ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 379 ใครกันแน่ที่ควรหึง
โอหยางจวิ้นหนักใจ ขมวดคิ้วช้าๆ แต่สุดท้ายก็เปิดประตู
หลานเสี่ยวถางเห็นเขา จับแขนเขาไว้อดถามไม่ได้ “หวันหว่านอยู่ไหม?”
“อยู่ข้างใน กินเสร็จเพิ่งนอนหลับไป”โอหยางจวิ้นชี้ไปข้างหลัง
ดังนั้น ข้างตัวเขามีเงาสองเงาวิ่งผ่านไป สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางรีบเดินเฉียดไหล่จากตัวเขาไป วิ่งเข้าไปข้างใน
เพียงแต่ ตอนใกล้เตียงเล็ก ทั้งสองเดินเบาเสียงอย่างไม่ได้นัดกัน กลัวจะทำให้เจ้าตัวเล็กบนเตียงตื่น
หลานเสี่ยวถางกลั้นลมหายใจเดินไปข้างเตียง ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของหวันหว่าน มองรูปร่างที่เติบโตขึ้นมาไม่น้อยของเธอ จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
ด้านข้าง สือมูเฉินมองลูกสาวที่เพิ่งคลอดก็หายตัวไปของตัวเอง เธออยู่ในที่ที่เขายื่นมือไปก็สามารถสัมผัสได้ นอนหลับอย่างเงียบสงบ เขาที่นิ่งเงียบมาตลอด ก็อดตาแดงไม่ได้
โอหยางจวิ้นปิดประตู หมุนตัวกลับจากประตูช้าๆ ตอนเห็นหลานเสี่ยวถางและสือมูเฉินเฝ้ามองขนาดนั้น ก้นบึ้งจิตใจเขาจู่ ๆก็อิจฉาขึ้น
ในห้องเงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของทุกคน
และเห็นชัดว่าหวันหว่านไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆของผู้ใหญ่ ตอนนี้เธอนอนอยู่ในห้องคืนละ 20กว่าเหรียญต่อคืน เพราะสวม แพมเพิสที่แห้ง และกินอิ่ม ดังนั้นนอนหลับสบายเป็นพิเศษ
สือมูเฉินยื่นมือไปช้าๆ สัมผัสแก้มเล็กของหวันหว่านอย่างเบามือ
ความรู้สึกของปลายนิ้ว ชัดเจนมาก
ราวกับวุ่นผลไม้ ทั้งนุ่มและเด้ง และอ่อนแอจนแค่เพียงสัมผัสก็แตกสลาย
นี่ก็คือลูกสาวที่เขาคิดถึงมานาน หวันหว่านของเขา ในที่สุดก็หาเจอ!
ตอนนี้ ในที่สุดหลานเสี่ยวถางก็สงบอารมณ์ลงได้ เช็ดน้ำตาบนแก้ม เธอยังมีเรื่องมากมายที่อยากถามโอหยางจวิ้น ดังนั้นยืดตัวตรง ส่งสายตาให้สือมูเฉิน
สือมูเฉินแม้ว่าอยากอุ้มหวันหว่านมาก แต่กลัวทำเธอตื่น ดังนั้นพยักหน้าให้หลานเสี่ยวถาง แล้วพูดเสียงต่ำกับ
โอหยางจวิ้น“พวกเราออกไปคุยกันหน่อย”
โอหยางจวิ้นพยักหน้า พาทั้งสองคนไปอีกห้องหนึ่ง…ในห้องน้ำ
นี่เกรงว่าจะเป็นครั้งแรกที่สถานะคนอย่างสือมูเฉินและโอหยางจวิ้น ใช้สถานที่ง่ายๆแบบนี้ในการคุยมั้ง!
ทั้งสามคนยืนอยู่ในห้องน้ำประมาณสามตารางเมตร เห็นชัดว่าคับแคบสุดๆ
สือมูเฉินเปิดปากพูดก่อน “คุณโอหยาง ขอบคุณ คุณที่ช่วยลูกสาวผม”
ความอิจฉาจากก้นบึ้งจิตใจของโอหยางจวิ้นเมื่อครู่ยิ่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ก็เหมือนอะไรพลิกคว่ำ คนทั้งคนเกิดความหึงขึ้น
เพียงแต่ เขาไม่ได้แสดงออกมา แต่กลับพิงอยู่ตรงประตู “ไม่เป็นไร เธอช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมควรช่วยเธออยู่แล้ว”
“ใน 2 เดือนนี้ พวกคุณไปอยู่ที่ไหน? ทำไมพวกเราไม่ได้ข่าวอะไรเลย”สือมูเฉินพูดต่อ
“วันนั้นพวกเราถูกช่วยให้ขึ้นเกาะเล็กหนึ่ง เกาะเล็กมีต้นไม้มากมาย พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในต้นไม้ ดังนั้นเฮลิคอปเตอร์ไม่มีทางเห็นคนบนเกาะ”โอหยางจวิ้นพูด “ผมกับหวันหว่านอยู่ที่นั่น 2 เดือน ถึงเห็นมีเรือผ่านมา”
สือมูเฉินพยักหน้า “คุณโอหยาง ผมและเสี่ยวถางซาบซึ้งใจมากที่คุณดูแลหวันหว่าน 2 เดือนมานี้ ตอนนี้ พวกเราเจอเธอแล้ว คนเป็นพ่อแม่ของเธอ เป็นธรรมดาที่จะมารับเธอกลับบ้าน แต่เรื่องการร่วมมือทางธุรกิจ พวกเรายังสามารถดำเนินต่อได้เหมือนเดิม…”
โอหยางจวิ้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป บางที 2 เดือนบนเกาะ ห่างไกลจากธุรกิจที่บ้าน ห่างไกลการแข่งขันบนธุรกิจ ทำให้เขาเหมือนไม่ค่อยสนใจธุรกิจ กลับรู้สึก เขาเลี้ยงเด็กมา2เดือนครึ่ง ก็คืนให้คนอื่นแบบนี้ รู้สึกไม่สบอารมณ์
เขาขมวดคิ้วแน่น ไม่ได้พูดอะไร
ด้านข้าง หลานเสี่ยวถางเห็นเขาไม่พูด นึกว่าโอหยางจวิ้นโก่งราคา อดร้อนใจไม่ได้ “โอหยางจวิ้น หวันหว่านเป็นลูกสาวของฉัน 2เดือนมานี่ไม่มีสักวันที่ฉันจะหลับสบาย คิดถึงลูกตลอดเวลา คุณเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่หน่อยได้ไหม? คุณช่วยเธอ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้บนเครื่องบินตอนนั้น ฉันซาบซึ้งใจคุณมาก แต่ฉันต้องการหวันหว่านจริงๆ”
“ผมไม่ได้พูดว่าไม่คืนให้พวกคุณ”โอหยางจวิ้นพูดด้วยความอิจฉา “เพียงแต่พวกคุณใช้อะไรมาแลกกับเธอ?”
แม้เรื่องเครื่องบินตกโอหยางจวิ้นช่วยหลานเสี่ยวถางกับหวันหว่าน แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นจากโอหยางจวิ้นลักพาตัวหลานเสี่ยวถาง
เพราะฉะนั้น คิดตามความเป็นจริงแล้ว สือมูเฉินไม่ได้ติดค้างอะไรโอหยางจวิ้น
เพียงแต่ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่สนามบิน โอหยางจวิ้นช่วยหลานเสี่ยวถางที่ตั้งท้องอยู่ ดังนั้นคิดแล้ว สือมูเฉินยอมเสียสละกำไรในธุรกิจตัวเอง ก็ไม่อยากให้ทุกคนขัดแย้งเพราะการแย่งชิง
ดังนั้น เขาเปิดปากพูด “คุณโอหยาง ทางผมมีความซื่อตรง และตอนนี้คนของออเนอร์ก็มาแล้ว ผมเชื่อคุณโอหยางคงแจ้งทางตระกูลเพอร์เซลล์ ดังนั้นเรื่องนี้ พรุ่งนี้พวกเรานั่งคุยกันอยากเป็นทางการ คุณคิดว่ายังไง?”
คำพูดของสือมูเฉินมีเหตุผล โอหยางจวิ้นหาข้อบกพร่องไม่เจอ ทำได้แค่ตอบรับ “ตกลง งั้นคืนนี้ลำบากคุณทั้งสองอยู่ที่นี่แล้ว พรุ่งนี้พวกเราคุยเรื่องร่วมงานกันอย่างเป็นทางการ”
ทั้งสามปรึกษาหารือเสร็จ สือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางก็อดไปดูหวันหว่านไม่ได้
พอดีกับเด็กนี่เหมือนไม่ค่อยสบาย ย่นหน้าเหมือนยังส่งเสียงออกมา ร่างกายขยับไปมา
โอหยางจวิ้นเห็น รีบเดินเข้าไป “ดูท่าน่าจะอึแล้ว”
พูดอยู่ ในห้องก็มีกลิ่นอึขึ้นมา แล้วหวันหว่านก็ลืมตาขึ้น เพราะอึไม่สบาย บนขนตามีน้ำตาติดอยู่
สือมูเฉินเห็น ตื่นตกใจทันที
ลูกสาวอึแล้ว ควรทำยังไง?
ใครจะรู้ ก่อนที่หลานเสี่ยวถางจะขยับ โอหยางจวิ้นก็เปิดแพมเพิสของหวันหว่านอย่างชำนาญ ก้มมองเป็นอย่างที่คิดเห็นอึสีเหลืองๆ
เขาลุกขึ้นไปหยิบแพมเพิสหนึ่งชิ้น แล้วหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่ง เดินไปในห้องน้ำ ตักน้ำอุ่นออกมาจะล้างก้นให้หวันหว่าน
หลานเสี่ยวถางมองตาค้าง โอหยางจวิ้นชำนาญขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
เธอรีบเดินไป อยากช่วยเหลือ โอหยางจวิ้นกลับใช้มือข้างหนึ่งอุ้มหวันหว่าน ใช้มืออีกข้างล้างให้หวันหว่านอย่างใส่ใจ
เห็นฉากนี้ หัวใจของสือมูเฉินมีปฏิกิริยาที่พูดไม่ออก ชั่วพริบตาหนึ่ง รู้สึกว่าตัวเองแทรกเข้าไปไม่ได้
โอหยางจวิ้นล้างหวันหว่านสะอาด แล้วบิดผ้าขนหนูเช็ดให้ แล้ววางเธอบนแพมเพิสที่แห้งอีกชิ้น ติดแพมเพิสให้เรียบร้อย
เห็นว่าทุกคนต่างมองที่เขา เขาเงยหน้า นิ่งไปครู่หนึ่ง พูดกับหลานเสี่ยวถาง “ทุกครั้งหลังอึเสร็จเธอจะหิว คุณยังมีน้ำนมไหม? ไม่มีละก็ ผมอุ่นนมวัวที่ไมโครเวฟก่อน”
ก็เพราะกลัวนานวันไปยังหาหวันหว่านไม่เจอ นมตัวเองก็จะหายไปเอง ดังนั้นหลังจากหลานเสี่ยวถางปลอดภัย ทุกหนึ่งชั่วโมงก็จะใช้เครื่องดูดนม เพราะเหตุนี้ถึงตอนนี้จะผ่านไป 2 เดือนกว่าแล้ว ยังคงมีน้ำนมอยู่
เธอพยักหน้า มองทางโอหยางจวิ้น ไม่ต้องพูดก็เข้าใจ
เหมือนกลับไปเหมือนเมื่อก่อนตอนอยู่ตระกูลเพอร์เซลล์ โอหยางจวิ้นลุกขึ้น “ผมไปเข้าห้องน้ำ” พูดอยู่ เลี่ยงห้องให้กับหลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉิน
เวลาล่วงเลยมา2เดือนกว่า ในที่สุดหลานเสี่ยวถางก็ได้อุ้มลูกสาวอีกครั้ง
มองลูกตัวเล็กอยู่ในข้อพับของเธอ หัวใจของเธอก็เจ็บแปลบขึ้น
ในที่สุด เธอก็เจอลูกแล้ว ในที่สุดก็ไม่ต้องทรมานที่เลือดเนื้อตัวเองหายไปแล้ว!
แต่ตอนหลานเสี่ยวถางอุ้มหวันหว่าน รู้สึกเธอหนักขึ้น ใบหน้าเล็กยังกลมเหมือนเดิม ดวงตาเริ่มโตขึ้นแล้ว
เธอดึงเสื้อขึ้น หวันหว่านเหมือนได้กลิ่น ร่างเล็กอยากขยับแต่ขยับไม่ได้ ทำได้แค่โบกมือ ถีบเท้าเล็ก
ในที่สุดก็ได้ดื่มน้ำที่รสชาติคุ้นเคย หวันหว่านดูดแรงๆ จนกินทั้งสองข้างของหลานเสี่ยวถางเสร็จ ถึงยิ้มอยากพอใจ
เด็กนี่เหมือนตื่นเต้นนิดๆ เมื่อก่อนกินเสร็จเธอก็นอน ตอนนี้กลับลืมตาโตขึ้น มองโลกรอบข้างอย่างสนใจ
หลานเสี่ยวถางจัดเสื้อผ้าเสร็จ ก็พูดกับสือมูเฉิน “มูเฉิน อุ้มหวันหว่านไหม?”
สือมูเฉินรีบพยักหน้า ยื่นมือ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ในหลายวันนี้ เขาเห็นพ่อคนอื่นกับลูกวิดีโอกันหลายครั้ง เรียนรู้จะอุ้มลูกยังไงแล้วแท้ๆ แต่ตอนหลานเสี่ยวถางวางหวันหว่านที่ข้อพับเขา เขาตื่นเต้นจนเหงื่อออกทั้งตัวเหมือนเดิม
หวันหว่านเหมือนไม่รู้จักเขา ลืมตาโตขึ้นมองเขาอย่างไม่กะพริบตา
เขามองนัยน์ตาใสของเธอ สะท้อนภาพตัวเอง ชั่วพริบตานั้นรู้สึกว่าในหน้าอกมีความรู้สึกที่อธิบายยากอย่างหนึ่ง นุ่มนิ่ม ร้อนๆ เข้าไปในทุกส่วนของเซลล์
สือมูเฉินก้มหน้า หอมที่แก้มของหวันหว่านเบาๆ
ริมฝีปากสัมผัสถึงความนุ่มเด้ง เหมือนในตอนนี้มีอะไรก้องอย่างบ้าคลั่งในสายเลือด สือมูเฉินหลับตาลง สูดหายใจลึกๆ
บนตัวลูกสาว มีกลิ่นนม ปากเล็กๆของเธอเปิดออก มีน้ำไหลเกาะที่มุมปาก เหมือนจะไหลออกมาได้ตลอดเวลา
ขนตาของเธอยาว เป็นแพเหมือนขนแปรงเล็ก ละเอียดอ่อนน่ารัก
หลานเสี่ยวถางมองภาพพ่อลูกเล่นกัน หัวใจกระตุก มองอย่างละเอียด
“มูเฉิน ฉันรู้สึกจมูกกับปากของหวันหว่านเหมือนคุณ เหมือนแกะสลักออกมาเลย”หลานเสี่ยวถางพูด“คิ้วเหมือนฉันกว่า…คุณคิดว่าไง?”
สือมูเฉินก็มองอย่างละเอียด พยักหน้า “คุณพูดแบบนี้ ผมรู้สึกเหมือนมากจริงๆ!”เขาตื่นเต้นเหมือนเด็กหนุ่มเลย“กลับไปผมไปค้นรูปถ่ายตอนเด็กของผม เอามาเทียบดู!”
โอหยางจวิ้นเดินออกจากห้องน้ำช้าๆ เห็นภาพครอบครัวคนอื่นพร้อมหน้ากัน ในใจกำลังหงุดหงิดอยู่ เวลานี้ประตูห้องก็ดังขึ้น
ทันใดนั้น ทุกคนในห้องต่างสะดุ้งขึ้น
โอหยางจวิ้นเปิดประตูห้อง ก็เห็นพ่อของตัวเอง คุณปู่ ยังมี เย่ซีโจว เย่เหลียนอี หลานจื่อเฉิน ก็มาด้วย
บางที เจ้าของโรงแรมเล็กนี้ถึงฝันก็ไม่กล้าฝันถึง มีวันหนึ่ง ในโรงแรมของเขา จะมีบุคคลที่ปกติจะเห็นแต่ในข่าวหรือคำเล่าลือมารวมตัวกันมากมายขนาดนี้
คนเพิ่มขึ้น เป็นธรรมดาที่ห้องจะรองรับไม่ไหว หลานจื่อเฉินพูดเสนอ มีโรงแรมติดดาวแถวนี้ขับรถไป10กว่านาทีก็ถึง
โอหยางจวิ้นก็รู้ เพียงแต่ตอนนั้นเขาไม่มีเงิน ดังนั้นเลยไม่ได้ไปทางโน้น ดังนั้นหลานเสี่ยวถางอุ้มหวันหว่านขึ้น นั่งรถไปโรงแรมนั้นกับทุกคน เปิดห้องเพรสซิเดนสูทชั้นบนสุด