ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 488 หนูเดินไม่ไหว แบกหนูได้ไหม
ทั้งสองจูงมือกันวิ่งที่ลานไปหนึ่งรอบ สือจินหว่านหยุดลง พูดกับโอหยางจวิ้นที่อยู่ข้างๆ “คุณอาจวิ้น หนูวิ่งไม่ไหวแล้ว เมื่อกี้เพิ่งว่ายน้ำมา เหนื่อยมาก”
“งั้นพวกเราพักผ่อนสักเดี๋ยวดีไหม?”โอหยางจวิ้นพูด“ด้านหน้ามีร้านกาแฟร้านหนึ่ง”
สือจินหว่านมองตาเขา “อาเคยพูดว่า ตอนกลางคืนเด็กห้ามดื่มกาแฟไม่ใช่เหรอ?หรือว่ารู้สึกว่าหนูโตแล้ว?”
โอหยางจวิ้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ พูดอย่างจนใจ “หวันหว่าน หนูกำลังจงใจจับผิดไวยากรณ์ของอาเหรอ?”
“งั้นคุณอารู้สึกว่าหนูโตแล้วหรือว่ายังเด็กอยู่เหมือนเดิม?”สือจินหว่านมองเขา รอคำตอบนี้ของเขา
โอหยางจวิ้นมองผู้หญิงเอวบางร่างเล็กตรงหน้า ยังคงถูกลมพัดเส้นผมยาว น้ำเสียงอดที่จะผ่อนคลายลงไม่ได้“หนูเป็นสาวน้อยในใจอาตลอดกาล”
สาวน้อย?หมายถึงอะไร?
สือจินหว่านไม่ได้ถามต่อ แต่กลับเงยหน้า พูดว่า “คุณอาจวิ้น พวกเรากลับบ้านกันเถอะ หนูเดินไม่ไหวแล้ว อาแบกหนูขึ้นหลังไปถึงลานจอดรถได้ไหม?”
“ได้”โอหยางจวิ้นไม่มีความลังเลใดๆ หมุนตัวไปนั่งยองให้สือจินหว่าน
เธอพาดอยู่บนหลังเขา กอดคอเขาไว้
เขากุมมือเธอกลับ ลุกเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
สือจินหว่านพาดอยู่บนไหล่โอหยางจวิ้น รู้สึกหลังเขากว้างเหมือนตอนเด็กๆ มอบความปลอดภัยให้เธอเต็มเปี่ยม
ดีจริงๆ วันนี้เอาเรื่องที่แอบอยากทำมานาน ทำไปหมดแล้ว เหลือเรื่องสุดท้ายเรื่องเดียว
ทั้งสองถึงข้างรถ โอหยางจวิ้นวางสือจินหว่านลง เปิดประตูรถให้เธอ แล้วก้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
เธอยิ้มกว้างมองเขาทำทุกเสร็จเรียบร้อย ตอนที่โอหยางจวิ้นยืดตัวจะไปที่ตำแหน่งคนขับ สือจินหว่านดึงแขนเขาไว้
ตามมาด้วย เธอดึงเขาเข้ามาทางเธอ แล้วเข้าไปใกล้ จูบอุ่นๆลงไปที่แก้มด้านข้างของโอหยางจวิ้น
โอหยางจวิ้นตัวเกร็งทันที ชั่วพริบตา เขาถึงขนาดไม่กล้าขยับ
จนกระทั่ง สาวน้อยของเขาปล่อยเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณ คุณอาจวิ้นที่แบกหนู”
น้ำเสียงตรงไปตรงมา เหมือนนี้จูบให้รางวัลจริงๆ
โอหยางจวิ้นกดหัวใจที่เต้นแรงไว้ ยื่นมือลูบผมสือจินหว่าน แล้วหมุนตัวเดินอ้อมไปทางหน้ารถ
ระยะแค่ไม่กี่ก้าว เขาจงใจเดินให้ช้าลงหน่อย แม้แต่ท่าทางการเปิดประตูรถ ก็ตั้งใจทำให้ช้าลงเหมือนภาพสโลว์ในหนัง
สุดท้าย เขาก็นั่งขึ้นไป สตาร์ทรถ
ตลอดทางเหมือนเงียบเกินไปหน่อย
สือจินหว่านเหมือนมองที่หน้าต่างไม่รู้คิดอะไรอยู่ ทุกครั้งตอนโอหยางจวิ้นหันไปมองเธอ ก็เห็นแค่ผมยาวที่พลิ้วขึ้นของเธอ
“หวันหว่าน หนูชอบร้องเพลงมากเหรอ?”โอหยางจวิ้นทำลายความเงียบ
“อืม”สือจินหว่านพยักหน้า “คุณอาจวิ้น รอหนูร้องเป็นแล้ว ร้องเพลงให้คุณอาฟัง”
“ตกลง”โอหยางจวิ้นพยักหน้า จู่ ๆรู้สึกไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ดังนั้นเปิดเครื่องเสียงในรถ
คิดไม่ถึง ตอนนี้กำลังบรรเลงเปียโนบทเพลงหนึ่ง เป็นเพลงที่ก่อนหน้านี้เขากับเธอเคยฟังที่ระเบียงพอดี
โอหยางจวิ้นค้นพบ เขาเอาแต่คิดถึงช่วงเวลานั้นอย่างบ้าคลั่ง
ในที่สุดก็ถึงบ้าน โอหยางจวิ้นจอดรถสนิทแล้ว สือจินหว่านปลดเข็มเข็ดนิรภัยด้วยตัวเองแล้ว เปิดประตูรถออกไป
เธอยืนนิ่งตรงหน้าเขา “คุณอาจวิ้น ราตรีสวัสดิ์”
“ราตรีสวัสดิ์”โอหยางจวิ้นพยักหน้า
เพียงแต่หลังจากนั้นครู่เดียว ในอ้อมกอดมีความอุ่นและนุ่มขึ้น
สือจินหว่านกอดโอหยางจวิ้นไว้ เงยหน้ามองเขา “กอดก่อนนอน หนูกลับห้องแล้ว”
พูดอยู่ เธอปล่อยเขาออกทันที แล้วหมุนตัวแล้ววิ่ง
ที่เขาไม่เห็นก็คือ ชั่วพริบตาที่เธอหมุนตัว รอยยิ้มบนใบหน้าได้หายไปแล้ว มีน้ำไหลออกมาแทนที่
สือจินหว่านวิ่งเร็วมาก ไม่มีท่าทางวิ่งไม่ไหวเหมือนตอนอยู่ที่ลานเมื่อครู่เลย เหมือนไม่เหนื่อยสักนิด จนถึงพุ่งเข้าไปในห้องตัวเอง ปิดประตู
เธอถึงหยุดลง ทิ้งความจอมปลอมทั้งหมด ยอมให้น้ำตาไหลจนเสื้อเปียก
วันนี้เธอ ตั้งใจกอดเขา จูบเขา ให้เขาแบก ทำเรื่องที่เคยทำตอนเด็กๆอีกครั้ง
หลังจากนี้ไป เธอต้องบอกลาอดีตของพวกเขาแล้ว
เธอเชื่อว่าเขาฟังคำถามที่เธอถามเขาออก แต่เขาไม่ตอบกลับเธอ และการแต่งงานของเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะยกเลิก
ดังนั้นไม่ว่ายังไง เธอไม่ควรเป็นภาระให้เขา
ตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าต้องเป็นเด็กดี ไม่ควรรบกวนเขา
ตอนนี้โตแล้ว ก็ไม่มีข้อยกเว้น
สือจินหว่านอยู่ที่เพอร์เซลล์ 1 วัน แล้วกลับไปโรงเรียน ทั้งปิดเทอมฤดูหนาวก็ฝึกซ้อมอยู่ในวงดนตรี
เป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เธอรายงานตัวกลับโอหยางจวิ้นทุกวันเหมือนเดิม เพียงแต่พูดถึงเรื่องอื่นน้อยลงเรื่อย ๆ
เฉียวซือก็ส่งข่าวให้เธอบ่อยๆ มีบางครั้งวันหยุดกองกำลังทหาร เขาก็จะมาที่วงดนตรีมองสือจินหว่านฝึกซ้อม
สือจินหว่านตอนว่างๆ ก็จะไปกินข้าวด้วยกันกับเฉียวซือ พูดคุยเรื่องชีวิตทั่วๆไป มองส่งเขาเข้ากองกำลังทหาร
เวลาถึงช่วงปลายวันหยุดฤดูหนาวแล้ว
วันนี้ สือจินหว่านและวงดนตรีแสดงเป็นครั้งแรก เสียงตอบรับดีมาก ดังนั้นคนร้องนำของวงดนตรีเชิญทุกคนไปเลี้ยงฉลองที่คลับ
ตอนเริ่มแรก สือจินหว่านคุยเล่นกับเพื่อนๆ กระโดดเต้นรำไปด้วยกัน
หลังจากนั้น เธอเหนื่อยแล้ว ดังนั้นเลยนั่งอยู่ในโซนพักผ่อน ฟังนักร้องประจำในคลับร้องเพลง
มีบางครั้ง เธอร้องได้ก็ร้องตามสองท่อน ถ้าไม่เป็นก็ดื่มไปพลาง ฟังไปพลาง
เวลานี้ กลับมีผู้หญิงหน้าหมวยคนหนึ่งเข้ามา ดูอายุแล้วประมาณ17-18ปี ดูสาวเป็นพิเศษ
เธอเดินขึ้นไป แนะนำตัวเอง ว่าเธอชื่อตู้มั่นหมาน เป็นหลานสาวของตู้ลี่ลี่ที่เป็นนักร้องยอดนิยม ร้องเพลงที่มาจากบ้านเกิด ชื่อเพลงว่า(รักนี้เป็นนิรันดร์)
หน้าเอเชียเหมือนกัน สือจินหว่านเห็นเธอยิ่งรู้สึกใกล้ชิด ดังนั้นเลยตั้งใจฟังขึ้นมา
เสียดาย เพลงนี้เป็นเพลงภาษากวางตุ้ง เธอไม่เข้าใจเนื้อเพลงเลย กลับถูกจังหวะและท่วงทำนองดึงดูดไป
ด้วยเหตุนี้ สือจินหว่านหยิบมือถือขึ้น ค้นหาเนื้อเพลง
ข้างหู ตู้มั่นหมานยังคงร้องต่อไป แต่สือจินหว่านกลับมองตามเนื้อเพลง สติไหววูบไปเล็กน้อย
จนกระทั่ง ตู้มั่นหมานร้องเสร็จ สือจินหว่านยังมองเนื้อเพลง อ่านประโยคสุดท้ายเบาๆ “นัดดูตัวไม่อาจเข้าใกล้ หรือฉันควรเชื่อว่านี้คือโชคชะตา”
เธอไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน ยิ่งไม่มีทางดื่มเหล้าข้างนอก แต่ตอนนักร้องนำยกเหล้าขึ้น สือจินหว่านมองขวดเขียวๆลายๆพวกนั้น กลับรู้สึกอยากลองชิมเป็นครั้งแรก
ไม่พูดไม่ได้ว่า เธอไม่ได้สืบทอดพันธุกรรมการดื่มเหล้าเก่งของสือมูเฉิน แต่เพิ่งดื่มไปครึ่งขวด ก็เคลิบเคลิ้มแล้ว
เวลานี้ มือถือเธอดังขึ้น สือจินหว่านมองแสงที่สว่างขึ้นด้านบน เป็นเวลานานถึงใช้ลายนิ้วมือปลดล็อก
โอหยางจวิ้นเป็นคนส่งมา บอกราตรีสวัสดิ์กับเธอ
เธออยากตอบกลับเหมือนกัน แต่นิ้วมือกลับไม่ทำตามสั่ง สุดท้ายไม่รู้ว่าตอบกลับสำเร็จไหม ก็เอามือถือวางกลับไปบนโต๊ะ
เมื่อก่อน เพราะมีเวลากำหนด ดังนั้นทุกครั้งโอหยางจวิ้นส่งเสร็จ สือจินหว่านก็จะตอบกลับ
แต่วันนี้ โอหยางจวิ้นส่งไปนานแล้ว และไม่เห็นสาวน้อยบอกราตรีสวัสดิ์ เขาอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
เห็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว เขาหยิบมือถือขึ้น กดโทรหกสือจินหว่าน
ตอนนี้ สือจินหว่านเหมือนหลับไปแล้ว ดังนั้นเสียงมือถือดัง เธอไม่รู้สึกตัวสักนิด
แต่ข้างๆ มือกลองในวงดนตรีของเธอเห็นเข้า เขย่าเธอสองครั้ง เห็นเธอไม่ตื่น เห็นข้างบนแสดงว่าเป็นคุณอา ดังนั้นเลยกดรับ “สวัสดีครับ”
โอหยางจวิ้นได้ยินเสียงคนอื่นรับ แถมยังเป็นผู้ชาย หัวใจหนักอึ้ง “สวัสดีครับ สือจินหว่านอยู่ไหม?”
“เธอดื่มจนเมาแล้ว ตอนนี้เหมือนหลับไปแล้ว” มือกลองตอบ
“เธออยู่ที่ไหน?”โอหยางจวิ้นลุกขึ้นทันทีไปหยิบกุญแจรถ
“พวกเราอยู่ท็อปคลับ”มือกลองบอก “คุณเป็นคุณอาของเธอใช่ไหม? มารับเธอกลับบ้านเถอะ พรุ่งนี้พวกเราไม่มีฝึกซ้อมพอดี วันมะรืนถึงมี”
โอหยางจวิ้นเดินลงชั้นล่างด้วยความรวดเร็ว เห็นว่าตัวเองลืมแม้แต่ใส่เสื้อหนาว แต่เขาไม่มีเวลากลับไปเอาแล้ว แต่กลับก้าวเท้ายาวไปที่ลานจอดรถ
ทะยานอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โอหยางจวิ้นก็ถึงคลับ
เขาเดินเข้าโถงใหญ่ เห็นร่างที่เท้าแขนอยู่บนโซฟานั้นแต่ไกล
เวลานี้ เขารู้สึกโกรธนิดๆ แต่กังวลมากกว่า รีบเดินไปถึงข้างตัวสือจินหว่าน
“หวันหว่าน”น้ำเสียงเขาดูเข้มงวดเล็กน้อย
เธอดื่มเหล้าได้ยังไง? ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ข้างนอกเจออันตรายจะทำยังไง?
นึกถึงตรงนี้ เขากลับรู้สึกกลัวมากๆ
บางทีอาจเพราะน้ำเสียงเขาที่ไม่เคยเข้มงวดมาก่อน หรือบางทีเธอรอเขาอยู่ตลอด สรุปคือ น้ำเสียงเขาเพิ่งเงียบลง สือจินหว่านยกเปลือกตาขึ้นช้าๆ
เส้นผมของเธอที่ข้างแก้มถูกสะบัดออก มีละอองน้ำบางๆใต้ตา ดวงตาเบลอๆ แก้มแดงก่ำ ริมฝีปากเหมือนกลีบดอกซากุระ เผยอออกเล็กน้อย กลับมีเสน่ห์ดึงดูดคนอย่างยากจะอธิบาย
โอหยางจวิ้นเห็นจนหายใจถี่ คิ้วยิ่งขมวดกันแน่น “ทำไมถึงดื่มจนเป็นแบบนี้ได้?”
เวลานี้ เพื่อนนักเรียนข้างๆกลัวสือจินหว่านกลับบ้านไปจะถูกทำโทษ รีบช่วยเธอแก้ตัว “วันนี้พวกเราแสดงได้ดี ดังนั้นเธอถึงดื่มไปเล็กน้อย น้อยมากจริงๆ คุณอา อย่าโกรธเธอเลย”
โอหยางจวิ้นพยักหน้า “วันหลัง ไม่ต้องให้เธอดื่ม เธอดื่มเหล้าไม่ได้”ระหว่างพูด เขาก้มตัวไป ใช้แขนลอดผ่านด้านหลังสือจินหว่าน แล้วอุ้มเธอขึ้น
“พวกเรากลับบ้าน” น้ำเสียงของเขาพูดอย่างแข็งกร้าว
“ไม่เอา”ใช้ประโยชน์จากแอลกอฮอล์ สือจินหว่านอยากทำตามใจสักครึ่ง “หนูไม่กลับ”
เขาโกรธจริงๆ “ท่าทางหนูตอนนี้ ไม่กลับบ้านจะทำอะไร?”
“หนูจะเต้นรำ”สือจินหว่านยื่นแขนโอบคอโอหยางจวิ้นไว้“คุณอาจวิ้น เต้นเป็นเพื่อนหนู”
“เมาแล้วยังจะเต้นรำอะไรอีก”โอหยางจวิ้นอดพูดไม่ได้ อุ้มสือจินหว่านกำลังจะออกไป
“หนูก็แค่อยากเต้นรำกับคุณอาเอง”สาวน้อยในอ้อมกอดแสบจมูกขึ้นกะทันหัน น้ำตาไหลออกมา
ฝีเท้าของโอหยางจวิ้นหยุดลงทันที ก้มมองเธอ
เธอเสียใจเหมือนสูญเสียโลกทั้งใบ น้ำตาไหลไม่หยุด ไม่นานก็เปียกไปหมดทั้งหน้า
เขารู้สึกหายใจติดขัด น้ำเสียงกลับอ่อนโยนลงมาก “หวันหว่าน เด็กดี”
“หนูไม่ดี”เธอส่ายหน้า น้ำตาไหลออกมากกว่าเดิม น้ำตาเอ่อล้นมองที่เขา บนใบหน้าเล็กทั้งน้อยใจและเสียใจ
เขารู้สึกหัวใจตัวเองเหมือนถูกบีบไว้ หมดสิ้นหนทางแล้วเต็มไปด้วยความสงสาร “แค่อยากเต้นรำใช่ไหม?”
“อืม”เธอพยักหน้า
“ได้ อาเต้นเป็นเพื่อนหนู”เขาค้นพบ เขาทนเห็นน้ำตาเธอไม่ได้จริงๆ หลักการทั้งหมดที่ยืนกรานได้ไม่กี่วินาที ก็พังทลายลงมาหมดอย่างรวดเร็ว