ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 487 บอกหนู คุณอาจะอยู่กับหนูไปชั่วชีวิตได้ไหม
โอหยางจวิ้นเห็น สาวน้อยอ้อมแขนในอดีต ตั้งแต่นาทีที่กระโดดลงไปในน้ำ ก็เหมือนอดกลั้นอะไรไว้
เหมือนข้างหน้าเป็นสิ่งที่เธอใช้ชีวิตเพื่อวิ่งไล่ตาม ทำให้เธอจำเป็นต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี
เธอไม่ใช่มืออาชีพ รูปร่างก็ไม่ถือว่าสูง แต่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนสุดท้าย ก็กัดฟันสู้มาโดยตลอด ยืนกรานจนถึงจุดสิ้นสุด
สุดท้าย เธอเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ รายชื่อคนสุดท้ายจากการแข่งขันแพ้คัดออก
ตอนโอหยางจวิ้นเห็นสือจินหว่านโผล่ขึ้นจากน้ำ เหมือนใกล้หมดแรงแล้ว
ฝีเท้าของเขาเดินเข้าใกล้เธอตามสัญชาตญาณ อยากจะไปดึงเธอ แต่เธอกลับขึ้นไปด้วยตัวเองอย่างช้าๆ
เขาหันหลังจากไปเงียบๆ ในหัวกลับฉายภาพที่พวกเขาเคยติดเกาะเล็กนั้น เห็นฉากที่เขาตื่นมาตอนเช้าตรู่
ในแสงจันทร์ เธอตัวเล็กๆ กอดเสื้อผ้าเขาไว้ เย็บทีละเข็มทีละเส้นอย่างตั้งใจ ตอนนั้นเขาก็แอบคิดในใจ จะรักเธอไปตลอดชีวิต
แต่ตอนนี้เขาถึงเข้าใจ สาวน้อยที่เข้มแข็งและฉลาดที่อยู่ข้างกายเขาตั้งแต่เด็ก บางทีกำลังจะออกจากโลกตัวเองไปแล้ว
จู่ ๆก็แสบจมูกขึ้น เขาหลับตา สูดหายใจลึกๆ
หลังจากนั้น โอหยางจวิ้นไม่ถามเรื่องกลับบ้านกับสือจินหว่านอีก ทั้งสองนอกจากรายงานเรื่องสารทุกข์สุกดิบ ไม่พูดเรื่องอื่นกันอีกเลย
จนกระทั่ง ใกล้วันแต่งงานของโอหยางจวิ้นกับมู่ยวี๋ฮั่นเข้าไปทุกที ไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว
และวันนี้ โอหยางจวิ้นเดินไปถึงริมทะเลสาบคฤหาสน์เพอร์เซลล์ กลับเห็นมู่ยวี๋ฮั่นนั่งอยู่ริมทะเลสาบ เหมือนกำลังรอเขามาโดยตลอด
เขาเดินเข้าไป “ยวี๋ฮั่น ทำไมไปนั่งบนก้อนหิน?”
เธอหมุนตัวมา มองเขาหลายวินาที สูดหายใจลึก“Bojian ฉันมีเรื่อง อยากคุยกับคุณ”
โอหยางจวิ้นมองออกว่าเธอจริงจัง เลยพยักหน้า“ตรงนี้หรือว่า?”
“ที่นี่แหละ”มู่ยวี๋ฮั่น นิ้วมือกำเป็นหมัดแน่น ผ่านไปหลายวินาที ถึงเปิดปาก“ขอโทษ”
ระหว่างที่พูด ก็โค้งคำนับไปทางโอหยางจวิ้น
โอหยางจวิ้นนิ่งไป “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“Bojian ฉันเหมือนตกหลุมรักคนอื่นแล้ว”มู่ยวี๋ฮั่นพูดอย่างรวดเร็ว“แต่ ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกของฉันมันถูกหรือผิด แต่ทำฉันใจเต้นแรงจริงๆ”
ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนตรงไปตรงมาอยู่แล้ว มีหนึ่งก็บอกหนึ่ง มีสองก็บอกว่าสอง และเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอนอกจากเสียใจ ก็เหลือแต่สารภาพกับโอหยางจวิ้น
“รักคนอื่น?”โอหยางจวิ้นหรี่ตา “ใคร?”
“จำคุณหมอคนนั้นที่ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพฉันมาตลอดได้ไหม?”มู่ยวี๋ฮั่นพูด“ฉันค้นพบว่าฉันชอบเขาจริงๆ”
โอหยางจวิ้นคิดอยู่หลายวินาที นึกถึงคนนั้นที่อายุประมาณ 40 ปี ถึงขนาดเป็นผู้ชายมีพุงนิดๆ เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ“ตั้งแต่เมื่อไร?”
“อาทิตย์ก่อน”มู่ยวี๋ฮั่นพูด“ที่จริงแล้วฉันรู้สึกว่าเขาสุขุมมาก และมืออาชีพสุดๆ แต่ตอนแรกฉันไม่รู้สึกอะไรจริงๆ แต่
อาทิตย์ก่อน ฉันกับเขาคุยกันการรักษาทางการแพทย์ ค้นพบว่าพวกเรามีเรื่องที่สนใจเหมือนกันอยู่มาก ตอนนั้น ฉันรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์ ฉันก็นึกว่าตัวเองแค่รู้สึกประเดี๋ยวประด๋าว แต่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว ทุกครั้งที่ฉันคุยกับเขา ยังใจเต้นแรงเหมือนเดิม”
โอหยางจวิ้นคิดแล้วคิดอีก“งั้นเขาล่ะ?เขามีท่าทียังไงกับคุณ?”
“วันนี้เขา สารภาพรักกับฉันแล้ว”มู่ยวี๋ฮั่นพูดอยู่ ตำหนิตัวเองอยู่ลึกๆในใจ “Bojian เรื่องนี้ ฉันขอโทษคุณจริงๆ ดังนั้นถึงได้มาสารภาพผิดกับคุยก่อน”
“ดังนั้น คุณคิดจะ…”โอหยางจวิ้นถาม
“งานแต่งเหมือนเตรียมเสร็จแล้ว ถ้าหากพวกเราบอกยกเลิก คงชี้แจ้งกลับทั้งสองครอบครัวไม่ได้”มู่ยวี๋ฮั่นก้มหน้า“ดังนั้นพวกเราเลื่อนวันแต่งงานไปก่อนได้ไหม?”
“อืม”โอหยางจวิ้นพยักหน้า
“Bojian?”มู่ยวี๋ฮั่นก็คิดไม่ถึง โอหยางจวิ้นไม่พูดตำหนิเธอแม้ครึ่งคำ ในใจเธอยิ่งรู้สึกผิด “ฉันเสียใจมากจริงๆ ถึงขนาดเกลียดตัวเอง แต่เหมือนที่เราคุยตอนอยู่ออนเซ็นก่อนหน้านี้จริงๆ พวกเราเหมือนเห็นอีกฝ่ายเป็นสหายร่วมรบ ดังนั้น คุณจะจูบฉัน ฉันก็รู้สึกเหมือนจูบระหว่างเพื่อน”
“ผมเข้าใจ”โอหยางจวิ้นพยักหน้า
“Bojian เริ่มต้นฉันเกิดอุบัติเหตุทางรถ นอนอยู่หลายปี ก็ทวงเวลาคุณหลายปีแล้ว ฉัน…” มีหลายสิ่ง นึกขึ้นมาก็ค้นพบว่าตัวเองติดค้างมากมายขนาดนี้ แต่มู่ยวี๋ฮั่นนอกจากขอโทษ เหมือนไม่มีอะไรสามารถชดเชยได้
“ไม่เป็นไร”โอหยางจวิ้นมองน้ำในทะเลสาบเงียบสงบเบื้องหน้า “ที่จริง ฉันไม่ได้รอเป็นพิเศษ…”
ตอนนั้น เขาเหมือนไม่ได้ตั้งใจรอมู่ยวี๋ฮั่น แต่กำลังเฝ้ามองสาวน้อยอีกคนที่เติบโตขึ้นทุกวัน
ความคิดเขาเหมือนถูกแยกไปที่อื่น ไม่มีความกระตือรือร้น ทั้งเรื่องความรักก็ดี เรื่องแต่งงานก็ช่าง
“แต่ฉันยังรู้สึกเกรงใจจริงๆ รู้สึกผิดมาก”มู่ยวี๋ฮั่นพูด“ทางด้านครอบครัว ฉันจะอธิบายเอง”
“เราอธิบายไปด้วยกันเถอะ”โอหยางจวิ้นพูด“ถ้าหากคุณถอนหมั้นฝ่ายเดียว อนาคตถ้าหากอยู่กับคุณหมอคนนั้นจริงๆ เกรงว่าจะยุ่งยากไม่น้อย”
มู่ยวี๋ฮั่นรู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ“Bojian ขอบคุณ คุณคิดแทนฉันแบบนี้ ฉันยิ่งไม่รู้ว่าควร…”
“ไม่เป็นไร กลับกันฉันไม่ได้รู้สึกเสียใจเพราะเรื่องนี้”โอหยางจวิ้นพูด
“Bojian คุณไม่เจอผู้หญิงที่ชอบจริงๆเหรอ?”มู่ยวี๋ฮั่นรู้สึกเสียดาย“เมื่อก่อนฉันก็รู้สึก การแต่งงานเป็นเพียงความรับผิดชอบและภาระผูกพัน แต่ตอนนี้…”
โอหยางจวิ้นส่ายหน้า พูดแทรกคำพูดของเธอ “ปล่อยไปตามโชคชะตาเถอะ”
วันรุ่งขึ้น โอหยางจวิ้นกับมู่ยวี๋ฮั่น เอาเรื่องเลื่อนงานแต่ง ไปแจ้งผู้ใหญ่ทั้งสองครอบครัวด้วยกัน
เดิมงานแต่งที่เตรียมเกือบเสร็จแล้วจู่ ๆก็ถูกเลื่อน ทั้งสองครอบครัวเหมือนรับไม่ค่อยได้
แต่สองคนที่เป็นตัวเอกในงานแต่ง ไม่ว่าจะเป็นโอหยางจวิ้นหรือว่ามู่ยวี๋ฮั่นยืนกรานจะเลื่อนวัน งานแต่งครั้งนี้ จัดขึ้นไม่ได้จริงๆ
ดังนั้น ยกเลิกงานเลี้ยงทั้งหมดในครอบครัว ถึงจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยในสองอาทิตย์ต่อมา
หนึ่งอาทิตย์หลังจากที่เลื่อนงานแต่งสือจินหว่านถึงเพิ่งทราบข่าว
หลายวันนี้ วันหยุดสุดสัปดาห์เธออยู่แต่ในโรงเรียน เป็นมู่ยวี๋ฮั่นส่งข่าวมา บอกเธอ หลังจากนี้เธอคงเจอหล่อนน้อยลง
เพียงแต่มู่ยวี๋ฮั่นไม่ได้บอกสาเหตุ สือจินหว่านก็ไม่ได้ถาม
ในความเข้าใจของเธอ เลื่อนงานแต่งหรือถอนหมั้นมีสองกรณี
ดังนั้น เธออยู่ในโรงเรียนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เหมือนเดิม จนถึงวันแข่งว่ายน้ำรอบรองชนะเลิศ
ไม่พูดไม่ได้ ก่อนหน้านี้เธอสามารถเข้ารอบชิงชนะเลิศก็ถือว่าถึงขีดความสามารถแล้ว แต่เพราะตอนรอบรองชนะเลิศมีคนสละสิทธิ์ มีคนแสดงศักยภาพไม่คงที่ เธอกลับเก็บตกอย่างไม่ตั้งใจ ดังนั้นถึงเข้าสู่ทีมรอบชิงชนะเลิศ
รอบรองชนะเลิศมีสมาชิกทั้งหมด 16 รายชื่อ แยกเป็นสองทีม เธออยู่ทีม 2
วันนั้น โอหยางจวิ้นถึงแล้ว
เขาเห็นเธอทุ่มเทแรงกายว่ายน้ำจนจบ แม้ว่าอันดับโดยรวมได้ที่ 13 แต่พยายามแล้วจริงๆ
ครั้งนี้เขาไม่ได้กลับ แต่ตอนเธอโผล่ขึ้นน้ำ ยืนอยู่จุดสิ้นสุดยื่นผ้าขนหนูให้เธอ
เธอประหลาดใจนิดๆ พร้อมยิ้มให้ “คุณอาจวิ้น มาได้ยังไง?”
เขามองหยดน้ำบนแก้มเธอ “ถือโอกาสมาดูๆ”
พูดจบ เขาพูดต่อ“หวันหว่าน นานแล้วที่หนูไม่ได้กลับ วันนี้เป็นวันเสาร์พอดี พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
เธอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง พร้อมพยักหน้า “ค่ะ แต่หนูแข่งขันไม่ติดอันดับ อย่าเอาเหตุผลเรื่องนี้มาเลี้ยงข้าวหนูแล้ว”
โอหยางจวิ้นเหมือนถูกเธอเตือนสติ หัวใจกระตุก “ก่อนหน้านี้อาเห็นร้านอาหารร้านหนึ่งรสชาติใช้ได้ อาพาหนูไปชิม”
เธอกะพริบตา “ไม่กลับไปกินข้าวบ้านจริงๆเหรอ?”
โอหยางจวิ้นรอสือจินหว่านกลับหอไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขับรถพาเธอไปร้านอาหาร
ทั้งสองคุยเล่นกันเหมือนที่ผ่านมา จนกระทั่งกินมื้อเย็นเสร็จ ถึงเดินเล่นที่ลาน
สือจินหว่านหันหน้า เหมือนพลั้งปากถาม “คุณอาจวิ้น คุณอา กับ คุณน้ามู่ยังแต่งงานกันไหม?”
โอหยางจวิ้นคิดครู่หนึ่ง “ไม่รู้ ปล่อยไปตามโชคชะตา”
“อ้อ”สือจินหว่านพยักหน้า จู่ ๆก็นึกถึงสองวันก่อนที่โรงเรียนวงดนตรีแปะประกาศรับสมาชิก
ก่อนหน้านี้ เธอยังไม่รู้ว่าควรสมัครดีไหม ตอนนี้กลับมีความคิด
“คุณอาจวิ้น เกรงว่าปิดเทอมฤดูหนาวหนูเข้าฝึกซ้อม กลับบ้านไม่ได้แล้ว”สือจินหว่านมองไปทางนกพิราบที่จิกเม็ดข้าวอยู่ตรงหน้า
“ทำไม?”โอหยางจวิ้นพูด“หวันหว่าน การแข่งขันว่ายน้ำของหนูจบลงแล้ว”
“หนูสมัครเข้าร่วมวงดนตรี”สือจินหว่านพูด“หนูไม่มีพื้นฐาน เป็นธรรมดาที่ต้องพยายามกว่าคนอื่น ดังนั้น ปิดเทอมฤดูหนาวคงอยู่แต่กับวง”
“หวันหว่าน”โอหยางจวิ้นหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน จ้องตาสือจินหว่าน “ทำไมไม่ยอมกลับบ้าน?”
เขาถามค่อนข้างตรง จ้องเธอตลอดเวลา เหมือนไม่ให้โอกาสเธอหลบหนี
เธอสบตาเขา เหมือนนาทีนี้ไม่อยากคิดเหตุผลอื่นแล้ว
สือจินหว่านยิ้ม “เพราะต้องการเรียนรู้จะอยู่โดยตัวเอง”
โอหยางจวิ้นรู้สึกแค่หัวใจเหมือนถูกอะไรบางอย่างอุดไว้ “หวันหว่าน ครอบครัวของหนู สามารถพึ่งพิงได้ พ่อแม่ของหนูก็รึหนูมาก และอา ก็จะดูแลหนูไปตลอด”
“คุณอาจวิ้น งั้นอาสามารถอยู่กับหนูไปตลอดชีวิตไหม?”สือจินหว่านสบตาโอหยางจวิ้น รู้สึกแค่เพียงหัวใจเต้นอย่างรุนแรง“ความหมายก็คือ ไม่ว่าเวลาไหนก็อยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา”
โอหยางจวิ้นสะอึก พูดไม่ออกทันที
ระหว่างทั้งสอง เกิดความเงียบในชั่วสั้นๆ
จนกระทั่ง สือจินหว่านทำลายความเงียบก่อน “เพราะฉะนั้น อาไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนหนูไปตลอดชีวิต หนูต้องทำตัวให้ชินก่อนที่คุณอา จะออกจากชีวิตของหนูไป”
“หวันหว่าน”โอหยางจวิ้นมองท่าทางเธอตอนนี้ หัวใจเหมือนมีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ซับซ้อนจนแยกไม่ออก
“คุณอาจวิ้น ไม่เป็นไร เดิมหนูก็ชอบร้องเพลง”สือจินหว่านกลับยิ้มออกมา “หลายปีที่หนูพูดไม่ได้ อัดอั้นมาก วันหลังหนูจะตั้งใจเรียนร้องเพลง รอหนูร้องเพราะแล้ว จะร้องเพลงให้คุณอาฟัง”
พูดจบ เธอดึงมือโอหยางจวิ้น “คุณครูบอกว่าร้องเพลงต้องฝึกลม ต้องวิ่งบ่อยๆ เริ่มพวกเราลองวิ่งกัน”
ด้วยเหตุนี้เขากุมมือเธอกลับ ทั้งสองวิ่งอยู่ในลาน
เส้นผมยาวของสือจินหว่านพลิ้วขณะวิ่ง เธอหันมองทางโอหยางจวิ้น คิดในใจ บางที นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจูงมือเขาแล้ว