ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 431 ผมชั่วเพราะพี่สีเกอเป็นคนสอน
“นอกเหนือจากนี้ ยังต้องขอบคุณภรรยาของผม ที่เคียงข้างและสนับสนุนตลอดมา…”สือมูเฉินมองทางหลานเสี่ยวถาง “เมียจ้า ลำบากแล้ว…”
ด้านล่างเวที มีเสียงทำนอง wowเต็มไปหมด งานแต่งยังไม่ทันเริ่ม ก็ถูกโชว์หวานอย่างไม่ทันตั้งตัว
บนเวที สือมูเฉินไม่รู้กดปุ่มอะไร แสงไฟโซนแขกผู้มีเกียรติดับลง และจอใหญ่ทั้งสองข้างเวทีสว่างขึ้น เสียงดนตรีเปลี่ยนเป็นบรรเลงเสียงเบา
“ต่อไป ขอยกเวทีให้พระเอกในวันนี้ คุณหยานชิงเจ๋อกับคุณซูสือจิ่น”
สือมูเฉินระหว่างพูดก็จูงมือหลานเสี่ยวถาง เดินลงไปตรงที่นั่งแถวแรกข้างล่างเวที
ตอนนี้ บนจอซ้ายขวาด้านข้าง มีภาพและตัวหนังสือต่างกัน
ทางซ้าย “30ปีก่อน มือถือเคลื่อนที่เครื่องแรกของโลกถือกำเนิดขึ้น”
ทางขวา “30ปีก่อน ผมที่เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกบนโลกใบนี้”
ทั้งทางซ้ายและขวาปรากฏออกมาไม่หยุด…
“24ปีก่อน มือถือGS.Mแบบแรกเกิดขึ้นบนโลก ปริมาตรของมือถือ ก็เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก กลายเป็นขนาดเล็กใหญ่เท่าฝ่ามือ”
“24ปีก่อน เธอเกิดบนโลกใบนี้ ผมเริ่มไม่โดดเดี่ยว”
“20 ปีก่อน มือถือพับได้แบบแรกออกมา”
“20ปีก่อน พวกเราพบกันครั้งแรก เธอสูงไม่เท่าหน้าอกของผม เงยหน้าเรียกผม พี่ชิงเจ๋อ”
“16ปีก่อน มือถือจอสีแบบแรกเข้าสู่ตลาด”
“16ปีก่อน เธอเรียนประถม ผมขึ้นมัธยมปีที่1 ผมไปส่งเธอที่โรงเรียนของเธอ เธอแนะนำเพื่อนร่วมชั้นทุกคน ผมเป็นพี่ชายของเธอ”
“12ปีก่อน สมาร์ตโฟนแบบแรกเกิดขึ้นบนโลก”
“12ปีก่อน เธอดื่มจนเมา จูบผม ผมถูกจูบนั้นทำให้ใจเต้นแรง นั่นเป็นจูบแรกของพวกเรา”
“10ปีก่อน มือถือทัชสกรีนแบบแรกเกิดขึ้น”
“10ปีก่อน ผมเรียนมหาวิทยาลัย พวกเราห่างกันครั้งแรก”
“8 ปีก่อน ATถือกำเนิดขึ้น ผมอดตาหลับขับตานอนเป็นครั้งแรก อยากจะพยายามสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยกันกับเพื่อนๆ”
“8 ปีก่อน เธอจบมัธยมศึกษาตอนต้น ครั้งแรกที่ผมพาเธอล่องเรือออกทะเล”
“5 ปีก่อน ATเติบโตขึ้นในตลาดมือถือ ในที่สุดก็มีจุดยืนในงานใหญ่ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
“5 ปีก่อน เธอจงใจสอบไม่ติดมหาวิทยาลัย ทิ้งเงื่อนไขดีๆในประเทศ เพียงเพื่อไปอเมริกาเป็นเพื่อนผม”
“1ปีก่อน ATได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสามอันดับแรกของโลก เวลาเดียวกัน เริ่มให้ความสำคัญกลับตลาดในประเทศ 1 ปีก่อน onlyoneของเธอถือกำเนิดขึ้น คนมากมายเพื่อแย่งเครื่องประดับที่มีจำนวนจำกัด รีเฟรชอย่างไม่หลับไม่นอน”
“1 ปีก่อน ผมกลับประเทศมา เดิมพวกเราควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน กลับเพราะความเข้าใจผิดทำให้จากกัน”
ถึงตรงนี้ ฉากด้านหลังของทั้งสองเปลี่ยนไป กลายเป็นเนื้อหาที่เหมือนกัน
“หลังจากแยกจากกัน ผมถึงเข้าใจ ที่แท้ ที่ผมต้องการไม่ใช่น้องสาวคนหนึ่ง แต่เป็นภรรยาคนหนึ่ง”
“ซูสือจิ่น ผมรักคุณ”
ตอนนี้ซูสือจิ่น เห็นตัวหนังสือแถวสุดท้ายข้างบนค่อยๆขึ้นมา คนทั้งคนที่ยืนข้างหยานชิงเจ๋อ ปิดปากไว้ เหมือนถูกตรึงร่างไว้
ก็เห็นชายหนุ่มตรงหน้า จู่ ๆคุกเข่าข้างหนึ่ง แล้วในมือเขา ไม่ใช่แหวน แต่เป็นกิ๊บผมมงกุฎเพชรชิ้นหนึ่งทำจากแพลตตินั่มที่เธอเป็นคนออกแบบเอง
เขาเงยหน้ามองเธอ “เสี่ยวจิ่น เธอจะแต่งงานกับฉันไหม?”
ซูสือจิ่นมองชายหนุ่มตรงหน้าใบหน้าราวกับภาพวาด ใบหน้ายิ่ง สีหน้าเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมีอะไรติดลำคอ เนิ่นนานกว่าจะพยักหน้า “ฉันแต่ง”
เขาลุกขึ้น ติดกิ๊บผมบนศีรษะของเธอ “เธอเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยของฉันตลอดกาล”
ตอนนี้ แสงสว่างบนเวทีมืดลง สุดท้ายเหลือเพียงแสงวงกลมดวงหนึ่งส่องจากด้านบน หยานชิงเจ๋อยื่นมือออก “เสี่ยวจิ่น เต้นรำกับฉันได้ไหม?”
ซูสือจิ่นรู้สึกทั้งหมดเหมือนอยู่ในความฝัน แท้จริงแล้วตอนนี้บนเวที ดอกชบาลอยร่วงหล่นลงมาเต็มไปหมด ราวกับพวกเขากำลังเต้นรำอยู่ใต้ต้นไม้ ราวกับความฝัน
ด้านล่างเวที ทุกคนต่างเคลิ้มไปกับบรรยากาศนี้ หลังจากซูสือจิ่นกับหยานชิงเจ๋อเต้นเปิดฟลอร์เสร็จ ต่างก็ขึ้นมาบนเวทีเริ่มเต้นรำช้าๆ
เด็กน้อยสองคนของฟู่สีเกอก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เพียงแต่พวกเขาปีนและเดินไม่ได้ ทำได้เพียงโบกมือเล็กไปมาอย่างตื่นเต้นในข้อพับแขนของฟู่สีเกอและเฉียวโยวโยว
ซูสือจิ่นและหยานชิงเจ๋อเต้นไปสองเพลง กำลังจะพัก ซูสือจิ่นก็เห็นลั่วฝานหวากับจินเยว่ฉีเดินเข้ามา
“สือจิ่น มีความสุขในวันแต่งงาน”ลั่วฝานหวาพูดกับซูสือจิ่น
“ขอบคุณ”ซูสือจิ่นยิ้ม พูดว่า “พูดก็พูดพวกคุณช้ากว่าแล้วนะ ทำไมต้องรออีก1เดือน?”
“เพราะอีกไม่กี่วันหลังจากนี้เยว่ฉีต้องไปติดต่องานหนึ่งที่ต่างประเทศ”ลั่วฝานหวาพูด“วันนี้คุณสวยมาก ขอคุณเต้นสักเพลงได้ไหม?”
หยานชิงเจ๋อหรี่ตา เสี่ยวจิ่นของเขาแต่งงานแล้ว ลั่วฝานหวานี่ยังจะแย่ง?!
เขากำลังจะพูดขวาง ซูสือจิ่นพยักหน้าไปแล้ว “ได้สิ”
ต่อมา หยานชิงเจ๋อมองไปที่จินเยว่ฉี หวังว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดห้ามการกระทำที่เลยเถิดของสามีเธอ
ใครจะรู้ จินเยว่ฉีไม่แสดงอาการคัดค้านเลยสักนิด กลับยืนข้างๆ มองทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม
หยานชิงเจ๋อสติแตก ผู้หญิงคนนี้โง่รึไง?!
เพราะเหตุนี้ เพลงต่อมา เขาจ้องซูสือจิ่นกับลั่วฝานหวาอย่างไม่ละสายตา ตาคมของเขาสามารถสับมือลั่วฝานหวาที่วางบนเอว ซูสือจิ่นจนละเอียดแล้ว
แต่วันนี้เขาเป็นพระเอก การกระทำทุกอย่างของเขา มีดวงตาหลายคู่จ้องอยู่ ดังนั้นหยานชิงเจ๋อ กำหมัดไว้แน่น อย่างอดทน
เพียงแต่ในใจ ทักทายบรรพบุรุษและญาติของลั่วฝานหวาไปหมดแล้ว
ในที่สุดเพลงก็จบลง หยานชิงเจ๋อรีบร้อนขึ้นไปพาเสี่ยวจิ่นของเขาออกมา
มือเขากุมมือเธอไว้ จากจูงมือเปลี่ยนเป็นประสานมือกัน พาซูสือจิ่นผ่านผู้คน แล้วเดินไปหลังเวที
เดินออกจากหลังเวที เป็นดาดฟ้าหนึ่งของAT หยานชิงเจ๋อใช้ลายนิ้วมือเปิดประตูดาดฟ้า พาซูสือจิ่นเดินเข้าไป
“ชิงเจ๋อ พวกเรามาตรงนี้ทำไม?” ซูสือจิ่นประหลาดใจนิดๆ กำลังจะกอดอก หยานชิงเจ๋อก็ถอดสูท คลุมบนตัวเธอ
เขาดึงเธอมากอด เดินไปที่ลิฟต์ “พาเธอสถานที่สูงที่สุดของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”
เดินจากดาดฟ้า สามารถเห็นตึกใหญ่ด้านหลังนั้น ตึกนั้นมี30กว่าชั้น หยานชิงเจ๋อพาเธอตรงไปที่ชั้นสูงสุด
“ว้าว มองจากระเบียงตรงนี้ลงไป เห็นวิวทั้งหมดของพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”ซูสือจิ่นอุทานอยู่ ไม่ได้เสียงพูดของหยานชิงเจ๋อที่อยู่ด้านหลัง เธอหันไปกำลังจะถามเขาว่าเป็นอะไรไป ก็ถูกปิดปากไว้ทันที
เขารัดเอวเธอไว้ ประทับจูบที่เร่าร้อนบนริมฝีปากเธอ ปิดเสียงทั้งหมดของเธอ
เธอหงายหลังไปอย่างห้ามไม่ได้ แต่ด้านหลังชนเข้ากับกำแพงกระจกแล้ว ไปไหนไม่ได้
เขายึดลมหายใจเธออย่างรุนแรง บังคับให้ลิ้นกับฟันเธอและเขาพันกัน แล้วรัดเธอไว้แน่น จูบไปพลาง เคลื่อนที่ไปพลาง
ซูสือจิ่นรู้สึกรอบตัวอากาศเย็นๆ พบว่าเขาพาเธอมาบนสะพานกระจกแห่งหนึ่ง
เดิมพวกเขาก็อยู่ชั้น39แล้ว ตอนนี้ สะพานกระจกอันนี้เหมือนชั้นสูงสุดที่เชื่อมสองตึกไว้ เพราะข้างล่างโปร่ง ดังนั้นพวกเขาเหมือนลอยอยู่ในอากาศที่สูง100เมตร
ซูสือจิ่นขาอ่อน ปิดตาคว้าหยานชิงเจ๋อมากอดแน่น
หยานชิงเจ๋อยิ้ม เขาพึงพอใจที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของสาวน้อย แต่เมื่อกี้เธอกล้าเต้นรำกับลั่วฝานหวา ดังนั้นต้องถูกลงโทษกันหน่อย!
อ้อ ไม่บางทีไม่เรียกลงโทษ แต่เป็น…
สวัสดิการ
กระเดือกเขาขึ้นลงหลายครั้ง ความสูงขนาดนี้ ไม่มีใครมองเห็นพวกเขาได้อยู่แล้ว และตอนนี้สาวน้อยไม่กล้าขยับ ให้เขาทำตามอำเภอใจได้ไม่ใช่หรือ?!
เขาสุขใจ ฝ่ามืออุ่นๆเริ่มท่องเที่ยวไปทั่วตัวของซูสือจิ่น
เธอเหมือนรู้สึกแปลกๆ ด้วยเหตุนี้ เลยแอบลืมตาขึ้นมานิดๆ แต่ตอนเห็นทั้งหมดใต้เท้าตัวเอง ก็ปิดตาลงทันที ยังเอาขาไปพันบนตัวของหยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋อชอบการเสนอตัวอย่างนี้มาก ทำให้เขารู้สึกเลือดในตัวเผาไหม้ เริ่มต้นจูบที่ริมฝีปากของซูสือจิ่น แล้วเคลื่อนลงช้าๆ
ซูสือจิ่นรู้สึกว่ากระดูกไหปลาร้าตัวเองคันยุบยิบ ตามมาด้วยจูบที่พากระแสไฟมาด้วย ทำไมเธอลมหายใจของเธอเริ่มสะดุด
และมืออีกข้างของหยานชิงเจ๋อ เปิดกระโปรงเธอขึ้น แล้วลูบไล้ตรงระหว่างขาเธออย่างคล่องตัว
เธอลืมตาทันที รูม่านตาขยายใหญ่
ทั้งเขินและตื่นเต้นทำให้เธอลืมกลัวเรื่องความสูง ซูสือจิ่นจับเสื้อของหยานชิงเจ๋อไว้ พูดอย่างหงุดหงิด “ชิงเจ๋อ พวกเราอยู่ข้างนอก นายจะทำอะไร?!”
เขากลับทำเธอล้มลงไปตรงๆ ร่างกายนอนอยู่บนสูทของเขา “เต้นรำกับลั่วฝานหวา ผัวคุณหึงนะ หึงจนปวดกระเพาะ เพราะฉะนั้น ต้องการการปลอบใจจากเมียหน่อย”
เสียงเขาเอาแต่ใจนิดๆ ในตาที่กลมโตของเธอ กดทับลงไป
“เสี่ยวจิ่น เธอรู้ไหม ท่าทางเธอถลึงตาใส่ฉัน เหมือนกับลูกแมวตัวหนึ่ง?”หยานชิงเจ๋อยิ้ม พูดว่า “น่ารักขนาดนี้ จะเป็นเสือได้ยังไง?”
เธอยื่นมือผลักเขา เขากลับแนบบนตัวเธอ “เสี่ยวจิ่น ฉันก็กลัวความสูง ต้องจูบถึงจะหาย”
ระหว่างที่พูด เขาก็จูบเธอ จุดประกายไฟบนตัวเธอไม่หยุด
ต่อมา ซูสือจิ่นได้ยินเสียงปลดเข็มขัดหนัง
เธอหายใจถี่ มองเขาอย่างตกใจ “ชิงเจ๋อ นาย…นายมันชั่ว”
หยานชิงเจ๋อยิ้ม “เรียนมาจากพี่สีเกอ กลับไปเธอค่อยไปคิดบัญชีกับพี่เขา”
ซูสือจิ่นกัดฟันแน่น “ไอ้ บ้า สีเกอ”
ในห้องโถงใหญ่ ฟู่สีเกอจามต่อเนื่องกันหลายครั้ง
และบนสะพานกระจก ซูสือจิ่นถูกหยานชิงเจ๋อกินจนสะอาด
เขาขยับไปพลาง จูบเธอไปพลาง เห็นเธอหงุดหงิดจนหน้าแดง รู้สึกแค่เพียงกินยังไงก็ไม่อิ่ม
“เสี่ยวจิ่น เธอยังไม่เคยบอกเธอรักฉันเลย”หยานชิงเจ๋อเม้มกัดริมฝีปากซูสือจิ่น
ซูสือจิ่นจังหวะหัวใจเต้นช้าลงหนึ่งจังหวะ เธอเม้มริมฝีปาก กัดฟันแน่นไม่ยอมพูด
ไอ้บ้านี้ กลับมาเธอมาบนดาดฟ้าทำเรื่องแบบนี้ เลวมาก เลวมากๆ
“ไม่พูด?”หยานชิงเจ๋อหรี่ตา ชนเธอไปแรงๆ
เธอกรีดร้องออกมา มองไปรอบๆตามสัญชาตญาณ เห็นแค่นกบินผ่านศีรษะไป
“ไม่”ซูสือจิ่นตัดสินใจไม่ยอมแพ้
แต่หยานชิงเจ๋อกลับเจอบริเวณที่ทำให้เธอตื่นเต้น แล้วจู่โจมทันที
เธอรู้สึกเหมือนจะตายทุกครั้ง กัดฟันแน่น แต่เสียงที่ทำให้คนเขินอายก็ลอดออกจากฟันมาไม่หยุด
ด้านล่าง ละอองน้ำจากการกระทำรักครั้งนี้กระจายที่ตัวของซูสือจิ่น ภายใต้การจู่โจมครั้งสุดท้ายของหยานชิงเจ๋อ ไม่ยอมแพ้ไม่ได้ “ชิงเจ๋อ ฉันรักนาย”
เขากอดเธอแน่น กดลึกเข้าไปอย่างพอใจ “ฉันก็เหมือนกัน”