ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 363 ชีวิตใหม่ได้ลืมตาดูโลกแล้ว
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดเหล่านี้ ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มมองเห็นความหวังแล้ว
เธอคว้าราวจับ หายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มออกแรงเบ่ง
เดิมทีเธอคิดว่าความเจ็บปวดจากการบีบรัดตัวในตอนนี้มันก็สาหัสพอแล้ว แต่เธอไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เธอเริ่มออกแรงอย่างกะทันหัน ก็เกิดความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นอีก
“โอ้ย!”
เมื่อโอหยางจวิ้นได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอเขาก็เลิกคิ้วขึ้น และเขาเกือบจะเดินไปผลักประตู “เกิดอะไรขึ้น?”
“คุณผู้ชาย อย่าเข้าไป!” คนใช้รีบห้ามเขา “คาดว่าคุณผู้หญิงจะคลอดในไม่ช้านี้ และหมอก็อยู่ด้านใน ไม่น่ามีอะไรเกิดขึ้นได้!”
เขายอมฟัง เขาปล่อยมืออย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วเดินไปมาที่ประตูห้องคลอด พยายามบรรเทาความหดหู่ในใจ
หากมีเรื่องเกิดขึ้นกับหลานเสี่ยวถาง และเกิดขึ้นในบ้านของเขา ไม่รู้ว่าสือมูเฉินจะทำอะไรเขาไหม honorก็ด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้น
โอหยางจวิ้นจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเห็นหลานเสี่ยวถางสวมกระโปรงผ้าฝ้ายนั่งอยู่บนม้านั่งใต้ปราสาท เขาบังเอิญผ่านไปเห็นลูกในท้องของหลานเสี่ยวถางกำลังดิ้น
ขณะนั้นเธอไม่เห็นเขา เธอจึงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ลูกเอ๋ย หนูซนอีกแล้วหรือ?”
จากนั้นโอหยางจวิ้นสามารถมองเห็นลูกในท้องของเธอกำลังดิ้น
นั่นคือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ เหรอ?
เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในขณะนี้ในท้องหลานเสี่ยวถางมีชีวิตเล็กๆ อยู่ในนั้น ความรู้สึกนี้แปลกมากโอหยางจวิ้น ที่ไม่เคยสนใจเรื่องเหล่านี้รู้สึกว่าอารมณ์ของเขาถูกดึงดูดโดยพลังที่มองไม่เห็น
ในห้องคลอดหลานเสี่ยวถางใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธออีกครั้ง และแล้วเธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างออกมาจากปากมดลูกของเธอ จากนั้นเธอก็แทบจะหมดแรงและในขณะเดียวกันทารกก็ถูกนำออกไปแล้ว
“คุณผู้หญิง ยินดีด้วยค่ะ คุณได้ให้กำเนิดเจ้าหญิงน้อยแล้ว!” หมออุ้มหวันหว่านมาให้หลานเสี่ยวถางดู
ทารกเพิ่งเกิดยังสกปรกอยู่เล็กน้อย และยังไม่ลืมตา
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะคลอดก่อนกำหนดสิบกว่าวัน แต่หลานเสี่ยวถางก็กินอาหารที่ดีและใส่ใจเรื่องโภชนาการ ดังนั้นลูกของเธอจึงไม่เหมือนทารกแรกเกิดทั่วไปที่มีผิวหนังย่นและน่าเกลียด แต่กลับผิวใสแดงก่ำและนุ่มเด้ง
“หวันหว่าน” หลานเสี่ยวถางเห็นใบหน้าเล็กๆ ของลูก แม้ว่าตอนนี้เธอจะยังบอกไม่ได้ว่าลูกหน้าเหมือนใคร แต่เธอคิดว่ายิ่งมองหน้าลูกยิ่งทำให้หลงรัก
ในที่สุดเธอก็ให้กำเนิดลูกของเธอและสือมูเฉิน และเมื่อเห็นลักษณะที่แข็งแรงของทารก หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกโล่งใจ
“ขอกอดหน่อยได้ไหม?” หลานเสี่ยวถางพูดอย่างอ่อนแรง
“คุณผู้หญิง ยังต้องจัดการสายสะดืออีกนิดหน่อย โปรดรออีกสักพักนะคะ” หมอพูดพร้อมกับเริ่มจัดการ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งประตูห้องคลอดถูกเปิดออก
โอหยางจวิ้นเจอหมอที่กำลังเดินออกมาจึงรีบถามหมอว่า “หมอ ถางถางกับลูกเป็นอย่างไรบ้าง?”
หมอพูดว่า ” คุณผู้หญิงและเจ้าหญิงน้อยไม่เป็นไรแล้วค่ะ เพราะเหนื่อยเกินไป ตอนนี้คุณผู้หญิงกำลังหลับอยู่ค่ะ คุณอยากจะเข้าไปดูไหม?”
โอหยางจวิ้นก้าวเข้าไป
ในขณะนี้หลานเสี่ยวถางนอนหลับอยู่บนเตียงแล้วและข้างๆ เธอมีทารกตัวเล็กๆ ห่อด้วยผ้าอ้อม
โอหยางจวิ้นจ้องมองเด็กน้อย มองดูใบหน้าเล็กๆ ของเธอ ทันใดนั้นความรู้สึกอ่อนโยนก็เกิดขึ้นในใจของเขา
ในขณะนี้เด็กน้อยกำลังหายใจ ปากเล็กๆ อ้าออกเล็กน้อย เพราะเธอไม่มีฟันเลยมีน้ำลายไหลมาอยู่ที่มุมปาก
ขนตาของเธอมีความยาวโดยธรรมชาติ ดูเรียงกันสวยงามเป็นพิเศษ
ในเวลานี้พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า มีแสงแดดจางๆ สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างตกกกระทบลงที่ใบหน้าของเด็กน้อย
โอหยางจวิ้นพบว่ายังมีขนบางๆ บนหน้าของเด็กน้อย
เขาเริ่มสงสัยกับสิ่งนี้ ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปสัมผัสใบหน้าเล็กๆ ของหวันหว่านอย่างช้าๆ
ขณะที่ปลายนิ้วสัมผัสเบาๆ โอหยางจวิ้นรู้สึกถึงผิวที่บอบบางราวกับว่าแค่เขาออกแรงนิดเดียวก็บอบช้ำได้
หวันหว่านกำลังหลับสนิทและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครมาแตะแก้มเธอ
ลมหายใจอันแผ่วเบาของเธอกระทบเข้าที่ปลายนิ้วของโอหยางจวิ้น ทำให้เกิดอาการจั๊กจี้เล็กน้อย
เขาอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะแก้มเธออีกครั้ง ครั้งนี้แตะอยู่ค่อนข้างนานนิดหน่อย
เมื่อเขากำลังจะเอามือออก จู่ๆ หวันหว่านก็พลิกตัว
ทันใดนั้นสัมผัสที่นุ่มและเปียกชุ่มก็ตกลงบนปลายนิ้วของโอหยางจวิ้นและในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
เขามองไปที่หวันหว่านที่ปฏิบัติต่อมือของเขาเหมือนเป็นอาหาร และเขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เมื่อมองดูเด็กคนนี้ที่ตัวเล็กมากทำให้โอหยางจวิ้นรู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
เขาถามว่า “เด็กจะลืมตาได้ตอนไหน? นานแค่ไหนถึงจะเดินได้? นานแค่ไหนถึงจะพูดได้?”
นางพยาบาลยิ้มแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายคะ คุณไม่เคยเห็นเด็กตัวเล็กขนาดนี้มาก่อนเลยใช่ไหมคะ? โดยปกติแล้วจะลืมตาได้ภายในสามวันค่ะและบางคนก็จะลืมตาได้เพียงวันเดียว พวกเขาเริ่มเดินในหนึ่งปีสองเดือนค่ะ เด็กผู้หญิงเริ่มพูดได้เร็วที่สุดก็ประมาณหนึ่งขวบครึ่ง เด็กผู้ชายจะค่อนข้างช้ากว่า บางคนเริ่มพูดตอนอายุสองขวบ”
“งั้นยังต้องใช้เวลาอีกนานเลย” โอหยางจวิ้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
พยาบาลพยักหน้า“ใช่ค่ะ แม้ว่าจะดูเหมือนใช้เวลานาน แต่เด็กๆ โตเร็วมากโดยไม่รู้ตัว”
หลังจากที่พยาบาลป้อนนมเสร็จแล้ว เมื่อเห็นว่าหวันหว่านหลับไปอีกครั้ง เธอจึงรีบไปหา โอหยางจวิ้นแล้วพูดว่า “คุณผู้ชายคะ คุณอยากลองอุ้มเธอดูไหม?”
โอหยางจวิ้นยกแขนขึ้นเพื่อเปรียบเทียบพร้อมกับรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “เธอยังเล็กเกินไป ผมกลัวจะทำเธอบอบช้ำ”
พยาบาลยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ คุณเหยียดแขนออกมาแล้วฉันจะอุ้มเธอมาวางบนแขนของคุณ”
โอหยางจวิ้นทำตามที่พยาบาทบอก จากนั้นพยาบาลก็วางหวันหว่านลงไปบนแขนของเขา
ตอนคลอดหมอบอกว่าน้ำหนักประมาณ3.25กิโลกรัม แต่เมื่อวางลงมาที่แขนของเขาเธอเบาราวกับไม่มีน้ำหนัก
เพียงแค่
โอหยางจวิ้นแขนแข็งทื่อโดยคงสภาพเดิมไว้ เขารู้สึกเพียงว่าคนตัวเล็กๆ ในอ้อมแขนของเขาเป็นเหมือนฟองสบู่ซึ่งจะแตกเมื่อสัมผัส
ดังนั้นเขาจึงอยู่ในท่าทางนี้ในระยะหนึ่ง เขารู้สึกมีเหงื่อออกเหนื่อยยิ่งกว่าการถือปืนเมื่อตอนที่เขารับราชการทหารซะอีก
เมื่อเห็นอาการประหม่าของเขา นางพยาบาลก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณผู้ชายคะ ผ่อนคลายนิดหนึ่งนะคะ ทำเหมือนตอนที่ฉันกำลังอุ้มเธอค่ะ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะไม่หล่นนะคะ”
“ครับ” โอหยางจวิ้นบังคับตัวเองให้ผ่อนคลายอีกครั้ง
เขาสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลและจังหวะการหายใจของเด็กน้อยดูเหมือนจะนำพลังเวทมนตร์พิเศษมาทำให้หัวใจอ่อนโยน
เขาไม่เคยรู้สึกว่าเขาชอบเด็กมาก่อน มันดูน่ารำคาญตอนที่พวกเขาส่งเสียงดัง อย่างไรก็ตามเขาพบว่าเด็กตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูมาก
ดวงตาของเขาค่อยๆ เริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ และเขาก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปหอมแก้มของหวันหว่าน
เขากำลังจะส่งหวันหว่านไปให้พยาบาลเพื่อเธอไว้ข้างหลานเสี่ยวถาง แต่ทันใดนั้นเปลือกตาของเธอค่อยๆ เปิดขึ้น
ดวงตาของโอหยางจวิ้นเบิกกว้างขึ้นในทันใดเมื่อเขาเห็นหวันหว่านกำลังลืมตาขึ้น จากนั้นสายตาที่มองดูโลกเป็นครั้งแรกของเธอได้มองมาที่เขา!
“เธอมองมาที่ผม! เธอมองมาที่ผม!” ดวงตาของโอหยางจวิ้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
พยาบาลพยักหน้า “ค่ะ เด็กน้อยลืมตาเร็วมาก เธอต้องเป็นเด็กผู้หญิงที่ฉลาดมากๆ เลยค่ะ!”
โอหยางจวิ้นเห็นด้วย “ดวงตาของเธอสวยมาก! แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ลูกครึ่ง แต่เธอก็สวยมาก!”
ในเวลานี้จู่ๆ เขาก็รู้สึกอิจฉาสือมูเฉินขึ้นมาเล็กน้อย เขามีภรรยาที่รักเขาสุดหัวใจและมีลูกสาวที่หน้าตาสวยงามและเป็นเด็กดีอีกด้วย
ดูเหมือนว่าเสียงของโอหยางจวิ้นจะดังจนทำให้หลานเสี่ยวถางที่นอนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมา
เมื่อเธอเห็นโอหยางจวิ้นกำลังอุ้มหวันหว่าน เธอก็กังวลทันที “หวันหว่านของฉัน!”
“เธอชื่อหวันหว่านเหรอ?” โอหยางจวิ้นมองหลานเสี่ยวถาง “ชื่อนี้ค่อนข้างดี”
“คืนเธอให้ฉัน” หลานเสี่ยวถางกลัวว่าลูกสาวของเธอจะถูกพรากไป
พยาบาลอุ้มหวันหว่านจากมือของโอหยางจวิ้นไปวางไว้ข้างหลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางหันไปมองลูกสาวที่น่ารักของเธอ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปจูบหวันหว่าน
บางทีอาจเป็นเพราะในตัวของหลานเสี่ยวถางมีกลิ่นนม หวันหว่านจึงขยับใบหน้าเล็กๆ ของเธอไปในทิศทางของหลานเสี่ยวถางตามสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเธอยังเด็กเกินไปที่จะขยับหรือพลิกตัว
“ดูเหมือนว่าเธอจะอยากดื่มนมนะคะ” นางพยาบาลยิ้ม “คุณผู้หญิง ลองให้เธอดื่มนมดูค่ะ!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าโดยตระหนักว่าโอหยางจวิ้นก็อยู่ด้วย เธอจึงพูดกับเขาทันที”คุณออกไปก่อน”
โอหยางจวิ้นรู้สึกเขินเล็กน้อย เขาหันหลังแล้วเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้นางพยาบาลก็รอจนประตูปิดลงแล้วจึงพูดว่า“คุณผู้หญิงคะ คุณคงเป็นคนเดียวในตระกูลเพอร์เซลล์ที่กล้าปฏิบัติต่อคุณผู้ชายแบบนี้!”
หลานเสี่ยวถางรู้ว่ายังมีคนไม่รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเธอกับโอหยางจวิ้น ดังนั้นเธอจึงขี้เกียจโต้เถียงและมุ่งเน้นไปที่หวันหว่าน
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ให้นมลูก
ทันทีที่หวันหว่านเข้ามาใกล้ๆ เธอก็ดูดอย่างรุนแรงจนทำให้หลานเสี่ยวถางรู้สึกเจ็บปวด อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาว เธอก็รู้สึกมีความสุขมาก
จริงๆ แล้วหวันหว่านไม่ได้หิว แต่ตามสัญชาตญาณเธอแค่ชอบกลิ่นของแม่เพียงเท่านั้น
เธอดื่มนมเพียงนิดเดียวก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู เป็นโอหยางจวิ้นพูดอยู่ที่ประตู “ผมขอเข้าไปได้ไหม?”
หลานเสี่ยวถางตอบอนุญาต เมื่อมองไปก็ได้เห็นโอหยางจวิ้นเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ในมือถือโทรศัพท์แล้วยื่นให้เธอ “สือมูเฉิน ต้องการคุยกับคุณ”
ดวงตาของหลานเสี่ยวถางเป็นประกาย เธอรีบรับโทรศัพท์มาในทันทีและไม่ลืมที่จะขอบคุณโอหยางจวิ้น