ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 507 ป่าปี๊ต่อยจวิ้นน้อยของเธอ
“สู่ขอ?”หลานจื่อเฉินพูดล้อเล่นตามนิสัย“คุณอาดามอน อามาขอให้ตัวเองหรือว่าให้Bojan?หากจะขอให้คุณอาเอง งั้นข้ามไปได้เลย คุณอาไม่ควรขอภรรยากลับบ้านแล้วให้เธออยู่บนหิ้งหรอกนะ?”
เขาพูดแบบนี้ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แม้สือจินหว่านที่หลบมุมอยู่ก็เกือบหลุดเสียงหัวเราะออกมา
เป็นไปตามคาด ดามอนโมโหขึ้นทันที“ไอ้หมอนี่ ตอนฉันอายุเท่าแก คืนหนึ่งเจ็ดครั้งสบายๆ”
“คุณอาดามอน คนเก่งจะไม่ชมตัวเองเก่ง”หลานจื่อเฉินพูด
“พ่อ”โอหยางจวิ้นเห็นออกทะเลแล้ว ดังนั้นเลยเตือนพ่อตัวเองเสียงเบา
“อะแฮ่ม” ดามอนเคลียร์เสียงในลำคอ “ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นBojan”
ได้ยินถึงตรงนี้ หัวใจของสือจินหว่านกระเด้งขึ้นทันที
เธอมองในห้องโถงอย่างตื่นเต้น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ
เวลานี้ โอหยางจวิ้นก้าวหน้าไม่กี่ก้าว เดินไปถึงตรงหน้าสือมูเฉิน พูดจริงจังออกมาทีละคำ“คุณสือ ผมรักหวันหว่าน อยากจะขอเธอเป็นภรรยา”
เขาเพิ่งพูดจบ ในห้องโถงใหญ่เงียบจนเข็มตกพื้นยังได้ยิน
ผ่านไปหลายวินาที สือมูเฉินถึงลุกจากที่นั่ง เขาจ้องหน้าโอหยางจวิ้น น้ำเสียงนิ่งเหมือนเดิม “Bojan คุณพูดใหม่อีกรอบ”
โอหยางจวิ้นพูดอีกครั้ง “คุณสือ ผมรักหวันหว่าน อยากจะขอเธอเป็นภรรยา”
สือมูเฉินหรี่ตา เดินนำไปข้างนอก น้ำเสียงแฝงด้วยความกดดัน เพียงแต่การเดินยังสุขุมเหมือนเดิม“คุณตามผมมา”
โอหยางจวิ้นก้าวเท้าเดินตามไป และคนอื่นก็เหมือนอยากดูเรื่องสนุก อยากจะเดินตามไปด้วย
“คนอื่นหยุดอยู่กับที่”สือมูเฉินหันกลับมา กวาดสายตาเย็นชา ออร่ามาเต็ม
หลานจื่อเฉินและคนอื่นๆที่ยังอึ้งกับข่าวนี้ ต่างไม่กล้าขยับในทันที
ในมุมหนึ่ง สือจินหว่านร้อนใจ จบเห่แน่ ป่าปี๊พาจวิ้นน้อยของเธอไปตามลำพัง จะต่อยจวิ้นน้อยของเธอหรือเปล่า?
เธอสับสนมากจะวิ่งออกไปรั้งดีไหม?แต่ถ้าหากไปขวาง จะได้ผลตรงกันข้ามหรือเปล่า ทำให้ป่าปี๊โกรธยิ่งขึ้น ว่าเธอเห็นแก่ตัวหรือเปล่า?
สือจินหว่านที่กำลังสับสนอยู่ โอหยางจวิ้นตามสือมูเฉินไปถึงห้องเล็กแล้ว
สือมูเฉินหมุนตัวกลับมาอย่างช้าๆ สายตาจ้องเขม็งไปที่ใบหน้าของโอหยางจวิ้น ถามอย่างหนักแน่น “เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร?”
“ผมรักหวันหว่านมานานแล้ว 6ปีก่อนมั้ง”โอหยางจวิ้นพูด “แต่พวกเราคบกันหลังจากที่เธอผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะไปแล้ว”
หลังจากเขาพูดจบ ในห้องก็เงียบเป็นเป่าสากทันที
สือมูเฉินหรี่ตากำลังย้อนคิดถึงเหตุการณ์มากมาย เป็นฉากเหมือนในตอนนี้ แค่ครู่เดียวก็เข้าใจทุกอย่าง
ตามมาด้วยความรู้สึกโกรธบางอย่างที่ควบคุมไม่ได้ พุ่งขึ้นหัวใจมาทันที
โอหยางจวิ้นคนนี้ เขาเห็นมันเป็นเพื่อน วางใจยกลูกสาวให้เขาดูแล คิดว่ามีผู้ใหญ่ดูแลเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง ลูกสาวที่พูดไม่ได้ตั้งแต่เด็ก จะได้รับความอบอุ่นเพิ่มขึ้น
แต่
“เปรี้ยง”หมัดหนึ่งชกออกไปทันที โอหยางจวิ้นไม่ได้หลบ รับมันทื่อๆ ก้าวเท้าถอยหลังไปหลายก้าวถึงจะทรงตัวได้
สือมูเฉินไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน และเป็นครั้งแรกที่ลงมือชกต่อยคนแบบนี้
เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าวยื่นมือกระชากคอเสื้อของโอหยางจวิ้นไว้ “18 ปีก่อน คุณแย่งเสี่ยวถาง ผมถือว่าคุณเคยช่วยเธอกับหวันหว่าน ไม่ได้เอาเรื่อง ตอนนี้ คุณกับบอกผม คุณจะมาแย่งลูกสาวผมอีกเหรอ?”
หน้าอกเขากระเพื่อม นัยน์ตาเขาลึกจนอยากจะคาดเดา “ตั้งแต่เด็กหวันหว่านพูดไม่ได้ทำให้คนสงสาร ดังนั้นถึงค่อนข้างหวงแหนคนรอบข้าง เธออายุยังน้อย มีเรื่องมากมายไม่เข้าใจ แต่คุณอายุเท่าไหร่แล้ว?ผมวางใจยกเธอให้คุณ คุณตอบแทนความเชื่อใจผมแบบนี้เหรอ?”
“คุณสือ ขอโทษ”โอหยางจวิ้นจ้องตาสือมูเฉินเหมือนเดิม “ผมรักเธอจริงๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการหมั้นหมายของเพอร์เซลล์และออเนอร์ เพียงเพราะเธอคือเธอ 18ปีก่อน ผมแย่งเสี่ยวถางไปเป็นความผิดของผม แต่ผมไม่เคยล่วงเกินเสี่ยวถางเลย และไม่มีความรู้สึกระหว่างชายหญิงแม้แต่น้อย ตอนนี้ ผมรักหวันหว่าน อยากขอเธอเป็นภรรยา เกิดจากความรักล้วนๆ”
พูดอยู่ เขาพูดอย่างจริงจัง“คุณสือ คุณจำประโยคนั้นที่คุณเคยพูดกับผมตอนแรกได้ไหม? คุณว่า ความรักที่แท้จริง ก็อดไม่ได้ที่อยากเข้าใกล้ ตอนแรก ผมหมั้นหมายกับคุณมู่ ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นมาก่อน แต่หวันหว่านเพิ่งแยกไปไม่กี่ชั่วโมง ผมก็คิดถึงเธอเหมือนคนเป็นบ้า”
สือมูเฉินปล่อยคอเสื้อโอหยางจวิ้นออกอย่างช้าๆ สูดหายใจลึกๆ พยายามควบคุมความโกรธในใจ เนิ่นนานถึงกดอารมณ์โกรธไว้ แต่สายตายังดุดันเหมือนเดิม“คุณแตะต้องเธอหรือยัง?”
โอหยางจวิ้นตกใจนิดๆ ครู่เดียว เขาก็เข้าใจการปกป้องลูกสาวของพ่อคนหนึ่ง เขารู้สึกโชคดี ยังดีที่คุมตัวเองได้ ไม่งั้นระหว่างเขากับหวันหว่าน ไม่แน่ว่าจะยากกว่านี้
“ยัง”โอหยางจวิ้นพูดอย่างเคร่งขรึม“ตระกูลเพอร์เซลล์เชื่อในหลักคำสอน ห้ามกระทำก่อนแต่งงาน ดังนั้นผมตัดสินใจจะขอเธอแต่ง ก็มาสู่ขอทันที”
สือมูเฉินได้ยินคำพูดเขา อารมณ์อ่อนลง “คุณเคยคิดไหม คุณอายุมากกว่าเธอเท่าไหร่?อนาคตเธอแก่แล้ว ใครมาดูแลเธอ?”
“คำถามนี้ ผมคิดวิเคราะห์อยู่นาน และเพราะเหตุนี้ เคยปล่อยมือ”แววตาโอหยางจวิ้นสั่นไหว พูดว่า “แต่ผมปล่อยมือไม่ได้ และผมก็เชื่อเหมือนกัน ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีต่อเธอมากที่สุด นอกจากคุณ ผมจะดูแลสุขภาพเพื่อเธอ ทำทุกอย่างสุดความสามารถ อยู่กับเธอจนแก่”
เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่สือมูเฉินเห็นโอหยางจวิ้นเป็นอย่างนี้
เขาจำได้ หลายปีก่อน ตอนพวกเขาปะทะกัน โอหยางจวิ้นยังเป็นคนนิสัยแปลกๆ ในสายตานอกจากธุรกิจครอบครัว เป็นคนไม่สนวิธีการ
ตอนนั้น โอหยางจวิ้นต้องการแค่ความสำเร็จ ดังนั้นหลายครั้ง ในตลาดธุรกิจไม่มีความอ่อนแอ หาตัวจับยาก
ตอนนั้น มันในสายตาของเขาเห็นเพียงความรักในงาน ไม่มีเรื่องอื่น
และหลังจากนั้น หวันหว่านกับโอหยางจวิ้นตกไปที่เกาะร้าง หลังจาก 2 เดือนตอนเขาหาเจอ เขาเห็นความเปลี่ยนแปลงของมันเล็กน้อย
ผู้ชายคนหนึ่งที่วางกลยุทธ์ในตลาดการค้า คิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนแพมเพิสให้สือจินหว่านได้คล่องแคล่วอย่างนั้น ตอนอุ้มเธอขึ้นโอ๋ ก็ดูแลอ่อนโยนเป็นพิเศษ
ตอนนั้น สือมูเฉินคิดว่า โอหยางจวิ้นเหมือนคนขึ้นเล็กน้อย
ส่วนตอนหลัง เขาเห็นมันดูแลหวันหว่านดี สายตาที่เอ็นดูแบบนั้นไม่สามารถแสร้งทำกันได้ ถึงได้วางใจให้หวันหว่านอยู่ที่เพอร์เซลล์ อย่างนั้นหลายปี
ถ้าหากจะบอกผู้ชายคนไหนดีกับสือจินหว่านที่สุด งั้นนอกจากเขา ก็คือโอหยางจวิ้นจริงๆ
จุดนี้ สือมูเฉินไม่ยอมรับไม่ได้
แต่…
เขาเดินไปถึงระเบียง หันหลังให้โอหยางจวิ้น ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ บรรยากาศในห้องยิ่งกดดันและหนักขึ้น
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน สือมูเฉินหมุนตัวกลับมาช้าๆ นวดคิ้วที่ปวด หันกลับมาพูดกับเด็กสาวที่อยู่ด้านนอก “หวันหว่าน เข้ามา”
นิ้วมือสือจินหว่านสั่น คิดจะหนี
แต่สือมูเฉินที่อยู่ในห้องก็พูดขึ้นอีกครั้ง “โอหยางจวิ้น เห็นทีลูกสาวผมไม่ได้รักคุณ เธอไปแล้ว นี่คงเป็นคุณที่คิดฝ่ายเดียว…”
เขายังไม่ทันพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
สือจินหว่านก้มหน้า กัดริมฝีปาก ค่อยๆเดินไปถึงตรงหน้าสือมูเฉินด้วยความกลัว เกร็งก้นไว้แน่น กลัวจะโดนตีด้วยไม้
คำพูดก่อนหน้านี้เธอยังได้ยินไม่ชัด ดังนั้นเลยกลัวเป็นพิเศษ หากพูดว่า โอหยางจวิ้นคงไม่สารภาพผิดเรื่องที่ พวกเขาเคยจูบกันแล้ว แถมยังเปลือยล่อนจ้อนบนเตียงมาแล้วหรอกนะ? ตายแน่ ๆ
และเธออายุ 12 ปีก็มีโอหยางจวิ้นเป็นรักแรกแล้ว ในสายตาป่าปี๊ จะรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่มีความรักก่อนวัยอันควรหรือเปล่า?
“หวันหว่าน”สือมูเฉินมองลูกสาว พูดอย่างจริงจังและเข้มงวด “ลูกรู้สึกยังไงกับBojanยังไงกันแน่? ตัวลูกแน่ใจแล้ว
เหรอ?หลายปีนี้ พ่อปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาดีกับลูกมาก ลูกก็พึ่งพาเขามาก แต่ลูกต้องรู้ พึ่งพาไม่ใช่ความรัก”
สือจินหว่านได้ยิน เอ๊ะ เหมือนคุณพ่อไม่ได้จะตีเธอ
เธอมองไปทางโอหยางจวิ้น ถึงเห็นบนหน้าของโอหยางจวิ้นมีจุดบวมแดงอยู่ ก็เข้าใจเรื่องก่อนหน้านี้ทันที นี่คือตีกันจบแล้ว?
อา สงสารจวิ้นน้อยของเธอจัง
เธอหันไปพูดกับสือมูเฉินอย่างจริงจัง “คุณพ่อ เริ่มต้นฉันพึ่งพาคุณอาจวิ้นจริงๆ แต่พึ่งพานานไป ค่อยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกเหมือนตอนเด็กแบบนั้นแล้ว ฉันเห็นเขาเข้ามาใกล้จะใจเต้นแรง รู้สึกหึงเมื่อเห็นเขากับคุณน้ามู่อยู่ด้วยกัน อยู่ด้วยกันกับเขาจะเต็มไปด้วยความสุข หลังจากแยกกันจะคิดถึงจนนอนไม่หลับ”
เธอหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที รวบรวมความกล้า พูดว่า“คุณพ่อ ฉันรักเขาจริงๆ ฉันเคยคิดเหมือนกัน เขาอายุมากกว่าฉันไม่น้อย แต่ตอนพวกเราอยู่ด้วยกัน เขาไม่ใช่คนอย่างที่พ่อเห็นเหมือนปกติ เขาเขินเป็น หึงเป็น มีบางครั้งยังน่ารักสุดๆ พวกเราอยู่ด้วยกัน ฉันรู้สึกมีความสุขมาก และหวานแหววสุดๆ”
สือมูเฉินจ้องนัยน์ตาสือจินหว่าน ถอนหายใจ
เขาไม่เคยคิดเลยจริงๆ ลูกสาวจะคบกับโอหยางจวิ้น แต่ตอนนี้เห็นพวกเขาทั้งสองทำให้เขาไม่เชื่อไม่ได้ มันคือความรัก
“ถ้าหากผมไม่ยอม ผมดูเหมือนพ่อแม่ที่บังคับแยกคู่รักให้พรากจากกันเลย”สือมูเฉินส่ายหน้า พูดกับโอหยางจวิ้นอย่างจนใจ“เริ่มแรก ผมก็ไม่ควรบอกคุณ อะไรคือความรัก”
“คุณสือ แม้ว่าคุณไม่พูด ไม่ช้าก็เร็วผมก็จะรับรู้ได้”โอหยางจวิ้นเดินเข้าไป กุมมือสือจินหว่านไว้แน่น “บางทีนี้อาจเป็นโชคชะตามั้ง ผมก็ไม่เคยคิดมาก่อน ตัวเองจะหลงรักผู้หญิงที่เห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต แต่ถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่ามีเธอมันดีจริงๆ”
“แม่ลูกรู้หรือยัง?”สือมูเฉินมองทางสือจินหว่าน
“ยังค่ะ”สือจินหว่านก้มหน้า “คุณพ่อ ไม่ตีก้นฉันเหรอ?”
“ลูกโตขนาดนี้แล้ว พ่อตีลูกทำไม?”สือมูเฉินจับไหล่เธอ “หวันหว่าน พ่อเคยพูดไว้ ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดังนั้น การที่ลูกทำการารตัดสินใจทุกเรื่อง ก็ต้องรับผิดชอบอะไรที่จะตามมาด้วยตัวเอง”
สือจินหว่านพยักหน้า สายตาหนักแน่น “คุณพ่อ คบกับคุณอาจวิ้นเป็นผลจากการที่ฉันคิดมาถี่ถ้วนแล้ว ฉันรับผิดชอบต่อชีวิตของตัวเองได้”
“ในชีวิตคนเรา จะมีชั่วเวลาที่ต้องตัดสินใจมากมาย แค่ความคิดหนึ่ง ก็สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งชีวิตในอนาคตได้”
สือมูเฉินมองลูกสาว พูดออกมาทีละคำ “พ่อกับแม่ลูกไม่สามารถอยู่กับลูกไปตลอดชีวิต ดังนั้นหวังว่าครึ่งแรกของชีวิตลูกจะเป็นไปตามที่ตั้งใจ ไม่ลังเล ครึ่งชีวิตหลังไม่เสียใจ ที่ไม่ได้รัก”