ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 407 ผมรักคุณ !
หันจื่ออี้ได้ยินเสียงของฮั่วชิงชิงเบามาก อีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะตัดขาดทุกอย่างและปล่อยวาง หัวใจของเขาสั่น จนเสียงแทบจะหาย : “ ชิงชิง คุณจะทำอะไร ?”
“ ถ้าเกิดว่าฉันตายไป คุณจะรู้สึกทุกข์ใจไหม ?” ฮั่วชิงชิงหัวเราะเบาเบา : “ ไม่ คุณคงไม่ เป็นเพราะว่าคุณบอกเองนิว่า ฉันคือลูกสาวของฮั่นเฉินเลี่ยง เวลาที่คุณนอนกับฉันก็รู้สึกขยะแขยง !”
เธอหัวเราะอยู่ๆดีๆน้ำตาก็ไหลนองออกมา
ทำไมเธอถึงได้โง่ขนาดนี้ ทำไมถึงได้เชื่อว่าหันจื่ออี้จะตัดใจจากหลานเสี่ยวถางได้ ทำไมถึงได้แต่งงานกับเขา แล้วทำไมถึงได้ให้โอกาสเขาเข้ามาเป็นศูนย์กลางของตระกูลฮั่ว ?
เรื่องทั้งหมดที่ผิด ล้วนเป็นเพราะเธอ เพราะเธอ ถึงได้ฆ่าพ่อตัวเองในวิธีทางอ้อม
ฮั่วชิงชิงหลับตา และยกเท้าขึ้น
แม้ว่าการตายจะเป็นทางหนีวิธีหนึ่งของคนที่อ่อนแอ แต่เธอไม่มีทางไปแล้วจริงๆ
“ ชิงชิง อย่านะ !” หันจื่ออี้บีบโทรศัพท์และตะโกนดังหันไปทางแม่น้ำ : “ ผมรักคุณ !”
ทันใดนั้นเท้าของฮั่วชิงชิงก็หยุดชะงักลงในทันที และในเวลานี้หัวใจก็ถึงกลับเต้นผิดจังหวะ
แต่หลังจาก ในชั่วประเดี๋ยวเดียว เธอก็มีท่าทีโต้ตอบอีกครั้ง : “ หันจื่ออี้ คุณกลัวว่าจะรู้สึกผิดต่อฉัน แล้วฉันจะเป็นผีไปหาคุณอย่างนั้นหรอ ? ไม่หรอกมั้ง ที่ผ่านมาคุณเคยช่วยชีวิตฉันเอาไว้ และแม้ว่าตอนนี้เหตุผลที่ฉันตายนั้นจะเป็นเพราะคุณ ถ้าอย่างนั้นมันก็พอดีเลยที่ต่างคนต่างก็ไม่ติดหนี้กันแล้ว !”
“ ชิงชิง อย่านะ เรื่องระหว่างเรายังมีเรื่องที่ยังเคลียร์ไม่ชัดเจนนะ !” หันจื่ออี้ยื่นมือออกไปควานหาตรงกระเป๋าเสื้อนอก แล้วก็ควานหาเจอโทรศัพท์อีกครั้ง
ในใจเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมากที่ตัวเองพกโทรศัพท์มาสองเครื่อง
เขาคุยกับฮั่วชิงชิงไปพร้อมกับมืออีกข้างที่กำลังปลดล็อกโทรศัพท์ จากนั้นก็โทรหาหยานชิงเจ๋อ
ในเวลานี้ หยานชิงเจ๋อกำลังกอดซูสือจิ่นนอนหลับอย่างสนิท เสียงกริ่งที่ดังแสบหูทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างไร ก็กลัวว่าจะทำให้หญิงที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นตื่น เขาก็เลยรีบลุกขึ้นมาในทันทีและปรับเสียงให้เขาลง จากนั้นก็ไปรับสายที่ห้องน้ำ
“ ใช่คุณหยานหรือเปล่า ? ผมหันจื่ออี้นะครับ ต้องขอโทษจริงๆนะครับที่โทรมารบกวนคุณ เป็นเพราะว่า ผมมีเรื่องด่วน อยากจะขอให้คุณช่วย……” ก่อนหน้านี้หยานชิงเจ๋อเคยทำร่วมกันกับหยานชิงเจ๋อมาก่อน ฉะนั้นก็เลยมีเบอร์โทรศัพท์
“ เรื่องอะไรหรอครับ ?” หยานชิงรู้ว่าถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร หันจื่ออี้ก็คงไม่โทรมารบกวนเขาในเวลาแบบนี้อย่างแน่นอน
“ ช่วยผมหาตรวจสอบหาตำแหน่งของเบอร์ผู้โทรหนึ่ง ขอที่แม่นยำและถูกต้องเป็นพิเศษหน่อยครับ ” หันจื่ออี้พูด
ถึงแม้ว่าในด้านซอฟต์แวร์ของ Latitude Technology จะสุดยอดมากๆ อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีไว้สำหรับอาณาเขตนี้เท่านั้น สำหรับตำแหน่งที่แม่นยำของคนนั้น มันก็ยังคงเป็นทางด้านกลุ่ม DR ทางนั้นที่ดีกว่า
แม้ว่ากลุ่ม DR จะเป็นของสือมูเฉิน แต่หยานชิงเจ๋อก็เป็นคนรับผิดชอบเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างสือมูเฉินกับหลานเสี่ยวถาง และด้วยสัญชาตญาณของเขาแล้วก็ไม่อยากจะขอความช่วยเหลือจากสือมูเฉิน
เมื่อหยานชิงเจ๋อได้รับหมายเลขโทรศัพท์ที่หันจื่ออี้ส่งมา ก็รีบเปิดไปหาเครือข่าย DRที่อยู่ทางนั้นในทันที
และในเวลานี้ ฮั่วชิงชิงที่อยู่ในสายก็พูดว่า : “ ยังมีอะไรที่เคลียร์ไม่ชัด ? โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณก็บอกฉันสิว่าฉันยังมีอะไรที่ติดค้างคุณอยู่อีก ฉันจะคืนให้คุณทั้งหมดเลย !”
“ ชิงชิง คุณเป็นภรรยาผม คุณว่า คุณยังมีอะไรติดค้างผมอยู่อีก ?” หันจื่ออี้ตั้งใจที่จะดึงดูดความสนใจให้ฮั่วชิงชิงพูด เพื่อที่จะได้ถ่วงเวลา
“ หันจื่ออี้ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะพูด……..” ฮั่วชิงชิงไม่รู้เลยจริงๆว่าควรจะใช้ภาษาอะไรมาบรรยาย
เดิมทีคิดว่าสิ่งที่ตัวเองได้นั้นเป็นหยก พอเอามาล้างให้สะอาดแล้วมาดูอย่างละเอียด ก็พบว่า มันเป็นก็แค่หินเน่าๆที่น่าขยะแขยงจนไม่รู้จะขยะแขยงมันยังไงแล้ว !
แต่ถึงมันจะเป็นอย่างนี้ ในใจของเธอก็ยังคงเสียใจและเจ็บปวด ถึงแม้ว่าความรู้สึกที่ซ่อนเอาไว้ยังคงภาวนาขอให้เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องปลอม เป็นแค่ฉากในความฝัน พอตื่นจากฝัน เขาก็ยังคงเป็นคนดีเหมือนกับก่อนหน้านี้ และพวกเขาก็ยังสามารถอยู่ด้วยกันไปได้นานแสนนาน !
“ ใช่สิ พวกเรายังไม่เคยมีอะไรด้วยกันเลย มันเรื่องที่น่าเสียดายขนาดนี้……” หันจื่ออี้ดูเหมือนจะรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก : “ ก่อนหน้านี้ คุณกับฟู่สีเกอยังไม่เคยใช่ไหม ? ดังนั้น คุณก็ยังคง……อย่างสมบูรณ์แบบ ”
“ คุณไม่มีสิทธิ์จะพูดถึงเขา !”ฮั่วชิงชิงรู้สึกเกลียดมาก : “ เมื่อคุณเทียบกับเขาแล้ว แม้แต่คนถือรองเท้าคุณก็ยังไม่คู่ควรเลย !”
เมื่อหันจื่ออี้ได้ยินคำพูดของฮั่วชิงชิง หัวใจก็บีบรัดแน่นในทันที คิดไม่ถึงเลยว่าความเจ็บปวดนี้มันจะแพร่กระจายไปทั่ว ในเวลานี้ เขารู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อย
แต่มันก็เป็นในเวลานี้ ที่โทรศัพท์อีกเครื่องของเขา มีเสียงดังขึ้นมา นั้นก็คือตำแหน่งที่อยู่ที่หยานชิงเจ๋อส่งข้อความมา
ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย หันจื่ออี้ก็ได้เร่งฝีเท้าเดิมมุ่งตรงไปยังตำแหน่งที่อยู่ที่แสดงบนหน้าจอโทรศัพท์
เนื่องจากเป็นเช้าตรู่ เขาอยากจะโบกเรียกแท็กซี่แต่มันก็ไม่เห็นเลยสักคัน และเขาเกือบคิดว่าตัวเองก็คงจะทำได้เพียงทางเดียวคือวิ่งไป และในที่สุดเขาก็โบกเรียกรถแท็กซี่ได้
“ ไปโรงพยาบาลกลางของเมืองครับ ” ในขณะที่หันจื่ออี้พูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ก็ได้ยักเงินปึกหนึ่งให้คนขับ : “ ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุด ถ้าโดนล็อกรถผมจะช่วยคุณเอง และค่าปรับผมจะเป็นคนจ่ายให้เอง !”
คนขับรับเงินไป จากนั้นก็รีบขับมุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูง
โชคดีที่ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ยังไม่ถึงชั่วโมงเร่งรีบของคนทำงาน ไฟหลายดวงกะพริบเป็นสีเหลือง และบนท้องถนน ก็ไม่ได้มีรถอะไรมากนัก
หันจื่ออี้ยังคงอย่างต่อเนื่องกับฮั่วชิงชิง : “ ชิงชิง รู้ไหมว่าทำไมผมถึงจะได้เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ ? คุณไม่อยากรู้เลยหรอว่าระหว่างผมกับพ่อของคุณนั้นตกลงมันมีความแค้นอะไรกันแน่ ?”
“ สิ่งที่คุณพูด ฉันจะเชื่อได้ยังไงกัน ? ! พ่อของฉันก็ไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ ไม่ว่าคุณจะบิดเบือนความจริงยังไง มันก็ล้วนทำได้ทั้งนั้น !” ถึงแม้ว่าฮั่วชิงชิงจะพูดแบบนี้ แต่อันที่จริงแล้ว ในใจก็ยังคงหวังว่าต่อให้ตายก็ต้องเข้าใจมันกระจ่างชัดสักก่อน
แม้ว่าหลังจากที่หันจื่ออี้แต่งงานกับเธอแล้วจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันไม่มากนัก แต่ก็ยังถือว่ารู้จักเธอดี ดังนั้น ถึงแม้ว่าฮั่วชิงชิงจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังคงพูดกับเธอ
เขาตั้งใจที่พูดให้มันช้า : “ แต่ก่อน มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ตั้งแต่เขายังเด็กมากๆพ่อของเขาก็ทำธุรกิจล้มเหลว ดังนั้น ความผิดทั้งหมดมันเลยตกไปอยู่กับแม่ของเขา แล้วก็บอกว่าแม่ของเขานั้นคือตัวซวย……”
เขาเริ่มพูดมันอย่างช้าๆ และนอกหน้าต่างรถนั้น วิวทิวทัศน์ก็ถอยหลังด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่ากำลังจะเข้าใกล้โรงพยาบาล
แต่เดิมฮั่วชิงชิงเกลียดมาก แต่ถึงอย่างไร เรื่องราวที่น่าสงสารนี้ก็ยังคงดึงดูดความสนใจของเธอได้ และไม่ได้ขัดอะไร
“ มันเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่สุดในชีวิตของเขาที่ไม่สามารถพาแม่ของเขาหนีรอดออกมาจากอิทธิพลชั่วร้ายนั้นได้ ” ในขณะที่หันจื่ออี้พูด ในแววตาก็มีแสงของน้ำเล็กน้อย : “ เขารู้สึกเสียใจในภายหลังมากๆ ทำไมพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ถึงไม่พาแม่จากไป แล้วทำไมตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยถึงได้ดื้อรั้นเอาแต่จะเก็บเงินซื้อบ้าน พอหลังจากซื้อบ้านได้แล้ว ทำไมเพิ่งจะมารับแม่ไป ? ถ้าหากว่าเร็วกว่านี้……”
เมื่อเขาพูดมาถึงตรงนี้ ในลำคอก็แทบจะสะอึกสะอื้น
และรถแท็กซี่ ก็ได้มาถึงหน้าทางเข้าของโรงพยาบาล
หันจื่ออี้ลงจากรถด้วยความรวดเร็ว จากนั้น มุ่งตรงไปยังตึกสูงที่ฮั่วชิงชิงอยู่
เมื่อเห็นจอแสดงLEDทั้งสองยังชี้ไปยังชั้นบนอย่างไม่หยุด หันจื่ออี้รอลิฟต์ไม่ไหว ดังนั้น ก็หันกลับไปหาบันได
และในเวลานี้ เรื่องราวของเขาก็ได้พูดจบแล้ว
ฮั่วชิงชิงก็ถามด้วยคำถามที่เศร้ารันทด : “ ดังนั้น คุณก็เป็นผู้ชายในเรื่องราวนี้ และพ่อของฉัน ก็ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของคุณอย่างนั้นเหรอ ?”
หันจื่ออี้ก็กลับไปว่า : “ ใช่ ”
“ สำหรับคุณแล้ว พ่อของฉันทำให้แม่ของคุณต้องตาย และสำหรับฉัน คุณขู่เข็ญจนพ่อฉันต้องตาย ” ฮั่วชิงชิงหลับตาลงแล้วก็มีน้ำตาอันบริสุทธิ์ไหลลงมาเป็นสองแนว : “ ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้ว ทำไมจู่ๆคุณถึงได้เอาใจใส่ฉัน และเข้าใจละเหมือนกันว่า ทั้งๆที่คุณชอบหลานเสี่ยวถาง แต่กลับยอมมาแต่งงานกับฉันเพื่อให้เป็นภรรยาคุณ……หันจื่ออี้ พอดีเลย ฉันจะไปแล้ว ต่อจากนี้ไป ระหว่างพวกเราก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก……”
ฮั่วชิงชิงเช็ดน้ำตา ไปจนกระทั่งจัดระเบียบผม จากนั้นก็กลับไปยืนอยู่ริมขอบของดาดฟ้าอีกครั้ง
ในเวลานี้ เธอแทบจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของลมที่อยู่ด้านล่าง จนกระทั่งคิดว่าในตอนที่เธอบินลงไป ลมมันจะแรงสักแค่ไหนกัน และในตอนที่เธอตกลงไป ผมจะต้องยุ่งเหยิงดูไม่ได้แน่ๆ และแน่นอนว่าจะต้องน่าเกลียดมากๆ……
“ พ่อคะ พ่อไม่ต้องคุกเข้าขอร้องอ้อนวอนเพื่อหนูแล้ว เป็นเพราะว่าลูกสาวคนนี้ ไม่ต้องการอะไรแล้ว…….”ฮั่วชิงชิงกระโจนไปด้านหน้า
แต่ทว่าความคาดหวังนั้นก็ไม่ได้เป็นไปตามนั้น เธอรู้สึกว่ารอบเอวดูแน่นๆเหมือนกับว่าอะไรมาโอบเธอไว้อย่างแน่น จากนั้นเธอก็ถูกแขวนอยู่บนอากาศ
เธอหันกลับไปมองด้วยความลำบาก จากนั้นก็เจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย
หันจื่ออี้โอบฮั่วชิงชิงไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือหนึ่งก็จับท่อราวเหล็กที่ยื่นออกมาของดาดฟ้าไว้อย่างแน่น
“ คุณปล่อยฉันนะ ” ฮั่วชิงชิงขยับตัว : “ ฉันไม่ต้องการความเสแสร้งของคุณมาช่วยฉัน ! ฉันเกลียดคุณ !”
เป็นเพราะว่าฮั่วชิงชิงขยับ หันจื่ออี้ก็เกือบจะจับไว้ไม่แน่น ตัวของทั้งสองคนกำลังโยกเยกอยู่กลางอากาศที่มีความสูงสี่สิบกว่าเมตร อีกนิดร่างกายและกระดูกของทั้งคู่ก็เกือบจะกลายเป็นฝุ่นผง
“ ชิงชิง ถ้าเกิดว่าคุณอยากตาย ผมก็จะปล่อยมือ และพวกเราก็ตายไปด้วยกัน ” หันจื่ออี้มองฮั่วชิงชิงและพูดอย่างสงบ
เดิมทีเป็นเพราะว่าฝ่ามือได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ท่อราวเหล็กอันนั้นก็ใช้มาเป็นเวลานานแล้วก็เริ่มจะขึ้นสนิมบ้างแล้ว บริเวณที่นูนก็ทับเข้ากับมือของเขาทำให้รู้สึกเจ็บและแสบร้อน บวกกับฮั่วชิงชิงที่ขยับ มันทำให้หันจื่ออี้แทบจะไม่สามารถรักษาสมดุลของทั้งสองคนได้
“ หันจื่ออี้ นี่คุณเป็นบ้าอะไร ?” ฮั่วชิงชิงมองไปยังเขา : “ ฉันไม่ได้มัดคุณเข้ากับศีลธรรมอะไรทั้งนั้น สิ่งที่คุณต้องทำก็เพียงแค่ปล่อยฉันก็ได้ !”
“ ผมจะพูดอีกรอบนะ ผมจะไม่ยอมปล่อยแค่ตัวคุณคนเดียว ! ถ้าหากว่าคุณอยากจะตาย ผมจะก็จะปล่อยมือทันที และพวกเราก็ลงไปด้วยกัน !” ในขณะที่หันจื่ออี้พูดนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มปล่อยมือออกทีละนิดแล้วจริงๆ
ฮั่วชิงชิงหัวใจบีบรัดแน่นขึ้น ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นปีศาจร้าย แล้วก็ทั้งๆที่เกลียดเขาเอามากๆ แต่เมื่อเธอคิดว่าเขาจะตายด้วย ในทันใดนั้นเธอก็ไม่ขยับเลย
ดังนั้น มันก็เลยทำให้ทั้งสองคนรักษาสมดุลที่ยากลำบากในเวลานี้
อีกทั้ง เมื่อฮั่วชิงชิงเงยหน้าขึ้นก็พบว่ามีเลือดสีแดงสดไหลนองออกมาจากฝ่ามือของหันจื่ออี้ และมันก็ไหลลงมาตามแขนของเขาหมดแล้ว……
เธอรู้สึกปวดร้าวในใจอีกครั้ง เหมือนกับตัวเองกำลังถูกฉีกออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งคือเกลียดชังเขา ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็รักเขา
ในใจลึกๆเขาเธอเต็มไปด้วยความอ่อนแอ
ระหว่างพวกเขา มีทั้งสะพานที่ข้ามผ่านความเป็นความตายและความเกลียดชังมามากมาย เธอไม่สามารถที่จะปล่อยวางเรื่องที่พ่อของเธอตายได้ ไม่สามารถลืมภาพในฉากของเมื่อคืนได้ แล้วก็ไม่สามารถจะรับในส่วนครึ่งที่เหลือของเขาได้ !
เธอรู้สึกโทษความอ่อนแอของตัวเอง เสียใจความโง่เขลาของตัวเองในภายหลัง และอีกอย่าง ในขณะนี้ต่อให้ตายก็ยังคงอาลัยอาวรณ์ต่อเขา! ทั้งหมดล้วนแล้วเป็นความผิดของเธอ !
น้ำตาของฮั่วชิงชิงก็ไหลลงอาบแก้มจากนั้นก็ไหลลงไปที่คาง ในไม่ช้าก็ถูกลมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หันจื่ออี้เห็นว่าเธอร้องไห้ ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะถูกเขมือบกินหัวใจของเขาทีละนิด เขาก็คล้ายว่าจะนึกอะไรขึ้นได้ ในตอนนั้นเธอชอบร้องไห้ และเขาก็ได้ตั้งฉายาให้กับเธอว่า ยัยขี้แย
เขาเสียใจภายหลังงั้นหรอ ?
ไม่ ถ้าเกิดว่ายังมีโอกาสอีกครั้ง เขาก็ยังจะไปหาพ่อเขาเพื่อแก้แค้น ! ความอาฆาตกรแค้นที่คนในครอบครัวถูกฆ่าแบบนี้ มันฝั่งลึกเข้าไปในเลือดเนื้อแล้ว จะมาบอกให้ปล่อยแล้วก็ปล่อยได้ยังไงกัน ? !
แต่เขามาเสียใจในภายหลังเพราะตัวเองไม่ควรที่จะลงมือที่บ้านตระกูลฮั่วและทำให้เธอโดนทำร้าย !
หันจื่ออี้รู้สึกว่าอีกไม่นานตัวเองจะค้ำไม่ไหวแล้ว ดังนั้น เขาก็เลยพยายามมองข้ามความอึดอัดที่มีในใจนั้นให้หายทิ้งไป และพูดกับฮั่วชิงชิงอย่างจริงจัง : “ ชิงชิง คุณฟังผมพูดนะ ผมจะออกแรงดึงให้พวกเราขึ้นไป อีกเดี๋ยวถ้าในตอนที่เข้าไปใกล้ คุณก็ปีนขึ้นไปก่อนนะ ผมจะรองคุณอยู่ด้านล่าง และคุณจะไม่เป็นไร ”
ฮั่วชิงชิงมองไปในดวงตาของเขา : “ คุณไม่กลัวหรอว่าถ้าฉันขึ้นไปแล้ว จากนั้นก็ผลักคุณลง ?”
“ ไม่เป็นไร ” หันจื่ออี้หัวเราะให้เธอ : “ อันที่จริง ผมก็เหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน คุณอยากจะหลักผมก็ผลักเถอะ !”