเอง ที่สถาบันแพทย์แห่งหนึ่งที่ห่างจากหนิงเฉิงไปเป็นหมื่นกิโลเมตร ที่นั่นกำลังทำการผ่าตัดกันอยู่
หน้าประตูห้องผ่าตัด ซูเผิงหวากำลังสบตามองไฟแจ้งเตือนว่ากำลังอยู่ในระหว่างการผ่าตัดอยู่ ภายในหัวใจนั้นร้อนรนกระวนกระวาย
เมื่อวาน เขารู้ว่าซูสือจิ่นถูกหยานชิงเจ๋อเรียกให้ออกไปข้างนอก นานมากก็ยังไม่กลับมา ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นกังวลใจเล็กน้อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาเองก็เดินออกไปตามหาเช่นกัน
ในตอนที่เขากำลังตามหาได้ไม่นานนักนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีคนวิ่งออกมาจากทางฝั่งสวนสาธารณะ ก่อนจะร้องเรียกให้คนช่วย
หัวใจของเขากระตุกในทันที ก่อนจะรีบกุลีกุจอวิ่งเข้าไปหา
ในตอนนั้นเอง เขาก็มองเห็นบุตรสาวกับลูกเขยกำลังนอนจมกองเลือดกันอยู่แล้ว
หยานชิงเจ๋อสวมกอดซูสือจิ่นเอาไว้ในอ้อมกอด ร่างทั้งร่างของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาเองก็ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นเลือดของใครกันแน่
เขารู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจราวกับถูกทับถมจนรู้สึกทรมาน ภรรยาของเขาจากไปตั้งนานแล้ว มีเพียงแค่บุตรสาวกับเขาเท่านั้นที่อยู่ด้วยกัน แต่ทว่าตอนนี้บุตรสาวของเขาเองกลับเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น……
ซูเผิงหวาอุ้มซูสือจิ่นออกมาจากอ้อมกอดของหยานชิงเจ๋อด้วยมือสั่นเทา ในตอนที่เห็นว่าบนร่างของซูสือจิ่นมีรอยถูกแทงนั้นเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มลงมาแล้ว
เขาเรียกเธอ ไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เคลื่อนไหวจนไปกระทบเข้ากับบาดแผลหรือเปล่า เธอจึงตื่นขึ้นมาแล้วจริง ๆ หลังจากนั้น เธอก็คว้ามือของเขาเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า “คุณพ่อคะ พาฉันไป!”
ซูเผิงหวาพยักหน้า “ได้ สือจิ่น พ่อจะพาลูกไปโรงพยาบาล!”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ไปโรงพยาบาล!” ซูสือจิ่นสบตามองเขา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิงวอน “คุณพ่อคะ ฉันไม่อยากอยู่จีนอีกต่อไปแล้ว ฉันจะไปในที่ที่พวกเขาตามหาฉันไม่เจอ! ขอร้องละค่ะพ่อ!”
เธอคว้ามือของเขามาจับเอาไว้แน่นแล้ววิงวอนขออยู่ตลอด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยินยอมอีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงตอบตกลงไปว่า “ได้ เสี่ยวจิ่น ลูกอดทนนะ พ่อจะพาลูกไปเอง! พ่อจะพาลูกไปยังที่ที่ทุกคนก็หาลูกไม่เจอเอง!”
ซูสือจิ่นได้ยินคำพูดนั้นแล้ว ดังนั้นจึงวางใจขึ้นแล้ว หลังจากนั้นจึงหันไปยิ้มกับเขา “คุณพ่อดีที่สุดจริง ๆ เลยค่ะ!”
เขาดีจริง ๆ ดังนั้นแล้ว หลังจากนี้เธอจะไม่ไปชอบคนอื่นอีกแล้ว เพราะมีเพียงแค่คนในบ้านเท่านั้นที่จะไม่ทำร้ายตนเอง
ในส่วนของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา มันสลายหายไปราวกับหมอกควันเลยก็ไม่ปาน ในตอนที่ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตรายนั้นเอง ในตอนที่แทบจะได้เห็นโลกที่ขาวสว่างอีกใบนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มลายหายไปราวกับหมอกควันไปเสียแล้ว……