ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 47 ในฝันไม่ค่อยชัดเจน เรียกฉันอีกครั้ง
หลานเสี่ยวถางไออยู่สองสามทีแล้วพูดอย่างหมดเรี่ยวแรง “ขอบคุณที่ช่วยฉัน”
หันจื่ออี้มองเธอด้วยความรู้สึกน้อยใจ “เสี่ยวถาง ไม่รู้จักฉันแล้วเหรอ?”
“เปล่า ” หลานเสี่ยวถางส่ายหัวแล้วพยักหน้าอีกครั้ง “ฉันรู้จัก ”
ด้านข้าง หร่วนฉีหลับตา “โอ้ พระเจ้า ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ! เสี่ยวถาง นี่ใคร ?”
“เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยโรงเรียนมัธยมปลาย เขาเป็นรุ่นพี่ฉันปีหนึ่ง ” หลานเสี่ยวถางกล่าวและมองที่หันจื่ออี้ “รุ่นพี่ ขอบคุณมากค่ะ !”
“รุ่นพี่ ?” หันจื่ออี้ทวนชื่อนี้ซ้ำ รอยยิ้มที่ล้นออกมาจากมุมปากของเขา“เสี่ยวถาง เธอจำชื่อของฉันได้ไหม ? ”
หร่วนฉียังคงอยู่ข้างๆ หลานเสี่ยวถางจึงรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอมองไปที่เสื้อผ้าเปียกของหันจื่ออี้และพูดว่า ” ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ นายไม่ได้ใส่ชุดว่ายน้ำ”
“ตกลง” หันจื่ออี้พยักหน้าและมองหร่วนฉี “พวกเธอเป็นวิศวกรระยะไกลหรือเปล่า ? ”
หร่วนฉีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว เธอรู้สึกว่าหันจื่ออี้อาศัยอยู่ในวิลล่าเดี๋ยวนี้ เธอจึงรีบพูดอย่างสุภาพ ” คุณคือ?”
หันจื่ออี้ตั้งใจไม่ตอบ แต่พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึมกับหร่วนฉี “ตามฉันเข้าไปดื่มน้ำก่อน เพื่อนของคุณสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก คงรู้สึกเจ็บคอน่าดู ”
หลานเสี่ยวถางส่ายหัว “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะกลับไปดื่มที่ห้อง ”
หันจื่ออี้ได้ยินและหยุดชะงักในทันที ” เสี่ยวถาง เข้าไปดื่มน้ำเฉยๆ ”
หร่วนฉีรู้สึกยุ่งยากนิดหน่อย เธอก็กะพริบตา ” อ่ะ ฉันลืมรองเท้าว่ายน้ำไว้ที่ชายหาดเมื่อกี้นี้ ไม่รู้ว่าถูกน้ำทะเลซัดไปหรือเปล่า? ฉันไปดูก่อน!”
ขณะที่พูดก็ไม่ได้สนใจท่าทีของหลานเสี่ยวถาง และรีบเดินออกไปในที่สุด
บนชายหาดที่เงียบสงบ เหลือเพียงหลานเสี่ยวและหันจื่ออี้
“รองเท้าว่ายน้ำของฉันก็คงจะถูกซัดไปเช่นกัน ” พอหลานเสี่ยวถางพูดจบ ก็หันหลังกลับตามหร่วนฉีไปในทันที
ในขณะนี้นั้นเอง หันจื่ออี้ก็คว้าข้อมือเธอเอาไว้ เขามองเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำอะไรไม่ถูก “เสี่ยวถาง เราไม่ได้เจอกันตั้งหกปี เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเลยเหรอ ? ”
“ไม่มี ” หลานเสี่ยวถางส่ายหัว
เมื่อถูกปฏิเสธอย่างดื้อๆ หันจื่ออี้จึงรู้สึกหายใจติดขัด และเขาไม่ปล่อยเธอ “แต่ฉันมีอะไรจะพูดกับเธอ”
หลานเสี่ยวถางมองไปที่ทรายที่เท้าของเธอ “ฉันไม่คิดว่าฉันจะอยากฟัง”
“เสี่ยวถาง เธอกำลังหลบหน้าฉันใช่ไหม? ” หันจื่ออี้มองไปที่ริมฝีปากที่อวบอิ่มและสีหน้าที่เคร่งขรึมของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกน้อยใจ “ ไปดื่มน้ำกับฉันสักแก้ว ถือเป็นการตอบแทนที่ฉันช่วยชีวิตเธอ ”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้ หลานเสี่ยวถางก็พยักหน้า เธอจ้องมองไปที่ข้อมือของเธอ “ เธอปล่อยแขนฉันก่อน”
ใบหน้าของ หันจื่ออี้เริ่มแข็งทื่อ และเขาก็ค่อยๆ ปล่อยมือหลางเสี่ยวถาง
ทั้งสองค่อยๆ เดินเข้าไปในบ้านพักของหันจื่ออี้ เขารินน้ำหนึ่งแก้วให้เธอแล้วพูดว่า ” เสี่ยวถาง รอให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า ในห้องเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงหยิบแก้วน้ำและเดินไปที่ระเบียง
เมื่อกี้เขายืนอยู่ตรงนี้ และเมื่อเห็นเธอล้มลง เขาจึงรีบเข้าไปพยุงตัวเธอ
หัวใจการเต้นของหลานเสี่ยวถางขึ้น ๆ ลง ๆ เล็กน้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ดีขึ้นอีกครั้ง
เธอรู้สึกซึ้งใจเป็นอย่างมากที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เป็นเหมือนหกปีที่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถย้อนกลับไปได้
หันจื่ออี้รีบอาบน้ำ สวมเสื้อผ้าที่สะอาด และเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าหลานเสี่ยวถางไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่นอีกต่อไป เขาจึงรู้สึกร้อนรนใจเล็กน้อย เธอคงไม่ชอบเขามาก ขนาดรอเขาสักสองสามนาทีเธอยังไม่อยากรอ
เขาเดินไปที่ระเบียงอย่างอ่อนแรง แต่เห็นหลานเสี่ยวถางยืนอยู่หน้าระเบียง ที่กำลังมองวิวทะเลจากระยะไกล
ในขณะนี้ พระอาทิตย์กำลังส่องแสงบนผืนน้ำ และน้ำทะเลสีครามที่อยู่ใกล้ๆ นั้นก็ใสมาก สามารถมองเห็นหาดทรายสีขาวด้านล่างได้อย่างชัดเจน เธอยืนอยู่หน้าระเบียงกับโทนแสงสีเข้มที่รวมเป็นภาพเดียวกัน ในภาพจึงกลายเป็นทิวทัศน์ที่สดใสที่สุดสำหรับเขา
หันจื่ออี้เดินไปหยุดอยู่ที่ข้างๆ ของหลานเสี่ยวถางและพูดว่า “เธอชอบวิวที่นี่หรือไม่”
หลานเสี่ยวถางหันมามองหันจื่ออี้ที่อยู่ข้างๆ และยิ้ม ” วิวค่อนข้างดี บริษัทน่าจะหมดไปกับรีสอร์ตไม่ใช่น้อยนะ !”
เขาจ้องมาที่เธอ “อันที่จริงบริษัท Latitude Technology ไม่ได้จะเชิญวิศวกรที่ทำงานจากระยะไกล”
หลายเสี่ยวถางฟังสิ่งที่หันจื่ออี้กำลังหมายถึง เธอตกใจและรู้สึกกดดันเล็กน้อยซึ่งทำให้เธอหายใจไม่ออก เธอจึงแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ” ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็โชคดีมากเลยนะ เพิ่งเข้ามาทำงานก็ได้รับคำเชิญจากบริษัทให้มาเข้าร่วมกิจกรรม ! ”
“ถ้าเธอชอบ เธอสามารถอยู่ได้นานเท่าที่เธอต้องการ ” หันจื่ออี้กล่าว “ตอนนี้ฉันเป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบบริษัท Latitude Technology ทั้งหมด …”
หลานเสี่ยวถางรีบแทรกขึ้นมาว่า “ฉันมาทำงานที่ Latitude Technology เพื่อจะตั้งใจทำงาน และฉันไม่ได้สนใจเรื่องอื่น ”
น้ำเสียงของเธอดูจริงจังมากขึ้น หันจื่ออี้อดไม่ได้ที่จะถาม “เสี่ยวถาง ที่จริงเธอกำลังจะโทษฉันใช่ไหม? …”
“ เรื่องที่ผ่านมา ฉันจำไม่ได้แล้ว ” หลานเสี่ยวถางมองไปที่หันจื่ออี้ “เหตุผลที่ฉันยืนตรงนี่ ก็เพื่อขอบคุณที่คุณช่วยฉันเมื่อกี้ไว้ ”
เขาฝืนยิ้มและพูดกับเธอว่า “แล้วเธอต้องการที่จะขอบคุณฉันยังไง? การได้ช่วยเหลือชีวิตคนหนึ่งชีวิต เป็นหนี้ชีวิตที่ใหญ่มาก เธอจะมาตอบแทนโดยการมาดื่มน้ำเป็นเพื่อนฉันแค่แก้วเดียวไม่ได้หรอก มันไม่พอ ”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกเศร้าขึ้นมาในทันที “แล้วเธอต้องการอะไร?”
หันจื่ออี้มองไปที่เธอ ” เรียกฉันเหมือนที่เธอเคยเรียก ”
หลานเสี่ยวถางกล่าวเบา ๆ “ฉันจำไม่ได้ว่าฉันเคยเรียกคุณว่ายังไง ? ไม่ใช่รุ่นพี่เหรอ? ”
“ถางถาง เมื่อก่อนเธอเคยเรียกฉันว่าพี่จื่ออี้ ” หันจื่ออี้ตอบกลับ “ 6 ปีที่ผ่านมา ฉันได้แต่ฝันว่าเธอเรียกฉันว่าพี่จื่ออี้ ตอนนี้ฉันอยากได้ยินจากปากเธออีกครั้ง ”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกำไม่ค่อพอใจเท่าไหร่ “ฉันไม่ใช่เสี่ยวถางคนเดิม ดังนั้นจึงไม่เหมาะสมที่จะเรียกแบบนี้ ฉันเกรงว่าฉันควรเรียกคุณว่าประธานหัน เพราะคุณคือผูบริหารของบริษัทเรา”
“คุณหัน ?” แววตาของหันจื่ออี้มองเธออย่างรู้สึกน้อยอกน้อยใจ เขาละสายตามองไปที่ทะเลและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง “ เสี่ยวถาง ฉันไม่เคยคาดหวังว่าเธอจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันคิดว่าเธอจะเข้ามาตบฉัน แต่ฉันไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะเย็นชากับฉันขนาดนี้ และเรียกฉันว่าประธานหันอย่างห่างเหิน ”
หลานเสี่ยวถางเอามือเกาะขอบระเบียงหน้าต่าง เธอหายใจเข้าลึก ๆ และมองที่เขา “ฉันไม่ใช่เสี่ยวถางคนเดิมอีกต่อไป หลังจากที่คุณจากไปโดยไม่บอกลากล่าวสักคำ ฉันสอบเข้ามหาลัยของคุณ ฉันโสดมาสี่ปี และฉันแต่งงานหลังจากนั้น …”
“เสี่ยวถาง สือเพ่ยหลินไม่ดีกับเธอใช่ไหม?” หันจื่ออี้กุมมือเธอและจับมือเธอขึ้นมาเบาๆ “ มือเธอไม่เคยแข็งกระด้างขนาดนี้ และหน้าของเธอไม่เคยผอมเรียวขนาดนี้ …”
หลานเสี่ยวดึงมือของเธอออก“ฉันใช้เวลาที่ผ่านมาเพราะมีเหตุผลบางอย่าง ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน สุดท้ายผู้หญิงก็ต้องพึ่งพาตัวเอง การหวังพึ่งพาคนอื่น สุดท้ายก็พึ่งไม่ได้อยู่ดี ”
แม้ว่าตอนนี้มูเฉินจะปฏิบัติต่อเธออย่างดี แต่หลังจากประสบพบเจอกับอดีตที่ผ่านมา เธอไม่สามารถที่จะพึ่งเขาคนเดียวได้ทั้งหมด
ยิ่งถ้าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างคู่สามีภรรยาแล้วยิ่งไม่ควรพึ่งพา แต่ควรอยู่เคียงข้างกันอย่างเท่าเทียมกัน
เธอจะต้องยืนหยัดให้ได้ด้วยตนเอง ง เพื่อที่จะคู่ควรและเหมาะสมกับคนที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ
” เสี่ยวถาง ฉันขอโทษ” หันจื่ออี้มองไปที่ดวงตาของหลานเสี่ยวถาง “เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม? ”
“คงไม่ได้ ” หลานเสี่ยวถางตอบอย่างจริงจัง “ฉันแต่งงานแล้ว”
” เสี่ยวถาง –” หันจื่ออี้คิดว่าหลังเสี่ยวถางเอาสือเพ่ยหลินมาเป็นกำแพงในการปิดกั้นเขา “ฉันไม่รังเกียจที่เธอเคยแต่งงานกับคนอื่นมาก่อน เธอรู้ไหม ตลอดเวลาที่ฉันอยู่ต่างประเทศ ฉันไม่เคยลืมเธอเลย ”
หลานเสี่ยวถางพูดไม่ออก เธอมองไปที่หันจื่ออี้ ” คุณชอบอะไรในตัวฉัน ? ”
เมื่อก่อนเธอไม่เข้าใจ และตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจ
ในตอนนั้นหันจื่ออี้เป็นหนุ่มฮอตของโรงเรียน มีผู้หญิงมากมายชอบเขา แม้ว่าเธอจะเป็นคนสวย แต่ผู้หญิงที่สวยกว่าเธอก็มีมากมาย ทำไมเขาถึงชอบเธอล่ะ?
ดังนั้นเมื่อหันจื่ออี้ออกจากประเทศโดยไม่บอกลาเธอสักคำ มันทำให้เธอตาสว่างขึ้น และมีคนมากมายต่างกรอกหูเธอว่าหันจื่ออี้ออกจากประเทศเพื่อไปเจออะไรที่ดีกว่า
เธอเพิ่งเข้าใจว่าเธอควรจะตาสว่างสักที เธอไม่ได้มีอะไรพิเศษ และเขาก็มีสิทธิ์ที่จะจากเธอไป ที่เขาจากไปมันถูกต้องแล้ว เขารู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับเขา
แต่ว่า การที่เธอถูกทอดทิ้ง มันทำให้เธอรู้สึกเสียใจอยู่ดี แม้ว่าตอนนั้นเธอจะไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนเขาก็ตาม อีกอย่างตอนนั้นที่เธอไม่ตอบตกลงเป็นแฟนเขาเพราะเธอไม่อยากให้มีผลกระทบต่อการเรียนของเธอ เธอคิดแค่ว่าหลังจากได้รับเกียรติบัตรแล้ว เธอจะบอกเขาด้วยตนเอง
น่าเสียดาย……
เมื่อหันจื่ออี้ได้ฟังความจริงจากปากของหลานเสี่ยวถาง เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “ เสี่ยวถาง บางทีเธออาจไม่รู้ จริงๆแล้ว ฉันรู้จักเธอตั้งแต่เมื่อสิบปีที่แล้ว ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ไม่ใช่มัธยมตอนปลาย แต่เป็นมัธยใมตอนต้น ”
ครั้งนี้หลานเสี่ยวถางรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น “อะไรนะ ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ ? ”
“ตอนนั้น เธอน่าจะเพิ่งไปอยู่บ้านตระกูลหลานได้ 2 ปี ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเธอออกจากบ้านตระกูลหลานพร้อมพี่สาวของเธอ ” หันจื่ออี้กล่าว “ ในวันนั้นฉันมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่น และเธอเป็นคนพาฉันไปที่บ้านของเธอเพื่อทำแผล ”
หลานเสี่ยวเบิกตากว้าง “ ที่แท้ก็เป็นคุณนี่เอง !”
ในเวลานั้น เด็กผู้ชายน่าจะโตช้า เธอรู้สึกว่าหันจื่ออี้จะสูงกว่าเธอนิดหน่อย ยิ่งกว่านั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เธอเลยเห็นหน้าเขาไม่ชัด
“ ในตอนนั้น ฉันถามชื่อเธอ และเธอบอกชื่อฉัน ” หันจื่ออี้กล่าวต่อไปว่า “ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็จำชื่อ ของเธอมาโดยตลอด”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกความจริงกับฉันตั้งแต่ตอนที่ฉันอยู่มัธยมปลายปีหนึ่ง …” หลานเสี่ยวถางถามอย่างสงสัย
สีหน้าของหันจื่ออี้เต็มไปด้วยความหนักใจ ราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เขามองดูคลื่นทะเลที่อยู่ไกลๆ และพูดอย่างเปิดเผยว่า “เพราะที่บ้านมีปัญหาบางอย่าง และตอนนั้นฉันยังดูแลตัวเองไม่ได้ ”
ที่เขาไม่ได้บอกเธอในตอนนั้น เป็นเพราะว่าเขาอยู่ในความมืดมิดทั้งหมดและเผชิญกับความรุนแรงทุกรูปแบบ เขาจึงไม่กล้าบอกความจริงกับเธอ ?
“ฉันจำได้ ในช่วงเวลาหนึ่ง ฉันเดินผ่านหน้าบ้านเธอ ” หันจื่ออี้ยิ้มมุมปาก “ตอนนั้น พี่สาวของเธอกำลังเล่นเปียโน เธอยืนดูพี่สาวอยู่ข้างๆ และตอนนั้นฉันยืนอยู่ประตูนอกบ้านมองดูเธอที่กำลังแสดงอาการชื่นชมและอิจฉา ”
ในเวลานั้น เขาคิดว่า วันหนึ่งเขาจะซื้อเปียโนให้เธอเล่น และเขาจะยืนฟังอยู่ข้างๆ