ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 51 ท้องฟ้ากับพื้นดิน
ไม่ได้รอให้หลานเสี่ยวถางตอบกลับ สือมูเฉินโอบรัดเอวเธอไว้แน่น แขนของเขาเหมือนกับท่อนเหล็ก ดึงเธอเข้าไปใกล้ ๆ ทำให้เธอที่สวมใส่ชุดว่ายน้ำแนบลงกับตัวของเขา
เขาหรี่ตา น้ำเสียงทุ้มต่ำ แอบซ่อนความโมโหอยู่ “เสี่ยวถาง ผมเคยพูดกับคุณไหมว่า ห้ามนัดทานข้าวกับผู้ชายเป็นการส่วนตัว?”
หลานเสี่ยวถางไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
ประโยคนี้ของเขาที่ว่านัดเดททานข้าวกันตามลำพังเริ่มมาจากตรงไหน?
“มูเฉิน คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ…” หลานเสี่ยวถางพูด “ฉันไม่ได้…”
เธอกำลังจะอธิบาย แต่โทรศัพท์มือถือในมือกลับสั่นขึ้นเสียก่อน
หลานเสี่ยวถางถือโทรศัพท์ขึ้นดู เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรับสาย “สวัสดีค่ะ”
“เสี่ยวถาง ฉันเอง” เสียงของหันจื่ออี้ดังขึ้น “เธออยู่ที่ไหน? ฉันถึงที่ที่พวกเราคุยกันไว้แล้ว”
เป็นเพราะรอบด้านเงียบสงัดมาก หลานเสี่ยวถางกับสือมูเฉินก็อยู่ใกล้กันมาก ดังนั้นจึงได้ยินเสียงของหันจื่ออี้ได้อย่างชัดเจน เขาจับแขนของหลานเสี่ยวถางไว้ หน้าอกของหลานเสี่ยวถางจึงแนบเข้ากับตัวเขาในทันที เธอจึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“เสี่ยวถาง?” หันจื่ออี้พูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “ถางถาง เธอเป็นอะไร? หกล้มเหรอ? เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาเธอเดี๋ยวนี้!”
หลานเสี่ยวถางเงยหน้ามองสือมูเฉิน ภายใต้แสงของโทรศัพท์มือถือ ภายใต้ดวงตาของเขาที่เหมือนทุ่งน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยลมและหิมะ เธอตกใจ จนรีบพูดกับหันจื่ออี้ “ฉันไม่เป็นไร ฉันแค่หิวนิดหน่อย ฉันกลับไปค่อยหาอะไรกิน นายหาไปเองก่อนนะ!”
พูดจบ เธอก็รีบตัดสายไป
“ทำไมถึงไม่บอกเขาว่าคุณอยู่กับผม?” ฝ่ามือของสือมูเฉินสอดเข้าไปในชุดว่ายน้ำของหลานเสี่ยวถาง อุณหภูมิของฝ่ามือที่ร้อนแรง ราวกับพิมพ์ลงบนแผ่นหลังของเธอ
“ไม่ใช่ว่าคุณบอกว่า การแต่งงานของพวกเราคือแต่งแบบลับ ๆ…” หลานเสี่ยวถางไม่เคยเห็นสือมูเฉินโมโหมาก่อน ดังนั้นจึงรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก
“ผู้รับผิดชอบบริษัทคนหนึ่ง มีเบอร์โทรของพนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง” น้ำเสียงกดต่ำของสือมูเฉิน “เส้นแบ่งของรองประธาน ลงมือทำเองกับมือ!”
“มูเฉิน ไม่ใช่แบบนี้…” หลานเสี่ยวถางขยับปาก อยากจะอธิบาย แต่กลับพบว่าเธอไม่มีทางอธิบายได้
ถ้าหากตอนนี้สือมูเฉินรู้เรื่องตอนมัธยมปลายระหว่างเธอกับหันจื่ออี้ เดาว่าเขาจะต้องโมโหแน่?
ในตอนที่เธออยู่ในสภาวะสับสน จู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บปากขึ้นมา จากนั้นจูบของเขาก็ร้อนแรงราวกับเปลวไฟ บ้าระห่ำและดุดันมากกว่าตอนที่อยู่หน้าต้นไม้เมื่อครู่
อากาศในปอดของหลานเสี่ยวถางถูกดูดออกไปในทันที เป็นเพราะขาดออกซิเจน เธอเวียนหัวอยู่ครู่หนึ่ง ร่างกายเริ่มไร้เรี่ยวแรง จึงยื่นมือออกไปจับเอวของสือมูเฉินไว้ตามสัญชาตญาณ เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ล้มลงไป
เพราะท่าทางของเธอ แผ่นหลังของเขาแข็งทื่อไป จากนั้นเขาคลายเธอออกเล็กน้อย แล้วดึงชุดว่ายน้ำท่อนบนของเธอไปด้านบน เธอไม่มีสิ่งปกคลุมใดใดในทันที
หลานเสี่ยวถางตกใจจนร้องออกมาเบา ๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร กระโปรงว่ายน้ำของเธอก็ถูกสือมูเฉินรูดไปด้านล่างแล้ว
เธอสวมใส่แค่ชุดว่ายน้ำ ตอนนี้ถูกถอดออกไป เธอในตอนนี้เปลือยเปล่าอยู่ ถึงแม้บริเวณโดยรอบจะมืดมิด แต่ที่โล่งแบบนี้ ทำให้หลานเสี่ยวถางขนลุก
ฝ่ามือของสือมูเฉินร่อนลงบนผิวที่เรียบเนียนของหลานเสี่ยวถาง เขาสัมผัสริมฝีปากของเธอ ค่อย ๆ จูบลงทีละนิด
จูบที่ละเอียดลออสัมผัสลำคอของเธอ ไหปลาร้า แล้วเลื่อนลงไปด้านล่าง ในตอนที่เขากำลังจะจูบหน้าอกของเธอ เขากลับยกมือของเธอขึ้นมาก่อน จากนั้นก็จูบลงบนหลังมือและฝ่ามือของเธอ
หลานเสี่ยวถางถูกจูบจนชาไปทั้งตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมสือมูเฉินถึงทำแบบนี้
เขากลับพลิกตัวเธอ จากนั้นก็จูบแผ่นหลังของเธอ
เขากอดเธอจากด้านหลัง แล้วจูบลงตรงบริเวณที่เผยออกมาด้านนอกเมื่อสักครู่
เหมือนกับพึงพอใจแล้ว เขาจึงแบมือออก กอดเธอไว้แน่นในอ้อมกอด หัวใจที่เต้นแรงกระแทกแผ่นหลังของเธอ ลมหายใจร้อนพัดผ่านหูของเธอ
เขาอมติ่งหูของเธอไว้ เล่นกลับไปกลับมา จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเธอหายใจจนตัวสั่น เขาพูดเสียงแหบ “ผู้หญิงของฉัน บนตัวไม่สามารถมีลมหายใจของคนอื่นได้”
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง เธอถูกเขาจูบจนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดเขาตั้งนานแล้ว เสียงของเธออ่อนลงเล็กน้อย “ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันจริง ๆ…”
เธอเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกได้ว่าด้านหลังถูกอะไรบางอย่างทิ่มแทง
หลานเสี่ยวถางเข้าใจในทันที เธอยื่นมือไปด้านหลัง เหมือนกับจะผลักเขาออก เขากดทับลงในทันที ทำให้ร่างกายของเธอโก้งโค้งเก้าสิบองศา จากนั้นเขาก็โอบรัดเอวเธอไว้ แล้วสอดใส่เข้าไปอย่างแรง
เมื่อก่อนไม่เคยมีท่วงท่าแบบนี้ โดยเฉพาะ เพราะเธอเป็นกังวล หลานเสี่ยวถางรู้สึกเจ็บเป็นพัก ๆ น้ำตาคลอออกมา “เจ็บ”
“คุณรู้จักเจ็บด้วยเหรอ?” สือมูเฉินดันเข้าไปลึกสุด น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้น “ยังจำได้ไหมว่าผมเป็นอะไรกับคุณ?”
หลานเสี่ยวถางเหงื่อแตกในทันที เสียงของเธอแหบเล็กน้อย “ฉันรู้ค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจกับคำตอบแบบนี้ จึงสอดเข้าดึงออกอย่างแรงอยู่หลายครั้ง เขาฝืนพูดขึ้น “เรียกผม”
“มู เฉิน~” หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเมื่อครู่ เธอเกือบจะถูกแทงทะลุแล้ว
“เรียกใหม่” สือมูเฉินกอดเอวเธอไว้แน่น หลานเสี่ยวถางเข้าใจได้ในทันที เขาไม่ได้อยากให้เธอเรียกชื่อของเขา แต่เป็น…
ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอยังไม่เคยเรียกเขาแบบนั้นเลย เธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ คำคำนั้นติดอยู่ที่ปาก พูดออกมาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าสือมูเฉินหมดความอดทนแล้ว ฝ่ามือของเขาบีบก้อนเนื้อที่อ่อนนุ่มตรงบริเวณหน้าอกของเธอ ท่วงท่ารุนแรงเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกว่าร่างกายข้างในเจ็บปวด แต่ถูกความรู้สึกแบบนี้ทำให้ตัวชาไปหมด แม้กระทั่งในตอนที่ถูกกระแทกยังมีอาการคันกัดกินกระดูก
บนท้องฟ้า ไม่รู้ว่าดวงจันทร์เคลื่อนออกมาจากกลุ่มเมฆตั้งแต่เมื่อไหร่ หลานเสี่ยวถางตกตะลึง เกร็งร่างกายขึ้นมาทันที
สือมูเฉินถูกเธอบีบรัดจนส่งเสียงในลำคอ ความรุนแรงรวมตัวกันภายใต้ดวงตาของเขา เขากระแทกหลานเสี่ยวถางอย่างแรง
ถ้าหากไม่ใช่ว่าเขารัดเธอไว้แน่น เธอแทบจะถูกเขากระแทกจนกระเด็นออกไป หลานเสี่ยวถางอดที่จะพูดคำพูดที่ติดอยู่ที่ปากออกมาไม่ได้ “สามีคะ”
สือมูเฉินหยุดชะงักครู่หนึ่ง เขาหรี่ตา ลมหายใจของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นเยอะ แม้กระทั่งท่วงท่าก็อ่อนโยนขึ้นเยอะมาก
หลานเสี่ยวถางไม่รู้สึกเจ็บแล้ว และตามจากท่วงท่าของเขา ร่างกายของเธอก็ยิ่งตอบสนองมากขึ้น เธอส่งเสียงที่เกิดจากความอัดอั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ว่าตอนนี้ถึงแม้จะมืดมิด แต่ยังไงก็ยังอยู่ด้านนอก เธอในสภาพนี้…
เธอทั้งเขินอายทั้งรีบร้อน แต่ว่าก็ยังคงหอบหายใจอย่างควบคุมไม่ได้
สือมูเฉินได้ยินเสียงของเธอ ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เขาโอบกอดเธอ จูบใบหูและลำคอของเธออย่างอ่อนโยน แต่ว่าทันใดนั้นเส้นสัมผัสบางๆ ก็ทะลุผ่านความอ่อนโยนของริมฝีปาก
ดวงตาเบิกกว้าง สือมูเฉินจำได้ว่านี่คือกุญแจทองที่หลานเสี่ยวถางกับหันจื่ออี้ได้รับรางวัลมา!
แม่กุญแจอยู่ที่หันจื่ออี้ ลูกกุญแจอยู่ที่หลานเสี่ยวถาง
เขาถอยออกมาจากตัวของหลานเสี่ยวถาง แล้วจับเธอพลิกตัวมาประชันหน้ากับเขา
“เสี่ยวถาง เอาของที่ผู้ชายคนอื่นมอบให้เธอออกมาจากตัวเธอเดี๋ยวนี้!” ถ้าไม่ใช่ว่ากลัวออกแรงดึงแล้วจะทำให้เธอบาดเจ็บ เมื่อกี้เขาคงจะดึงมันออกมาแล้ว
จู่ ๆ เขาก็หยุดลง แถมยังพูดประโยคชวนงงแบบนี้อีก หลานเสี่ยวถางงุนงงอยู่พักหนึ่ง แล้วก็นึกอะไรออก จากนั้นก็ถอดกุญแจออกมายื่นให้กับสือมูเฉิน
เขารับกุญแจมา และเขวี้ยงมันทิ้งไปในความมืด
ไม่รู้ว่ากุญแจไปชนกับหินหรืออะไรทำนองนั้น เสียงก๊องแก๊งดังขึ้นติดกันหลายครั้ง แล้วจึงหยุดลง
หลานเสี่ยวถางได้ยินเสียง เธอร้อนรนพูดขึ้น “ถ้าหากมีคนมาจะทำยังไง?”
เธอก้มลงหยิบชุดว่ายน้ำด้วยความตื่นตระหนก
และในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของก็เธอดังขึ้นอีก หลานเสี่ยวถางหยิบมันขึ้นมาดู ก็ยังเป็นเบอร์นั้น แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นหันจื่ออี้
เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตัดสายไป
สือมูเฉินพึงพอใจกับการตัดสายของเธอ จากนั้นเขาก้มหน้าลงจูบเธอต่อ แล้วอุ้มเธอขึ้น สอดใส่เข้าไปจากทางด้านหน้า “พวกเราทำกันต่อ”
แต่ว่าเขาเพิ่งจะเริ่มขยับ โทรศัพท์ของหลานเสี่ยวถางก็ดังขึ้นอีกแล้ว
เธอกำลังจะวางสายอย่างร้อนรน แต่ผลกลับกดรับสายโดยไม่ระวัง เสียงของหันจื่ออี้ดังขึ้นทันที “เสี่ยวถาง ฉันไปที่ที่จะทานอาหารกัน ฉันไม่เห็นเจอเธอ? เธอไม่เป็นอะไรนะ?”
สือมูเฉินดวงตาเคร่งขรึม เขาออกแรงอย่างแรง
หลานเสี่ยวถางเอามือปิดปากตัวเองไว้ ถึงได้ฝืนไม่ให้ตัวเองส่งเสียงออกมา
ภายใต้ท้องฟ้าและบนพื้นดินแบบนี้ เธอกำลังทำเรื่องแบบนี้ แถมยังคุยโทรศัพท์อยู่ คนในสายโทรศัพท์ก็ยังเป็น “เพื่อนเก่า” หลานเสี่ยวถางหัวสมองจะระเบิด
เธอฝืนควบคุมเสียงของตัวเอง “ตอนนี้ฉันมีธุระ…”
ดูเหมือนจงใจไม่อยากให้เธอทำในสิ่งที่เธอต้องการ ท่วงท่าของสือมูเฉินทั้งแรงทั้งเร็ว เธอถูกเขากระแทกจนแม้แต่คำพูดประโยคเดียวก็พูดไม่จบ
“ตามนี้แหละ ฉันวางสายก่อนนะ!” หลานเสี่ยวถางพูดจบ จากนั้นก็รีบวางสายโทรศัพท์
ในตอนที่เธอวางสายไป สือมูเฉินปิดผนึกริมฝีปากของนางยิ่งกว่าเดิม
ทั้งสองผัวพันนัวเนียกันอยู่หลังภูเขาปลอมอย่างบ้าคลั่ง พอถึงตอนหลังหลานเสี่ยวถางแทบจะลืมไปแล้วว่าอยู่ที่ไหน เธอให้ความร่วมมือกับจังหวะของสือมูเฉิน จนกระทั่งเขาปลดปล่อยในร่างกายของเธอ
ตอนที่สิ้นสุดลง สือมูเฉินยังไม่ออกมาจากร่างกายของหลานเสี่ยวถาง เขายืมแสงสลัวของแสงจันทร์มองดูเธอ และไม่ได้พูดอะไร
หลานเสี่ยวถางรู้ว่าเมื่อกี้สือมูเฉินหายโมโหแล้ว แต่ว่าหันจื่ออี้โทรศัพท์มาสองสาย เขาต้องเข้าใจผิดอีกแน่นอน
เธอรีบอธิบาย “มูเฉิน เรื่องของฉันกับหันจื่ออี้ ไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิด จริงอยู่ว่าพวกเราเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ว่าพวกเราไม่มีอะไรกัน ฉันก็เพิ่งจะพบเขาวันนี้ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ที่ต่างประเทศตลอด ฉันไม่เคยติดต่อกับเขามาก่อน”
“เสี่ยวถาง ผมไม่ชอบที่คนอื่นโกหกผม” สือมูเฉินจ้องเธอแล้วพูดขึ้น “ตอนที่ผมออกจากหนิงเฉิง วันที่ไปทำงานนอกสถานที่คืนนั้น คุณอยู่ที่ไหน?
เสี่ยวถางพูดขึ้น “วันนั้นฉันอยู่กับโยวโยวตลอด แต่ว่าพวกเราดื่มแค่แก้วเดียวก็รู้สึกมึนนิดหน่อย หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป ตอนที่ตื่นมา ฉันอยู่ที่บ้านของโยวโยว จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากลับไปที่บ้านได้ยังไง เป็นฉันเองที่ไม่ระวัง ต่อไปฉันจะไม่ออกไปดื่มจนเมาแล้ว”
สือมูเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาครุ่นคิด “ผมรู้แล้ว” ดูท่าแล้วทุกอย่างเฉินจื่อโร่วเป็นคนทำ วันนั้นดูเหมือนว่าโชคดีที่มีหันจื่ออี้อยู่
เขาวางเธอลงบนพื้น แล้วเก็บชุดว่ายน้ำเย็นเยือกของเธอขึ้นมา “ใส่ชุดนี้หนาวเกินไป คุณไปเปลี่ยนชุดแห้งที่ผมก่อน”