ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 453 อย่าอิจฉาคนอื่นไปเลย สามีของคุณดีที่สุดแล้ว !
คนเยอะก็จะมีความสนุกครึกครื้น จากนั้นทุกคนก็ได้ไปเปิดห้องส่วนตัวหนึ่งห้องที่ Royal Empire
กินข้าวเสร็จ เป็นเพราะว่าในห้องส่วนตัวนั้นมีเคาน์เตอร์บาร์ที่เป็นบริเวณโซนพักผ่อน ดังนั้น ฟู่สีเกอก็เสนอความคิดเห็นให้ทุกคนอยู่พักผ่อนที่นี่ เนื่องจากเป็นเรื่องยากกว่าจะได้เจอกัน จากนั้นก็หาเกมส์เล่นกัน
เมื่อได้ยินว่าจะเล่นเกมส์ แววตาของเด็กๆทั้งหลายก็ถึงกลับเป็นประกายขึ้นมาในทันที
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็ถูกผู้ใหญ่เกลี้ยกล่อมให้ไปเล่นบ้านบอลที่เป็นบริเวณโซนเด็กที่อยู่ด้านข้าง
“ พี่สีเย็น พี่อยากจะเล่นเกมส์อะไร ?” ซูสือจิ่นถาม
“ มาเล่นเกมที่เก่ามากๆจะไม่ดีกว่าเหรอ ?” สายตาของฟู่สีเกอก็มองไปทางด้านหันจื่ออี้ จากนั้นก็พูดว่า : “ งั้นมาเล่นเกมส์จริงหรือกล้ากันเถอะ !”
“ ทำไมถึงไม่มีตัวเลือกในการพูดความจริง ?” เฉียวโยวโยวหรี่ตามองพร้อมกับพูดว่า : “ พี่สีเย็น พี่มีความลับกับฉันหรอ ? !”
“ ผมไม่มี……” ฟู่สีเกอก็รีบพูดให้มันกระจ่างชัดขึ้น : “ ผมก็แค่รู้สึกว่าพวกเราทุกคนรู้แค่ว่านอนอย่างเดียว ดังนั้นก็เลยกลัวว่าจะถามอะไรไม่ออกไง !”
“ อ๋าหย๋า เดาได้เลยว่าชิงชิงและจื่ออี้พวกเขาจะต้องถามได้แน่ๆ !” ในขณะที่เฉียวโยวโยวพูดก็หันไปมองหันจื่ออี้ : “ รุ่นพี่ กล้าหรือเปล่า ?”
“ ได้สิ ” หันจื่ออี้ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า
“ โอเค งั้นเราเริ่มเล่นกันเลย !” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดนั้นก็ได้ลุกขึ้นไปหยิบไพ่ : “ เทียบจำนวน ”
ทุกคนจับไปแล้วหนึ่งรอบ ท้ายที่สุด สือมูเฉินมีจำนวนน้อยที่สุดและหันจื่ออี้ก็มีจำนวนมากที่สุด
ดังนั้น หันจื่ออี้เป็นคนออกหัวข้อ
เขามองไปยังสือมูเฉินแล้วก็กำลังคิดในใจอยู่ว่าควรจะถามอะไรดี
ถ้าหากเป็นเรื่องที่ผ่าน เขาจะต้องถามอย่างแน่นอนว่าในตอนที่แต่งงานกับหลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่ามีใจใช่หรือเปล่าหรือว่าเขามีเหตุผลอื่น
แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป หันจื่ออี้ก็พบว่า ที่ผ่านคำตอบที่มันพัวพันกันอย่างมากนั้น ในเวลานี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว
ข้างกายของเขาก็มีภรรยาที่เขารัก แล้วในท้องของภรรยาก็ยังมีเด็กที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกในอนาคตอีกด้วย
ดูเหมือนว่าความอิจฉาริษยาที่มีต่อสือมูเฉินที่ผ่านมานั้นมันจะไม่มีแล้ว และในที่สุดก็สามารถจะปล่อยวางมันได้
เขาก็เอ่ยปากพูดว่า : “ พวกคุณคิดจะมีลูกคนที่สามไหม ?”
สือมูเฉินที่โอบไหล่ของหลานเสี่ยวถางนั้นก็ได้ก้มลงมองเธอ : “ ถึงอย่างไรการคลอดลูกมันก็เป็นเรื่องที่ลำบาก มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งก็พอแล้ว ดังนั้นไม่คิดว่าจะมีแล้ว ”
“ จื่ออี้ คำถามของนายนี้มันง่ายมากๆเลยเหอะ !” ฟู่สีเกอที่ตั้งความหวังไว้สักดิบดีก็พูดว่า : “ นายน่าจะให้อาเฉินเล่นจริงหรือกล้า อย่างเช่น จับชิงเจ๋อจูบ หรือไม่ก็ให้ภรรยาขี่หลังแล้วก็ร้องเพลงของตือโป๊ยก่ายโดยให้ภรรยาที่อยู่ด้านหลังเป็นคนร้อง !”
สายตาที่แหลมคมของสือมูเฉินก็มองพุ่งไป : “ สีเกอ นายอยากจะโดนฉันและชิงเจ๋อจับจูบงั้นเหรอ ?”
“ อาเฉิน ฉันผิดไปแล้ว……” ฟู่สีเกอก็รีบขอให้เขายกโทษให้
ในรอบที่สอง คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชนะจะเป็นหันจื่ออี้อีกแล้ว แต่ทว่าคนที่แพ้ในรอบนี้คือหลานเสี่ยวถาง
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้ตัวเองเป็นอะไร ถึงมักจะจับไพ่แบบนี้ได้เสมอ หันจื่ออี้มองเขม็งไปยังหลานเสี่ยวถาง แล้วก็นึกถึงตอนที่อายุสิบกว่าขวบแล้วในตอนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะไม่มีใจให้ผู้หญิงคนนี้ และยังจำได้อีกว่าในตอนนั้นที่เขาถูกทำร้ายจนมีเลือดไหลเต็มตัว เธอไม่เพียงแต่ไม่กลัว แต่เธอยังพาเขาไปทำแผลอีกด้วย……
เขาคิด เธอเป็นคนเดียวที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่อยู่ในชีวิตของเขา ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่สามารถเดินไปด้วยกันได้ แต่ถึงอย่างไร ช่วงเวลาวัยรุ่นและวันเวลาที่เป็นห่วงเป็นใยขนาดนั้นมันก็ไม่สามารถที่จะสูญหายไปได้
เขาจะวางเธอไว้ที่มุมหนึ่งของก้นบึ้งหัวใจ โดยที่จะไม่แตะต้องง่ายๆ และจะไม่คิดถึงมันอย่างสุดความสามารถ
หรือบางที มันก็อาจจะเปิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ในอีกหลายปีต่อมาก็ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้ว พอพวกเขาไปดูก็จะเห็นช่วงเวลาที่ผ่านมาของวัยรุ่นแล้วก็ความรักอันบริสุทธิ์ในช่วงชีวิตวัยรุ่น
แต่ในเวลานี้สิ่งที่เขาจะทำก็คือจับมือของคนที่รักและบอกลากับอดีตที่ผ่านมา เพราะนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความทรงจำของเขาเท่านั้น และมันไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
ดังนั้น เขาก็เลยเอ่ยปากพูดกับเธอว่า : “ เสี่ยวถาง เล่นเกมส์ที่เมื่อก่อนผมเคยเห็นมาก่อนละกัน ! โดยให้ถอดเข็มขัดของผู้ชายที่อยู่ด้านข้างของเธอออก !”
ในตอนนั้น เขาและเธอเพิ่งได้กลับมาเจอกันไม่นาน แต่ทว่ากลับเห็นกับตาว่าหลานเสี่ยวถางถูกเพื่อนร่วมห้องเสนอบทลงโทษนี้ แต่ในตอนนั้นทุกคนจะไปรู้ได้อย่างไรว่าสือมูเฉินและหลานเสี่ยวถางนั้นแต่งงานกันตั้งนานแล้ว ? !
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะแบะปาก : “ คิดไม่ถึงเลยนะว่าจะเรียนรู้วิธีแบบนี้ !”
เขาหัวเราะ เป็นเพราะว่าเธอไม่รู้ว่าในภาพในตอนนั้น มันทำให้เขาปวดร้าวใจราวกับมีมีดมาทิ่มแทงที่หัวใจ
และในเวลานี้ กลับเป็นเพราะว่าเป็นเรื่องที่เหมือนกันกับเธอ อีกทั้งยังเป็นเรื่องราวของพวกเขาที่ผ่านมาด้วยกันโดยมีเครื่องหมายมหัพภาคนั้นปรากฏขึ้นมา
หลานเสี่ยวถางหันกลับมาก็เห็นสือมูเฉินที่กำลังนั่งอยู่อย่างสงบ และดูเหมือนเขายังคงรอให้เธอมาเด็ดมันออกไป
เธอก็นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาและมันก็ค่อยๆทำให้เธอเหม่อลอย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในรอบแรกนั้น เธอรู้สึกเขินอายจนทำแก้มนั้นราวกับลูกแอปเปิ้ล
และในตอนนี้……
เธอก็ได้คุกเข่าลงไปบนโซฟาข้างหนึ่ง จากนั้น มือทั้งข้างก็เลื่อนไปยังหัวเข็มขัดของสือมูเฉินอย่างชำนาญ แล้วก็กดลงไปหนึ่งทีเบาๆ——
ได้ยินเพียงเสียงที่ใสของโลหะ และเข็มขัดของสือมูเฉินก็ถูกปลดออก
หลานเสี่ยวถางก็ยักคิ้วและพูดกับทุกคนว่า : “ เรียบร้อย !” ในขณะที่พูดนั้นก็ปลดหัวเข็มขัดได้แล้วจากนั้นก็ได้ดึงเข็มขัดออกมา
ทุกอย่าง ดูเหมือนว่าจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
แต่ทว่า เมื่อเธอกำลังจะดึงเข็มขัดออกมานั้น เท้าของสือมูเฉินก็ได้ยื่นออกมาเล็กน้อย ดังนั้น มันก็เลยทำให้เธอสะดุดกับปลายเท้าของเขา ทำให้เธอเสียงสมดุล และทันใดนั้นเธอก็ล้มลงไปอยู่ในอ้อมกอดของสือมูเฉิน
“ ภรรยา ต้องเร่าร้อนขนาดนี้เลยหรอ ?” สือมูเฉินก็ยื่นแขนออกไปโอบเธอ : “ ตอนนี้คนเยอะนะ ผมรู้สึกอายจังเลยทำยังไงดี ?”
“ เพราะเท้าของคุณนั้นแหละ——” หลานเสี่ยวถางรู้สึกหงุดหงิด ไอ้คนคนนี้ได้ทีนี่เอาใหญ่เลย !
เธอกำลังจะใช้มือดันแล้วลุกขึ้นมา แต่ทว่าไม่ทันได้ระวังก็ไปจับโดนบริเวณร่างกายของสือมูเฉินที่ไม่ควรจะจับ
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงปฏิกิริยาตอบสนองของเขา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างในทันทีและไม่กล้าขยับเขยื้อน
สือมูเฉินหัวเราะด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ : “ อยากจะจูบด้วยงั้นหรอ ? ได้เลย สามีคนนี้จะทำให้คุณพึงพอใจเอง !”
ในขณะที่พูดนั้น ก็ยื่นแขนออกไปโอบหลานเสี่ยวถางที่ตัวแข็งทื่อเข้ามา จากนั้นก็ก้มลงจูบด้วยเสียงที่ดังชัดเจน !
หลานเสี่ยวถางก็ค่อยๆเลื่อนมือตัวเองออกไป เพื่อที่อยากจะออกจากอ้อมกอดของสือมูเฉิน แต่ก็กลัวว่าคนอื่นจะเห็น ดังนั้นก็เลยทำได้เพียงนั่งอยู่บนตักของเขาโดยที่ไม่ขยับเขยื้อน
ซูสือจิ่นที่อยู่ตรงข้ามก็ยิ้มพร้อมกับพูดว่า : “ ว้าว อาซ้อมและพี่เฉินนี่รักกันมากเลยนะคะ !”
หยานชิงเจ๋อไม่ได้พูดอะไรแล้วก็ได้อุ้มซูสือจิ่นที่กำลังรู้สึกอิจฉาอยู่นั้นขึ้นมาไว้บนตักตัวเอง แต่เมื่อซูสือจิ่นดิ้นรนเขาก็ยิ่งล้อมเธอไว้แน่นขึ้น : “ อย่าไปอิจฉาคนอื่นเลย สามีของคุณดีที่สุดแล้ว !”
ฟู่สีเกอเห็นว่าตัวเองนั้นตามไม่ทัน ก็เลยหันไปมองเฉียวโยวโยว จากนั้นด้วยความคิดอันชาญฉลาด เขาเลยเอาขาไปพาดบนขาเฉียวโยวโยว จากนั้นก็แกล้งทำเป็นพูดเสียงออดเสียงอ้อน : “ พี่โยวโยว ผมก็อยากจะกอดเหมือนกัน !”
เมื่อซูสือจิ่นเห็นก็หัวเราะเสียงดัง : “ พี่สีเย็น เอาจริงๆ ดูจากท่าทางของพี่ในตอนนี้แล้ว มันยังมีกลิ่นอายของการแสดงอยู่เลยนะ !”
เฉียวโยวโยวหัวเราะพร้อมกับยื่นมืออกไปจั๊กจี้ฟู่สีเกอ และมันก็ทำให้เขาอดที่จะหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็เลยฉวยโอกาสจากเธอ : “ ช่างเถอะ ผมกอดคุณน่าจะสบายกว่า เพราะคุณก็เหมือนกับหมอนข้างเล็กๆนั้นแหละ !”
ดูเหมือนว่า แต่ละคู่ที่นั่งกันอยู่นั้นจะเหลือเพียงแค่หันจื่ออี้และฮั่วชิงชิงที่ยังนั่งใครนั่งมันอยู่ ดังนั้นหลังจากที่ทุกคนหัวเราะกันเต็มอิ่มแล้ว สายตาก็พร้อมเพรียงกันมองไปยังทั้งสองคน
แก้มของฮั่วชิงชิงนั้นแดงมาก และสายตาก็อดไม่ได้ที่จะลอยไปยังหันจื่ออี้
เขาก็ลุกขึ้นมา จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นมาด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิง แล้วพวกเขาก็นั่งบนโซฟาด้วยกัน จากนั้นก็หันไปถามอย่างอ่อนโยนว่า : “ ชิงชิง แบบนี้ท้องของคุณจะไม่อึดอัดใช่ไหม ?”
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่แสดงความรักต่อหน้าผู้คนมากขนาดนี้ ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าเพราะเลือดที่ไหลเวียนอย่างพุ่งพล่านจนทำให้รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและพูดว่า : “ ไม่อึดอัดค่ะ ”
“ ดูแลเอาใจใส่ดีจังเลย !” ฟู่สีเกอก็พูดอย่างยั่วเย้า : “ จื่ออี้ ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าเป็นผู้ชายที่อบอุ่น แต่ไม่คิดว่าจะอบอุ่นขนาดนี้ ?”
ฮั่วชิงชิงแก้มแดงจนพูดอะไรไม่ออกตั้งนานแล้ว และหันจื่ออี้ก็หันไปพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า : “ เธอท้องอยู่ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องดูแลให้มากๆ !”
“ ฉันนึกออกแล้ว !” เฉียวโยวโยวก็พูดขึ้นมาอย่างเสียงดัง : “ ในตอนนั้นที่พวกเราไปเมืองไห่หลิน ชิงชิงก็ดูเหมือนว่าจะเท้าพลิก และพี่จื่ออี้ก็ได้ให้เธอขี่หลังกลับมา !”
“ โรแมนติกดีจริงๆ !” ซูสือจิ่นก็ทอดถอนใจ
หยานชิงเจ๋อที่อยู่ข้างๆทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่า ในตอนที่ซูสือจิ่นเท้าพลิกนั้น เขากลับทำท่าทีที่ไม่ดีใส่เธอ ดังนั้นก็เลยอดไม่ได้ที่จะโอบเธอให้แน่นขึ้น จากนั้นก็หันหน้าไปและจุ๊บลงไปที่แก้มของซูสือจิ่นอย่างนุ่มนวล
หัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะ และครึ่งแก้มของเธอนั้นก็แดงก่ำในทันที
ในเวลานี้ สือจิ่งเหยียนที่กำลังเล่นอยู่อีกด้านจู่ๆก็ร้องไห้ขึ้นมา เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยิน ก็รีบไปอุ้มเขามา : “ จิ่งเหยียน เป็นไรไป ?”
เด็กชายตัวน้อยก็ชี้ไปยังฝ่ามือที่แดงก่ำของตัวเอง จากนั้นก็มองหลานเสี่ยวถางด้วยความเจ็บปวด
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า : “ โอเค ไม่เป็นไรนะเด็กดี แม่เป่าให้เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะ……”
ในขณะที่กำลังพูดนั้น ก็มีเงาของคนคนหนึ่งมาอยู่ตรงหน้า
หวันหว่านก็เขย่งปลายเท้าและจับมือของน้องชายไป จากนั้นก็ก้มลงไปจุ๊บแล้วก็เป่าให้
ถึงแม้ว่าเธอจะพูดไม่ได้ แต่มันก็ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะพูดว่า จิ่งเหยียนไม่เจ็บแล้ว ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ
ทุกคนก็ต่างมองไปยังภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น และในเวลานี้ก็ไม่มีใครพูดเลย
ภายในห้องนั้นเงียบมาก และเมื่อหวันหว่านช่วยน้องชายเป่าในบริเวณจุดที่แดงนั้น เด็กชายตัวน้อยก็ไม่ได้ร้องไห้แล้ว และหยดน้ำตาที่ติดอยู่บนขนตานั้นก็ฉีกยิ้มขึ้นมา
จากนั้น หวันหว่านก็จูงมือของน้องชายและพาเขากลับไปเล่นที่บ้านบอล
ซูสือจิ่นมองไปยังด้านหลังของทั้งสองคน จากนั้นก็มองไปยังหยานชิงเจ๋อด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอ : “ พี่ชิงเจ๋อ ฉันอยากจะได้ลูกสาว ฉันอยากจะได้เจ้าหญิงตัวน้อย อยากได้ลูกสาวที่อ่อนโยนและมีน้ำใจ”
สือมูเฉินและฟู่สีเกอก็พร้อมกันพูดอย่างหยอกล้อ : “ ใช่ๆ พวกนายมีเพิ่มอีกคนเลย !”
“ ฉันกลัวว่าถ้าเกิดได้ลูกผู้ชายอีกคนจะทำยังไงละ ?” ปัญหานี้ ซูสือจิ่นว้าวุ่นใจอยู่นาน
“ เสี่ยวจิ่น งั้นไม่เอาแล้วไหม ” หยานชิงเจ๋อพูดอย่างหยอกล้อ : “ จะว่าไปเกิดลูกมันเจ็บมากๆนะ ครั้งก่อนเธอก็ถึงกลับร้องไห้เลยนิ ?”
“ แต่ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยากจะมีลูกสาวอยู่ดีทำยังไงดีละ ?” ซูสือจิ่นก็ปากมุ่ย
“ ถ้าหากว่าชอบหวันหว่านและหยู่ปิง ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเด็กๆมาที่บ้านของพวกเราบ่อยๆ หรือไม่เธอก็ไปเล่นกับพวกเขาก็ได้นิ ” หยานชิงเจ๋อนึกถึงวันที่อยู่ในห้องคลอดวันนั้น ที่เห็นซูสือจิ่นที่คลอดลูกด้วยความเจ็บปวดทรมานแบบนั้น ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่อยากจะให้เธอได้รับความเจ็บปวดทรมานแบบนั้นอีก ถึงแม้ว่าเขาจะชอบเด็กมากๆก็ตาม
หรือถ้าให้พูดอย่างแท้จริงแล้ว ขอเพียงแค่เป็นลูกของพวกเขา ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง เขาก็ชอบหมด
“ พี่ชิงเจ๋อ พี่คิดว่าพวกเราจะไม่มีเพิ่มแล้วจริงๆหรอ ?” ซูสือจิ่นเห็นว่าหลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยวต่างก็มีลูกสองคน ถึงแม้จะรู้สึกว่าการคลอดลูกมันเจ็บปวด แต่มันก็น่าอิจฉามาจริงๆ
“ ไม่แล้ว ฉันมีโม่หาน แล้วก็มีเธอ ก็ถือได้ว่ามีทั้งลูกชายและลูกสาวแล้ว ” ในขณะที่หยานชิงเจ๋อพูดก็ได้จูบซูสือจิ่นอีกครั้ง : “ จะว่าไปไม่ว่าจะคลอดกี่คนมันก็ส่งผลกระทบต่อร่างกายเธออยู่ดี พวกเรามีคนเดียวก็พอแล้ว !”
“ ค่ะ ” ซูสือจิ่นยังคงว้าวุ่นใจอยู่
ในเวลานี้ โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็มีเสียงดังขึ้น เมื่อซูสือจิ่นเปิดดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นฟู่สีเกอที่ส่งวีแชทมาหา
ด้านบนพิมพ์เอาไว้ว่า : “ ยัยโง่ซู่สือจิ่น เธอก็เตรียมกรรไกรเล็กๆไว้สิ ในตอนนั้นเธอท้องได้ยังไง ครั้งนี้ก็ท้องอย่างนั้นแหละ !”
ซูสือจิ่นถึงกลับดวงตาก็เบิกว้างในทันที แล้วเธอก็อยากขึ้นไปทะเลาะกับฟู่สีเกอ แต่พอมาลองคิดกลับกันดูแล้ว ดูเหมือนว่าความคิดนี้มันก็ไม่ได้ทำให้คนโมโหขนาดนั้น
ดังนั้น เธอก็เลยตอบวีแชทกลับไปว่ามีดหั่นผักสามด้าม
แต่อย่างไรก็ตาม ความคิดที่ฟู่สีเกอให้เธอนั้น มันก็ดูเหมือนเมล็ดพืชที่บังเอิญตกลงไปในพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ และมันก็หยั่งรากไปโดยที่ไม่ตั้งใจ