ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 391 การแสดงกลับกลายเป็นเรื่องจริง การต่อสู่ระหว่างชายทั้งสองคน
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 391 การแสดงกลับกลายเป็นเรื่องจริง การต่อสู่ระหว่างชายทั้งสองคน
ซูสือจิ่นยกยิ้มมุมปาก: “เครื่องประดับตระกูลฉันนี่เป็นที่นิยมมากขนาดนี้เลยเหรอ?”
เพราะเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นและขายหมดทุกครั้ง เลยไม่รู้ว่าความต้องการของตลาดจริง ๆนั้นมีมากขนาดไหน
“ก็เป็นที่นิยมมากไง?” จินเยว่ฉีกล่าวว่า: “ตอนนี้การเดินทางไปต่างประเทศไม่มีอะไรดี แต่เมื่อได้รับของขวัญจากOnlyOneแล้วล่ะก็มันคุ้มค่าที่จะอวด! สาว ๆ รอบตัวฉันหวังทุกวันว่าจะมีแฟนหนุ่มตกลงมาจากฟากฟ้าและมอบของขวัญ OnlyOne ให้กับพวกเธอ! เมี่อถึงเวลาที่ฉันได้รับของขวัญนั้นแล้ว อันดับแรกฉันจะอัพโหลดลงในวีแชททันที!”
ซูสือจิ่นหัวเราะ: “ไม่มีปัญหา ฉันจะไม่เพียงสั่งทำโดยพิเศษ แต่ยังจะอัดวีดิโอเรื่องระหว่างคุณและฝานหวาอีกด้วย เพื่อที่ทั้งชีวิตของเขาจะได้มอบของขวัญให้คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
“ถ้าคุณไม่เสนอ ผมก็ไม่กล้าออกความคิดเห็น!” ลัวฝานหวาพูดอยู่ทางปลายสาย
ในตอนเที่ยงของวันนั้น หยานชิงเจ๋อทานอาหารเย็นที่บ้านตระกูลซู ในตอนบ่ายได้เล่นหมากรุกกับซูเผิงฮวาห้ารอบ โดยจงใจแพ้สี่เกมและชนะหนึ่งเกม
ในตอนเย็น เขาก็ยังดื้อรันที่จะทานมื้อเย็นด้วยอีก พอถึงสามทุ่มครึ่งถึงจะกลับไป
วันรุ่งขึ้นทุกอย่างดูเหมือนจะสงบลง
แม้ว่าหยานชิงเจ๋อจะอยากย้ายไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลซู แต่ว่าทางบริษัทมีปัญหาที่ต้องสะสาง และเขาต้องยุ่งกับงานทั้งวัน
แต่เมื่อเลิกงานช่วงเย็น ก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนหนึ่งโทรเข้ามา
ปลายสายพูดขึ้นว่า ลัวฝานหวาของตระกูลลัวกำลังจะหมั้น ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรให้เป็นของขวัญดี แต่เมื่อคิดว่าหยานชิงเจ๋อรู้จักนักสะสม ดังนั้นอยากซื้อของขวัญมอบให้ในวันแต่งงาน
หยานชิงเจ๋อรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับลัวฝานหวาสักเท่าไหร่ และยิ่งหลังจากที่ได้เห็นท่าทีที่สนิทสนมระหว่างลัวฝานหวากับซูสือจิ่นเมื่อตอนที่อยู่ต่างประเทศแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
ดังนั้นเขาจึงถามถามเพื่อนว่า: “เขาหมั้นกับใคร?”
เพื่อนคนนั้นพูดอย่างคลุมเครือว่า: “ได้ยินมาว่าเหมือนเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ นามสกุลแซ่ซู……ใช่แล้ว ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็รู้จักกันมาก่อนแล้ว……”
เมื่อหยานชิงเจ๋อได้ยินเช่นนี้ ก็ไม่พูดอะไรต่ออีกรีบกดวางสาย จากนั้นรีบกดโทรหาซูสือจิ่นทันที
แต่ซูสือจิ่นปิดเครื่อง
ดังนั้นเขาจึงโทรหาซูเผิงฮวาอีกครั้ง แต่ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าชายชราก็ปิดเครื่องเช่นกัน
เขาไม่สามารถนั่งอยู่เฉย ๆได้อีกต่อไป รีบหยิบกุญแจรถแล้วขับรถไปที่บ้านตระกูลซูทันที
เพียงแต่ว่าในตระกูลซูนั้นไม่มีใครอยู่เลย หลังจากที่เขาเคาะประตูเป็นเวลานานก็ไม่มีใครตอบกลับ
เหมือนหยานชิงเจ๋อเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงโทรหาสือมูเฉิน: “พี่เฉินครับ ผมได้ข่าวมาว่าเสี่ยวจิ่นจะหมั้นกับลัวฝานหวาหรือครับ?!”
สือมูเฉินตกตะลึง: “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?นายรอฉันสักครู่ ฉันจะลองสอบถามดู”
สักพัก สือมูเฉินก็โทรกลับมา: “เป็นความจริงที่บอกว่าพวกเขาจะหมั้นกัน แต่ชิงเจ๋ออย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป ถ้าหากหมั้นหมายกันจริง ๆ เป็นไปไม่ได้ที่เสี่ยวจิ่นจะไม่บอกให้พวกเรารู้”
จะเป็นไปได้อย่างไรกันว่าหยานชิงเจ๋อจะไม่รู้สึกตื่นตระหนกเลยสักนิด?
เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของตัวเองถูกแมลงนับพันกำลังกัดกินยังไงอย่างงั้นแหละ และเขาก็รู้สึกอึดอัดจนเป็นบ้าเป็นหลังแล้ว!
เขารีบพูดกับสือมูเฉินสองสามคำ จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และโทรหาเพื่อนตำรวจสายตรวจคนหนึ่ง
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง อีกฝ่ายแจ้งเขาว่าซูสือจิ่นและซูเผิงฮวาได้ขึ้นรถของลัวฝานหวาไปจริงๆ และพวกเขาก็ออกจากหนิงเฉิงด้วยกันและดูเหมือนจะกำลังเดินทางไปท่องเที่ยวกันแล้ว!
ร่างกายของหยานชิงเจ๋อสั่นไม่หยุด เธอจะไปคบกับคนอื่นได้อย่างไรกัน!
อีกฝ่ายบอกตำแหน่งให้กับหยานชิงเจ๋อ โดยบอกว่าพวกเขาขับรถไปที่ท่าเรือ และบังเอิญมีเรือสำราญของตระกูลลัวอยู่ที่นั่น และทุกคนก็ออกทะเลไปท่องเที่ยวด้วยกันแล้ว!
เมื่อเรือสำราญออกไปแล้ว ในทะเลกว้างใหญ่ขนาดนั้นเขาจะไปหาที่ไหน? !
เมื่อหยานชิงเจ๋อตามมาถึงท่าเรือ ฟ้าก็มืดลงแล้ว
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถหาเรือสำราญได้ แต่ประเด็นคือเขาไม่รู้ตำแหน่งของอีกฝ่ายเลย!
เวลานี้กลายเป็นความทุกข์ทรมานอย่างมาก มองดูดวงจันทร์ค่อย ๆ ขึ้นสูง สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เงียบสงัด มีเพียงทะเลที่มืดมิดและเสียงคลื่นกระทบเขื่อนเท่านั้น
หยานชิงเจ๋อกังวลมากจนแทบหายใจไม่ออก เขามองดูนาฬิกาอยู่ตลอดเวลาและโทรหาซูสือจิ่นไม่หยุด แต่เธอไม่เปิดเครื่องเลย!
นี่เธอไม่ได้กลับบ้านอีกทั้งยังอยู่กับลัวฝานหวาทั้งคืนจริง ๆเหรอ? !
เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกเหยียบลงบนกระจกที่แตกแล้ว บดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และกระจกที่แหลมคมทิ่มแทงไปจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขา
จนกระทั่งท้องฟ้าด้านนอกเริ่มสว่างขึ้น ดวงตาของหยานชิงเจ๋อเริ่มเป็นสีแดงเข้ม!
ลัวฝานหวากล้าแย่งภรรยาของเขาไป! เขาแทบรอไม่ไหวที่จะมัดผู้หญิงนี้ไว้ข้างกายเขาอยู่ตลอดเวลา!
ดี เมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้น เขาจะต้องสั่งสอนลัวฝานหวา แล้วแย่งเสี่ยวจิ่นกลับคืนมาทันที!
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตอนบ่าย หยานชิงเจ๋อหลับไม่ลงเลย นอกจากดื่มน้ำแล้วก็ไม่ได้ทานอะไรเลย
ในที่สุด เรือสำราญของตระกูลลัวก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา และโลโก้ขนาดใหญ่คำว่า ‘ตระกูลลัว’ มันดูขัดสายตาอย่างมาก!
ในขณะที่เรือสำราญแล่นขึ้นฝั่ง หยานชิงเจ๋อก็รีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่ามีบุคคลที่คุ้นเคยเดินออกมาจากห้องโดยสาร!
ซูสือจิ่นและลัวฝานหวานั้นเดินอยู่ด้านหน้าพูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข แต่ซูเผิงฮวากลับเดินตามหลัง ด้านหลังของพวกเขายังมีผู้หญิงสาวสวยอยู่อีกหนึ่งคน
ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะสาวจะสวยแค่ไหน! หยานชิงเจ๋อก็ไม่ได้ชายตามองเลยแม้แต่น้อย ดวงตาแดงก่ำของเขาจับจ้องไปที่ชายคนนั้นที่ปล้นภรรยาของตัวเองเท่านั้น!
ในที่สุด ดูเหมือนทุกคนจะเห็นเขาที่ชายฝั่ง พวกเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซูสือจิ่นหันศีรษะและพูดบางอย่างกับลัวฝานหวา เขาตบไหล่เธอเบา ๆ และดูเหมือนจะปลอบโยนเธอ
ในชั่วขณะนั้น หยานชิงเจ๋อแทบรอไม่ไหวที่จะสับมือของลัวฝานหวาทันที!
เรือกำลังจะเทียบท่า เชือกที่จะใช้จอดเรือนั้นได้ผูกฮอร์นที่อยู่ข้าง ๆบนเรือหรือราวบันไดที่จะเข้าจอด จากนั้นลัวฝานหวาและคนอื่น ๆก็ลงจากเรือสำราญ
“เสี่ยวจิ่น คุณหมั้นกับเขาแล้วจริง ๆเหรอ!” หยานชิงเจ๋อมองไปที่ซูสือจิ่นหัวใจของเขาเต้นเร็วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ
ซูสือจิ่นตกตะลึงงัน: “คุณรู้ได้อย่างไรว่าลัวฝานหวากำลังจะหมั้น?”
คุณหมั้นกับลัวฝานหวาจริง ๆ เหรอ? !
หยานชิงเจ๋อรู้สึกเพียงว่ามีไฟความโกรธที่รุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้ แทบจะไม่มีเวลาให้ลังเลหรือคิดอะไรเลย เขาหันกลับมา เผชิญหน้ากับลัวฝานหวา จากนั้นก็ต่อยลัวฝานหวาทันที!
ลัวฝานหวาคาดไม่ถึง การที่เขาช่วยเหลือซูสือจิ่นเขากลับต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ และไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหยานชิงเจ๋อที่ดูอ่อนโยน นี่แค่เห็นหน้าก็ลงมือทำร้ายร่างกายแล้ว!
ดังนั้น เขาจึงไม่ทันป้องกันตัวและถูกหมัดของหยานชิงเจ๋อต่อยเข้าเต็ม ๆ เขาถอยกลับไปสองสามก้าวถึงจะทรงตัวได้และเกือบจะล้มลงกับพื้น
“หยานชิงเจ๋อ นี่คุณเป็นบ้าอะไร?!” ลัวฝานหวารู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง และความโกรธของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งเข้าไปหาหยานชิงเจ๋อเพื่อเอาคืน
ในขณะนี้ หยานชิงเจ๋อมีเพียงความคิดเดียว และนั่นก็คือลัวฝานหวาได้แย่งเสี่ยวจิ่นของเขาไป
ดังนั้น เขาจึงไม่คิดที่จะป้องกันตัว และไม่อยากป้องกันตัว เขาแค่ต้องการโจมตีเท่านั้น!
เป็นผลให้ทั้งสองสูญเสียการควบคุมและเริ่มต่อสู้กัน!
ซูสือจิ่นและจินเยว่ฉีดูสถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว นี่เป็นเพียงแค่การแสดงเพื่อพิสูจน์เท่านั้นไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงกลายเป็นจริงได้ล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น หยานชิงเจ๋อไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หากทั้งสองยังคงต่อสู้ต่อไปอยู่แบบนี้ พวกเขาจะต้องได้รับบาดเจ็บจริง ๆอย่างแน่นอน!
ทันใดนั้น สองสาวก็ตะโกนขึ้นพร้อมกัน: “หยุดตีกันได้แล้ว! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ! มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ!”
หยานชิงเจ๋อโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแล้ว จะฟังคำเกลี้ยกล่อมเหล่านี้เข้าไปได้อย่างไรกัน?
เมื่อเห็นว่าทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้น ซูเผิงฮวาเป็นชายคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รีบวิ่งเข้าไปห้าม จากนั้นก็ลากหยานชิงเจ๋อออกไป
แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหยานชิงเจ๋อและลัวฝานหวาต่างก็เป็นวัยหนุ่มเลือดร้อน เขาเข้ามาห้ามก็ไม่เป็นผลสักเท่าไหร่นัก และทำให้หยานชิงเจ๋อถูกลัวฝานหวาต่อยเข้าไปอีกหนึ่งที
รูม่านตาของหยานชิงเจ๋อหดตัวลงทันที โดยไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดในร่างกาย เขาก็เตะไปที่ร่างกายของลัวฝานหวาทันที
ด้านหลังของลัวฝานหวาบังเอิญมีก้อนหินอยู่ก้อนหนึ่ง เขาเหยียบโดนมันและไม่สามารถทรงตัวได้จึงล้มลงไป
หยานชิงเจ๋อรีบพุ่งเข้าไป ยกมือขึ้นเพื่อต่อยเขา
และในขณะนั้น ซูสือจิ่นก็รีบวิ่งไปยืนขวางอยู่ข้างหน้าลัวฝานหวาและพูดเสียงดังว่า: “หยุดตีกันได้แล้ว!”
หยานชิงเจ๋อชกไปเกือบโดนหน้าของซูสือจิ่น เธอรู้สึกได้ถึงลมจากแรงของฝ่ามือและหลับตาลงทันที แต่เธอกลับไม่หลบ
และหยานชิงเจ๋อตั้งใจต่อยสุดแรง เป็นเพราะซูสือจิ่นจู่ ๆเข้ามาขวางไว้ เขาจึงเปลี่ยนทิศทางของมือทันที ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกมึนงงและรู้สึกชาไปทั้งตัว
จู่ ๆ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
หยานชิงเจ๋อจ้องไปที่ซูสือจิ่นซึ่งยืนขวางอยู่ข้างหน้าลัวฝานหวา เขารู้สึกว่าเจ็บปวดอย่างฉับพลันที่ก้นบึ้งของหัวใจซึ่งทำให้เขารู้สึกเป็นตะคริวจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
ครั้งหนึ่ง เด็กสาวที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าตัวเองทั้งๆ ที่ตกอยู่ในอันตราย เวลานี้เพราะชายอื่นกลับมาเป็นศัตรูกับเขา!
มือที่ชาของเขาสั่นเทาเล็กน้อย และหลังจากนั้นความเจ็บปวดในร่างกายของเขาที่เกิดจากการต่อสู้ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที และมันยิ่งทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นไปอีก และแม้แต่ทุกลมหายใจก็ดูเหมือนจะถูกทิ่มแทงด้วยเข็ม!
นอกจากนี้นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ซูสือจิ่นเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของหยานชิงเจ๋อ เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเธอมั่นใจว่าลัวฝานหวายืนทรงตัวได้แล้ว เธอจึงเดินก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
เดิมทีมันเป็นแค่การทดสอบ แต่ไม่คาดคิดว่าหยานชิงเจ๋อจะหุนหันพลันแล่นถึงขนาดที่ทำให้ลัวฝานหวาได้รับบาดเจ็บ และซูสือจิ่นรู้สึกผิดและเสียใจอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นร่างกายของหยานชิงเจ๋อสั่นเทาไปทั้งตัวแบบนี้ เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอกำลังลองใจอยู่นั้นมันแรงเกินไปหรือเปล่า?
ซูสือจิ่นต้องการจะเดินเข้าไปและอธิบาย แต่เพิ่งจะเดินไปแค่ครึ่งก้าว หยานชิงเจ๋อที่นิ่งไม่ขยับเขยื้อนทันใดนั้นก็คว้าข้อมือของเธอทันทีจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นและเดินก้าวไปข้างหน้า
ทุกคนได้สติกลับคืนมา และรีบวิ่งไล่ตามไป
แต่อย่างไรก็ตาม รถของหยานชิงเจ๋อจอดอยู่ข้าง ๆ เขาได้ผลักซูสือจิ่นเข้าไปในรถแล้วจึงเหยียบคันเร่งและจากไปอย่างรวดเร็ว!
“ฝานหวา นี่……” ซูเผิงฮวารู้สึกกังวล: “คุณโอเคไหม? ยังมีสือจิ่นซึ่งถูกชิงเจ๋อพาไปแล้ว ……”
ลัวฝานหวาหัวใจเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ: “ผมไม่ได้เป็นไรครับ คุณลุงซูไม่ต้องกังวลนะครับ สือจิ่นต้องไม่เป็นอะไรเช่นกันครับ”
เขามองออกว่าที่หยานชิงเจ๋อเอาเป็นเอาตายเมื่อกี้นี้ เห็นได้ชัดว่าระหว่างพวกเขาเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงภรรยา ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะครอบครองนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความรักแล้วจะเป็นอะไรไปได้?
เขามองดูแผลที่มือของตัวเองและยิ้มอย่างขมขื่น
ข้าง ๆเขา จินเยว่ฉีไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน: “ฝานหวา เอาแบบนี้ดีไหมคะเราไปทำแผลที่โรงพยาบาลดีไหมคะ ถ้าเป็นบาดทะยักมันอันตราย!”
ลัวฝานหวาพยักหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและถ่ายหน้าของตัวเอง: “ผมเดาว่าในหนึ่งสัปดาห์นี้ผมคงเจอผู้คนไม่ได้แล้ว ……”
ในขณะนี้ ซูสือจิ่นนั่งอยู่ในรถของหยานชิงเจ๋อ และเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง
ใบหน้าของเขามีรอยช้ำ เขาเม้มริมฝีปากของเขาพร้อมขมวดคิ้วแน่น และพูดออกมาสี่คำว่า: ผม โกรธ อย่าง มาก!
ซูสือจิ่นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และต้องการโทรถามอาการของลัวฝานหวาว่าอาการหนักหรือไม่ แม้ว่าลัวฝานหวาจะเป็นคนวางแผนเรื่องนี้ แต่ก็ทำเพื่อช่วยเหลือเธอ เธอจากไปแบบนี้เธอรู้สึกผิดอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม โทรศัพท์เพิ่งถูกปลดล็อก ก่อนที่ซูสือจิ่นจะเปิดบัญชีวีแชท ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นมา พร้อมกับน้ำเสียงที่เย็นชา: “ห้ามคุณติดต่อกับเขาอีก!