ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 395 ยังหนุ่ม พละกำลังยังดี!
“ห๊ะ?!” ซูสือจิ่นดวงตาเบิกโพลง แต่เมื่อตระหนักถึงว่าพวกเขายังคงอยู่ข้างนอก จึงขยิบตาให้หยานชิงเจ๋อแล้วพูดว่า : “กลับบ้านแล้วค่อยคุยกัน!”
หยานชิงเจ๋อเห็นท่าทีของซูสือจิ่น ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ : “เสี่ยวจิ่น คุณเป็นห่วงฉันเหรอ? กลัวว่าฉันจะถูกจับใช่ไหม?”
“เชอะ ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันแค่คิดอยู่ว่า หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ฉันจะได้ไม่ไปเกี่ยวข้องด้วย” ซูสือจิ่นไม่ยอมรับ
“ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก” หยานชิงเจ๋ออธิบายว่า : “แม่ของพี่สะใภ้ช่วยเหลืออยู่ทางด้านนั้น เดิมทีไม่มีคนที่ประเทศจีนของเราเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย อีกอย่าง ไม่นานหลังจากที่เขาถูกส่งตัวไปแอฟริกาใต้ ก็เกิดการจลาจลขึ้น และเขาก็เสียชีวิตอยู่ที่นั่น”
เขาพูดกระซิบว่า : “เสี่ยวจิ่น จุดที่เขาทำให้คุณเจ็บปวด ฉันก็ใช้มีดแทงเขาในตำแหน่งเดียวกัน”
ถึงแม้ว่าซูสือจิ่นจะเกลียดคนคนนั้นมาก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
“เสี่ยวจิ่น ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณได้อีกแล้ว” หยานชิงเจ๋อพูดอย่างจริงจัง
ซูสือจิ่นพยักหน้า : “ขอบคุณค่ะ”
“เสี่ยวจิ่น ทำไมคุณถึงต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้ด้วย?” หยานชิงเจ๋อจับมือของเธอ : “เป็นหน้าที่ของฉันที่จะปกป้องคุณ และมันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการจะทำอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
ซูสือจิ่นเขินอายเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอเห็นพนักงานขายมองมาทางด้านพวกเขาเป็นบางครั้งบางคราว เธอก็ยิ่งอาย
เธอบุ้ยปาก : “ฉันหิวแล้ว เราไปทานอะไรกันก่อนดีไหม?”
“โอเค” หยานชิงเจ๋อพยักหน้า ตอนนี้ซูสือจิ่นพูดอะไรก็ทำให้หมด
ทั้งสองคนทานอาหารเสร็จ เวลายังเช้าอยู่ หยานชิงเจ๋อเปิดประตูให้ซูสือจิ่น เมื่อก้มลงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ก็เห็นแหวนบนมือของซูสือจิ่น ชั่วขณะหัวใจก็เต้นแรงขึ้นมา
เขาเดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับและนั่งลง มองไปยังซูสือจิ่น : “เสี่ยวจิ่น ตอนบ่ายเราไปทำเรื่องกันเถอะ?”
ซูสือจิ่นกำลังเล่นกับแหวนบนนิ้วนางของเธออยู่ กำลังคิดอะไรบางอย่าง ไม่ได้ตอบคำพูดของหยานชิงเจ๋อ แต่หันไปถามเขาว่า : “ใช่สิ ตอนที่ฉันกลับมา ก็เห็นคุณสวมแหวนแต่งงานทุกวันเลย มีใครถามคุณเรื่องแต่งงานบ้างไหม?”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า : “อืม พวกเขาก็เคยถามนะ”
“แล้วคุณตอบว่ายังไง?” ซูสือจิ่นแปลกใจ
หยานชิงเจ๋อมองเธอด้วยสายตาที่เป็นประกาย : “ฉันบอกพวกเขาว่า อันที่จริงฉันแต่งงานแล้ว เพียงแค่ภรรยาออกไปเที่ยวที่ต่างประเทศ ยังไม่กลับมา”
ซูสือจิ่นได้ยินคำพูดของเขา ก็ตกตะลึงเล็กน้อย แต่ยังถามเขาต่อว่า : “เช่นนั้นพวกเขาไม่ถามเหรอว่า นี่ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว เธอไปเที่ยวแล้วยังไม่กลับมาอีกเหรอ? อีกอย่าง ถ้าหากว่าเธอไม่กลับมาแล้วล่ะ?”
อันที่จริง ตอนแรกเธอไม่เคยคิดที่จะกลับมาเลย
แต่เพราะเห็นว่าพ่ออายุมากแล้ว อยู่ต่างประเทศพ่อก็คงไม่เคยชิน อีกอย่างแม่ก็เสียไปนานแล้ว ไม่มีใครอยู่เคียงข้างพ่อเลย
ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ บางทีเธออาจจะไม่กลับมาแล้วจริงๆ
“เพราะฉันเชื่อว่า ฉันจะต้องหาเธอจนเจอ” หยานชิงเจ๋อกล่าว : “โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก แต่ถ้าใช้ใจตามหาใครสักคนจริงๆ ฉันว่าจะต้องมีสักวัน ที่หากันจนเจอ”
“แล้วถ้าหากว่าตอนที่เจอ เธอแต่งงานแล้ว หรือว่า ไม่อยู่แล้วล่ะ……” ซูสือจิ่นพูดถึงตรงนี้ จู่ๆก็รู้สึกสลดใจเล็กน้อย
“ถ้าแต่งงานแล้ว ฉันก็จะแย่งเธอกลับมา” หยานชิงเจ๋อพูดจบ ฉับพลันน้ำเสียงก็เบาลงเล็กน้อย : “แต่ถ้าไม่อยู่แล้ว ฉันก็จะไปหาเธอในที่ที่เธอไป……”
ซูสือจิ่นมองอย่างตกตะลึง เธอรู้สึกว่าลมหายใจของตนเองแปรปรวนขึ้นมา หัวใจเต้นรัวอย่างควบคุมไม่ได้
ริมฝีปากของเธอสั่นเทาเล็กน้อย : คุณ——”
สักพัก เธอจึงพูดประโยคที่เก็บกดไว้ออกมา : “คุณมันโง่จริงๆเลย”
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าเขาเรียนเก่ง ฉลาดและมีความสามารถมาตลอด แต่ตอนนี้กลับพบว่า จริงๆแล้วเขาโง่สิ้นดี!
“โง่เพื่อคุณคนเดียวเท่านั้น” หยานชิงเจ๋อจับมือซูสือจิ่น
จริงๆ เขาโง่เขลาเพื่อเธอคนเดียวจริงๆ ทุกความรู้สึกในอดีตที่ผ่านมา เขาจัดการเรื่องรักๆเลิกๆได้อย่างใจเย็นมาก ตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลและเสียหายน้อยที่สุด
แต่เมื่อเจอกับเธอ เขาก็สูญเสียการควบคุมอารมณ์จนนับครั้งไม่ถ้วน เหตุผลและสติปัญญาทั้งหมดไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทำให้เขาเปลี่ยนกลายเป็นคนอีกคนไปตลอดกาล!
ในรถ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก บรรยากาศเปลี่ยนเป็นหวานซึ้งขึ้นมา หยานชิงเจ๋อเข้าไปใกล้ๆ ประคองหน้าของซูสือจิ่นขึ้นมา แล้วจูบลงไปบนริมฝีปากของเธอ
เขาจูบเธออย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ทะนุถนอมอย่างดีที่สุดราวกับว่าเป็นการพบกันหลังจากไม่ได้เจอกันนาน
เป็นเวลานาน เขายังคงหยุดอยู่ตรงริมฝีปากของเธอ หลุบตาลงมองเธอ : “เสี่ยวจิ่น ตอบฉันสิ ว่าต่อไปนี้จะไม่แยกจากกันอีกแล้ว?”
เธอนึกถึงน้ำตาของเขาที่หยดลงบนแก้มของเธอเมื่อคืนนี้ นึกถึงหลายปีมานี้ ประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่พวกเขาผ่านมา เวลานี้ ทุกๆอย่างดูเหมือนว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว
ซูสือจิ่นพยักหน้า : “โอเค”
เธอคิดว่า บางทีสโนว์เอลฟ์ของเธอ อาจจะมาช้ากว่าคนอื่น แต่ในที่สุดก็มาถึง
มันได้ยินความปรารถนาของเธอ
ทั้งสองคนจูบกันอย่างหวานซึ้งอยู่ในรถ จนกระทั่งมีตำรวจเข้ามา คิดว่าในรถไม่มีคน และกำลังจะออกใบสั่ง
เป็นครั้งแรกที่พบว่าหยานชิงเจ๋อทำพลาดอย่างนี้ ใบหูของเขากลายเป็นสีแดง เขารีบสตาร์ตรถ แล้วขับออกไปกับซูสือจิ่น
บนถนน เมื่อผ่านร้านชุดแต่งงาน หยานชิงเจ๋อก็นึกถึงเรื่องที่เขาอยากจะพูดกับเธอเมื่อกี้นี้
เดิมทีเขาก็อยากจะพูด ถือโอกาสตอนบ่ายที่พวกเขาไม่มีธุระอะไร ไปจดทะเบียนที่สำนักงานเขตก่อน เพื่อจะได้แต่งงานใหม่อย่างเป็นทางการ
แต่จู่ๆก็ตระหนักได้ว่า พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว การแต่งงานวันนั้นเขาไม่ได้เต็มใจ แต่เป็นการบีบบังคับของครอบครัว
ดังนั้น จึงไม่มีการขอแต่งงาน ไม่มีพิธีแต่งงาน ไม่มีการอวยพร จนกระทั่งพวกเขาหย่ากัน เธอได้เดินจากไปไกลแสนไกล จนเขาหาเธอไม่พบจริงๆ จึงได้นำเรื่องที่พวกเขาแต่งงานกันเล่าให้เพื่อนที่อยู่ข้างๆฟัง
แต่ตอนนี้ เธอกลับมาแล้ว ถึงแม้เขาจะรอมาเป็นเวลานานขนาดนั้น แล้วอดใจไม่ไหวที่อยากจะแต่งงานกับเธอ ทำให้ความรู้สึกที่เคยทำให้เขากระวนกระวายใจจนหวาดกลัวนี้ มีจุดหมายปลายทางที่สงบสุข แต่เขาพบว่า เขากลับอยากขอเธอแต่งงานอย่างเป็นทางการสักครั้ง
เมื่อก่อนเคยเห็นในอินเทอร์เน็ตบอกว่า ถึงแม้ความรักของคนทั้งสองจะดีมาก ผู้ชายคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของขั้นตอนหลักสูตร แต่ผู้หญิงจะคาดหวังการขอแต่งงานที่ไม่เหมือนใคร เพื่อให้คนทั้งสองมีความทรงจำที่พิเศษร่วมกัน
ดังนั้น หยานชิงเจ๋อจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องที่จะไปสำนักงานเขต แต่ทว่า เริ่มครุ่นคิดว่าจะขอแต่งงานอย่างไรดี
เวลานี้ วิทยุภายในรถ ก็เล่นเพลงหนึ่ง
เนื้อเพลงที่คุ้นเคย ทำให้หยานชิงเจ๋อใจลอยกลับไปนึกถึงอดีต
“กลิ่นอายยามฝนตกคือทางที่กลับบ้าน บนถนนมีฉันไล่ตามรอยเท้าของคุณ รูปภาพเก่าๆเก็บรักษาไว้อยู่ในความอบอุ่นของวันวาน คุณอุ้มฉันดั่งเช่นต้นไม่ใหญ่ที่อบอุ่น…….”
เดิมทีซูสือจิ่นยังมีความไม่แน่ใจเล็กน้อย แต่ก็ค่อยๆสนใจเนื้อเพลงขึ้นมา
“ฝนตกแล้วก็เห็นทาง เหมือนปีนั้นที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น คุณจูงมือฉันข้ามผ่านหมอก เรียกฉันดูความหวังที่อยู่สุดของคืนที่มืดมิด…..”
เธอนึกถึงอดีต มีครั้งหนึ่ง สองครอบครัวของพวกเขาไปเที่ยวด้วยกัน จู่ๆเช้าตรู่เธอก็ตื่นขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จึงไปเคาะประตูห้องเขา ขอให้เขาเล่นเป็นเพื่อนเธอ ในตอนนั้น ผู้ใหญ่หลับกันหมด เขาจูงเธอที่ยังเด็กมาก เดินผ่านถนนของเมืองโบราณ
ก่อนหน้านี้หนึ่งวันเมืองโบราณมีฝนตกไว้ บนถนนจึงชื้นแฉะ เขาจูงมือเธอเอาไว้แน่น
และเมื่อพวกเขาเดินมาถึงลำธารเล็กๆสายหนึ่ง จู่ๆดวงอาทิตย์ก็โผล่ออกมาจากขอบฟ้า ชั่วพริบตา ก็สาดส่องรัศมีไปไกลแสนไกล
เธอเห็นหมอกจางๆบนลำธารถูกสลายออก เขาก้มหน้ามองเธอแล้วยิ้มเล็กน้อย
“ดวงตาที่เคยร้องไห้มองกาลเวลาได้ชัดเจน คิดถึงคนหนึ่งน้ำตาก็หยดถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง หวนกลับไปในตอนบ่ายที่ฉันออกจากบ้าน คุณส่งฉันนกนางแอ่นบนท้องฟ้าต่างพากันโบยบิน…….”
จากนั้น พวกเขาเดินไปตามถนนหนิงเฉิงด้วยกัน เคยดูดวงอาทิตย์ขึ้นดวงอาทิตย์ตกหลายต่อหลายครั้ง อยู่ในความไม่ชัดเจนมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
“ฝนตกแล้วก็เห็นทาง เหมือนปีนั้นที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น คุณจูงมือฉันข้ามผ่านหมอก เรียกฉันดูความหวังที่อยู่สุดของคืนที่มืดมิด แม้ว่าโดดเดี่ยว ฉันกลับไม่เหงา เพราะในใจมีเธอเป็นเพื่อนฉันดูพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน…….”
เวลานี้ หยานชิงเจ๋อก็กำลังมองซูสือจิ่นอยู่ เขานึกถึงว่า นอกจากความทรงจำเหล่านั้นของเธอแล้ว ยังมีอีกมากมาย
เขานึกถึงก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศ เขาได้แต่มองอยู่ไกลๆไม่สามารถไปสัมผัสเธอได้ เขามักจะรออยู่หน้าบ้านของเธอเพื่อรอเธอออกมา เห็นแสงแดดแรกส่องกระทบชายคาบ้านที่เธออยู่ ภายในใจจินตนาการว่าเธอจะต้องตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ
นึกถึงเขาที่เดินตามหลังเธอ ให้คนข้างๆเธอคอยช่วยเหลือเธออย่างเงียบๆ นึกถึงตอนที่เธอแก้ปัญหาที่ยากๆ บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม……
ในตอนนั้น เขาใส่หูฟัง แล้วฟังเพลงนี้
“แม้ว่าโดดเดี่ยว ฉันกลับไม่เหงา เพราะในใจมีเธอเป็นเพื่อนฉันดูพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน”
ตอนนี้ พวกเขาก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ในอนาคต ก็จะเป็นเพื่อนกันดูพระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน
หยานชิงเจ๋อนึกถึงตรงนี้แล้ว ก็หันหน้าเข้าไปใกล้ๆซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆ แล้วจูบไปบนแก้มของเธอทีหนึ่ง
ซูสือจิ่นใบหน้าร้อนผ่าว : “ขับรถดีๆ!”
“รับทราบครับ คุณภรรยา!” หยานชิงเจ๋อกล่าวอย่างชื่นใจ
เขาไม่เคยมีความสุขมากขนาดนี้มานานแล้วจริงๆ!
“ใครเป็นภรรยาของคุณ?” ซูสือจิ่นบุ้ยปาก
“คุณผู้หญิงแซ่ซูคนนั้นที่อยู่ข้างๆฉันไง” หยานชิงเจ๋อกล่าว
“คุณผู้หญิงซูคนนั้นยังไม่ได้แต่งงาน โสด” ซูสือจิ่นเลิกคิ้ว : “แล้วก็มีชายหนุ่มมากมายเข้ามาตามจีบด้วยนะ! เช่นแจ็คหนุ่มอังกฤษคนนั้น หนุ่มหล่อแข็งแรง แล้วยังให้กำเนิดลูกครึ่งได้อีกด้วย…….”
บรรยากาศข้างๆอึมครึมทันที : “หนุ่มหล่องั้นเหรอ? ฉันว่ายังไม่โตพอ มีสิวแบบนั้นมีอะไรดีห๊ะ? แล้วจะให้กำเนิดลูกครึ่ง อย่าได้หวังเลย!”
ซูสือจิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้ม : “ยังหนุ่ม พละกำลังก็ดี!”
“พละกำลังดีงั้นเหรอ?!” หยานชิงเจ๋อหรี่ตามอง : “เสี่ยวจิ่น คุณคิดว่า เช้าวันนี้คุณลงจากเตียงแล้ว ก็ลำพองใจใช่ไหม? ระวังเถอะฉัน…….”
ซูสือจิ่นหลบสายตา ซวยแล้ว หลังจากเขากลับบ้านจะไม่กลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งใช่ไหม?
“อะแฮ่มๆ พี่ชิงเจ๋อ พวกเราไปเดินที่สวนสาธารณะทางนั้นกันไหม?” ซูสือจิ่นกล่าวเสนอความคิดเห็น
“ไม่ไป” หยานชิงเจ๋อกล่าวอย่างสบายใจ : “ฉันจะกลับบ้านไปนอนกับคุณ”
คาดไม่ถึงว่าจะตรงไปตรงมาขนาดนี้! ซูสือจิ่นหนีบขาทั้งคู่ : “ฉันไม่ง่วง”
“เสี่ยวจิ่น ฉันง่วงจังเลย กลับบ้านไปนอนเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้ไหม?” หยานชิงเจ๋อทำท่าทางไร้เดียงสา : “อีกอย่าง หน้าของฉันตอนนี้ก็ไม่สามารถเจอใครได้ คุณใจแข็งพอที่จะเห็นฉันถูกคนหัวเราะเยาะได้เหรอ?”
ไม่ว่าอย่างไร เพื่อไล่ตามเธอ อะไรเขาก็ทำมาทุกอย่างแล้ว ตอนนี้ ก็ไม่สนใจที่จะต้องทำอุบายออดอ้อนไร้เดียงสาอีกแล้ว!
ซูสือจิ่นเห็นว่าเขาไม่สะดวกที่จะเจอหน้าใครจริงๆ จึงทำได้เพียงบุ้ยปากแล้วกล่าวว่า : “ก็ได้ กลับบ้าน”
หยานชิงเจ๋ออดไม่ได้ที่จะยิ้มมุมปาก