ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 5 เบื่อหน่าย ถึงกระทั่งคิดที่จะหย่า
ที่ผนังห้อง เฉินจื่อโร่วถูกสือเพ่ยหลินกระทำจนร้องเสียงแหลมออกมาหนึ่งครั้ง เธอน้ำตาไหลไปพลาง บ่นไปพลางว่า “ทำไมถึงใหญ่มากขนาดนี้ละคะ? เมื่อครู่นี้พี่ทำฉันเจ็บจะตายอยู่แล้วนะ!”
“ที่รักครับ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเธอแน่นมากต่างหาก……” สือเพ่ยหลินเอ่ยขึ้นพลางขยับตัวเข้าออก พร้อมทั้งพรมจูบเฉินจื่อโร่วไปด้วย “ผ่อนคลายหน่อยสิ รัดฉันจะตายอยู่แล้ว……”
หลานเสี่ยงถางรู้สึกเพียงแค่ว่าตนเองคล้ายกับว่าตกลงไปในเหวลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด บรรยากาศโดยรอบราวกับมีลมพัดแรง ความหนาวเย็นของลมแพร่กระจายเข้าสู่ในทุกอณูผิวหนังของเธออย่างเชื่องช้า
เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอใกล้จะตายอยู่แล้ว แต่ทว่าในท้ายที่สุดแล้วกลับยังมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่เพื่อยอมรับความเย็นยะเยือกและความเจ็บปวดที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้!
“โร่วโร่ว พวกเราเปลี่ยนที่กันเถอะ——” สือเพ่ยหลินเอ่ยขึ้น ก่อนจะอุ้มเฉินจื่อโร่วไปวางไว้บนหน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้อง เขาวางเธอลงไป นำขาของเธอขึ้นมาพาดไว้บนไหล่ หลังจากนั้น ก็สอดใส่เข้าไปอย่างลึกซึ้งต่อ
“เสียวไหม?” เขาขยับตัวไปพลางเอ่ยขึ้นไปพลางว่า “ฉันชอบที่เธอร้องนะ”
“ที่นี่ มี มี คุณป้า มองอยู่นะคะ…..” น้ำเสียงของเฉินจื่อโร่วขาด ๆ หาย ๆ หอบหายใจไม่หยุด
“ก็ให้เธอดูไปสิ!” สือเพ่ยหลินเอ่ยพลางกระแทกพรวดเข้าไปทันที ก่อนจะได้ยินเสียงร้องของเฉินจื่อโร่วอย่างสมปรารถนา
นัยน์ตาของเขายิ่งตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น “เธอไม่ได้คิดที่จะอยากหย่าไม่ใช่หรือไง ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราก็ทำกันในทุกที่ในห้องนี้สักรอบ ให้เธอให้เห็นอย่างชัดเจนไปเลย หลังจากนี้บ้านหลังนี้ ถ้าเธอเข้ามา ก็จะสามารถนึกถึงภาพอันเร่าร้อนของพวกเราไง!”
บนพื้น หลานเสี่ยวถางขดตัวเล็กลงอยู่บนพื้น ได้ยินเสียงเย็นยะเยือกของสือเพ่ยหลิน หยาดน้ำตาของเธอไหลลงบนพื้นไม้เป็นวงกว้าง ถูกยัดเอาไว้ในปากจนไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้ ภายในลำคอกลับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
แต่ทว่า ทั้งหมดนี้เดิมทีมันยังไม่สิ้นสุด
สือเพ่ยหลินราวกับว่าทำอย่างที่เขาพึ่งจะเอ่ยไปเมื่อครู่นี้จริง ๆ อุ้มเฉินจื่อโร่วแล้วเปลี่ยนสถานที่ไม่หยุด แปรเปลี่ยนท่วงท่ามากมาย ภายในตัวห้อง เสียงหอบหายใจ เสียงคราง อีกทั้งยังมีเสียงน้ำเฉอะแฉะดังขึ้นมาไม่หยุด จนสุดท้าย เสียงพึงพอใจที่ออกมาจากในลำคอของเขาเป็นอันเสร็จสิ้น
หนึ่งชั่วโมงกว่าในห้อง หลานเสี่ยวถางรู้เพียงแค่ว่าได้ประสบพบพานกับการลงโทษที่โหดร้ายทารุณที่สุดในชีวิต
ถึงแม้ว่าเธอจะหลับตาลง ภายในดวงตากลับยังคงฉายภาพบาดใจเหล่านั้นทำให้หัวใจของเธอแหลกสลายอย่างบ้าคลั่ง ใบหู ก็ยังคงได้ยินเสียงครางของพวกเขาทั้งสองคน!
ในตอนที่พวกเราเสร็จสรรพกันแล้วนั้น เธอรู้สึกว่าน้ำตาของตนเองได้แห้งเหือดไปหมดแล้ว เธอยังคงขดตัวอยู่ที่พื้นตามเดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน นัยน์ตาแดงก่ำไร้ชีวิตชีวา ราวกับว่าถูกดูดวิญญาณไปแล้ว
“ไตร่ตรองชัดเจนแล้วหรือยัง?” สือเพ่ยหลินในตอนนี้อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว สวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย สภาพดูดีและหล่อเหลาปรากฏตรงหน้าของหลานเสี่ยวถาง
นัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงเหม่อลอยอยู่อย่างเดิม
สือเพ่ยหลินสบตามองเธอ สายตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดรำคาญ
เมื่อก่อนในตอนที่พึ่งจะแต่งงานกัน เขาก็เคยรู้สึกว่าเธอสวยมาก่อน ในตอนนั้น เธอพึ่งจะจบจากมหาวิทยาลัย นัยน์ตาสดใส ใบหน้าขาวผ่องและแก้มกลมมนราวกับไข่
ในตอนที่เธอยิ้มให้กับเขานั้น ดวงตาโค้งมนราวกับพระจันทร์เสี้ยว นัยน์ตาดำขลับเป็นประกาย ที่ข้างแก้มยังมีลักยิ้มทั้งสองข้าง
ในตอนนั้น เขาก็เคยคิด ถ้าหากเขาสามารถยืนขึ้นมาได้แล้ว จะต้องจับมือเธอเอาไว้อย่างแน่นอน พาเธอไปท่องเที่ยวรอบโลก อยู่คู่กันจนแก่เถ้า
แต่ทว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่มันแปรเปลี่ยนไป?
แทบจะไม่รู้เลยว่ามันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นขี้เหร่ แต่งเนื้อแต่งตัวไม่เป็น สวมใส่ชุดแม่บ้านสองชุดที่ไม่น่าดูนั้นมาโดยตลอด
ที่ริมฝีปากของเธอ มีแต่พวกเครื่องปรุงมาโดยตลอด เวลาพูดคุยกับเขา อย่างมากที่สุดเลยก็คือ ไม่สามารถทานสิ่งนั้นได้ อันนั้นทำไม่เป็น หรือไม่ ประโยคหนึ่งก็กำชับเขาไปแล้วไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ในตอนแรกมีนะที่ใจเต้นและรู้สึกชมชอบ ชีวิตแบบนี้ค่อย ๆ สูญหายไปตามกาลเวลา เขาก็เคยรับปากว่าจะดีต่อเธอ แต่ทว่า ในช่วงวันเวลาผ่านไปแบบนี้นั้น แปรเปลี่ยนไปเป็นไม่มีความรู้สึกรักแล้ว
ระหว่างพวกเขานับวันยิ่งไม่มีคำพูดร่วมกัน ในหนึ่งวันแทบจะคุยกันแค่ไม่กี่ประโยค เขาก็ค่อย ๆ ทำต่อเธอ เริ่มจากชอบ ไปจนถึงซาบซึ้งใจ สุดท้าย มาถึงเฉยเมย จนกระทั่งเบื่อหน่าย
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ หลังจากที่เขาเริ่มทำงาน เขาก็รู้จักกับเฉินจื่อโร่วที่พึ่งเรียนจบ เธอเป็นเลขากลุ่มใหม่ที่พึ่งรับนักศึกษาที่เรียบจบแล้วเข้ามาใหม่ เธอยังสาวและสวย พูดจาไพเราะน่าฟัง เป็นความสวยงามที่คนน่าเบื่ออย่างหลานเสี่ยงถางไม่มี
ดังนั้น พาเฉินจื่อโร่วไปงานเลี้ยงด้วยกันครั้งหนึ่ง หลังจากที่ดื่มเหล้าไปแล้ว พวกเขาก็ได้ขึ้นเตียงด้วยกัน หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกว่า มองหลานเสี่ยงถางด้วยความรังเกียจมากยิ่งขึ้น
เธอถามเขาว่าเลิกงานแล้วจะกลับบ้านไหม เขาออกไปทำงานนอกสถานที่ก็โทรศัพท์มาหาเขา ทั้งหมดนี้ทำให้เขาหงุดหงิดรำคาญใจ แม้กระทั่ง เมื่อช่วงไม่กี่วันก่อน เขาก็มีความคิดที่จะหย่าเรียบร้อยแล้ว
เขาคิด เขาจะให้เงินเธอจำนวนหนึ่ง ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนช่วงวัยสาวสองปีของเธอ
อีกอย่างปีนี้เธอก็อายุยี่สิบห้าแล้ว เขาก็ไม่เคยแตะต้องเธอเลย หากจะแต่งงานอีกรอบ ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่ทว่า ในตอนที่เธอกลับมาตอนที่เขากำลังเข้าได้เข้าเข็มอยู่นั้น เอ่ยถึงบุญคุณสองปีนั่นไม่ยอมหยุด ก็ทำให้เขากลับรู้สึกเกิดความไม่ชอบใจจนถึงขีดสุด รังเกียจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
ตอนนี้ เขามีความคิดแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่รักษาเรื่องราวที่ผ่านมาอะไรแล้ว จะหย่ากับเธอ!
เขาไม่อยากที่จะเห็นเธออีกต่อไปแล้ว!