ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 413 ขอสารภาพกับเธอเลยนะ รักหนึ่งเดียวของฉัน
หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นั่น ก่อนจะรีบกุลีกุจอหมุนตัวทันที ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าร้องไห้งอแงของหวันหว่านนั้นบีบเข้าด้วยกันแล้ว ดวงตากลมโตทั้งสองข้างสบตามองทั้งสองคนอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ มุมปาก มีน้ำลายสีใสไหลย้อยลงมาอีกด้วย
หลานเสี่ยวถางมีปฏิกิริยาตอบกลับมาในทันที อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปตีสือมูเฉินครั้งหนึ่ง “โทษคุณนั่นแหละ!”
สือมูเฉินเองก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว เขารีบเข้าไปอุ้มหวันหว่านขึ้นมา ก่อนจะวางเอาไว้ในวงแขนของหลานเสี่ยวถาง หลังจากนั้นก็จุ๊บเสี่ยวหวันหว่านไปหนึ่งครั้ง “เอาละ เอาละ ปะป๊าไม่แย่งหวันหว่านดื่มนมแล้วครับ!”
หวันหว่านถึงแม้ว่าจะนอนอยู่ในวงแขนของเสี่ยวถางแล้วก็ตาม แต่ทว่า ก็ยังคงเงยหน้าสบตามองสือมูเฉินอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากำลังบอกว่า ปะป๊าไม่ดี ปะป๊าดื่มน้ำนมของหนูจนหมดแล้ว! หนูไม่ยอม!
คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าตัวน้อยคนนี้จะปกป้องอาหารของตนเองมากขนาดนี้ หลานเสี่ยวถางจะร้องไห้ก็ไม่ได้จะหัวเราะก็ไม่ออก ก่อนจะก้มลงไปจุ๊บใบหน้าของเธอ ก่อนจะรีบเผยหน้าอกให้หวันหว่านได้ดื่มนมอีกทาง
เจ้าตัวน้อยนั้นแบะริมฝีปาก แทบจะยังคงมีโทสะอยู่ แต่ทว่า กลับต่อต้านความเย้ายวนจากกลิ่นนมไม่ได้ ในที่สุดก็พุ่งใบหน้าเล็ก ๆ เข้าไปหา ก่อนจะเริ่มดื่มนม
เมื่อได้ดื่มรสชาติที่แสนอร่อยเข้าไป ทันใดนั้นเองเธอก็เผยยิ้มออกมา แต่ทว่าที่ขนตายาวสลวยนั้นยังคงมีคราบน้ำตาแห้ง ๆ เกาะอยู่ด้วย มองดูแล้วน่ารักจับใจ
ช่วงเวลาสั้น ๆ ผ่านพ้นไปแล้ว หวันหว่านนั้นลืมเลือนสงครามเล็ก ๆ กับปะป๊าเมื่อครู่นี้ไปหมดแล้ว ในตอนนี้ กำลังนั่งอยู่บนหัวไหล่ของสือมูเฉิน และตบมืออย่างเบิกบานใจ
ตอนนี้เธออยู่สูงมาก สูงกว่าทุกคนในบ้านอีก เธอชื่นชอบที่สูงแบบนี้ ดังนั้นแล้ว ยังคงเงยหน้าขึ้น ยกแขนราวกับรากดอกบัวน้อย ๆ ขึ้น ก่อนจะสัมผัสเข้ากับเพดานห้อง
แต่ทว่า มองดูแล้วเพดานห้องนั้นอยู่ใกล้มากเลย เธอคิดอยากที่จะสัมผัสมัน ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกร้อนรนเล็กน้อย
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางดังขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดูครู่หนึ่ง เป็นสายโทรเข้ามาของเย่เหลียนอี หลังจากนั้นจึงรีบรับสายอย่างรวดเร็ว “คุณแม่คะ”
“ถางถางจ๊ะ แม่กับพ่อของลูกคุยกันแล้ว ปีนี้ทุกคนจะฉลองตรุษจีนข้ามปีด้วยกัน แม่ค่อยกลับไปทางอเมริกาฝั่งนั้นอีกครั้ง” เย่เหลียนอีเอ่ย “พ่อของลูกยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติอยู่ ดังนั้นแล้วตอนนี้ไม่สามารถออกนอกประเทศก่อน หลังจากที่แม่กลับบ้านไปเยี่ยมคุณตาของลูกแล้ว กะว่าจะอยู่สักสองสามวันแล้วค่อยกลับมา”
หลานเสี่ยวถางตอบกลับไปว่า “ได้ค่ะ คุณแม่คะ ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราก็จัดงานข้ามปีกันที่นี้เลย! น่าเสียดายที่ต้องรอให้แม่กลับมาจากอเมริกาก่อน แต่เกรงว่าพวกเราก็คงไปที่ทางตระกูลเพอร์เซลล์ฝั่งนั้นแล้วค่ะ”
“ถางถาง ลูกเองก็ไม่ต้องกังวลใจมากนะ” เย่เหลียนอีเอ่ย “ทางฝั่งเพอร์เซลล์นั้น พวกเขาให้ความสำคัญต่อหวันหว่านนั้นถือเป็นเรื่องดี ในอนาคต หวันหว่านเองก็จะเป็นเจ้าหญิงน้อยของทั้งสองตระกูลใหญ่”
หลานเสี่ยวถางช้อนสายตาขึ้น ก่อนจะมองเจ้าหญิงตัวน้อยที่อยู่บนไหล่ของสือมูเฉิน อดไม่ได้ที่จะคลายคิ้วออกมาอย่างช้า ๆ
เธอพูดคุยกับเย่เหลียนอีต่ออีกสองสามประโยค ก่อนจะวางสายไปแล้ว หลังจากนั้นก็ได้รับภาพถ่ายภาพหนึ่งจากทางวีแชท……
ซูสือจิ่นกับหยานชิงเจ๋อ หลังจากงานเลี่ยงตอนช่วงบ่ายแล้ว ก็ขับรถมุ่งตรงไปที่สำนักงานกิจการพลเรือนทันที ทางฝั่งนั้นเริ่มทำงานอีกครั้งตอนบ่ายโมงครึ่ง พวกเขาไปถึงกันเร็วมาก ดังนั้นจึงต่อแถวช่วงบ่ายได้เป็นคนแรก
ช่องหน้าต่างพึ่งจะเปิดออก หยานชิงเจ๋อก็ดึงซูสือจิ่นอย่างคนอดทนรอไม่ได้แล้ว
เขาส่งเอกสารของทั้งสองคนไป หลังจากนั้น ก็หันไปเอ่ยกับพนักงานในช่องหน้าต่างว่า “สวัสดีครับ พวกเรามาแต่งงานกันใหม่อีกครั้งครับผม”
พนักงานวางแก้วน้ำลง ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมามองบนร่างของทั้งสองคน ทันใดนั้นเอง ก็ชะงักไปครู่หนึ่งเลย
หยานชิงเจ๋อนึกว่ามีปัญหาอะไร อดที่จะเอ่ยถามไม่ได้ว่า “แต่งงานใหม่อีกรอบนี้ใช่ทางนี้หรือเปล่าครับ?”
พนักงานพยักหน้า “ค่ะ”
พูดไป ก็พิจารณาทั้งคู่อีกครั้งไปพลาง “ในตอนแรกพวกคุณแต่งงานกัน ฉันก็เห็นแล้วว่าสีหน้าของพวกคุณนั้นไม่ถูกต้อง”
หยานชิงเจ๋อเบิกตากว้าง “คุณยังจำพวกเราได้หรือครับ?”
พนักงานเอ่ยขึ้นมาว่า “ทำไมจะจำไม่ได้ละคะ? คุณทั้งสองคนหน้าตาดีทำให้คนจดจำได้อย่างลึกซึ้งมากขนาดนั้น อีกอย่างหนึ่งนะคะ สีหน้าท่าทางของพวกคุณในตอนแรก ก็ทำให้คนรู้สึกว่าพวกคุณนั้นจะต้องอยู่กันได้ไม่นานหรอกค่ะ”
ซูสือจิ่นลิ้นจุกปาก หวนนึกถึงในตอนแรก ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเช่นกัน
ใช่สิ ในตอนนั้นเธอกับหยานชิงเจ๋อนั้นแทบจะไม่พูดคุยกันเลย ใบหน้าของเขาเย็นชา ส่วนเธอนั้นแฝงไปด้วยน้ำตา……
“คุณวางใจเถอะครับ หลังจากนี้พวกเราจะอยู่ด้วยกันนาน ๆ เลย” หยานชิงเจ๋อพูดไป ก่อนจะชี้ไปที่เอกสาร “คุณช่วยดูหน่อยครับว่าครบถ้วนไหม?”
พนักงานพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะหยิบเอกสารสองใบขึ้นมาอีกครั้ง “เซ็นตรงนี้หน่อยค่ะ”
ทันใดนั้นเองหยานชิงเจ๋อกับซูสือจิ่นก็หยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกันในทันที ก่อนจะขีด ๆ เขียน ๆ ชื่อของตนเองลงไป
“คนหนุ่มสาวเนี่ยนะ การแต่งงานไม่ใช่การเล่นเกมนะคะ” พนักงานพิมพ์ข้อมูลลงในระบบไปพลาง ก่อนจะเอ่ยไปพลาง “หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะได้พบกันแล้วนะคะ!”
“คุณวางใจได้เลยครับ หลังจากนี้พวกเราจะไม่เจอกันอีกแล้วล่ะ” หยานชิงเจ๋อหันไปเอ่ยกับพนักงานเสร็จ ก็ดึงมือของซูสือจิ่นขึ้นมา ก่อนจะวางเอาไว้บนฝ่ามือ หลังจากนั้น ก็หันไปเอ่ยกับเธอย่างหนักแน่นครั้งหนึ่งว่า “เสี่ยวจิ่น ขอโทษนะ ขอบคุณนะ”
ขอโทษนะ เขาในตอนนั้นที่โง่เขลามากเกินไป ทิ่มแทงหัวใจที่แท้จริงของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เขายังคงจำได้ หน้าประตูของสำนักงานกิจการพลเรือน เธอยื่นสมุดสีแดงให้กับเขา เขากลับโดยมันทิ้งลงไปกับพื้นโดยตรง ละเลยเป็นอย่างมาก
ขอโทษนะ ที่เขาบีบให้เธอหนีเขาไปต่างประเทศ ยอมรับความเจ็บปวดเพียงคนเดียว มีบ้านอยู่แต่ไม่สามารถกลับมาได้
ขอโทษนะ เขาในเมื่อหนึ่งปีก่อน เคยทำเรื่องราวที่ทำร้ายหัวใจของเธออย่างเจ็บปวดเอาไว้มากมาย
แต่ทว่า ขอบคุณนะ ในเมื่อตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้ว เขาเองก็ยินยอมที่จะอยู่ข้างกายของเธอ ยินยอมที่จะให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่เหลือของฉัน
ซูสือจิ่นถูกหยานชิงเจ๋อพูดเช่นนั้นจนใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาเล็กน้อยในทันที เธออดไม่ได้ที่จะหันไปมองในช่องหน้าต่าง ก่อนจะเห็นว่าพนักงานกำลังยกยิ้มเบา ๆ ให้กับพวกเขาอยู่
เธอกัดริมฝีปากไปมา “ชิงเจ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ อันที่จริงแล้วขอเป็นเพียงแค่พี่ แค่นั้นมันก็โอเคแล้วค่ะ”
ทั้งสองคนกระชับมือเข้าหากันแน่น
พนักงานเก็บใบหย่าของพวกเขากลับไปแล้ว แก้ไขเป็นใบแต่งงานใหม่อีกครั้ง ในตอนที่ทั้งสองคนประทับตราลงบนสมุดเล่มสีแดงแต่ละเล่มหลังจากนั้นมันก็ถึงมือของทั้งสองคนแล้วนั้นเอง หยานชิงเจ๋อนั้นปลื้มปีติจนน้ำตาแทบจะไหลพราก
ยังดี ผู้หญิงของเขา ยังคงอยู่ข้างกายเป็นเพื่อนกับเขาอยู่
เขาให้ซูสือจิ่นหยิบสมุดของเธอขึ้นมา เขาก็หยิบของตนเองขึ้นมา หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ถ่ายภาพด้วยตนเองร่วมกัน
เมื่อเรื่องเหล่านี้เสร็จสรรพแล้ว หยานชิงเจ๋อก็รีบโพสต์ลงใบเวยป๋อและโมเมนต์วีแชทในทันที ก่อนจะเขียนว่า “ตอนยังเด็กเธอเป็นเด็กสาวที่ฉันต้องปกป้อง พอโตแล้วเธอกลับเป็นภรรยาที่เคียงบ่าเคียงไหล่ฉัน ในอนาคต เธอจะต้องเป็นคู่ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวของฉันไปอีกนาน ขอสารภาพกับเธอเลยนะ รักหนึ่งเดียวของฉัน”
ซูสือจิ่นเองก็ง่าย ๆ เธอส่งภาพถ่ายไปให้หลานเสี่ยวถางดู หลังจากนั้นก็เขียนว่า “บอกลาความโสดแล้วนะ! ทุกคนเตรียมอั่งเปาให้ดี!”
ในตอนนั้นเอง ในโรงแรมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในต่างประเทศที่ห่างไกล เจียงซีหยู่ที่พึ่งจะแสดงในตอนกลางคืนจบก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กำลังจะเลื่อนเวยป๋อเล่นตามความเคยชิน
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีการแจ้งเตือนที่ติดตามเอาไว้เป็นพิเศษเด้งขึ้นมา
นัยน์ตาของเธอหดตัวลงเล็กน้อย
ที่ผ่านมา เธอนั้นตั้งค่าติดตามเอาไว้อย่างเป็นพิเศษกับหยานชิงเจ๋อ แต่ทว่า หยานชิงเจ๋อนั้นแทบจะไม่โพสต์เวยป๋อเลย ถึงแม้จะมีบ้างบางครั้งที่จะโพสต์สักข้อความหนึ่ง แต่ทว่าก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับงาน เดิมก็แทบจะไม่ได้เห็นข่าวคราวส่วนตัวใด ๆ ของเขาเลย
แต่ทว่าหลังจากที่ทั้งสองคนเลิกรากันไปแล้ว หยานชิงเจ๋อก็ลบวีแชทของเธอไป เธอเองก็มองไม่เห็นโมเมนต์ในวีแชทของเขา
ชีวิตของพวกเขา เดิมก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย อย่างมากที่สุดเธอก็ทำได้เพียงแค่สอบถามจากมั่วหลิงชวน ดังนั้นได้รู้ว่าหยานชิงเจ๋อเองก็หาซูสือจิ่นไม่พบเช่นกัน อีกทั้งก็ยังมีเรื่องราวที่ทั้งสองคนนั้นเลิกรากันไปตั้งนานแล้วด้วย
ในตอนนั้น หัวใจของเธอนั้นดีใจเป็นอย่างมาก
คนที่เธอไม่ได้มาครอบครอง คนอื่นก็จะไม่ได้ครอบครองเช่นกัน! แต่ทว่าที่เธอใช้วิธีสกปรก ตัดขาดพรหมลิขิตของหยานชิงเจ๋อและซูสือจิ่นไปนั้น แทบจะ ไม่เสียเปล่าเลยทีเดียว!
ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ต่างประเทศ หน้าที่การงานเติบโตได้ไม่ราบรื่นนัก แต่ทว่าก็ล้วนแล้วแต่จะหนึ่งปีแล้ว ยังคงไม่มีโอกาสได้ขึ้นแสดงลำพังคนเดียวเลย เธอเองนั้นก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรมากนัก
ในเมื่อ บนโลกใบนี้ ยังมีคนที่ผ่านไปแต่ละวันที่แย่กว่าเธออยู่
วันนี้ หยานชิงเจ๋อจะโพสต์เวยป๋ออีกแล้วหรือ? เกรงว่าก็คงจะเป็นข่าวคราวเกี่ยวกับธุรกิจมือถือสินะ?
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนี้ เจียงซีหยู่เองก็ยังคงติดนิสัยการกดเข้าไปดูอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ ในตอนที่เธอเห็นภาพถ่ายที่ด้านบนแล้วนั้นเอง จู๋ ๆ ก็เหม่อลอยไปเลยในทันที
ในภาพถ่าย หยานชิงเจ๋อกับซูสือจิ่นกำลังชูทะเบียนสมรสอยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข พวกเขาทั้งสองชูมือซ้ายขึ้นมาด้วยกัน ดังนั้นแล้ว แหวนแต่งงานคู่นั้นบนนิ้วนางข้างซ้าย ก็เป็นประกายสวยสดงดงามให้เห็น
ถึงแม้ว่าหน้าจอโทรศัพท์จะเย็นจัด แต่ก็แทบจะสามารถรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิของฝ่ามือที่ร้อนขึ้นเช่นนั้นได้เลยทันที
ส่วนหยานชิงเจ๋อทางด้านบน ก็ยังมีประโยคข้อความเล็ก ๆ เขียนเอาไว้ด้วย
ในตอนที่เธอมองเห็นที่ท้ายประโยคว่า ‘ขอสารภาพกับเธอเลยนะ รักหนึ่งเดียวของฉัน’ แล้วนั้น โทรศัพท์มือถือก็แทบจะร่วมหล่นจากมือเลยทีเดียว!
หนึ่งเดียว……
ริมฝีปากของเธอยกยิ้มเยาะเย้ยตนเองขึ้น ภายในดวงตา ล้วนเต็มไปด้วยประกายดำมืดที่กดเก็บเอาไว้อย่างซับซ้อน
จู่ ๆ เธอก็ค้นพบว่า ตนเองนั้นแทบจะกลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรงที่รู้ความจริงแล้วแต่ทว่าก็ยังคงหลอกตัวเองอีกครั้ง
หยาดน้ำตาสีใสไหลลงมาทีละหยด เจียงซีหยู่สบตามองโทรศัพท์อีกครั้ง จู๋ ๆ กลับโยนมันทิ้งลงพื้น หลังจากนั้น ก็ยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบมันไปมาอย่างรุนแรง!
แต่ทว่า เธอยิ่งแตะโทรศัพท์มือถือ มันก็ยิ่งยังคงสว่างอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง โทรศัพท์มือถือของเธอนั้นถูกเธอกระทืบจนหน้าจอแตกไปหมดแล้ว สุดท้ายแล้ว หน้าจอก็แตกละเอียด เธอจึงคล้ายราวกับว่าถูกดูดกลืนเรี่ยวแรงไปเลยก็ไม่ปาน ก่อนจะนั่งล้มลงไปบนพื้น
ที่ประตู มีเสียงเคาะดังขึ้น
เจียงซีหยู่ไม่ได้สนใจ ยังคงนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น
ตามต่อมาเรื่อย ๆ เสียงเคาะนั้นยังคงดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เธอถูกทำจนรำคาญไม่ไหวแล้ว หลังจากนั้น จึงหันไปตะโกนใส่ประตูโดยไม่สนใจว่า “อย่ามาวุ่นวายกับฉัน!”
“ผมเอง!” มีเสียงผู้ชายดังลอยขึ้นมา แล้วพูดบอกเป็นภาษาอังกฤษ
เจียงซีหยู่ได้ยินเสียงเจ้านายของวงดนตรีของตนเอง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องไปเปิดประตู
“ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ?” ชายหนุ่มวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“อยากร้องก็เลยร้อง!” เธอเช็ดน้ำตาไปพลาง ก่อนจะปรับอารมณ์ของตนเองไปพลาง
“ต่อหน้าผมยังกล้าที่จะดื้อแบบนี้อีก!” ชายคนนั้นพูดไป ก่อนจะเดินเข้าไปเช็ดหยาดน้ำตาให้กับเจียงซีหยู่ด้วยความอบอุ่น
เธอไม่ได้หลบหลีก
นัยน์ตาของชายคนนั้นสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เขาจึงลองใช้นิ้วมือสัมผัสเข้าที่ใบหน้าและเช็ดให้เจียงซีหยู่อย่างแผ่วเบา
แสงสีในยามราตรี ในตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นแล้ว
หัวใจของเจียงซีหยู่ จู๋ ๆ ก็มีความรู้สึกโกรธตนเองขึ้นมาทันที เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ส่งสัญญาณให้กับเธอมาโดยตลอด แต่ทว่า วันนี้เป็นหนแรกที่ยอมรับสัญญาณลับ ๆ เช่นนี้
ทันใดนั้นเอง บรรยากาศโดยรอยก็เริ่มแปรเปลี่ยน อุณหภูมิในตัวห้องก็พึ่งสูงขึ้น ศีรษะของชายคนนั้น ค่อย ๆ ก้มลงมาอย่างเชื่องช้า ก่อนจะเข้าใกล้กับริมฝีปากของเจียงซีหยู่ทีละนิด
หวนนึกถึงท่าทางในตอนแรกของหยานชิงเจ๋อแล้ว สัญชาตญาณของเธอคิดอยากที่จะหลบหลีกไป แต่ทว่าหลับหวนนึกถึงประโยคที่หยานชิงเจ๋อบอกกับซูสือจิ่นประโยคนั้นว่า “รักหนึ่งเดียว” นั่นแล้ว ราวกับว่าเธอนั้นเป็นเจียงซีหยู่ที่บ้าคลั่งไม่รู้จักพอเลยก็ไม่ปาน ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมด แต่ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถทำลายคนอื่นได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
ดังนั้นแล้ว เธอกดข่มความคิดที่จะหลบหลีกนั้นเอาไว้อย่างเต็มกำลัง ยังคงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ริมฝีปากทั้งสองคนประกบเข้ากัน กลิ่นอายของชายแปลกหน้ารุกรานเข้ามา เล็บของเธอนั้นแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือทันที
แต่ทว่า ความรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือนั้น กลับไม่รุนแรงเท่าภาพถ่ายนั่นที่เห็นเมื่อครู่นี้เลย!
จูบของชายคนนั้น มันดุเดือดบ้าคลั่งรุนแรง อีกทั้งยังเปลี่ยนท่าทางอีกด้วย เจียงซีหยู่ยังคงไม่มีการตอบกลับใด ๆ เลย ก่อนจะถูกเขาอุ้มขึ้นมาแล้ว หลังจากนั้นก็วางลงบนเตียง
เธอเริ่มหวาดกลัว เริ่มรู้สึกผิดเสียใจ เรี่ยวแรงของผู้ชายกับผู้หญิงนั้นแตกต่างกันอย่างมหาศาล เดิมเธอนั้นก็ไม่มีโอกาสหนีใด ๆ เลย
จนกระทั่ง ในตอนที่ร่างกายของเธอนั้นถูกเติมเต็มความแข็งขืนเข้ามา ในตอนที่เขากำลังควบขี่อยู่บนร่างกายของเธอนั้นเอง ภายในสมองของเจียงซีหยู่กลับมีความคิดหนึ่งสาดเข้ามา——
นี่ บางทีอาจจะเป็นจุดจบของเธอ
ได้ยินเพียงแค่เสียงหายใจหอบไปมาของชายคนนั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นที่ข้างใบหูของเธอว่า “วางใจเถอะครับ ผมจะรับผิดชอบเอง พรุ่งนี้ พวกเราจะแต่งงานกันนะ”
แต่งงานหรือ?
เธอรู้สึกสับสนงุนงงเล็กน้อย เขาเป็นเจ้านายของเธอ แต่งงานกัน เธอจะมีทรัพยากรมากยิ่งขึ้น เธอก็อาจจะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้
แต่ทว่า เธอไม่ได้ชอบเขา การแต่งงานเช่นนี้ ในอนาคตจะมีความสุขไหมนะ?
บางที เรื่องราวทั้งหมดที่ยังไม่รู้ ขอเพียงแค่ให้เวลาเป็นตัวดำเนินการก็พอ
เจียงซีหยู่ค่อย ๆ คลายมือของตนเองที่บีบกำเอาไว้แน่นออกอย่างเชื่องช้า……