ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 462 เธอเป็นอะไรกับคุณ
“เจ้าโง่โยวขึ้นมานั่ง ไม่เข้าใจรึไง ”ฟู่สีเกอพูดขึ้น
เฉียวโยวโยวตอบรับไป กำลังจะทำตามแต่คิดได้ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงนะ
“ผู้หญิงไม่ทำแบบนี้” เฉียวโยวโยวนวดศีรษะที่กำลังมึนๆ “ให้ฉันคิดก่อน…”
รอเธอคิด เขาถูกเธอทำให้ไฟติดใกล้จะระเบิดแล้ว
ฟู่สีเกอเปิดปาก“ให้เวลาคุณ5วินาที ถ้าหากคุณไม่รู้จะทำยังไง ก็แสดงว่าคุณไม่ได้เรื่อง”พูดอยู่ก็เริ่มนับถอยหลัง
เป็นผู้หญิง เกลียดที่สุดก็คือผู้ชายบอกว่าตัวเองไม่ได้เรื่อง
ผู้ชายใต้ร่างกลับกล้าดูถูกเธอ?!
เฉียวโยวโยวไม่พอใจ เห็นธงท่อนล่างของฟู่สีเกอตั้งขึ้น จู่ ๆก็รู้สึกคุ้นตานิดๆ
เธอเข้าไปใกล้ บีบๆแล้วลูบคลำไปสองที ยิ่งรู้สึกว่าเคยเห็นที่ไหน ด้วยเหตุนี้ หน้าเรียวไข่แดงๆเข้าไปใกล้ ยังสูดดม
ลมอุ่นๆพ่นอยู่ข้างบน ฟู่สีเกอรู้สึกว่าตัวเองจะบ้าทันที
ใครกำหนดให้เขารอเธอมาจัดการเขาข้างเดียว นี่ไม่ใช่การทรมานเขาให้คลั่งรึไง?!
ตอนที่เขาจะเปลี่ยนจากฝ่ายถูกกระทำเป็นฝ่ายกระทำ เฉียวโยวโยวมึนงงอยู่ จู่ ๆก็นึกถึงฉากหนึ่งขึ้น เหมือนของสิ่งนี้ยังใช้มานั่งได้…
ความรู้สึกที่ถูกปิดล้อมกะทันหัน ทำให้ฟู่สีเกออุทานออกมาอย่างพอใจ เขากำลังจะจุ๊บให้รางวัลเฉียวโยวโยวไปหนึ่งจุ๊บ เธอก้มตัวลงไปแล้ว จูบเขาอย่างรุนแรง
คิดไม่ถึงว่าฤทธิ์เหล้าจะแรงขนาดนี้ เธอที่เป็นแบบนี้ 10ปีก็ยากจะพบเจอจริงๆ
ฟู่สีเกอทำตัวเหมือนคนตัวเล็กๆ รอความสุขจากพี่โยวโยว
แต่เพื่อเพลิดเพลินกับการบริการของสาวน้อยเมาเหล้า ฟู่สีเกอตัดสินใจ อะไรก็ยอม
เพียงแต่ ท้ายที่สุดด้วยกำลังที่มีจำกัดของเธอ ตอนที่เฉียวโยวโยวพูดออกมาด้วยความเอาแต่ใจ “ฉันเหนื่อยแล้ว จะนอนแล้ว”ฟู่สีเกออุ้มเธอไว้ทันที แล้ววางเธอลงบนโซฟาใกล้ๆ แล้วทับลงไป…
วันรุ่งขึ้น ทุกคนต่างตื่นสาย ถึงขนาดตอนตื่นขึ้นมา หวันหว่านช่วยน้องชายน้องสาวแต่งตัวเสร็จแล้ว
ซูสือจิ่นเห็นหวันหว่านเป็นเด็กฉลาด ฝ่ามืออดไม่ได้ที่จะลูบท้องน้อยของตัวเอง
เมื่อคืนวานนี้ เธอกับหยานชิงเจ๋อทำกันหลายครั้ง ผลสุดท้าย เธอทนความเหนื่อยไว้ ยังเอาหมอนใบหนึ่งมารองที่เอวไว้โดยเฉพาะ ก็ไม่รู้ว่าจะท้องไหม
สิ่งสำคัญก็คือ ครั้งนี้เธอเอาแต่ภาวนาให้เป็นเด็กผู้หญิง น่าจะเป็นเธอผู้หญิงนะ
หยานชิงเจ๋อกลับไม่รู้ถึงความคิดเธอ แค่คิดว่ากินยาคุมมันไม่ดี ดังนั้นเลยอารมณ์เสียกับการกระทำเมื่อคืนของตัวเอง
การควบคุมที่เขามี ทำไมอยู่ต่อหน้าเธอก็เหมือนกระดาษบางๆ(ไร้ประโยชน์)แบบนั้น?
ถ้าหากท้อง เธอต้องลำบากมากอีกครั้ง
แต่ตอนเห็นหวันหว่านจูงน้องชายน้องสาวออกมา จู่ ๆหยานชิงเจ๋อก็รู้สึก มีลูกสาวคนหนึ่ง อันที่จริงเป็นเรื่องที่ดีมาก
หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินกินข้าวเที่ยงเสร็จ ส่งหยานชิงเจ๋อและคนอื่นๆกลับ ด้วยเหตุนี้เลยขับรถไปที่เขตทหาร
เวลาส่วนใหญ่ตอนนี้เย่เหลียนอีอยู่เป็นเพื่อนหลานเซี่ยวเฉิง ทั้งสองคนติดกันเหมือนเงา เหมือนชดเชยเวลาที่เสียไปทั้งหมดกลับมา
เห็นหวันหว่านและสือจิ่งเหยียน นัยน์ตาทั้งสองมีแต่ความหลงใหล ต่างคนต่างอุ้มหนึ่งคน ทำให้มือหลานเสี่ยวถางกับ
สือมูเฉินว่างเปล่าไป
หวันหว่านเอาภาพในมือยื่นให้คุณตาคุณยาย พูดพร้อมประกบท่าทาง “ขออวยพรให้คุณตาคุณยายมีสุขสันต์ใน
วันตรุษจีน”
ทั้งสองเห็นเธอเป็นเด็กฉลาดอย่างนี้ สะอึกในใจ หยิบอั่งเปาที่เตรียมไว้แต่เช้าออกมาจากในห้อง ยื่นให้
หวันหว่านกับสือจิ่งเหยียน
“ขอให้หวันหว่านกับจิ่งเหยียนฉลาดและแข็งแรงยิ่งๆขึ้นไป”
“ขอบคุณครับ คุณตาคุณยาย”สือจิ่งเหยียนรับมาอย่างดีใจ เอาของตัวเองให้หวันหว่าน“ให้พี่สาว”
ทุกคนพูดอย่างมึนงง “จิ่งเหยียน ของพี่สาวก็มี ทำไมเอาของตัวเองให้พี่สาวล่ะ?”
สือจิ่งเหยียนคิดๆ“พี่สาวพาน้องซื้อของ”
ทุกคนหัวเราะ“ไม่เป็นไร จิ่งเหยียนเก็บของตัวเองไว้ให้ดี หลังจากนี้เงินตัวเอง ตัวเองเป็นคนเก็บ อยากซื้ออะไรก็เอาจากในนั้น”
ตอนนี้เด็กน้อยยังไม่สามารถเข้าใจเรื่องซับซ้อนอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้เล่นอั่งเปาตัวเองเดี๋ยวเดียว ก็เอามันยื่นให้
หลานเสี่ยวถางไป
ในสายตาของเขา รถยนต์คันเล็กสนุกกว่าอั่งเปาปึกหนึ่งมาก
เด็กทั้งสองนั่งเล่นของเล่นบนพรม หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินเริ่มพูดเรื่องหวันหว่านอยู่กับทางเพอร์เซลล์
ถึงเวลามื้อเย็น หวันหว่านยืนกรานจะตักข้างเอง ด้วยเหตุนี้ไม่แค่ตักข้าวให้ตัวเอง ยังตักให้สือจิ่งเหยียน
เด็กน้อยเห็นพี่สาวตักข้าวเอง ดังนั้นเลยอยากตักให้ผู้ใหญ่เหมือนกัน เขาถูกสือมูเฉินกอดไว้ ใช้มือหยิบช้อนอย่างลำบาก ตักมาครึ่งช้อน เกือบจะตกบนพื้น
พวกผู้ใหญ่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก “จิ่งเหยียน รอหนูโตกว่านี้หน่อย สูงพอๆกับพี่สาว ก็ตักให้ตัวเองได้แล้ว”
ด้วยเหตุนี้ ความฝันเด็กน้อยก็กลายเป็นรีบสูงให้เท่าพี่สาว คืนนั้น มีบางครั้งเขาที่เป็นคนกินยากหน่อยๆ กินไปเต็มๆหนึ่งถ้วย
เวลาวันหยุดผ่านไปค่อนข้างเร็ว วันหยุดฤดูหนาวนี้ของหวันหว่านเหมือนไปมาระหว่างบ้านตัวเองกับบ้านคุณตาคุณยาย
และมีเพื่อนมากมาย แม้ว่าจะเด็กกว่าเธอ แต่คนเยอะถึงเล่นสนุก นอกจากหยานโม่หานเอาแต่ตามก้นเธอเหมือนแมลง เรียกพี่สาวๆ ไม่หยุด
วันหยุดจบลง เป็นธรรมดาที่ต้องกลับไปตระกูลเพอร์เซลล์
เพียงแต่ครั้งนี้ โอหยางจวิ้นมาเจรจาธุรกิจทางตอนใต้ของประเทศจีนพอดี ดังนั้นหลังเจรจาเสร็จ ก็นั่งเครื่องมาที่
เมืองหนิงเฉิง
หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินอุ้มน้องชายบอกลาหวันหว่าน ต่างเดินไปถึงปากประตูศุลกากร จู่ ๆหวันหว่านหมุนตัวมา ใช้มือทำท่าทางมอบให้ทุกคน
หวันหว่านถูกโอหยางจวิ้นอุ้มผ่านเดินถึงประตูศุลกากร มีคนเห็นผู้ชายลูกครึ่งอย่างเขาอุ้มเด็กผู้หญิงเหมือนจะเป็น
ลูกครึ่งจีน อดถามไม่ได้ “เธอเป็นอะไรกับคุณ…น่ารักจังเลย”
“ผม…”โอหยางจวิ้นจู่ ๆก็รู้สึกว่า เขาแทนตัวเองว่าอาจวิ้นต่อหน้าหวันหว่านมาโดยตลอด แต่เธอไม่ถือว่าเป็นหลานสาวเขามั้ง
“หลานสาวใช่ไหม?”อีกฝ่ายเห็นว่าสำเนียงจีน เขาไม่ค่อยดี นึกว่าเขาพูดศัพท์บางคำไม่เป็น
“อืม”เขาพยักหน้า เอาอย่างนี้ไปก่อนแล้วกัน
เครื่องบิน บินขึ้นอีกครั้ง หวันหว่านคิดๆ รอเธอกลับบ้านครั้งหน้า ก็โตขึ้นอีกปี
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศค่อยๆอุ่นขึ้น หวันหว่านเหมือนได้ภาษามือเกือบหมดแล้ว
เธอเรียนค่อนข้างเร็ว เลื่อนขึ้นอนุบาล 2 ตามลำดับ ที่เลื่อนชั้นไปด้วยกันกับเธอ ยังมีเฉียวซือที่นั่งโต๊ะเดียวกัน
เขาแก่กว่าเธอครึ่งเดือน อาจเพราะกินเก่ง ครึ่งปีนี้สูงขึ้นไม่น้อย ดูสูงกว่าหวันหว่านมาก
เพราะต้นฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นโรงเรียนอนุบาล กลับมาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันเหมือนเดิม
หวันหว่านเคยเรียนเต้น ร่างกายค่อนข้างอ่อน ดังนั้น ทำท่าเตะขึ้นดูดีกว่าเฉียวซือ
ด้วยเหตุนี้ ทุกเช้าในสนามกีฬาจะมีเสียงหัวเราะของพวกเด็กๆ
เวลาแบบนี้ช่างผ่านไปไว ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ โอหยางจวิ้นก็จะปรากฏตัวหน้าประตูโรงเรียนอย่างตรงเวลา
เขาเจอหวันหว่านแล้ว ตอนนี้เริ่มใช้ภาษามือถามเธอ 5 วันนี้เรียนและเล่นอะไรบ้าง เธอใช้ภาษามือบอกเขาเหมือนกัน เธอกับพวกเพื่อนเล่นกันสนุกสนาน คุณครูยังชมว่าเธอวาดภาพสวย เอาภาพวาดเธอไปแขวนบนกระดานหลังห้องเรียน
ปกติโอหยางจวิ้นจะยุ่งมาก แต่เหมือนทำตัวให้ว่างในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
เพราะอากาศอุ่นแล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาคุยกับทางครอบครัวแล้ว จะขับเรือยอชต์พาหวันหว่านออกทะเล
ตั้งแต่จำความได้เป็นครั้งแรกที่ใกล้ท้องฟ้าสีครามและทะเลสีมรกต หวันหว่านตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ตอนเรือยอชต์จอด เธอกับโอหยางจวิ้นไปบนดาดฟ้าด้วยกัน เตรียมจะตกปลา
โอหยางจวิ้นเตรียมเบ็ดให้เธอ ด้านบนผูกสายเบ็ดสองเส้น แขวนเหยื่อปลอมไว้ล่วงหน้าแล้ว แล้วช่วยหวันหว่านโยนลงไป รอปลาทะเลกินเหยื่อ
เขาเองเลือกใช้คันเบ็ดตกปลาทะเล โยนไปใต้ท้องเรือ มองคันเบ็ดหมุนไม่หยุด ปล่อยไปราว ๆ 40-50เมตร
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว เขาอุ้มหวันหว่านไว้ สังเกตความเคลื่อนไหวคันเบ็ดของตัวเองไปพลาง กุมมือเล็กของหวันหว่านไปพลาง สัมผัสว่าสายเบ็ดในมือเธอขยับรึเปล่า
ทันใดนั้น ก็รู้สึกมีอะไรดึงเบาๆ ตามมาด้วยสายเบ็ดถูกดึงลงไปแรงอย่างรวดเร็ว
โอหยางจวิ้นตาเป็นประกาย พูดกับหวันหว่าน “หวันหว่าน ปลากินเบ็ดของหนูแล้ว”
พูดอยู่ เขาใช้แรงยกขึ้น แล้วเริ่มเก็บสาย
หลังจากหมุนไปหลายรอบ สาวน้อยก็เห็นปลาตัวเล็กสีฟ้าเขียวขึ้นมาบนน้ำ แล้วโดนโอหยางจวิ้นจับมาตรงหน้า
เขายิ้มให้เธอ พูดว่า “หวันหว่าน หนูดูเธอตกปลากะรังขึ้นมา หวันหว่านเก่งจังเลย ”
ตอนนี้นัยน์ตาของสาวน้อยเป็นประกาย ดีใจอยากไปจับ แต่ก็กลัว ด้วยเหตุนี้ รอโอหยางจวิ้นเอาปลาออกมา วางเข้าไปในถังที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้
ปลาเล็กหนักราว100กรัม ว่ายน้ำอย่างว่องไวในถัง หวันหว่านเฝ้ามองสักพัก แล้วเริ่มตกปลา ภายใต้การช่วยเหลือของโอหยางจวิ้น
อาจเพราะตรงนี้ปลาเล็กเยอะ คันเบ็ดของเธอมีปลากินเหยื่อบ่อยๆ แต่มีบางครั้งที่ดึงขึ้นได้ แต่ส่วนใหญ่รอตอนสาวน้อยดึงสายขึ้นมา ปลาเล็กก็หนีไปไม่เห็นแม้เงา
แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ตอนเห็นปลาเล็ก4-5ตัวกระโดดอย่างมีชีวิตชีวาในถังตัวเอง หวันหว่านรู้สึกพอใจมากๆ
เธอดึงสายจนเหนื่อยแล้ว ด้วยเหตุนี้พลางมองปลาเล็ก รอโอหยางจวิ้นตกปลาใหญ่ไปพลาง
เพียงแต่ดูไปสักพัก เธอก็เห็นว่าปลาตัวที่ตกขึ้นมาก่อนเริ่มไม่ค่อยดิ้นแล้ว
เธอสังเกตสักพัก ถึงลุกขึ้นดึงเสื้อของโอหยางจวิ้น ชี้ไปที่ปลาตัวนั้น เริ่มทำท่าทาง “คุณอาจวิ้น มันใกล้ตายแล้วใช่ไหม?มันไม่สบายเหรอ?”
โอหยางจวิ้นพูดกับเธอ “เปล่า มันแค่จากทะเลมา น้ำในถังมีไม่พอ มันขาดออกซิเจนไปอย่างช้าๆ”
หวันหว่านรู้สึกปลาเล็กช่างน่าสงสาร ดังนั้นเลยพูดประกอบท่าทาง “หนูไม่อยากกินมัน คุณอาจวิ้นเราปล่อยมันลงทะเลได้ไหม?”
โอหยางจวิ้นเคยเข้าเกณฑ์ทหาร บวกกับทางเพอร์เซลล์ มักจะร่วมมือกับกองกำลังทหาร ดังนั้นเขาเคยชินกลับความเป็นความตายมานานแล้ว
ถึงขนาด ตอนเข้าเกณฑ์ใหม่ๆ เคยถูกคนลั่นไกปืนใส่
แต่ตอนนี้เห็นใบหน้าใจดีและอดไม่ได้ของเด็กสาวตัวน้อย จู่ ๆ เขาก็เกิดความสงสารขึ้นเล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้เลยพยักหน้า“ได้ เราปล่อยพวกมันกลับทะเล”