ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 367 ทำงานอย่างหนักเพื่อครอบครัว
“อืม!” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า คิดอะไรขึ้นได้ พูดอย่างร้อนใจ “มูเฉิน ถ้าหวันหว่านกลับมา ฉันยังไม่ตื่น จำไว้ว่าต้องปลุกฉันตื่นทันที!”
สือมูเฉินยิ้ม “ตกลง เด็กดีนอนเถอะ!”
หลานเสี่ยวถางหลับตา พยายามไม่ให้ตัวเองคิดมาก อาจเพราะเหนื่อยมาก หรือเพราะเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วัน ร่างกายยังอ่อนแอ ดังนั้นแม้ว่าในหัวจะมีเรื่องมากมาย ก็นอนหลับไป
ด้านข้าง สือมูเฉินมองแก้มของหลานเสี่ยวถาง มีแววตาหลากหลาย
เขากับเธอห่างกันครึ่งปีเศษ แม้ว่าจะวีดีโอคอลกันทุกคืน แต่ไม่ได้สัมผัสเธอ ไม่สามารถคุยกับเธอได้ตลอดเวลา ความรู้สึกแบบนั้น มันทรมานจริงๆ
และทั้งหมดทั้งมวล เปลี่ยนเป็นแรงให้เขาขยันทำงาน
ครึ่งปีมานี้ เขามีจิตใจฮึกเหิมเหมือนตอนเริ่มสร้างบริษัทใหม่ๆ ต่างจากความบ้าเมื่อตอนวัยรุ่น ตอนนี้ต่อสู้เพื่อครอบครัวของตัวเอง
ความดีทั้งหมดเหมือนทำให้ใกล้จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว แต่หวันหว่านหายตัวไป!
เด็กที่เพิ่งคลอด เด็กน้อยที่ยังเรียกพ่อไม่เป็น หายตัวไป!
อันที่จริง สือมูเฉินกังวลใจไม่น้อยไปกว่าหลานเสี่ยวถาง แต่เขากลับแสดงออกมาไม่ได้
เขากุมมือหลานเสี่ยวถาง สัมผัสถึงฝ่ามืออ่อนนุ่มของเธอ พูดในใจว่า เสี่ยวถาง ผมจะพาหวันหว่านกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน
เขาโน้มตัวลงไปประทับจูบลงไปบนหน้าผากของหลานเสี่ยวถาง แล้วยืดตัวตรงออกจากห้องไปเงียบๆ
แม้ว่าเวลาในการนอน หลายวันมานี้รวมกันไม่ถึงสิบชั่วโมง สือมูเฉินก็รู้สึกเหนื่อยล้า แต่เขาไม่มีความคิดจะพักผ่อนเลย
เขาเดินถึงหาดทรายด้านนอก มองไปบนท้องฟ้า
เหมือนเครื่องบินของตระกูลเพอร์เซลล์ก็ค้นหามาถึงใกล้ๆ เห็นเครื่องบินลายพรางบินผ่านไปตลอดเวลา
สือมูเฉินหยิบมือถือ โทรหาหยานชิงเจ๋อ “ชิงเจ๋อ”
เวลานี้ หยานชิงเจ๋อกำลังจะตื่นนอน ได้ยินเสียงโทรเข้า ของสือมูเฉิน น้ำเสียงมีความงัวเงียจากที่เพิ่งตื่นนอน “พี่เฉิน”
“เครื่องบินโอหยางจวิ้นเกิดอุบัติเหตุ เขาอุ้มหวันหว่านตกทะเล พิกัดฉันส่งไปให้ทางDRแล้ว พวกเขากำลังค้นหาอย่างสุดความสามารถ”สือมูเฉินพูด “ฉันส่งรูปถ่ายหวันหว่านและโอหยางจวิ้นไปให้นายแล้ว นายเทียบภาพจากกล้องตรวจจับกับน่านน้ำ เพราะโอหยางจวิ้นเป็นทายาทของตระกูลเพอร์เซลล์ ดังนั้นพวกเขาติดต่อไปทางทหารแล้ว เพราะงั้นสามารถดึงข้อมูลภาพได้ แต่ฉันไม่ไว้ใจเทคโนโลยีของพวกเขา เพราะฉะนั้นนายพาDRไปเข้าร่วมด้วย”
หยานชิงเจ๋อรับปากทันที “ครับ พี่เฉิน เชื่อมือผม ผมจะไปวิเคราะห์เปรียบเทียบเดี๋ยวนี้!”
“อืม ถ้าหากมีข่าวอะไร แจ้งฉันทันที”สือมูเฉินบอก
“ครับ!” หยานชิงเจ๋อนึกถึงความรู้สึกตอนตัวเองค้นหาซูสือจิ่น ตอนนี้ ไม่รู้ว่าหวันหว่านเป็นตายร้ายดี สือมูเฉินคงทรมานกว่ามากแน่ๆ เขาอดพูดปลอบไม่ได้“พี่เฉิน ไม่ต้องห่วง พี่กับพี่สะใภ้ผ่านเรื่องราวมามากมายถึงมีทุกอย่างแบบทุกวันนี้ ผมเชื่อหวันหว่านจะไม่เป็นอะไร คุณอาอย่างผมยังไม่ได้อุ้มเธอเลย!”
สายตาสือมูเฉินจ้องมองไปไกลๆ “ฉันก็เชื่อว่าหวันหว่านจะไม่เป็นอะไร”
วางสายไป สือมูเฉินเปิดคอม จัดการเรื่องจำเป็นที่ร่วมงานกับโอหยางจวิ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมด
เพราะเกิดอุบัติเหตุ เดิมเรื่องที่จัดการเรียบร้อยวันนี้ ตามราคาขึ้นลงของตลาดรอบข้าง ราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทผันผวน ต่างมีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจำเป็นต้องจัดการ
สือมูเฉินพยายามให้ตัวเองสงบใจลง เอาความสนใจทั้งหมด ใช้กับเรื่องในบริษัท
เขาคิดแล้ว ตอนนี้โอหยางจวิ้นกับหวันหว่าน ถ้าหากพวกเขาถูกเครื่องบินออเนอร์หรือATช่วยไว้ ถ้างั้นทั้งหมดก็คุยกันง่ายขึ้น
แต่ถ้าหากเป็นเครื่องบินทางเพอร์เซลล์ โอหยางจวิ้นใช้ประโยชน์จากหวันหว่าน แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ละก็ ถ้างั้นมีของมากมายที่ต้องปรับเหมือนกัน
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ หลานเสี่ยวถางค่อยๆตื่นขึ้นจากฝัน
ในภวังค์ เธอเหมือนได้ยินเสียงหวันหว่านอยู่ข้างๆ ใช้ปากเล็กเข้ามาดื่มนม
ดังนั้น หลานเสี่ยวถางลืมตาขึ้นทันที “หวันหว่าน!”
เพียงแต่ ตอนเธอหมุนตัวมา กลับไม่เห็นร่างเล็กที่คุ้นเคย เตียงด้านข้างว่างเปล่า และเป็นห้องที่ไม่คุ้นเคย
เธอจำเรื่องทั้งหมดได้ทันที รีบเปิดผ้าห่มลุกขึ้น รีบเดินออกไป
ตอนนี้ ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้ว หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียงทุ้มต่ำของสือมูเฉินจากห้องโถงด้านนอก ดังนั้นเดินไปถึงปากประตู ฟังชัดๆ
“จื่อเฉิน ได้เรื่องไหม?” สือมูเฉินเหมือนคุยสายกับหลานจื่อเฉิน
“อืม ฉันรู้แล้ว ฉันจะดูแลพี่สาวนายอย่างดี”
เขาวางสายไป หันหน้ามาเห็นหลานเสี่ยวถางอยู่ตรงประตู
“เสี่ยวถางตื่นแล้วเหรอ ”สือมูเฉินเดินเข้าไป “ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อย?”
“มูเฉิน หวันหว่านเป็นยังไงบ้าง?จื่อเฉินเจอลูกหรือยัง? ”หลานเสี่ยวถางถามอย่างร้อนใจ
“ยังเลย”สือมูเฉินพูด“ไม่ว่าจะเป็นหวันหว่านหรือโอหยางจวิ้น เครื่องบินทั้งสามฝั่งไม่มีข่าวอะไรเลย”
หลานเสี่ยวถางน้ำตาไหลออกมา เธอกัดริมฝีปาก มองสีท้องฟ้าด้านนอก
ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว หวันหว่านของเธอถึงจะปลอดภัย ลอยอยู่บนทะเลไม่มีอะไรกิน ก็…
“เสี่ยวถาง ไม่ต้องเป็นห่วง ผมรู้ตอนนี้ผมพูดอะไร คุณก็ยังกังวลและกลัว แต่ผมเคยฟังมาเรื่องหนึ่ง”สือมูเฉินมองตาหลานเสี่ยวถางแล้วพูด “บอกว่า ที่จริงแล้ววิญญาณของพวกเรา อันที่จริงมีพลังงานดึงดูดอย่างหนึ่ง พวกเราชื่อว่า
หวันหว่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย คิดแบบนี้ บางทีอาจเกิดเป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ในทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก สุดท้ายส่งผลถึงหวันหว่านที่อยู่ห่างไกลพวกเราได้”
หลานเสี่ยวถางได้ฟังก็รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ แต่ยังคงเงยหน้า “มูเฉิน คำพูดนี้เชื่อถือได้เหรอ?”
“อืม อ้างอิงจากหลักทางวิทยาศาสตร์”สือมูเฉินพูดจริงจัง
“งั้นฉันไม่ควรกังวลใจอีก!”หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ฉันเชื่อหวันหว่านไม่เป็นอะไร จะต้องกลับมาอย่างปลอดภัย! ฉันรอลูกอยู่ที่นี่!”
“ถูกต้อง พวกเรารอลูกอยู่ตรงนี่ด้วยกัน!” สือมูเฉินกอดหลานเสี่ยวถางไว้แล้วพูด
ดวงอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไป พระอาทิตย์ตกทำให้เกิดชั้นสีแดงสดทั่วผิวน้ำทะเล และมีชั้นสีทองคลุมอยู่
แต่ทั้งสองคนไม่มีอารมณ์มาชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ตกบนทะเลแบบนี้ แต่นั่งอยู่ริมทะเล รอการกลับมาของเครื่องบิน
ในที่สุด มีเครื่องบินเริ่มบินต่ำมาไม่น้อย เริ่มต้นด้วยเครื่องบินของตระกูลเพอร์เซลล์
มีคนโดดลงมาจากข้างบน สือมูเฉินลุกขึ้น เดินเข้าไปถาม “ผลเป็นยังไงบ้าง?”
“ยังหาไม่เจอ” หนุ่มชาวอเมริกันขมวดคิ้ว “ทะเลกว้างใหญ่ขนาดนี้ เจอซากแล้ว ถามเรือโดยสารก็ถามแล้ว ตามหลักแล้ว เกือบพลิกน่านน้ำหาหมดแล้ว ทำไมยังไม่เจอ?!”
เครื่องบินอีกลำมีคนของตระกูลเพอร์เซลล์ลงมา พูดกับสือมูเฉิน “ก่อนหน้านี้พวกเรายืมเรือใต้น้ำของทหารมาแล้ว เตรียมค้นหาใต้น้ำ!”
หลานเสี่ยวถางฟังถึงตรงนี้ แม้ว่าจะบอกตัวเองไม่ต้องกลัว แต่อดหนักใจไม่ได้ จับมือสือมูเฉินไว้แน่น
สือมูเฉินกุมมือหลานเสี่ยวถางไว้แน่น ส่งสายตาปลอบโยนไปให้เธอ แล้วพูดกับคนฝั่งตระกูลเพอร์เซลล์ “ค้นหาใต้น้ำตรงจุดเกิดเหตุทั้งหมด ใช้เวลาประมาณเท่าไหร่?”
“คาดว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน” อีกฝ่ายพูด “แต่ ทางด้านทหารมีเครื่องมือความแม่นยำ เพราะฉะนั้นขอแค่มีคน ก็สามารถค้นเจอแน่นอน”
แต่ ถ้าหากใช้เรือใต้น้ำ ถ้างั้นชีวิตก็คงจะ…
สือมูเฉินพยักหน้า กดความกังวลตัวเองไว้ก้นบึ้งจิตใจ เห็นเครื่องบินทางATมาถึงแล้วเหมือนกัน ดังนั้นจูงมือ
หลานเสี่ยวถางเดินไป
คนรับผิดชอบทางนั้นโดดลงมา พูดกับสือมูเฉิน “คุณJarvis ต้องขอโทษจริงๆ พวกเราใช้เครื่องตรวจจับสัญญาณค้นหาแล้ว ไม่เจอเบาะแสใดๆ”
สือมูเฉินพยักหน้า “รับทราบ ค้นหาตำแหน่งต่อไป”
หลานเสี่ยวถางฟังคนรายงาน กระวนกระวายใจขึ้นทันที แต่คิดถึงทฤษฎีที่สือมูเฉินบอก เธอก็ไม่กล้าคิดต่อไป แต่เดินไปถึงตรงหน้าเย่เหลียนอี
“ถางถาง ในเวลากลางคืนเฮลิคอปเตอร์ค้นหาลำบาก และนักบินไม่น้อยก็เลยเวลาบินที่อนุญาตให้บินแล้ว ดังนั้นมีแค่เครื่องบินครึ่งหนึ่งที่ช่วยเหลือค้นหา”เย่เหลียนอีพูด “แต่ คุณตาลูกก็โยกย้ายเครื่องบินจากส่วนอื่นมาแล้ว เพราะฉะนั้นอีกเดี๋ยวทีมค้นหาคงทยอยมา”
“แม่ หนูอยากแม่หนึ่งคำถาม”หลานเสี่ยวถางมองเย่เหลียนอีพูดว่า “เมื่อก่อน ตอนแม่คลอดหนูมาไม่นาน ก็พรากจากกัน เวลานั้นแม่รู้สึกว่าหนูยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
เย่เหลียนอีคิดย้อนไป นัยน์ตาลึกซึ้ง “ถางถาง ที่จริงแล้วหลายปีที่แม่หาลูกไม่เจอ รู้สึกมาตลอดว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ แม่ไม่รู้เป็นเหนี่ยวนำหรือว่าเป็นการปลอบใจทางจิตวิทยา ยังไงตอนหลังเห็นรายงานไฟไหม้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น ตอนที่ทุกคนต่างคิดว่าลูกตายแล้ว ยังคงรู้สึกว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่มีลมหายใจในที่ที่แม่มองไม่เห็น”
หลานเสี่ยวถางใจกระตุก มีกำลังใจขึ้นมา “แม่ ตอนนี้หนูก็มีความรู้สึกแบบนั้น! หนูรู้สึกหวันหว่านต้องปลอดภัย! เพราะหนูรู้สึกว่าลูกไม่เป็นอะไร ลูกยังมีชีวิตอยู่!”
“เพราะฉะนั้นถางถาง ลูกไม่ต้องกังวลใจ ดูแลตัวเองให้ดี”เย่เหลียนอีพูด “การรอเป็นความยากลำบากและทรมาน เมื่อก่อน แม่ไม่มีอะไรเลย ดังนั้นเลยหาลูกไม่เจอ แต่ตอนนี้ทุกคนต่างตามหาพวกเขา เพราะฉะนั้นไม่ช้าต้องหาเจอแน่!”
“ค่ะ คุณแม่ หนูเชื่อแม่ เชื่อว่าหวันหว่านจะกลับมาข้างกายหนู!” หลานเสี่ยวถางมองฟ้าไกล
เพียงแต่ ทุกคนต่างคิดไม่ถึงก็คือ การค้นหานี้ใช้เวลาไปหนึ่งเดือน คิดไม่ถึงว่าจะไม่เจออะไรเลย
ถึงจะกู้เศษซากเครื่องบินทั้งหมดที่ตอนนั้นโอหยางจวิ้นนั่งมา แต่บริเวณมหาสมุทรกลับไม่เห็นเงาของทั้งสองคนเลย
ค้นหาบนน่านน้ำมาหนึ่งเดือน ไม่ว่าฝ่ายไหน ต่างก็เหนื่อยล้า โดยเฉพาะเป็นการค้นหาที่หาไม่เจอแล้ว ไม่ว่าจะหาบริเวณน่านน้ำอีกหนึ่งเดือน สามเดือน หรือหนึ่งปี ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
จากผลการวิเคราะห์ก่อนหน้านี้ คือตอนทั้งสองคนตกลงสู่ทะเล เจอเข้ากับฉลามตัวใหญ่หรือนักล่าตัวใหญ่ กินพวกเขาทั้งสองจนไม่เหลือซาก
หรือทั้งสองคนขึ้นบกแล้ว แต่เพราะสาเหตุบางอย่าง โอหยางจวิ้นยังติดต่อเพอร์เซลล์ไม่ได้ ดังนั้นเลยขาดการติดต่อถึงตอนนี้
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามฝ่ายร่วมปรึกษาหารือกัน ปรับวิธีการไปให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์เปรียบเทียบภาพจากกล้องตรวจจับ