ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 36 เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมา
เฉินจื่อโร่วที่กำลังเพลิดเพลินกับการบรรเลงบทรัก เมื่อได้ยินเสียงพึมพำนี้ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างทันที และอารมณ์ในร่างกายของเธอก็หยุดนิ่งในทันที เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา สงสัยว่าตัวเองได้ยินผิดหรือเปล่า
และในวินาทีต่อมาสือเพ่ยหลินก็ครางเสียงเบาๆ ออกมาอีกครั้ง “เสี่ยวถาง”
หลังจากนั้นเขายังพูดเสริมอีกคำ “ผมเสียวมาก……”
เฉินจื่อโร่วมองเขาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นความโกรธในหัวใจของเธอก็ปะทุขึ้นทันที ไฟในใจแทบจะเผาผลาญทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ!
เห็นได้ชัดว่าเป็นไฟแห่งความโกรธแต่เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก ครู่หนึ่งราวกับว่าเธอถูกแช่แข็งในไฟนรก
สือเพ่ยหลินกำลังกอดเธอเพื่อบรรเลงบทรัก แต่เขากลับเรียกชื่อผู้หญิงอีกคนซึ่งก็คือหลานเสี่ยวถาง!
ดังนั้นเขาดื่มเหล้าเยอะๆ ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเธอในตอนนี้ เพียงเพื่อให้เขาจินตนาการได้ง่ายขึ้น?
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มจินตนาการว่าเธอคือผู้หญิงที่เขาปฏิเสธในตอนแรก? !
เฉินจื่อโร่วตัวสั่นด้วยความโกรธ เธอเหยียดแขนไปเขย่าตัวสือเพ่ยหลิน“ฉันคือเฉินจื่อโร่ว ไม่ใช่หลานเสี่ยวถาง!”
เขาไม่ตอบ เธอเอนตัวไปดูก็พบว่าสือเพ่ยหลินหลับอยู่จริงๆ
ทำแบบนี้ราวกับว่าเธอโดนหลานเสี่ยวถางตบเข้าที่หน้า เฉินจื่อโร่วถูกความโกรธเผาผลาญจนไม่มีสติไปชั่วขณะหนึ่ง เธอเข้าไปเขย่าตัวสือเพ่ยหลินราวกับว่าเธอเป็นบ้าไปแล้ว
สือเพ่ยหลินถูกเธอปลุกจนตื่น เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นเฉินจื่อโร่ว เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งมารบกวนผม ให้ผมนอนพักสักหน่อย”
อย่ารบกวนเขา? !
นัยน์ตาของเฉินจื่อโร่วเบิกกว้าง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วตะโกนใส่สือเพ่ยหลินอย่างเหยียดหยาม”สือเพ่ยหลิน ฉันคือเฉินจื่อโร่ว! คุณเห็นชัดหรือยัง? แล้วทำไมคุณถึงเรียกชื่อคนอื่น?!”
สือเพ่ยหลินเกิดอาการสะลึมสะลือนอนไม่หลับเพราะเกิดจากน้ำเสียงที่แหลมแสบแก้วหูของเธอ เขาเริ่มหงุดหงิดจนทนไม่ไหว“โร่วโร่ว คุณกำลังพูดเสียงดังอะไร คุณรู้ไหมผมไม่ชอบผู้หญิงน่ารำคาญ”
เธอกำลังโกรธและลืมไปว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสือเพ่ยหลินนั้นไม่เคยเสมอกัน
ดังนั้นน้ำตาของเฉินจื่อโร่วจึงไหลออกมา เธอพูดอย่างบ้าคลั่ง “ทำไมคุณถึงเรียกชื่อหลานเสี่ยวถางในเมื่อคุณนอนกับฉัน! คุณเห็นฉันเป็นอะไร คุณดื่มเหล้าเพื่อที่จะจินตนาการว่าฉันเป็นมันใช่ไหม? !”
หลังจากที่สือเพ่ยหลินได้ปลดปล่อยอย่างเต็มที่และเขาก็เริ่มสร่างเมาแล้ว เมื่อได้ยินชื่อของหลานเสี่ยวถาง เขาก็นึกถึงเรื่องตอนที่เขาเสียหน้าเมื่อเช้านี้
ผู้หญิงคนนั้นคบหากับอาของเขาจริงๆ และชัดเจนว่าเธอต้องการประชดประชันเขา! ซึ่งมันก็ได้ผลจริงๆ เขาไม่สามารถยอมรับต่อสิ่งนี้ได้จริงๆ!
ถ้าให้เขาเรียกเธอว่าอาสะใภ้เขายอมตายดีกว่า!
ความเกลียดชังเก่าและความเกลียดชังใหม่มารวมกัน ความโกรธของสือเพ่ยหลินก็เพิ่มขึ้นในทันใด
เขามองไปที่เฉินจื่อโร่วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแส”เฉินจื่อโร่ว อย่ามาร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าผม! ทำไมผมนอนกับคุณแล้วจะเรียกชื่อคนอื่นไม่ได้เหรอ? อย่าทำให้ผมรำคาญมากไปกว่านี้ ผมสามารถทิ้งหลานเสี่ยวถางได้ และผมก็สามารถทิ้งคุณได้เหมือนกัน เหตุผลที่ผมยอมรับคุณก็เพราะว่าคุณอยู่เป็น อย่าทำให้จุดเด่นนี้ของคุณหายไป!”
เฉินจื่อโร่วรู้สึกเหมือนโดนสาดน้ำเย็นลงมาใส่หัวของเธอ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้สติ
ใช่จริงๆ ด้วย เธอกล้ามีปากเสียงกับสือเพ่ยหลินได้อย่างไร เธอยังไม่ได้แต่งงานเข้าสู่บ้านตระกูลสือเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาเลิกกับเธอ ความฝันอันมั่งคั่งของเธอจะต้องพังทลายลง?
เธอจะเข้าไปเพื่อขอโทษ แต่สือเพ่ยหลินรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
เธอดึงแขนเขาไว้แต่โดนเขาสะบัดทิ้ง ก่อนเขาเดินออกไปได้พูดทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณควรคิดทบทวนตัวเองได้แล้ว อย่าให้มีครั้งที่สอง อีกอย่างเดือนหน้าถ้าคุณยังไม่ท้อง ผมจะเข้าไปพูดคุยเรื่องเกี่ยวดองกับตระกูลจิน ”
หลังจากพูดจบ สือเพ่ยหลินก็หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป
*
หลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินขับรถเกือบทั้งวัน เมื่อพวกเขามาถึงเมืองเสวียหลานก็เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว
รถของสือมูเฉินขับเข้ามาในเส้นทางแคบ ๆ และในที่สุดก็หยุดที่ลานหน้าบ้าน
ที่นี่ห่างไกลจากความวุ่นวาย
หลังบ้านมีลำธาร อีกฝั่งของลำธารมีเนินเขาที่มีต้นไม้มากมาย
ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในบริเวณโดยรอบ และต้องใช้เวลาเดินเจ็ดถึงแปดนาทีเพื่อไปยังถนนที่ใกล้ที่สุด
สือมูเฉินหยิบกุญแจดอกเดียวออกจากกระเป๋าของเขา แล้วเดินไปเปิดประตูที่ค่อนข้างจะขึ้นสนิม
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวยเล็กน้อย แม่ของสือมูเฉินเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนหรือ? เธอยังมีชีวิตอยู่ไหม?
สือมูเฉินเดินเข้าไปพร้อมกระเป๋าเดินทาง เมื่อเดินมาถึงห้องกลางเขาก็ผลักประตูไม้ออก และรอให้ฝุ่นข้างในสลายไปเล็กน้อย แล้วอธิบายว่า “เสี่ยวถาง เมื่อตอนผมยังเด็ก ในแต่ละปีของช่วงนี้แม่ของผมจะมาพักที่นี่”
หลานเสี่ยวถางลังเลใจและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
“เธอไม่ได้มาที่นี่หลายปีแล้ว แต่ผมมาที่นี่ก็เพื่อดูว่าจะได้เจอเธอไหม” สือมูเฉินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ดวงตาของเขาดูมืดมนเล็กน้อย “จริงๆ แล้วเธอไม่ได้ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว ผมไม่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า แต่ไม่รู้ว่าจะปลอบใจสือมูเฉินได้อย่างไร เธอเห็นฝุ่นจับตามสิ่งของจึงพูดว่า “คุณไปอยู่ข้างนอกก่อนสักพัก เดี๋ยวฉันจะทำความสะอาด”
สือมูเฉินพยักหน้า “โอเค” ขณะที่เขาพูดเขาชี้ไปที่เนินเขาด้านหลังลำธาร “ผมจะไปเดินเล่นตรงนั้น”
หลานเสี่ยวถางมองดูท้องฟ้ามืดครึ้มเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “เอาร่มไปด้วยสิ เผื่อว่าฝนจะตก……”
“ไม่เป็นไร ผมจะรีบกลับมา” สือมูเฉินพูดแล้วก็หันหลังเดินออกไป
หลานเสี่ยวถางมองตามด้านหลังของเขา เธอสามารถรับรู้ว่าอารมณ์ของเขาค่อนข้างหดหู่ เธอคิดว่าตรงเนินเขานั้นอาจจะที่แห่งความทรงจำของเขาและแม่ ดังนั้นเธอจึงไม่ควรไปถามแบบเจาะลึก ถ้าเขาอยากจะบอกเดียวเขาก็บอกเองแหละ
หลานเสี่ยวถางเห็นผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในห้องน้ำจึงได้ทำความสะอาดห้องไปหลายห้อง เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอและเขายังไม่ได้กินข้าวเย็น เธอจึงหยิบเงินแล้วเข้าไปในตัวเมืองที่เพิ่งขับรถผ่านมาเพื่อดูว่าจะมีอะไรให้ซื้อได้บ้าง
คนในเมืองนี้ดูเหมือนจะกลับบ้านกันหมดเมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็น หลานเสี่ยวถางเดินหาที่ซื้อของเป็นเวลานานมาก แต่เธอพบว่าไม่มีอะไรขายเลย มีเพียงร้านอาหารแห่งเดียวที่ขายหมี่ผัดซอสที่สือมูเฉินไม่ชอบกิน
เธอไม่มีทางเลือก แต่ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นแผงลอยที่ยังไม่ได้เก็บอยู่ที่ทางเข้าตลาด
หลานเสี่ยวถางเดินเข้าไปและเห็นว่ามันคือแผงลอยขายแป้งห่อเกี๊ยว เธอจึงถามว่า “คุณยายคะ ฉันจะขอซื้อแป้งห่อเกี๊ยวหน่อยค่ะ”
หญิงชราพยักหน้า “หนูต้องการซื้อเท่าไหร่” เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปที่หลานเสี่ยวถางด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“เอ่อ คุณยาย มีอะไรหรือเปล่าคะ?” หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าท่าทางของคุณยายแปลกๆ
หญิงชราจ้องมองหลานเสี่ยวถางอย่างละเอียด แล้วหายใจติดๆ ขัดๆ “เหมือนมาก เหมือนมาก……”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกงงงวย“คุณยาย เหมือนอะไรหรือคะ?”
“หนูดูเหมือนผู้หญิงที่เคยอาศัยอยู่ในบ้านของฉันมาก่อน ดูเหมือนกันมากโดยเฉพาะดวงตา” หญิงชราพูด
หลานเสี่ยวถางรู้สึกตื่นเต้น “เธอชื่ออะไรคะคุณยาย เธออาศัยอยู่ในบ้านของคุณยายเมื่อไหร่คะ”
หลานเสี่ยวถางเป็นเด็กกำพร้าไม่เคยเห็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดและญาติตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แม้ว่าคนที่หน้าตาเหมือนกันในโลกนี้มีมากมาย แต่หลานเสี่ยวถางก็อยากรู้จริงๆ ว่าผู้หญิงที่คุณยายคนนี้พูดถึงเกี่ยวข้องกับเธอหรือไม่?
“เธอชื่ออะไรงั้นหรือ?” หญิงชราลูบหัวของตัวเอง “โอ๊ย ทำไมฉันจำไม่ได้……เฮ้อ ฉันจำไม่ได้จริงๆ! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เจอหนู ฉันอาจจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างหน้าตายังไง! ดูเหมือนจะผ่านมายี่สิบปีแล้วมั้ง ตอนนั้นลูกสาวของฉันเพิ่งเข้าไปเรียน ม.ต้น ที่อำเภอ”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นแรงเป็นพิเศษ “แล้วในตอนนั้นเธอตัวคนเดียวไหมคะ? เธอพักอยู่นานแค่ไหนคะ? เธอท้องหรือเปล่า?”
หญิงชราพยักหน้า“ใช่ เธอท้องประมาณสองเดือน เธอแพ้ท้องอย่างหนักอาเจียนออกมาทั้งวัน ฉันต้มยาจีนมาให้เธอดื่ม แต่เธอก็ยังอาเจียนหลังจากกินยาเข้าไป ถึงแม้ว่าเธอจะมาคนเดียว แต่เธอก็แต่งตัวดีมาก เสื้อผ้าหน้าผมไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ฉันถามเธอว่าท้องแล้วทำไมถึงออกมาอยู่คนเดียว เธอก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ ต่อมาคุณตากลับมาจากทำงานที่อำเภอ เธอเห็นว่าคนเยอะอยู่ต่อไม่ได้จึงขอออกไปอยู่ที่อื่น พวกเราจะให้เงินเธอแต่เธอไม่รับ……”
หลานเสี่ยวถางเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น เธอจึงถามหญิงชราว่า “คุณยายคะ เธอได้ทิ้งอะไรไว้ตอนที่เธออยู่บ้านของคุณยายไหมคะ?”
หญิงชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “เธอบอกว่าเธอกินฟรีอยู่ฟรีอยู่ในบ้านของฉันเป็นเวลาครึ่งเดือน เธอจึงให้ต่างหูเป็นการตอบแทน ฉันไม่อยากรับไว้แต่เธอยืนกรานที่จะให้ บอกว่าต่างหูนี้มีราคาแพงมากสามารถนำมันไปขายเพื่อสร้างบ้านหลังใหญ่ได้”
“คุณยายสามารถเอาต่างหูนั้นให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ?” หลานเสี่ยวถางกล่าวอย่างตื่นเต้น
“หนูสงสัยว่าเธอเป็นญาติของหนูหรือเปล่า” หญิงชราถาม
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า“หนูโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อแม่แท้ๆ แต่เมื่อฟังที่คุณยายพูดแล้ว หนูก็มีความรู้สึกบางอย่างว่าเธออาจจะเป็นแม่แท้ๆ ของหนูหรือเปล่า?”
“พวกเธอสองคนดูเหมือนกันจริงๆ งั้นเอาแบบนี้นะไปที่บ้านของฉัน ฉันจะให้ต่างหูนั้นแก่หนู” หญิงชรากล่าว“ถึงอย่างไรฉันเก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อหนูหน้าเหมือนเธองั้นก็ให้ต่างหูนั้นแก่หนูแล้วกัน”
หลานเสี่ยวถางกำลังจะกลับไปพร้อมกับหญิงชรา แต่ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเผื่อมีบางอย่างที่อันตราย แม้ว่าหญิงชราจะดูใจดีมาก แต่……
ดังนั้นเธอจึงพูดว่า “คุณยายคะ วันนี้หนูยังมีธุระด่วนที่ต้องกลับไปทำ ขอที่อยู่บ้านคุณยายไว้ก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะพาสามีไปบ้านคุณยายด้วย! อ้อ แป้งห่อเกี๊ยวหนูขอเหมาหมดเลยค่ะ!”
“บ้านของฉันอยู่ในตรอกหัวมุมตรงนั้น บ้านเลขที่ 121” หญิงชราพูดพร้อมกับเอาแป้งห่อเกี๊ยวใส่ถุงให้หลานเสี่ยวถาง “ใช่แล้ว ตรงนั้นมีไส้เกี๊ยวและผักกุยช่ายต้นหอมขาย สามารถไปซื้อตรงนั้นได้เลย ”
หลานเสี่ยวถางจ่ายเงินพร้อมกับขอบคุณ ซื้อเนื้อสับและผักกุยช่ายต้นหอมกลับไปที่บ้านแม่ของสือมูเฉิน
เธอล้างผักแล้วหั่นให้เรียบร้อย และเริ่มห่อเกี๊ยว
เมื่อเธอห่อเกี๊ยวเสร็จทั้งหมดสือมูเฉินก็ยังไม่กลับมา
ในขณะนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว หลานเสี่ยวถางวางสิ่งของในมือของเธอ แล้วเดินไปที่ประตูก็พบว่าข้างนอกฝนเริ่มตกปรอยๆ
เธอเริ่มรู้สึกไม่ดีจึงรีบโทรหาสือมูเฉิน
แต่เสียงโทรศัพท์ได้แจ้งว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการ
หลานเสี่ยวถางไม่สนใจสิ่งอื่นรีบหยิบร่มแล้วเดินออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว