ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 370 เธอเป็นกึ่งเพื่อนเจ้าสาวของเขา
หันจื่ออี้ร้องเพลงนี้จบ ฮั่วเหมียวเหมี่ยวก็ตกตะลึง อยากจะขาดจิตสำนึกแล้วพูดว่ามันไม่ดีเลย แต่ฮั่วชิงชิงที่อยู่ข้างๆก็เรียกชื่อของเธอซะก่อน : “เหมียวเหมี่ยว——”
ฮั่วเหมียวเหมี่ยวจนปัญญา รู้ว่าพี่สาวรักพี่เขยมาก ได้เพียงแต่พูดว่า : “โอเค ฉันจะไปเปิดประตู”
พูดจบ เธอก็เดินไปยังประตู แล้วเปิดประตูออก
หันจื่ออี้ยืนอยู่ที่หน้าประตูในชุดสูทสีดำ ท่ามกลางแสงแดด มันทำให้ฮั่วชิงชิงใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
เธอตกจะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งยิ้มให้เขา
ฮั่วชิงชิงจองห้องชุดที่โรงแรมไว้ ฉะนั้นเมื่อเธอออกเรือนไป ตระกูลฮั่วคนอื่นๆก็ต้องอยู่นอกห้องชุดทั้งหมด เมื่อหันจื่ออี้เดินเข้ามา เขาก็เห็นฮั่วเฉิงเลี่ยงพ่อของฮั่วชิงชิงแล้ว
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงภาพการฝังศพพ่อแม่ของตนเองในตอนนั้นขึ้นมา……
พูดได้ว่าเวลานี้ จิตใจของเขาเหมือนน้ำที่ไหลเชี่ยว จนกระทั่งเปิดประตูห้องออกมา——
ฮั่วชิงชิงที่อยู่บนเตียง สวมชุดเจ้าสาวที่ประดับไปด้วยเพชร นั่งอย่างมั่นคงอยู่ตรงนั้น ด้วยใบหน้าที่อ่อนเยาว์เงียบสงบ แต่ใต้ตาที่คล้ำไม่ค่อยสอดคล้องกับความอ่อนเยาว์นี้เลย
เมื่อเขาเดินเข้ามา เธอก็เงยหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้เขา
ชั่วขณะนั้น เขารู้สึกใจลอยราวกับได้กลิ่นอายของทุ่งหญ้าเขียวขจีที่สดชื่น ผสมผสานกับน้ำค้างในยามเช้า ความร้อนรนทั้งหมดในใจ ก็สงบลงทันที
เขาเหม่อลอยเล็กน้อย
“ชิงชิง” หันจื่ออี้มีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าฮั่วชิงชิง
“อืม” ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าหันจื่ออี้ในวันนี้ หล่อกว่าตอนที่เธอเคยรู้จักมาเสียอีก เธอดูไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย จนมือเท้ารู้สึกแข็งเกร็งขึ้นมา
“เหมียวเหมี่ยว นี่คือของคุณ” หันจื่ออี้ส่งอั่งเปาให้ฮั่วเหมียวเหมี่ยวหนึ่งซอง จากนั้นก็หันกลับไปพูดกับฮั่วชิงชิงว่า : “ชิงชิง ของคุณไม่ได้มอบให้นะ เพียงแค่——”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไป สองมือค้ำอยู่บนขอบเตียง ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆฮั่วชิงชิงทีละน้อยๆ
ฮั่วชิงชิงเห็นใบหน้าของหันจื่ออี้ค่อยๆใกล้เข้ามา หัวใจเธอก็เต้นรัวจนแทบกระโดดออกมาจากลำคอ ช่วงเวลาสั้นๆก็ทำให้เธอประหม่าจนเหงื่อตก
ในที่สุด ริมฝีปากของเขาก็จูบลงเบาๆบนริมฝีปากของเธอ หยุดค้างอยู่สองวินาที หลังจากนั้นก็ขยับตัวห่างออกไปเล็กน้อย แล้วมองลงมาที่เธอ : “เจ้าสาวของฉัน วันนี้สวยมากเลยนะ!”
ใบหน้าของฮั่วชิงชิงแดงขึ้นมาในชั่วพริบตา ลมหายใจของเธอแปรปรวนไปหมด และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ตัวของเธอเบาอยู่แล้ว ก็เลยถูกหันจื่ออี้อุ้มขึ้นมา
เขาอุ้มเธอแล้วเดินไปข้างนอกทีละก้าวๆ กระโปรงสีขาวราวกับหิมะของเธอลากยาวอยู่ด้านหลังพวกเขา
เวลานี้ฟู่สีเกอก็มาถึงบ้านของเฉียวโยวโยวแล้วเช่นกัน
รูปแบบของเธอในวันนี้ อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่เขาจะเข้ามา เธอก็จัดการไว้เรียบร้อยแล้ว เวลานี้เธอนั่งอยู่บนเตียง ตามธรรมเนียมท้องถิ่นของหนิงเฉิง แล้วก็ให้หลานเสี่ยวถางซ่อนรองเท้าของตนเองไว้ดีแล้ว
หลานเสี่ยวถางถามคำถามเชาวน์ปัญญาหลายครั้งติดต่อกัน ฟู่สีเกอก็ตอบถูกต้องหมด ฉะนั้นขั้นตอนต่อไปก็ให้ฟู่สีเกอหารองเท้าด้วยตนเอง ถ้าหาเจอ ก็พาเจ้าสาวออกไปได้เลย
สายตาของฟู่สีเกอกวาดไปทั่วทั้งห้อง เพราะบ้านของเฉียวโยวโยวเพิ่งซื้อได้ไม่นาน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งของที่จัดวางไว้ ดูเหมือนว่ามองแค่แวบเดียว ก็มีไม่กี่ที่ที่สามารถซ่อนรองเท้าไว้ได้
เขาไปดูที่ตู้ ที่ใต้เตียง หาจนหมดแล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของรองเท้า ฟู่สีเกอหันกลับไปทางเตียง แล้วหรี่ตามอง : “ยายโง่โยว——”
เฉียวโยวโยวพูดปฏิเสธ : “ฉันไม่ได้ซ่อนรองเท้าไว้นะ——”
ฟู่สีเกอยิ้ม : “ฉันไม่ได้บอกว่าคุณซ่อนมันไว้ ฉันเพียงแค่ อยากจูบคุณก็เท่านั้น”
พูดจบเขาก็โน้มเข้าไป ค่อยๆเข้าไปใกล้ๆเฉียวโยวโยวทีละนิดๆ ในขณะที่ประกบปากลงบนริมฝีปากของเธอ มือก็อ้อมไปจั๊กจี้เอวของเธอทันที
“ว้าย……ไอ้บ้าสีเย็น……” เฉียวโยวโยวหัวเราะคิกคัก : “กล้ามาจั๊กจี้ฉันเหรอ เดี๋ยวฉันจะจัดการคุณ!”
เพียงแต่เธอยังไม่ทันจัดการได้สำเร็จ รองเท้าส้นสูงคู่นั้นก็อยู่ในมือของฟู่สีเกอแล้ว
เขาก้มลงไปช่วยสวมมันให้เธอ จากนั้นก็อุ้มเฉียวโยวโยวขึ้นมา
เดินไปได้ครึ่งทาง ฟู่สีเกอก็แกล้งทำเป็นเหนื่อย แล้วพูดหยอกล้อว่า : “โยวโยว โชคดีนะที่คุณไม่ได้แต่งงานจนท้องมีลูกสองสามเดือนแล้ว นี่คุณเพิ่งจะมีนะ ฉันยังรู้สึกว่าคุณหนักขึ้นมากเลย!”
เฉียวโยวโยวได้ยิน ก็ถลึงตาใส่ : “ฟู่สีเกอ คุณบอกว่าฉันตัวหนักเหรอ?”
ฟู่สีเกอก้มลงไปจูบบนหน้าผากของเธอ : “หนักสิ แต่ฉันดูแล้วเนื้อทั้งหมดมันอยู่บนหน้าอกนะ!”
แก้มของเฉียวโยวโยวร้อนผ่าวขึ้นมา แล้วยื่นมือไปหยิกหน้าอกของฟู่สีเกอ : “จริงเหรอ? แต่ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้คุณผอมลง หน้าอกก็เล็กลงไปด้วยนะ……”
แต่ไหนแต่ไรฟู่สีเกอก็ให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ภายนอกของตนเองเสมอ เมื่อได้ยินเฉียวโยวพูดแบบนี้ ก็เบ่งกล้ามขึ้นมาทันที : “มีหรือยัง? วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาชั่งดูแล้ว น้ำหนักก็เท่าเดิมนะ!”
เฉียวโยวโยวเบ้ปาก : “ขี้อวด!”
ฟู่สีเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าบ่าวเจ้าสาวทั้งสองคู่ก็มาถึงสถานที่จัดงานแล้ว
วันนี้ หลานเสี่ยวถางกับหยานชิงเจ๋อมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวของคู่ฟู่สีเกอ และฮั่วเหมียวเหมี่ยวกับเพื่อนของหันจื่ออี้ก็เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวของคู่นั้น
นี่เป็นการเข้าร่วมพิธีแต่งงานครั้งที่สองของหยานชิงเจ๋อ และครั้งที่สองของเขาที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
เขาเดินตามฟู่สีเกอไปทางเวที แล้วนึกถึงตอนที่ฟู่สีเกอกับหลานเสี่ยวถางแต่งงานกัน เขายืนอยู่ตรงข้ามกับซูสือจิ่น
เวลานั้นพวกเขาแต่งงานกันแล้ว แต่เขาแทบจะไม่ได้พูดอะไรกับเธอเลย
ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว ถ้าในตอนนั้นตนเองสามารถพูดกับเธอได้สักสองสามคำ ไม่ปฏิบัติต่อเธออย่างเย็นชาแบบนั้น ในวันนั้นที่เธอได้รับโทรศัพท์ของซูเผิงฮวา ก็จะเชื่อว่าเขารักเธอจริงๆใช่ไหม?
บรรยากาศโดยรอบสนุกสนานน่ายินดี แต่หยานชิงเจ๋อกลับรู้สึกหดหู่
เวลานี้เพื่อนเจ้าสาวก็ปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าสาว ยืนอยู่คนละตำแหน่งแล้ว
พิธีกรจับไมโครโฟนแล้วกล่าวกับทุกคนว่า: “ต้องขอขอบคุณทุกท่านจากใจที่มาร่วมงานแต่งแบบกลุ่มในวันนี้นะครับ! วันนี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นงานแต่งแบบกลุ่มที่หายาก แต่ยังเป็นเพราะวันนี้ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสาวเจ้าบ่าว หรือจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวเพื่อนเจ้าบ่าว ล้วนสวยหล่อโดดเด่นอย่างมาก…….”
เวลานี้ หันจื่ออี้ได้ยินคำพูดของพิธีกรแล้ว สายตาก็มองไปยังฝั่งตรงข้ามโดยไม่ได้ตั้งใจ
ทางด้านนั้น หลานเสี่ยวถางสวมชุดเพื่อนเจ้าสาวสีม่วงอ่อน กำลังยืนอยู่ข้างๆหยานชิงเจ๋อ
จู่ๆเขาก็ตระหนักถึง อุดมคติของเขาเมื่อหลายปีในอดีต ในที่สุดก็เป็นจริงแล้ว…..
เมื่อก่อน เขาหวังว่า ตนเองจะสามารถเดินเข้าหอประชุมด้วยกันกับหลานเสี่ยวถาง เห็นเธอสวมชุดเจ้าสาว เขาจูงมือของเธอ เดินอย่างช้าๆไปจนสุดเวที
วันนี้ งานแต่งของเขา เธอก็มาในงานด้วย และอยู่ด้วยกันกับเขา เดินไปจนสุดหอประชุม
เพียงแต่ คนที่อยู่ข้างกายเขา คือผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และสถานะของเธอ ก็เป็นเพียงเพื่อนเจ้าสาวของเขา
หันจื่ออี้ใจลอยเล็กน้อย
เวลานี้ พิธีกรได้พูดในส่วนที่ตื่นเต้นเสร็จแล้ว จากนั้น ก็เปลี่ยนเป็นแสดงออกอย่างจริงจังขึ้นมา
หันจื่ออี้ดึงสายตากลับ แล้วมองไปยังฮั่วชิงชิงที่อยู่ข้างๆ
บังเอิญฮั่วชิงชิงก็ชำเลืองตามองเขาพอดี
ในแสงอาทิตย์ ดวงตาของเธอสดใสเป็นประกาย สะท้อนเงาของเขาและสีเหลืองทองของแสงอาทิตย์
“ชิงชิง” จู่ๆหันจื่ออี้ก็เรียกชื่อของเธอ: “คุณเสียใจไหมที่แต่งงานกับฉัน?”
ฮั่วชิงชิงนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย กัดริมฝีปากแล้วส่ายหน้า แก้มแดงระเรื่อ
หันจื่ออี้ใจสั่น
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ กำลังจะเป็นภรรยาของเขา และเขา หลังจากผ่านวันนี้ไป ก็จะไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกแล้ว
นับแต่นี้ต่อไป คนที่เขาเคยยึดมั่นต้องการไขว่คว้า ในที่สุดก็แยกจากกันไปจนลับตา
เขารู้สึกจุกในลำคอเล็กน้อย
“จื่ออี้ เป็นอะไรไป?” ฮั่วชิงชิงถูกคำถามนี้ของหันจื่ออี้ทำให้แปลกใจเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม
“ไม่มีอะไรหรอก” หันจื่ออี้ยิ้มให้เธอเล็กน้อย: “เหมียวเหมี่ยวนำเอกสารรับรองทั้งหมดมาแล้วใช่ไหม? หลังงานแต่งเสร็จสิ้นพวกเราจะไปจดทะเบียนสมรสกัน”
“อืม” ฮั่วชิงชิงพยักหน้า เธอดึงหันจื่ออี้: “พิธีกรกำลังจะพูดกับพวกเราแล้ว”
ยังคงเป็นคำปฏิญาณนั้นที่ได้ยินมานับพันครั้ง เมื่อก่อนตอนเห็นในทีวี ก็รู้สึกมาโดยตลอดว่ามันเป็นเพียงสคริปต์ แต่ตอนนี้ เมื่อเขายืนอยู่ท้ายหอประชุม ตอนที่ได้ยินคำถามนั้น หันจื่ออี้รู้สึกเพียงว่าความคิดเดิมในใจของเขาที่กำลังสั่นระรัว ดูเหมือนจะสงบลงมาในทันที
ยินดีไหม?
เขาได้ยินพิธีกรกล่าวถาม
หันจื่ออี้เงยหน้า เห็นสายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่เขา
ภายในงานเงียบมาก มีเพื่อนของเขา และญาติห่างๆที่ไม่มากนัก คนทั้งหมด ต่างเฝ้ารอคำตอบของเขาอยู่
รวมถึงสายตาคู่หนึ่งในจำนวนนั้น
หันจื่ออี้คล้ายกับรู้สึกได้ถึงสายตาคู่นั้น เพียงเขาเคลื่อนสายตา ก็เห็นหลานเสี่ยวถางที่กำลังมองเขาอยู่
ชั่วพริบตา ภายในใจของเขาก็แพร่กระจายไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ลึกซึ้งแต่ยาวนานเป็นพิเศษ
“ฉันยินดี” เขาได้ยินคำพูดของตัวเอง
อาจเป็นเพราะเมื่อกี้เขาเงียบไปหลายวินาที หัวใจของทุกคนจึงถูกกระตุ้น พอได้ยินคำตอบของเขา ทันใดนั้น บรรยากาศภายในงานก็คลี่คลายลงอีกครั้ง
เสี่ยวถาง ลาก่อนนะ หันจื่ออี้พูดกับหลานเสี่ยวถางในใจ
หลังจากนี้ไป เขามีภรรยาของตนเองแล้ว ถึงแม้ว่าเขายากที่จะลืมหลานเสี่ยวถาง แต่ในที่สุดแล้วก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ ปล่อยให้ฝุ่นแห่งกาลเวลาและความทรงจำค่อยๆบดบังมันไป
อย่างรวดเร็ว พิธีกรก็ถามฮั่วชิงชิงด้วยคำถามเดียวกัน
เธอเงยหน้าขึ้น มองไปยังหันจื่ออี้ที่อยู่ข้างๆ
เมื่อกี้ การกระทำที่เขามองไปยังหลานเสี่ยวถาง เธอได้เห็นแล้ว
อันที่จริง ตอนที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เธอก็เคยอยากที่จะถามเขาอยู่หลายต่อหลายครั้งว่า ไม่ชอบหลานเสี่ยวถางแล้วเหรอ ปล่อยวางได้จริงๆแล้วเหรอ?
เพียงแต่ เขาไม่เคยถามเธอว่าปล่อยวางจากฟู่สีเกอได้แล้วหรือยัง ดังนั้น คำถามภายในใจของเธอ ก็ดูเหมือนว่าหาโอกาสที่จะเอ่ยปากไม่ได้เลย
แต่ชั่วพริบตาที่เห็นหันจื่ออี้มองไปยังหลานเสี่ยวถางเมื่อกี้นี้ ฮั่วชิงชิงก็ยังรู้สึกเจ็บปวดใจ
ที่แท้ เดิมทีเธอที่คิดว่าตนเองรับรู้ถึงความรักความผูกพันที่หันจื่ออี้มีต่อหลานเสี่ยวถางแล้ว ก็จะไม่ถือสาอะไร ใครจะรู้ว่า เวลานี้ คาดไม่ถึงว่าเธอจะรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่สวมชุดเพื่อนเจ้าสาวคนนั้น
พิธีกรถามคำถามจบแล้ว ด้วยเหตุนี้ สายตาของคนทั้งหมดต่างก็จับจ้องไปยังฮั่วชิงชิง
หันจื่ออี้ก็มองเข้ามา ด้วยสายตาที่อ่อนโยน
ฮั่วชิงชิงมองตาของเขา พูดกับตัวเองในใจว่า ชิงชิง นี่คือสิ่งที่เธอเลือกเอง ไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อคุณสามารถลืมฟู่สีเกอได้ อย่างนั้น เขาก็สามารถลืมหลานเสี่ยวถางได้เหมือนกัน ไม่ใช่เหรอ?
ทุกสิ่งทุกอย่าง ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลาเถอะ!
เธอเงยหน้ามองไปยังหันจื่ออี้แล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า: “ฉันยินดีค่ะ!”
หันจื่ออี้ได้ยินเสียงที่เด็ดเดี่ยวของฮั่วชิงชิงแล้ว ก็อดใจสั่นไม่ได้
หรือว่าเธอชอบตนเองจริงๆ?
เขาสั่นสะท้านเล็กน้อย รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็มีความรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
ดังนั้น เมื่อพิธีกรพูดว่า เจ้าบ่าวเจ้าสาวสวมแหวนให้กันและกันได้ หันจื่ออี้จึงหยิบแหวนออกมา สวมให้กับฮั่วชิงชิง แล้วยกมือของเธอขึ้นมา จากนั้นก็จูบลงไปเบาๆ