ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 460 แอลกอฮอล์ทำให้คนกล้าคิดวางแผนทำเรื่องอะไรบางอย่าง!
ฮั่วชิงชิงถูกจูบจนไม่เหลือเรี่ยวแรงอะไรแล้ว อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปคว้าแผ่นหลังของหันจื่ออี้มากอดเอาไว้ คิดอยากที่จะหาจุดถ่วงรองรับน้ำหนักสักเล็กน้อย
มือ อดไม่ได้ที่จะสัมผัสเข้ากับแผลเป็นนั้นของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจไปเสียแล้ว
เขาเองก็แทบจะรับรู้สึกได้แล้ว ร่างทั้งร่างสับสนเล็กน้อยหลายวินาที แต่ทว่า จูบนั้นกลับแปลเปลี่ยนเป็นร้อนแรงมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
เขาเข้าไปในช่วงเวลานั้น จู่ ๆ ฮั่วชิงชิงก็รู้สึกได้ว่าตนเองนั้นก็มีแผลเป็นอยู่ที่บริเวณเดียวกันกับที่ตำแหน่งทางด้านล่าง ไตของที่อยู่ในร่างกายของเธอมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น ทำให้ร่างทั้งร่างของเธอนั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
เขาขยับตัวอยู่ครู่หนึ่ง ก้มหน้าลงไปสบตามองเธอ “ชิงชิง รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่าครับ?”
ฮั่วชิงชิงกัดริมฝีปาก ส่ายหน้าที่กำลังแดงก่ำ “ไม่ค่ะ”
หันจื่ออี้เอนตัวลงไป ร่างกายตะแคงเล็กน้อย ไม่ให้ตนเองนั้นกดทับท้องของฮั่วชิงชิงเลยแม้แต่ครึ่งเดียว ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไป แล้วประทับจูบเข้าที่กกหูของเธอ
เธอรู้สึกว่าขนทั่วทั้งร่างลุกชันขึ้นมากันหมดแล้ว หน้าท้องก็ถูกจูบจนอดไม่ได้ที่จะต้องหดเกร็ง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เจ้าตัวน้อยในท้องเองก็เริ่มที่จะขยับตัวเล็กน้อยแล้ว
“อ๊ะ ไม่ไหวแล้วค่ะ เจ้าตัวน้อยเตะฉัน” ฮั่วชิงชิงเอ่ยขึ้นพร้อมกับผ่อนลมหายใจ
“เธอแค่กำลังทักทายปะป๊าน่ะ” น้ำเสียงของหันจื่ออี้เต็มไปด้วยอารมณ์อย่างแหบพร่ามากขึ้นหลายส่วน มันดังระเบิดอยู่ที่ข้างใบหูของฮั่วชิงชิง “วางใจเถอะครับ ผมไม่ทิ่มเธอหรอก”
“คุณ——” ฮั่วชิงชิงสบตามองหันจื่ออี้อย่างไม่สบอารมณ์ครั้งหนึ่ง
มีคำบอกไว้ว่าทางด้านนี้ของผู้ชาย ราวกับว่าไม่ต้องมีอาจารย์สอนก็สามารถช่ำชองได้ใช่ไหม?
ในตอนแรกเริ่ม เธอยังรู้สึกว่าเขานั้นสุภาพเรียบร้อยเป็นอย่างมาก แต่ทว่ามาจนถึงตอนหลังแล้ว เขาก็เริ่มมีท่าทางเจ้าเล่ห์มากมาย ทำให้เธอนั้นตกตะลึงจนรู้สึกว่าเขานั้นไม่ได้ตั้งใจซื้อภาพอะไรมาเพื่อศึกษาใช่ไหม
แต่ทว่า ในตอนแรกเริ่ม ฮั่วชิงชิงนั้นยังสามารถครุ่นคิดได้ จนมาถึงช่วงหลัง ร่างทั้งร่างนั้นถูกฝึกฝนอย่างลึกซึ้ง ทำให้การหายใจของเธอนั้นแปรเปลี่ยนเป็นถี่รัวมากขึ้น ร่างกาย กลับราวกับว่าจากที่อ่อนนุ่มก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งแล้ว
หันจื่ออี้ก้มศีรษะลง สบตามองใบหน้าแดงซ่านของฮั่วชิงชิง อีกทั้งยังมีนัยน์ตาที่เป็นไปด้วยม่านน้ำตาอีก ภายในหัวใจกระตุกทันที “ชิงชิงครับ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราเปลี่ยนท่ากันหน่อยดีไหมครับ?”
“ท่าอะไรคะ?” ฮั่วชิงชิงถูกเขากระแทกชนเข้าจนใกล้จะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อแล้ว
“คุณอยู่ด้านบน” หันจื่ออี้พูดไป ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นมา “ผมกลัวว่าคุณจะไหลตกลงไปจากโซฟาครับ พวกเราไปที่ห้องนอนกันดีกว่า”
เขาไม่รอให้เธอตอบตกลง ก็อุ้มเธอเข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น เขาก็เอนตัวนอนลง ก่อนจะหันไปเชื้อเชิญเธอ “มานั่งด้านบนสิครับ”
ฮั่วชิงชิงไม่ขยับ หันจื่ออี้หรี่ตาลง “ไม่มาจริง ๆ หรือครับ?”
ราวกับว่า ในทุกครั้งของเรื่องแบบนี้ เขานั้นจะดื้อดึงมากกว่าปกติเล็กน้อยเสมอ ไม่สามารถปฏิเสธได้เลย มิฉะนั้นแล้ว ครั้งต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะทำนานแค่ไหนน่ะสิ……
ฮั่วชิงชิงไร้ทางเลือก ทำได้เพียงแค่กระทืบเท้าเข้าไปหา หลังจากนั้น ก็นั่งลงไปที่ด้านบน
“ฉันมีเจ้าตัวน้อยอยู่ ไม่สามารถขยับได้ค่ะ” เธอนั้นแทบจะพูดทั้งประโยคออกมาไม่หมด
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำเอง” หันจื่ออี้พูดไป ก่อนจะสวมกอดเอวของเธอไปพลาง แล้วเริ่มขยับตัวไปพลาง
อีกทั้งเขายังยืดตัวครึ่งหนึ่ง และเริ่มจูบเธออีกด้วย
บนไหปลาร้า ค่อย ๆ เริ่มมีรอยดวงดาวไฟเล็ก ๆ อ่อนนุ่ม ทำให้ฮั่วชิงชิงรู้สึกว่าตนเองนั้นราวกับว่าถูกจังหวะของเขาตีจนจุดไฟติดขึ้นมาเลยก็ไม่ปาน
ตามต่อมาด้วยหันจื่ออี้ที่ไล่จูบลงไปไม่หยุด สุดท้ายแล้ว ก็หยุดลงบนหน้าอกอวบอิ่มของเธอ
เธอแทบจะร้องออกมาเลยทีเดียว แต่เขากลับยิ้มร้ายออกมา “ชิงชิงครับ อันที่จริงแล้วสามารถร้องดังกว่านี้หน่อยก็ได้นะครับ”
จนมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว เธอกลับลืมเลือนทุกอย่าง แม้กระทั่งก็ยังรู้สึกไม่ได้ว่ามีเจ้าตัวน้อยอยู่ด้วย แต่กลับสอดประสานและเต้นระบำไปกับจังหวะของเขาทั้งหมด จนกระทั่งท้ายที่สุดแล้วก็ปลดปล่อยออกมา
“ชิงชิง ขอบคุณนะครับ ผมรู้สึกเสียวมากเลยล่ะ” หันจื่ออี้พูดไป ก่อนจะออกมาจากร่างกายของฮั่วชิงชิง หลังจากนั้น ก็ก้มลงไปประทับจูบลงที่หน้าท้องของเธออีกครั้ง “เจ้าตัวน้อย ลูกอยู่ในนั้นสามารถหลับได้แล้วนะครับ”
ฮั่วชิงชิงเองก็พึ่งจะหลุดออกจากอารมณ์ ลมหายใจแทบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว ก่อนจะชกหมัดเข้าที่หันจื่ออี้ “เจ้าตัวน้อยต้องหัวเราะพวกเราแน่เลย!”
เขาคว้าจับหมัดของเธอเอาไว้ “เจ้าตัวน้อยต้องกำลังคิดว่า ปะป๊ารักมะม๊ามาก ๆ แน่ ๆ”
เดิมฮั่วชิงชิงคิดอยากที่จะหยอกล้อ แต่ทว่าในตอนที่ได้ยินประโยคนี้ของหันจื่ออี้ที่กำลังเยอะเย้ยอย่างชัดเจนนี้แล้ว กลับรู้สึกสับสนเล็กน้อยแทน
เมื่อครู่นี้ความรู้สึกที่ปลายนิ้วของเธอ ในตอนนี้มันกลับชัดเจนขึ้นมาอีกแล้ว
หันจื่ออี้เห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ถูกต้อง จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “ชิงชิง เป็นอะไรไปครับ?”
บางทีอาจจะเป็นเพราะความรู้สึกของผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มันจะบอกว่าลมเป็นฝน ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ หยาดน้ำตาของฮั่วชิงชิงก็พรั่งพรูออกมาทันที
หันจื่ออี้นึกว่าไม่สบาย สีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันที “หรือว่าเมื่อกี้นี้ผมทำคุณเจ็บหรือครับ? ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ? พวกเราเรียกหมอดีไหม?”
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่——” เธอเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเขา รู้สึกเพียงแค่ว่าความลับที่อยู่ในก้นบึ้งของหัวใจมาเนิ่นนาน ในตอนนี้ก็แทบจะไร้หนทางที่จะกักเก็บกดทับฝังมันลงไปอีกแล้ว
ฮั่วชิงชิงสวมกอดหันจื่ออี้เอาไว้ นิ้วมือตกลงไปที่รอยแผลเป็นของเขา “จื่ออี้คะ อันที่จริงแล้วฉันนั้นติดค้างคำพูดขอบคุณจากปากของฉันเองกับคุณมาโดยตลอดเลย”
ทันใดนั้นเองหันจื่ออี้ก็เข้าใจได้ทันที อีกทั้งยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย “ชิงชิงครับ คุณรู้หมดแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เธอพยักหน้า ไม่สนใจเลยว่าทั้งสองคนในตอนนี้นั้นจะซื่อตรงต่อกัน ซบเข้ากับอ้อมกอดของเขาอยู่อย่างนั้น หยาดน้ำตาล้วนแล้วตกกระทบลงบนทรวงอกของเขา “ในตอนนั้นฉันก็ยังทำแบบนั้นกับคุณอีก ขอโทษจริง ๆ นะคะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” หันจื่ออี้ตบเบา ๆ เข้าที่แผ่นหลังของเธอ “ไตข้างเดียวก็พอแล้วล่ะ สามารถช่วยคุณได้ก็ดีแล้วครับ”
“ในตอนนั้นคุณจะต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ?” เธอสบตามองเขา “แล้วก็ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเคียงข้างคุณด้วย หลังจากนั้นมา ฉันเห็นว่าคุณผอมลง ภายในหัวใจก็รู้สึกแย่มาโดยตลอดเลยค่ะ เป็นเพราะว่า คุณในความทรงจำของฉัน ไหล่ผึ่งผายเป็นอย่างมาก แผ่นอกเองก็หนาแน่นมาก ๆ ทำให้คนรู้สึกเต็มไปด้วยความปลอดภัย”
“นั่นเป็นเพราะว่าในตอนนั้นผมทำการผ่าตัดเสร็จแล้วงานก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลารักษาตัวให้ดีครับ” หันจื่ออี้พูดไป ก่อนจะจับมือของฮั่วชิงชิงขึ้นมา แล้ววางมันลงบนแผ่นอกของตนเอง “คุณดูสิครับ ตอนนี้ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นอย่างเดิมแล้วไม่ใช่หรือครับ?”
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ช่วงนี้ร่างกายของเขานั้นราวกับว่าดีขึ้นอย่างชัดเจนไม่น้อยเลย แต่ทว่าเมื่อหวนนึกถึงในตอนแรกนั้น ฮั่วชิงชิงก็ยังคงหลุบตาลงต่ำอีกครั้ง
เธอยื่นใบหน้าเข้าไปหา ก่อนจะก้มศีรษะลงไปประทับจูบที่รอยแผลเป็นของหันจื่ออี้
เขารู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย “ชิงชิงครับ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป หลังจากนี้ เพื่อผม ต้องดูแลร่างกายให้ดี ๆ ปกป้องรักษาไตข้างนั้นเอาไว้ด้วยนะครับ”
“ค่ะ” เธอพยักหน้า
“คุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” หันจื่ออี้เอ่ยถาม “เป็นครั้งนั้นที่คุณกลับหนิงเฉิงหรือเปล่าครับ?”
“ค่ะ” ฮั่วชิงชิงพยักหน้า “แต่ว่าในตอนนั้นฉันไม่ได้บอกคุณ เป็นเพราะว่ากลัวว่าคุณจะรู้สึกว่า ฉันกับคุณอยู่ด้วยกันก็เป็นเพราะว่าตอบแทนบุญคุณ”
เขายกยิ้มขึ้นอย่างหมดคำจะกล่าวเล็กน้อย “ดังนั้นแล้ว จอมขี้แย คุณเองก็กักเก็บมันมาตั้งนานมากขนาดนั้นเลยหรือครับ? มีบางครั้งนะครับที่ผมก็รู้สึกว่า คุณน่ะราวกับว่ารู้แล้วเลย แล้วก็มีบางครั้งที่รู้สึกอีกว่าตัวเองนั้นเดาผิดไปแล้ว”
“ขอโทษนะคะ” ฮั่วชิงชิงพูดไป ก่อนจะประทับจูบลงบนรอยแผลเป็นของหันจื่ออี้อีกหนหนึ่ง ราวกับว่าคิดอยากที่จะบรรเทาความเจ็บปวดของเขาในตอนแรกผ่านจูบเลยก็ไม่ปาน
“ทำไมถึงยังขอโทษอยู่อีกล่ะครับ?” หันจื่ออี้ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าคุณจูบอีก ผมเกรงว่าผมจะยั้งตัวเองเอาไว้ไม่อยู่แล้วนะครับ……”
ที่เขาพูดนั้นไม่ได้โกหกเลย เป็นเพราะว่าเธอตั้งครรภ์ ในทุกครั้งที่เขาทำนั้นก็ล้วนแล้วแต่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก ระยะเวลาก็ไม่กล้าที่จะทำนานมากนัก ดังนั้นแล้ว มักจะรู้สึกว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มอยู่เสมอ
ตอนนี้เธอกลับจูบแบบนั้นอีก ทันใดนั้นเอง เลือดในกายของเขาก็เริ่มที่จะมีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นแล้ว แม้กระทั่งร่างกายก็เริ่มที่จะแปรเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
ฮั่วชิงชิงนึกว่าหันจื่ออี้นั้นล้อเล่น รอให้เธอหมุนกายกลับมาดูแล้ว ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ดวงตาก็เบิกกว้างในทันที
นี่เขากลับ——
เธอทั้งอับอายทั้งหงุดหงิด “ฉันจะไปอาบน้ำแล้วค่ะ”
หันจื่ออี้สบตามองจุดที่แปรเปลี่ยนเป็นผงาดขึ้นมาอีกครั้งของตนเองอย่างปวดหัว ก่อนจะนวดคลึงเข้าที่ขมับไปพลาง “ครับ พวกเราไปพร้อมกัน พื้นในห้องน้ำมันลื่น ระวังล้มนะครับ”
เขาตามเข้าไป บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเธอนั้นรีบร้อนเดิน ดังนั้นจึงลื่นแล้วจริง ๆ ทำให้หันจื่ออี้นั้นตกใจจนรีบเข้ามาสวมกอดเธอเอาไว้แน่น
ร่างกายเปลือยเปล่าแนบชิดกันแน่น ร่างของเขานั้นหดเกร็งอย่างรุนแรง แทบจะเป็นสัญชาตญาณเลยก็ไม่ปาน หันจื่ออี้คว้าจับเข้าที่เอวของฮั่วชิงชิงเอาไว้ ก่อนจะก้มศีรษะลงไปประกบจูบเธอ
มือที่จะผลักเพื่อปฏิเสธของเธอถูกเขาจับชูขึ้นเหนือศีรษะ เขาค้นพบแล้วว่าเขาในวันนี้นั้นราวกับว่าไม่ว่าจะต้องการอย่างไรก็ไม่พอเสียทีเลยก็ไม่ปาน ร่างกายนั้นซื่อตรงตามความคิด ในตอนที่มีปฏิกิริยากลับมานั้นเอง ก็อุ้มฮั่วชิงชิงขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะวางลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือด้านบน
เธอตื่นตะลึง เขาพุ่งเข้าไปปิดริมฝีปากของเธอทันที ฝ่ามือวางอยู่ในจุดที่ติดไฟบนร่างกายของเธอ จนกระทั่งเธอเองก็ถูกดูดจนไร้เรี่ยวแรงแล้ว เขาถึงยกขาของเธอขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะสอดใส่เข้าไปในส่วนลึกอีกหน
“คุณ——” ฮั่วชิงชิงทุบตีเขาออกอย่างร้อนรน หันจื่ออี้เองก็ยกยิ้มอย่างขมขื่น “ชิงชิงครับ ล้วนแล้วแต่คงต้องโทษหลายปีมานี้แล้วล่ะครับ ที่ผมนั้นอดทนมานานขนาดนั้น……”
พูดไป เขาก็สวมกอดและกดเข้าที่เอวและแผ่นหลังของเธอ ในทุก ๆ ครั้ง ล้วนแล้วแต่เข้าไปจนถึงจุดที่ลึกที่สุดของเธอเลย
บนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือเองก็ไม่รู้ว่าถูกอะไรตีตกลงเข้าให้แล้ว ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงของความสุขสันต์ดังลอยขึ้นมา ภายในตัวห้องก็ยิ่งงดงามเร่าร้อนขึ้นมาทั้งหมดทันที
ฮั่วชิงชิงเงยหน้าขึ้น มองเห็นเพดานด้านบนมีคนทั้งสองคนกำลังอยู่ในท่วงท่าสอดประสานกันอยู่ ดังนั้นจึงรู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างนั้นล้วนเต็มไปด้วยไฟทั้งหมดแล้ว
กระจกนั่นเป็นเธอก่อนหน้านี้ที่บอกว่าจะติดเอาไว้ ในตอนนี้ กลับกลายเป็นตัวเร่งร่างกายไปเสียนี่
เธอถูกเข้าเคลื่อนไหวไปมาใส่ไม่หยุด เสียงสุขสมก็อดไม่ได้ที่จะดังลอดออกมาจากลำคอ เสียงที่เปล่งออกมานั้นดังขึ้นดังขึ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ
สุดท้ายแล้ว เขาเองก็ปลดปล่อยภายในร่างกายของเธอ เนิ่นนานราวครึ่งวัน ลมหายใจจึงกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะก้มศีรษะมองดูใบหน้าที่แดงซ่านเป็นชั้นของเธอ แล้วเอ่ยกับเธอว่า “ชิงชิงครับ ผมจะรอให้คุณคลอดเจ้าตัวน้อยให้เสร็จก่อนนะ”
ร่างทั้งร่างของฮั่วชิงชิงแข็งค้างในทันที ความหมายของเขาก็คือ……
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่า หลังจากนี้เวลาจะนอนนั้นมันจะล้วนแล้วแต่ยากลำบากขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกันนะ?
ในตอนนั้นเอง คฤหาสน์ของสือมูเฉินเองก็ยังคงเต็มไปด้วยความครึกครื้น
หยานโม่หานนั้นชื่นชอบหวันหว่านมากจริง ๆ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงสี่ทุ่มแล้ว เขาในยามปกติที่มักจะนอนเร็ว ในตอนนี้นั้น กลับยังคงตัวติดกับหวันหว่าน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับซูสือจิ่นว่า “คุณแม่ครับ หานหานจะนอนกับพี่สาวครับ!”
ซูสือจิ่นจะร้องไห้ก็ไม่ได้จะหัวเราะก็ไม่ออก ก่อนจะหันไปมองหยานชิงเจ๋อ “พี่ชิงเจ๋อคะ ถ้าอย่างนั้น……”
“ก็ให้พวกเขานอนด้วยกันเลยก็แล้วกัน พวกเราเองก็อยู่ที่บ้านพี่เฉินด้วยก็แล้วกัน กลับกันก็อยู่กันพอนี่เนอะ!” หยานชิงเจ๋อพูดไป ก่อนจะก้มหน้าลงไปจุ๊บหยานโม่หานหนึ่งหน “ถ้าอย่างนั้นแล้วคืนนี้ก็นอนอย่างเป็นเด็กดีนะครับ อย่าไปเตะพี่หวันหว่านเขาล่ะ!”
เจ้าตัวน้อยนัยน์ตาเป็นประกายทันที “ครับ”
ซูสือจิ่นรู้สึกว่าขายหน้าแล้ว……
ส่วนบ้านของฟู่สีเกอที่มีเด็กชายหนึ่งคนเด็กหญิงหนึ่งคนนั้น ในตอนกลางวันพวกเขาก็เสียงดังวุ่นวายมาก ดังนั้นแล้ว เจ้าตัวน้อยทั้งสองคนกับสือจิ่งเหยียนอยู่ด้วยกัน ในตอนนี้ก็หลับไปพบกับโจวกงเรียบร้อยแล้ว
พวกผู้ใหญ่เองก็จัดเก็บเด็ก ๆ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงออกมาพูดคุยกัน
เป็นเพราะว่าล้วนแล้วแต่เป็นพ่อแม่กันหมดแล้ว ดังนั้นแล้ว ก็พูดถึงเรื่องของเด็ก ๆ อีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
ทุกคนนั้นแทบจะพูดกันไปในทิศทางเดียวกันเลย หวันหว่านนั้นเฉลียวฉลาดรู้ความ อีกทั้งยังเป็นเด็กหญิงที่เชื่อฟังอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ซูสือจิ่นก็คิดถึงความดื้อรั้นของตนเองขึ้นมาได้อีกครั้ง
วันนี้ แม้กระทั่งฮั่วชิงชิงเองก็บอกว่าลูกในท้องของเธอนั้นเป็นเด็กหญิงตัวน้อย ส่วนเธอนั้นไม่มีลูกสาวเลย รู้สึกแย่มาก รู้สึกแย่มาก ๆ!
แล้วก็ไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะว่าดื่มไวน์แดงเข้าไปมากหน่อยแล้วหรือเปล่า เธอนั้นมีอาการของคนที่เหล้าเข้าปากแล้วมีความกล้า ดังนั้นจึงคิดที่จะทำเรื่องอะไรเสียหน่อย!
ตอนนี้บาดแผลที่แผ่นหลังของเธอนั้นได้รับการรักษาจนดีขึ้นทั้งหมดแล้ว เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นดื่มไวน์เข้าไปอาจจะยังไม่พอ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จึงแอบเข้าไปที่ตู้เก็บไวน์ในบ้านของสือมูเฉิน ก่อนจะเปิดไวน์แดงที่ยังดื่มไม่หมดขวดนั้น กระดกดื่มเข้าไปหลายอึก ตามต่อมาด้วย เดินหลับไปหาหยานชิงเจ๋อ
“พี่ชิงเจ๋อคะ ฉันง่วงนอนแล้ว” ซูสือจิ่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับหาวด้วย
“ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราไปนอนกันก่อนเถอะ!” หยานชิงเจ๋อลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือมูเฉิน หลังจากนั้นก็ตามซูสือจิ่นเข้าไปในห้องนอนแล้ว
“พี่ชิงเจ๋อคะ พี่ไม่รู้สึกบ้างหรือคะ ว่าห้องในบ้านของพี่เฉินมันอบอุ่นมากกว่าบ้านของพวกเราอีก?” ซูสือจิ่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
หยานชิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างงุนงง “ไม่นะ พวกเราก็อยู่ในเขตคฤหาสน์เดียวกันนี่ เป็นจุดศูนย์รวมที่อบอุ่นดีออก”
เจ้าคนคนนี้ ความคิดยามปกตินั่นหายไปไหนเสียแล้ว?! ซูสือจิ่นหงุดหงิด