ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 377 ความต่ำต้อยที่อยากจะคุยกับเธอมากขึ้น
เมื่อก่อนก็มีบ้างมีบ้างที่ไม่รับโทรศัพท์หยานชิงเจ๋อ แต่ปกติแล้วมากสุดเขาจะโทรแค่สองรอบ และยิ่งกว่านั้นคือจะเว้นช่วงเวลาในการโทร
เหมือนกับวันนี้ ที่โทรติดกันถึงสามครั้ง สถานการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยจริงๆ
ซูสือจิ่นถือโทรศัพท์ไว้ด้วยความงงงวย และนัยน์ตาพรั่งพรูไปด้วยความลังเลใจ
เธอไม่อยากจะรับสายต่อหน้าลั่วฝานหวา และรู้สึกว่าถ้าตัวเองรับสายแล้ว มันจะดูเหมือนว่ารู้สึกผิดต่อคำมั่นสัญญาที่ไว้ให้กับตัวเองในใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเธอก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถกระโดดออกมาจากพันธนาการได้ ถึงแม้ว่าเธอจะพูดออกจากปากเองว่ายอมปล่อยแล้วก็ตาม
“ รับสายเถอะ ” ลั่วฝานหวาก็พูดว่า : “ ไม่แน่ว่าอาจจะมีเรื่องสำคัญอะไรก็ได้ ?”
มือของซูสือจิ่นก็ได้วางไว้บนปุ่มรับสายแล้ว แต่ก็ยังไม่เลื่อนรับสายสักที
“ ไม่ต้องรู้สึกว่าจะขายหน้า ” ลั่วฝานหวาก็หัวเราะพร้อมกับมองไปยังเธอ : “ อันที่จริงคุณเป็นแบบนี้ แต่กลับสำคัญเพียงแค่เล็กน้อย มันจะมีผู้หญิงโง่ๆคนไหนที่จะเหมือนกับคุณแบบนี้ที่เกือบจะตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังคงเฉยเมยแบบนี้อยู่อีก ? แต่ถึงอย่างไร มันก็เป็นเรื่องนี้เองที่ทำให้รู้ซาบซึ้งใจ ”
ซูสือจิ่นกัดไปที่ริมฝีปาก แต่ก็รับสายอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในที่สุดเมื่อได้ยินว่ามีการเชื่อมต่อสายแล้ว การกระทำของหยานชิงเจ๋อที่กำลังจะพุ่งปะทะเข้าใส่ประตูเพื่อเข้าไปจู่ๆก็ได้หยุดลง และเขาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่ถึงอย่างไรน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยนั้นมันก็ยังเผยให้ถึงความกระวนกระวายใจในขณะนั้นเอง : “ เสี่ยวจิ่น เธออยู่ไหน ?”
ซูสือจิ่นถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ : “ ฉันอยู่บ้าน เป็นอะไรหรือเปล่า ?”
เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินเธอที่เงียบสงบเป็นอย่างมากนั้น ความอัดแน่นที่อยู่ในใจก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย : “ คุยเป็นเพื่อนกับฉันสักแป๊บได้ไหม ?”
ซูสือจิ่นฟังออกว่าน้ำเสียงของเขาดูท่าจะไม่ดีก็เลยอดที่จะถามไม่ได้ : “ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ?”
หยานชิงเจ๋อพบว่าตัวเองนั้นไม่เคยจะเป็นคนที่ขี้ขลาดมาก่อน แต่ในขณะนี้กลับกลายเป็นคนที่ต่ำต้อยและขี้ขลาด : “ เปล่า เพียงแค่อยากจะฟังเสียงของเธอ ”
เขาไม่กล้าบอกเธอว่าเขาอยู่ในที่ที่ห่างจากเธอไม่ถึงสิบเมตร แล้วก็เขาไม่กล้าบอกว่าพวกเขาถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงเท่านั้น และเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะถามถึงความสัมพันธ์ของเธอและลั่วฝานหวาว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อไหร่……
“ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริงๆหรือเปล่า ?” ตั้งแต่แรกเริ่มซูสือจิ่นก็ยังคงรู้สึกว่าหยานชิงเจ๋อนั้นดูแปลกๆ
“ เสี่ยวจิ่น เธอเคยคิดถึงฉันบ้างไหม ?”
“ ฉัน——” ซูสือจิ่นเหลือบไปมองลั่วฝานหวา และรู้สึกว่ามันดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย : “ ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องอะไร ฉันจะ——”
เธอยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกหยานชิงเจ๋อนั้นขัดเอาไว้ก่อน : “ เสี่ยวจิ่น ฉันไม่ใช้เวลาในจากการคุยโทรศัพท์เพื่อแกะรอยหาที่อยู่ของเธอหรอกนะ สบายใจได้เลย ”
ซูสือจิ่นก็ก้มลงมอง แน่นอนว่ามันผ่านไปยี่สิบวินาทีแล้ว เธอไม่กล้าจะเชื่อเลย : “ ถ้าอย่างนั้นพี่……และพี่ก็อยากจะรู้ที่อยู่ของฉันมาโดยตลาดไม่ใช่หรอ ? ทำไมจู่ๆถึงบอกว่าจะไม่แกะรอยตามหา ?”
“ เสี่ยวจิ่น วันนี้ที่ฉันโทรหาเธอนั้นก็แค่อยากจะคุยกับเธอจริงๆ ” หยานชิงเจ๋อพูด : “ เธออย่าวางสายฉันโอเคไหม ?”
ซูสือจิ่นก็ได้ยินน้ำเสียงที่ต่ำต้อยของเขานั้น มันราวกับว่ากำลังอ้อนวอนเธอและมันทำให้เธอรู้สึกสับสน
เธอไม่อยากจะตอบ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะวางสายได้จริงๆ
ในสายนั้นทั้งสองคนต่างก็เงียบเล็กน้อย จนกระทั่งหยานชิงเจ๋อเป็นคนเอ่ยปากก่อน : “ เสี่ยวจิ่น ในช่วงกลางวันงานยุ่งหรือเปล่า ? แล้วนี่กำลังออกแบบสินค้าใหม่อีกแล้วหรอ ?”
เมื่อซูสือจิ่นได้เขาถามคำถามพวกนี้ จึงพูกว่า : “ ก็ยังดี ยังไม่ถือว่ายุ่ง ฉันรับผิดชอบแค่วาดภาพเท่านั้น ในช่วงแรกก็แค่โฆษณาและส่งไปให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่สตูดีโอ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเพิ่งจะออกสินค้าใหม่มา แต่ยังไม่ออกสู่ท้องตลาด ”
“ สินค้าตัวใหม่คืออะไรหรอ ” หยานชิงเจ๋อก็ถาม
ก่อนนี้ หยานชิงเจ๋อก็รู้อยู่แล้วว่าซูสือจิ่นนั้นทำออกแบบ แต่ซูสือจิ่นก็ไม่ได้บอกสตูดีโอชื่ออะไร เป็นเพราะว่าเว็บไซต์และสตูดีโอที่สั่งทำของขวัญนั้นมีเยอะมาก และเธอก็ไม่ต้องมากังวลใจเรื่องที่หยานชิงเจ๋อจะมาล๊อคตำแหน่งให้เธอ
ตอนนี้ เมื่อได้ยินว่าเขาถามเกี่ยวกับรายละเอียด เธอก็เลยตอบไปเพียงแค่ว่า : “ สร้อยข้อมือ ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ผู้หญิงชอบ ”
หยานชิงเจ๋อมองขึ้นไปบนฟ้า : “ เสี่ยวจิ่น ก่อนหน้านี้ที่ฉันไปทำงานกลับมาจากต่างประเทศแล้วก็ได้ให้สร้อยข้อมือกับเธอ เธอยังใส่มันอยู่ไหม ?”
ซูสือจิ่นก็นึกขึ้นได้ในทันที ตอนนั้น หลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันได้เกือบเดือน เขาที่ทำงานกลับมาจากสหรัฐอเมริกาก็ได้ให้ของขวัญกับเธอ
ในเวลานั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เลวร้ายไปกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าสร้อยข้อมือเส้นนั้นจะเป็นจุดเปลี่ยน หลังจากนั้นพวกเขาก็มีช่วงเวลาอันแสนหวาน ที่ดูเหมือนว่าถูกขโมยมาจากสวรรค์
เธอก็กลืนน้ำลาย จากนั้นก็มองไปยังข้อมือที่ว่างเปล่า : “ ไม่ได้ใส่ เมื่อครึ่งปีก่อนถอดมันไปแล้ว ”
เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินแบบนั้น หัวใจของเขาก็ขันขึ้นมาในทันที
เขาก็นึกถึงแหวนแต่งงานที่เธอวางไว้ที่บ้าน แล้วก็นึกถึงใบหย่าของพวกเขา.…..และดูเหมือนว่าสิ่งของที่เกี่ยวข้องกันพวกเขานั้นจะถูกตัดใจไปหมดแล้ว เขารู้สึกว่าเบ้าตาเริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ทว่าเขาก็ยังคงแกล้งทำสงบใจแล้วก็ถามว่า : “ มันเก่าแล้วใช่หรือเปล่า ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เส้นใหม่ดีไหม ?”
“ เปล่า ”ซูสือจิ่นก็พูดว่า : “ สร้อยข้อมือคริสตัลมันจะเก่าได้ยังไงกัน ? เพียงแค่ตอนนี้ไม่อยากใส่แล้ว และพี่ก็ไม่ต้องฟุ่มเฟือยนะ ถ้าเกิดว่าฉันอยากได้ ก็มีคนส่งให้ฉัน ”
เธอหมายถึงสิ่งที่ตัวเองตัวแบบและทางโรงงานก็ส่งสินค้ามาให้
แต่หยานชินเจ๋อกลับเข้าใจไปเองว่ามีคนส่งให้เธอ คนคนนั้นก็คือลั่วฝานหวาละมั้ง ?
เธอไม่ต้องการสิ่งที่เขาจะให้ แต่กลับต้องการสิ่งที่ลั่วฝานหวานั้นจะให้……
เขากลืนน้ำลายลงคอจนแทบจะสะอื้นไห้อยู่แล้ว : “ เสี่ยวจิ่น เธอ……”
เขาอยากจะถามว่าไม่รักเขาแล้วใช่หรือเปล่า แต่ทว่าคำถามนี้กลับติดอยู่ลำคอ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถที่จะออกเสียงได้
ซูสือจิ่นเห็นว่าเขาไม่ได้พูดต่อไป ดังนั้นก็เลยถามว่า : “ ใช่ไม่ใช่อะไร ?”
หยานชิงเจ๋อสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วก็มองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด : “ มีคนอยู่ข้างๆเธอแล้วใช่ไหม ?”
เขาเปลี่ยนมุมมองอีกอย่างหนึ่งแล้วก็ถามออกมา
ซูสือจิ่นก็ถึงกลับตกตะลึง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองทางลั่วฝานหวา
ในเวลานี้ลั่วฝานหวากำลังรินไวน์แดงให้ตัวเองเต็มแก้ว แล้วก็นั่งอยู่บนหลังคาบ้านมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไกลโพ้น
“ นี่พี่อยากถามอะไรกันแน่ ?” ซูสือจิ่นก็พูดไปยังโทรศัพท์
“ เสี่ยวจิ่น ที่เธอหลบหน้าไม่อยากเจอฉัน เป็นเพราะว่ามีแฟนแล้วใช่หรือเปล่า ?” เมื่อหนานชิงเจ๋อถามจบก็ถึงกับกลั้นหายใจ และถึงกับอกสั่นขวัญแขวน
ซูสือจิ่นก็เงียบไปชั่วขณะ
แฟน ?
เธอก็เคยคิดตรึกตรองมาก่อนว่าปีนี้ตัวเองก็อายุ 24 แล้ว ถึงแม้ว่าจะยังคงวัยรุ่นอยู่ก็ตาม แต่ถ้าเกิดว่ารู้จักผู้ชายคนหนึ่ง แล้วก็คุยกันสักปีสองปี อันที่จริงก็ถึงวัยแล้ว
เพียงแต่ว่าเมืองเล็กๆที่เธออยู่ในตอนนี้ ปกติแล้วก็คบค้าสมาคมกับคนไม่เยอะ ถึงแม้ว่าจะมีคนที่แสดงความรู้สึกดีๆกับเธอ แต่ล้วนแล้วก็เป็นคนในท้องถิ่น
ถ้าพูดตามความจริงแล้ว อันที่จริงส่วนตัวเธอก็ยังคงชอบอนุรักษ์นิยมมากกว่า ไม่ชอบหาคนต่างชาติ และรู้สึกว่าคนจีนจะมีความรู้สึกร่วมมากกว่า
บวกกับสิ่งเธอเคยคิด พอถึงปีใหม่แล้วก็ต้องกลับประเทศ และคุณพ่อก็เป็นคนที่จำที่จะต้องอยู่เป็นเพื่อนที่บ้าน เธอไม่สามารถที่จะอกตัญญูได้
ดังนั้นแล้ว ถ้าหากว่าเธอจะหาก็ต้องเป็นหลังจากกลับไปที่หนิงเฉินเพื่อนัดดูตัว ตอนนี้มีกะจิตกะใจคิดเรื่องนี้ที่ไหนกันละ
เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินความเงียบของซูสือจิ่น ก็รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจแทบจะตกลงไปจุดที่ต่ำสุด มันก็เลยยิ่งทำให้เงียบมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่เธอเริ่มจะตัดสินใจให้โทษประหารกับเขา เขาก็พูดขึ้นมาก่อนว่า : “ ถ้าหากว่าไม่สะดวกก็ไม่ต้องพูดก็ได้ ” เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองมีช่วงเวลาที่หลอกตัวเองและหลอกทั้งคนอื่น
ซูสือจิ่นก็กับอึ้งและตอบกลับว่า : “ อื้ม ดี ”
ในเวลานี้ ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองนั้นต่างก็เงียบกันไป
ลั่วฝานหวาที่อยู่ข้างๆพอไม่ได้เสียงของซูสือจิ่นแล้ว ก็คิดว่าวางสายไปแล้ว ดังนั้นก็เลยพูดไปว่า : “ ซื่อจิ่น ผมเพิ่งจะเห็นกลุ่มดาวล่าสัตว์ ”
แต่พอเขาเพิ่งจะพูดจบ ก็เห็นว่าโทรศัพท์ที่แนบไว้ข้างหูของซูสือจิ่นนั้นยังสว่างอยู่ ทันใดนั้นก็หยุดพูดในทันที
อีกด้านหนึ่ง เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินเสียงของลั่วฝานหวา ในใจของเขาก็ขันขึ้นมาในทันที : “ เสี่ยวจิ่น ด้านข้างของเธอ มีคนอยู่ไหม ?”
“ อื้ม ” ซูมือจิ่นก็พูดว่า : “ พี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม ? ถ้าอย่างนั้นฉัน……”
“ ไม่นะ !” ทันใดนั้นเสียงของหยานชิงเจ๋อก็สูงขึ้นมาในทันที
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าเขายังไงก็แปลกๆจริงๆ ดังนั้นก็เลยพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง : “ ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? พี่ชิงเจ๋อ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ?”
“ เสี่ยวจิ่น ฉันก็แค่คิดถึงเธอ ” หยานชิงเจ๋อกำโทรศัพท์เอาไว้แน่น จากนั้นก็มองข้ามความเจ็บปวดที่มีใจและพูดว่า : “ เธอรีบกลับมาได้ไหม ? ฉันรอเธออยู่ที่บ้านของพวกเราอยู่ตลอดเลยนะ ”
ขอเพียงแค่เธอกลับมาก็ได้แล้ว ส่วนในเรื่องอื่นนั้น เขาสามารถที่จะไม่ถือสาได้ เป็นเพราะ เขาคิดถึงเธอมากๆ
“ ฉัน——” ซูมือจิ่นก็พูดว่า : “ อื้ม หลังจากนี้ฉันจะกลับไป ”
เธอมองไปยังลั่วฝานหวาด้วยความรู้สึกเสียใจ วันนี้ลั่วฝานหวาเป็นแขก แต่เธอกลับคุยโทรศัพท์กับหยานชิงเจ๋ออยู่ตลอด จนมองข้ามแขกไป จริงๆมันไม่มีมารยาทมากๆ
ดูเหมือนว่าลั่วฝานหวาจะมองอะไรออก ดังนั้นก็เลยเดินไปทำไม้ทำมือให้ซูสือจิ่น จากนั้นก็เดินลงชั้นล่างจากบันไดที่อยู่ด้านข้าง
“ เสี่ยวจิ่น ฉันไม่อยากจะรอแล้ว ” หยานชิงเจ๋อก็พูดขึ้นมาอีกว่า : “ พรุ่งนี้ฉันไปหาเธอเลยได้ไหม ?”
ซูสือจิ่นรู้สึกประหลาดใจ : “ พี่รู้ที่อยู่ของฉันอย่างนั้นหรอ ?”
หยานชิงเจ๋อก็พูดว่า : “ ฉันไม่รู้ แต่ทว่าฉันอยากไปหาเธอ ”
ซูสือจิ่นไม่รู้ว่าทำไมคืนนี้หยานชิงเจ๋อถึงให้ความรู้สึกที่อ่อนแออย่างชัดเจน เธอรู้จนปัญญาเล็ก ก็เลยอดที่จะถามไม่ได้ : “ พี่ชิงเจ๋อ ฉันรู้ว่าเวลาที่พี่ทำเรื่องอะไรก็จะมีหลักการที่ยืดถือมาตลอด แต่ฉันเคยบอกกับพี่หลายครั้งแล้วว่าเรื่องในครั้งนั้น ที่จริงแล้วสาเหตุต้นต่อมันมาจากฉัน ก็เพราะว่าในปีนั้นพี่กับฉินไห่เทามีความแค้นกัน มันก็เป็นเพราะฉัน ดังนั้นแล้ว พี่ไม่ต้องรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็พักฟื้นอยู่ที่ต่างประเทศเป็นอย่างดี และร่างกายก็ไม่ได้มีโรคที่ตกค้างอะไรแล้ว พี่ไม่ต้องมารับผิดชอบฉัน ”
“ เสี่ยวจิ่น ฉันไม่ได้จะรับผิดชอบ ” หยานชิงเจ๋อก็พูด : “ เพียงแค่ฉันพบว่า ฉันไม่สามารถที่จะไม่มีเธอไม่ได้ ”
ซูสือจิ่นก็ถอนหายใจ : “ พี่ชิงเจ๋อ ถ้าเกิดว่าพี่ชอบฉัน พี่ก็คงชอบฉันไปตั้งนานแล้ว คนอย่างพี่ อะไรก็ดีไปหมด แต่บางครั้งในด้านความรู้สึกก็โง่มากจริงๆ พี่ไม่รู้หรอ ที่พี่ทำแบบนี้ มันจะทำให้พี่เสียเวลาความสุขของตัวเองไป ”
“ ฉันไม่รู้สึกว่าเสียเวลาเลย ” หยานชิงเจ๋อพูดว่า : “ ความสุขของฉันก็เธอ ”
“ ช่างเถอะ เพราะพี่ได้จมดิ่งไปกับความหลงผิดที่ตัวเองสร้างขึ้นไปแล้ว ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับพี่แล้ว ” ซูสือจิ่นก็พูดว่า : “ โอเคพอละ ฉันยังมีคนที่อยู่ข้างๆอยู่ แล้วฉันก็มาคุยกับพี่นานขนาดนี้แล้ว จริงๆแล้วมันดูไม่มีมารยาท แค่นี้ก่อนละกัน รอฉันกลับไปหนิงเฉินแล้ว แน่นอนว่าฉันจะติดต่อไปหาพี่ ”
“ คนที่อยู่ข้างเธอ เป็นผู้ชายใช่ไหม ?” หน้าอกของหยานชิงเจ๋อก็ยกขึ้นยกลง พร้อมกับมองดอกไม้ที่อยู่ในมือที่ร่วงลงมาทีละดอก
“ ใช่ ” ซูมือจิ่นก็พูด
“ เสี่ยวจิ่น ดึกขนาดนี้แล้ว…….” การพูดเป็นนัยของหยานชิงเจ๋อ
ซูสือจิ่นเข้าใจความหมายของเขาแล้ว พอกำลังจะอธิบาย ก็กลับเปลี่ยนความคิด ยังไงก็เข้าใจไปผิดแล้ว ถ้าอย่างนั้นมันก็พอดีเลยที่จะให้หยานชิงเจ๋อไม่ต้องเสียเวลาแก้ปัญหาที่แก้ไม่ได้ ดังนั้นก็เลยพูดว่า : “ ไม่เป็นไร ยังไงเขาก็เป็นแฟนฉัน ”
เธอเป็นคนพูดออกมาจากปากเองเลยว่า ลั่วฝานหาวนั้นเป็นแฟนของเธอ !
ในขณะนี้ หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงแค่ว่าฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลาย ในทันใดนั้น แม้แต่จะยืนก็แทบยืนไม่อยู่ : “ เสี่ยวจิ่น เธอมีแฟนแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันละ ? ฉันจะทำยังไง ?”
ซูสือจิ่นได้ยินน้ำเสียงที่แหบแห้งของเขาปนไปด้วยความสั่นเล็กน้อย จู่ๆทันใดนั้น หัวใจของเธอก็รายล้อมไปด้วยความอึดอัดใจ
แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังคงบอกว่า : “ แบบนี้มันไม่ดียิ่งกว่าหรอ ? ฉันจะได้ไม่ต้องไปรบกวนพี่อีก แล้วพี่ก็ไม่ต้องมีความรู้สึกผิดต่อฉัน และพี่ก็สามารถที่จะวางใจและไปอยู่อยู่กับผู้หญิงที่พี่ชอบจริงได้สักที !”