ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 403 บอกมาตามตรงเลยนะคะ ก่อนหน้านี้เคยคบกับคนมาเยอะเลยใช่ไหมคะ
- Home
- ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ
- บทที่ 403 บอกมาตามตรงเลยนะคะ ก่อนหน้านี้เคยคบกับคนมาเยอะเลยใช่ไหมคะ
หลังจากที่เสร็จสมกันอีกครั้งหนึ่งแล้ว แม้ทั้งกระทั่งนิ้วโป้งของหลานเสี่ยวถางเองก็ขี้เกียจจะยกขึ้นมาแล้ว
สือมูเฉินอุ้มเธอไปอาบน้ำ ทั้งสองคนนอนกอดกันบนที่นอนน้ำ หลานเสี่ยวถางมองปลาดาวบนผ้าม่าน คิดอะไรขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยกับสือมูเฉินว่า “มูเฉินคะ ฉันรู้สึกว่าประสบการณ์ของคุณมากมายมากขนาดนี้ ทำไมเมื่อมองแล้วดูเหมือนกับคนที่อ่านหนังสือมานับไม่ถ้วนเลยละคะ?”
หัวใจของสือมูเฉินหนักอึ้งในทันที “เสี่ยวถางครับ คุณหมายถึงทางด้านไหน?”
มือของหลานเสี่ยวถางลูบไล้เป็นวงกลมอยู่บนแผ่นอกของสือมูเฉิน น้ำเสียงแร้งทำเป็นคล้ายกับว่าไม่สนใจนัก “ยังมีทางด้านไหนอีกด้วยงั้นหรือคะ? ฉันเห็นคุณจีบผู้หญิงเก่งมาก อีกทั้งยังมีท่าทางพวกนั้นเมื่อครู่นี้อีก……”
เธอบีบคางของเขาเอาไว้ “บอกมาตรง ๆ นะคะ เมื่อก่อนมีคนรักเยอะหรือคะ?”
สือมูเฉินคว้ามือของหลานเสี่ยวถางเอาไว้ เอ่ยขึ้นอย่างขึงขังจริงจัง “เสี่ยวถางครับ ผมไม่เคยคบกับใครมาก่อนเลย ทั้งหมดก็พึ่งการคาดเดาลูบ ๆ คลำ ๆ”
หลานเสี่ยวถางหรี่ตาลง “ฉันยังคงจำได้นะคะว่าครั้งแรกที่คุณจูบฉัน อีกทั้งยังในคืนวันแต่งงานของพวกเราคืนนั้นอีกด้วย คุณดูไม่คล้ายกับการลูบ ๆ คลำ ๆ เลยนะคะ”
“เสี่ยวถางครับ คุณกำลังใส่ความผมอยู่จริง ๆ แล้วนะครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างคนไม่มีความผิดว่า “พรสวรรค์ในการทำธุรกิจก็ถือว่าผิด? อีกทั้งมีอย่างในสมองของผู้ชายที่ไหนที่ไม่ภาพ G เหล่านั้นบ้างละครับ ของเหล่านั้นมันคือการร่ำเรียนกันทั้งนั้นแหละครับ สามีของคุณนั้นความรู้มากมาย ร่ำเรียนมาอย่างดีเยี่ยม!”
หลานเสี่ยวถางเองก็ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือไม่จริง เดิมเธอเองก็ไม่คิดอยากที่จะเสาะถามอะไรต่อ เพียงแค่คิดอยากที่จะถามออกมาเฉย ๆ เท่านั้นเอง เขาอธิบายมาขนาดนี้แล้ว เธอเองก็ยกโทษให้เขาแล้ว
ในเมื่อหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกันแล้ว เขาก็ดีต่อเธอเป็นอย่างมาก ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีต่อเธอใด ๆ เลย แม้กระทั่งก่อนหน้านี้ ใครบ้างจะไม่เคยมีอดีตกันล่ะ? เธอยังเคยแต่งงานกับสือเพ่ยหลินเลยนี่
ดังนั้นแล้ว เธออิงแอบเข้ากับแผ่นอกของสือมูเฉิน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “มูเฉิน ฉันเชื่อคุณค่ะ”
“หายากนะครับเนี่ยที่คุณภรรยาผู้ยิ่งใหญ่จะเชื่อสามีมากขนาดนี้ คงจะต้องตกรางวัลให้แล้วถึงจะถูก” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น พลางกดเปิดสวิตช์เตียงน้ำ “เสี่ยวถางครับ พวกเรายังไม่ได้ทานอาหารจานหลักกันเลยนะครับ เริ่มกันเถอะ!”
หลานเสี่ยวถางได้ยินแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างในทันที ก่อนจะแสร้งทำเป็นสลบไปแล้ว……
นอนหลับสนิทกันทั้งคืน แต่ทว่าหลานเสี่ยวถางนั่นก็ยังคงตื่นมาในตอนเช้ามืดในช่วยหกโมงกว่าอยู่ดี เป็นเพราะว่าห่วงที่จะต้องให้นมกับหวันหว่าน
ตอนเช้ามืด หลังจากที่ให้นมหวันหว่านแล้ว ก็อุ้มหวันหว่านกลับเข้าห้องนอนก่อนจะชดเชยให้กับสือมูเฉินอีกครู่หนึ่ง หลานเสี่ยวถางทั้งสองคนถึงลุกจากเตียง
พระอาทิตย์ตอนนี้ขึ้นสูงแล้ว ทั้งสองคนออกมา ก่อนจะค้นพบว่าทุกคนยังไม่ตื่นกันเลย
ริมฝีปากของสือมูเฉินยกยิ้ม “ดูท่าแล้ว เมื่อคืนวานทุกคนคงจะออกกำลังกายกันเกินแรงไปแล้วสินะ”
หลานเสี่ยวถางจ้องเขาเขม็งครั้งหนึ่ง “ผู้ชายแบบพวกคุณนี่นะ!”
สือมูเฉินเอ่ยสมทบขึ้นมาว่า “ครับ ล้วนแล้วแต่รักคุณภรรยากันมากทั้งหมดเลยนั่นแหละครับ”
“จู่ ๆ ก็คิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้เรื่องหนึ่งค่ะ——” หลานเสี่ยวถางก้มลงไปจุ๊บหวันหว่านหนึ่งครั้ง ก่อนจะเอ่ยความอัดอั้นในหัวใจออกมาว่า “มองดูแป๊บเดียวก็จะถึงสิ้นปีแล้วค่ะ ผ่านปีใหม่ไปแล้ว เกรงว่าฉันจะต้องพาหวันหว่านไปที่ตระกูลเพอร์เซลล์ทางฝั่งนั้นแล้วละค่ะ”
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว สือมูเฉินเองก็รู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่ทว่าในตอนแรกก็เซ็นสัญญาไปเช่นนั้นแล้ว บวกกับตระกูลเพอร์เซลล์จะเพิ่มหวันหว่านเข้าไปในลำดับวงศ์ตระกูลด้วยแล้ว อันที่จริงแล้วหาดจะให้พูดต่อตัวตนของหวันหว่านแล้ว มีที่พึ่งพาอาศัยเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง นั่นก็ยังคงนับว่าเป็นเรื่องดี
ดังนั้นแล้ว เขาจึงลูบไปตามเส้นผมยาวสลวยของหลานเสี่ยวถางก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ เสี่ยวถาง ขอเพียงแค่ผมมีเวลา ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเองครับ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ค่ะ อันที่จริงแล้วคุณไม่ต้องเหนื่อยเกินไปก็ได้นะคะ ฉันเข้าใจ ทางคุณฝั่งนั้นย่อมต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่ ๆ เลย”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยวก็เดินออกมากันแล้ว
ฟู่สีเกอหันไปยักคิ้วหลิ่วตาใส่สือมูเฉิน “ทำไมตื่นเช้ากันขนาดนี้? หรือว่า……”
สือมูเฉินเลิกคิ้ว “นายคิดว่าเป็นไปได้ไหม?”
“ฮ่า ๆ!” ฟู่สีเกอหัวเราะ ก่อนจะดึงเก้าอี้ให้เฉียวโยวโยวนั่ง “คุณโยวคนโง่ครับ หิวแย่แล้วสินะ? ผมจะไปเอาของมาให้คุณทานเองครับ”
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะรับประทานอาหารกัน ฟู่สีเกอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูโมเมนต์วีแชท
เมื่อเห็นว่ามีความคิดเห็นหนึ่งแล้ว เขาเปิดออกมา มันกลับเป็นความคิดเห็นของฮั่วชิงชิง ทั้งยังเป็นความคิดเห็นบนภาพถ่ายคู่ของเขากับเฉียวโยวโยวเมื่อสองวันก่อนอีกด้วย
“ท้องของโยวโยวใหญ่มากขนาดนี้แล้วหรือ จะคลอดเมื่อไหร่คะเนี่ย? ดีจังเลย”
ฟู่สีเกอตอบกลับไปว่า “อีกสี่เดือนก็จะคลอดแล้วครับ ชิงชิง พวกคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ? ทำไมไม่เห็นคุณโพสต์อะไรในโมเมนต์วีแชทเลย?”
โทรศัพท์ทางฝั่งนั้น ฮั่วชิงชิงกำลังนั่งทางด้านหน้าของหน้าต่าง ทั้งก็ยังเลื่อนวีแชทไปมาอยู่ด้วย เมื่อเห็นการแจ้งเตือนแล้ว ก็เริ่มเปิดอ่านในทันที
สายตาของเธอหยุดลงบนข้อความตอบกลับมาของฟู่สีเกอ ทันใดนั้นเองสติก็หลุดลอยไปแล้ว
ในความทรงจำ จู่ ๆ ก็หวนนึกถึงวันที่เธอกับหันจื่ออี้แต่งงานกันในคืนนั้นอย่างสับสนอีกครั้งหนึ่งแล้ว
วันนั้น หลังจากที่ทักทายกับแขกเหรื่อเสร็จแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็กลับไปยังห้องที่หันจื่ออี้ซื้อเอาไว้ที่หนิงเฉิง
เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนนั้นอยู่ภายในห้องเดียวกันพร้อมทั้งความสัมพันธ์เช่นนั้นเลยจริง ๆ ตอนกลางคืนหันจื่ออี้กับเพื่อนของเขาดื่มเหล้ากันมานิดหน่อย ส่วนเธอนั้น ก็ขอตัวกลับเข้าห้องนอนมาก่อนแล้ว
จนกระทั่งถึงตอนห้าทุ่ม เขาก็กลับมาที่ห้องนอนของพวกเขาแล้ว
ในตอนนั้นเอง ฮั่วชิงชิงช้อนสายตาขึ้นมองเจ้าบ่าวคนใหม่ของตนเองที่เดินเข้ามาใกล้ทีละก้าวทีละก้าว หัวใจนั้นตื่นเต้นจะถึงขีดสุดแล้ว
เธอรู้ว่าในคืนวันแต่งานนั้นมันหมายความว่าอย่างไร แต่ทว่า เธอนั้นก็ยังคงสวมใส่ชุดนอนรักษามันเอาไว้อยู่ ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว แต่ทว่าก็ไม่ได้นอนเอนหลังบนเตียงเลย แต่กลับนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ราวกับว่าเป็นเจ้าสาวในสมัยโบราณที่แต่งงานเลยก็ไม่ปาน
หันจื่ออี้เดินเข้าไปหยุดนั่งลงทางด้านข้างของเธอ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับเธอย่างอบอุ่นว่า “ชิงชิงครับ ทำไมยังไม่นอนครับ?”
ฮั่วชิงชิงหันไปยกยิ้มให้กับเขา รู้สึกว่าตอนนี้หัวใจเต้นระรัวมากขึ้นหลายส่วน “รอคุณกลับมาค่ะ”
หันจื่ออี้ยื่นมือออกไปสวมกอดเธอเอาไว้ “ร่างกายของคุณพึ่งจะฟื้นฟูได้ไม่นานนัก หลังจากนี้ต้องนอนเร็วขึ้นหน่อยแล้วนะครับ”
เธอได้ยินคำพูดใส่ใจของเขา ใบหน้าแดงซ่าน ก่อนจะพยักหน้า “ค่ะ”
ถึงแม้ว่าจะเอ่ยพูดไปเช่นนั้นแล้ว แต่ทว่า เธอก็ยังคงตื่นเต้นจนไม่ขยับไปไหนอยู่ดี
ส่วนหันจื่ออี้นั้นก็ช่วยเธอตลบผ้าห่มออก ก่อนจะเอ่ยว่า “ชิงชิงครับ ผมไปอาบน้ำนะ”
“ค่ะ” ฮั่วชิงชิงถอดรอยเท้าออก ก่อนจะเข้าไปเอนหลังนอนบนเตียง
หันจื่ออี้เดินออกจากห้องไปแล้ว เธอถึงจะกล้าที่จะลืมตาขึ้นมอง หลังจากนั้น ก็กักเก็บความปรารถนาล้ำลึกของตนเองเอาไว้
เธอนั้นแทบจะนอนแนบอยู่ทางเดียวที่อีกฝั่งหนึ่งเลย เมื่อได้ยินเสียงน้ำออกมาจากห้องน้ำแล้ว ก็รู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นจนชนเข้ากับทรวงอกแล้ว เต้นตุบ ๆ จนแทบจะลมจับ
ระยะเวลาที่หันจื่ออี้อาบน้ำนั้นไม่นับมานานมากนัก แต่ทว่า ฮั่วชิงชิงรู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นผ่านทศวรรษหนึ่งไปอย่างเชื่องช้า
ในที่สุด เธอก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงรีบหลับตาลงแล้วแสร้งทำเป็นหลับทันที
หันจื่ออี้เช็ดเส้นผมจนแห้ง ก่อนจะตลบผ้าห่มออก เอนหลังนอนลงทางข้างกายของฮั่วชิงชิง ในตอนนั้นเอง ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นบินทะลุออกมาแล้ว
เธอตื่นเต้น แต่ทว่ากลับแฝงไปด้วยความคาดหวังอย่างลับ ๆ อยู่ด้วย ใบหน้าแดงซ่านเป็นชั้นบาง ๆ ชั้นหนึ่งแล้ว
เพียงแต่ว่า หลังจากที่หันจื่ออี้เอนกายนอนลงที่ทางข้างของเธอแล้ว กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย
แรกเริ่มร่างทั้งร่างของเธอแข็งเกร็ง จนมาถึงตอนช่วงหลัง มันอดทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ร่างทั้งร่างจึงค่อย ๆ คลายตัวลง ก่อนที่จะเปิดเปลือกตาขึ้นมา แล้วแอบลอบมองเขา
เดิมเธอคิดว่าเขาคงจะหลับไปแล้ว แต่ทว่า ในตอนที่เธอมองไปเช่นนั้นแล้ว หลับค้นพบว่าเขานั้นกำลังสบตามองมาที่เธออยู่พอดี ทันใดนั้นเอง ฮั่วชิงชิงจึงตะลึงลาน!
“ชิงชิงครับ คุณเองก็ยังไม่หลับหรือ?” หันจื่ออี้พลิกกายหันมาหา “นอนไม่หลับหรือครับ?”
ฮั่วชิงชิงกัดริมฝีปากไปมา “ค่ะ”
หันจื่ออี้ยื่นมือออกไป ก่อนจะดึงเธอเข้ามาสวมกอด หลังจากนั้นก็หัวเราะ “ผมก็เหมือนกันครับ”
ฮั่วชิงชิงถูกหันจื่ออี้สวมกอดเอาไว้อยู่ ทันใดนั้นเองก็ตื่นเต้นจนแทบจะไม่สามารถหายใจได้ เธอมองเขาอย่างเหม่อลอย ในสมองกำลังครุ่นคิดอย่างสุดชีวิต แต่ทว่ากลับไม่สามารถตีความนิ่งเงียบที่เป็นหัวข้อหลักได้แตกเลย
“ตื่นเต้นหรือครับ?” จู่ ๆ หันจื่ออี้ก็เอ่ยขึ้น
ฮั่วชิงชิงทำได้เพียงแค่พยักหน้ายอมรับ
เขาหัวเราะออกมา หลังจากนั้นจึงก้มศีรษะลง ก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้ริมฝีปากของเธอ
ฮั่วชิงชิงราวกับว่าร่างทั้งร่างถูกทำให้เป็นหินเลยก็ไม่ปาน ไม่สามารถขยับกายไปไหนได้เลย
หลังจากนั้นสุดท้ายแล้ว ริมฝีปากของหันจื่ออี้ก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปากของเธอ เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของชายหนุ่มที่ค่อย ๆ เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นแล้ว อีกทั้งยังมีรสบางเบาของสุราอีกด้วย เพียงแค่จุดจุดนี้เท่านั้น ก็สามารถทำให้สติของเธอนั้นหลุดลอยไปได้แล้ว
เขาประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอ เคลื่อนไหวเชื่องช้า ค่อย ๆ ทีละนิด หลังจากนั้นจึงเปิดกรามออกเธอออก แล้วเข้าไปสู่โลกที่ล้ำลึกของเธอ
ฮั่วชิงชิงรู้สึกเพียงแค่ว่าตนเองนั้นราวกับว่าโบยบินไปเสียแล้ว เธอหันหน้าเข้ากับจูบของเขา จู่ ๆ กลับไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเสียดื้อ ๆ แม้กระทั่ง ก็เริ่มมีความคาดหวังแล้วว่าพวกเขานั้นจะกลายเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ในตอนนี้เสียเลย
เธอคิด เธอหลงรักเขาแล้วจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? ไม่ได้เป็นเพียงแค่การชมชอบ แต่ทว่าเป็นการตกหลุมรัก
เสื้อผ้าของทั้งสองคน มันตกร่วงหล่นอยู่บนพื้นกว้างระหว่างการลูบไล้ จนกระทั่ง ฮั่วชิงชิงรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่สัมผัสเข้ากับส่วนอ่อนนุ่มของเธอ
ในเมื่อเป็นครั้งแรก เธอนั่นตื่นเต้นจนสีหน้าซีดเผือด ก่อนจะคว้าจับเข้าที่แขนของหันจื่ออี้ระคนตื่นตระหนก ริมฝีปากด้านล่างถูกขบกัดจนแทบจะไม่มีสีเลือดแล้ว
ส่วนหันจื่ออี้ ในตอนที่เขากำลังเตรียมตัวที่จะเข้าไปนั้นเอง จู่ ๆ กลับหยุดตัวลงแล้ว
เขาหลุบตามองหญิงสาวที่อยู่ด้านล่าง จู่ ๆ ในช่วงเวลานั้นเอง ภายในหัวใจก็มีความเวทนาขึ้นมาทันที
เขาถามเธอ “ชิงชิง ยังคงตื่นเต้นอยู่อีกหรือเปล่าครับ?”
ฮั่วชิงชิงพยักหน้า “ค่ะ ฉัน ฉัน……”
เธอเขินอายจะไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรดี
แต่ทว่าหันจื่ออี้หลังจากที่สบตามองเธอหลายวินาทีแล้วนั้น จู่ ๆ เขาก็ลงมาจากร่างของเธอ
เขาช่วยห่มผ้าให้กับเธออย่างดี “ไม่เป็นไรครับ รอให้คุณไม่ตื่นเต้นก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ก็ได้ครับ”
ฮั่วชิงชิงช้อนสายตามองเขาอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย หลังจากนั้น ก็เห็นว่าหันจื่ออี้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้ว และสวมใส่เสื้อผ้าไปพลาง หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ชิงชิงครับ คุณนอนไปก่อนเลยนะครับ ผมยังมีงานอีกนิดหน่อยที่จะต้องสะสาง ประเดี๋ยวจะเข้ามานอนเป็นเพื่อนคุณใหม่ครับ”
ถึงแม้ว่าเธอจะตื่นเต้น ถึงแม้ว่าจะรู้สึกกลัวความเจ็บขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจริง ๆ แต่ทว่า ในเมื่อนี่คือคืนวันแต่งงานของพวกเขา เขาใช้เหตุผลที่ว่าเธอตื่นเต้นเป็นเหตุผล แล้วก็จะเดินออกไปแบบนี้น่ะหรือ?
ในตอนที่ไฟถูกหันจื่ออี้ปิดลง ในตอนที่เขาเดินไปปิดประตูนั้นเอง ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าจู่ ๆ หยาดน้ำตาของตนเองก็ไหลรินลงออกมาในทันที
เขาไม่ได้รักเธอจริง ๆ สินะ มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาทั้งสองคนล้วนแล้วแต่เดินกันมาจนถึงขั้นนี้แล้ว จู่ ๆ เขาจะลุกออกไปเช่นนี้ได้อย่างไร?
ฮั่วชิงชิงคิดไปคิดมา ไม่รู้ว่าร้องไห้นานเท่าไหร่แล้ว จนมาถึงช่วงสุดท้าย เป็นเพราะว่าร่างกายทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงหลับไปแล้ว
ส่วนหันจื่ออี้ เข้าเดินเข้ามาในห้องหนังสือ แต่ทว่าแม้กระทั่งตัวอักษรเดียวนั้นก็อ่านไม่เข้าหัวเลย
เขาจุดบุหรี่ขึ้นมา รสชาติความรู้สึกของการสำลักเข้าสู่ปอดในทันที หัวใจของเองก็กำลังพูดคุยต่อฟ้าถึงความรู้สึกนี้ไม่หยุด
เขาแต่งงานกับผู้หญิงของคู่อริ เขาจะแก้แค้น แต่ทว่า ฮั่วชิงชิงกลับเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาไม่สามารถทำร้ายเธอ……
ทั้งคืน เขาไม่รู้เลยว่าสูบบุหรี่ไปมากเท่าไหร่แล้ว จนกระทั่งตนเองนั้นสำลักจนไม่ไหวแล้ว ถึงเปิดหน้าต่างในห้องหนังสือออก ปิดประตูห้องหนังสือ แล้วเดินออกมา
เขาอาบน้ำให้กับตนเอง ก่อนจะขจัดกลิ่นควันบนร่างกาย หลังจากนั้น ก็ผลักประตูห้องนอนให้เปิดออก
เป็นเพราะว่าลืมดึงม่ายลง ดังนั้นแล้ว ที่หน้าต่างด้านนอกมีแสงไฟเลือนรางสาดส่องเข้ามา หันจื่ออี้มองเห็น ที่เปลือกตาของหญิงสาวนั้นมันปูดบวมขึ้นเล็กน้อย แทบจะเป็นเพราะว่าผ่านการร้องไห้มา
เขารู้สึกว่าลมหายใจขาดห้วง ไม่รู้ว่าเธอร้องไห้เพราะอะไร แต่ทว่า เขาก็ยังคงไร้หนทางที่จะปล่อยวางการแก้แค้นอยู่ดี แล้วก็เหมือนกันเลย เขาก็ไม่ยินยอมที่จะทำร้ายเธอด้วย
เขาสบตามองฮั่วชิงชิงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ตลบผ้าห่มออก แล้วเอนกายนอนลงที่ทางด้านข้างของเธอ
เธอคงจะหลับลึกไปแล้วจริง ๆ ดังนั้นแล้ว ในตอนที่เขาเอนตัวนอนลงไปนั้น เธอไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับอะไรเลย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็ยื่นแขนออกมาดึงตัวเธอเข้ามาในอ้อมกอด
เธอนั้นแทบจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นของเขาได้โดนอัตโนมัติเลยทีเดียว ดังนั้นแล้ว เธอเพียงแค่ส่งเสียงอื้ออึงออกมาเล็กน้อยครั้งหนึ่ง ก่อนจะหลับใหลภายใต้อ้อมกอดของเขาต่อไป
หันจื่ออี้สบตามองขนตาบนใบหน้าของหญิงสาว แทบจะเต็มไปด้วยหยาดน้ำแพรวพราวเลย หรือว่าในฝันเองก็ร้องไห้ด้วย?
ภายในหัวใจมีความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง เขาขยับตัวไปทางด้านหน้าเล็กน้อย ก่อนจะประทับจูบลงบนหยาดน้ำตาบนขนตาของฮั่วชิงชิง