ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 52 ถ้าหากตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรคะ
“ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันที่ไม่ใส่อะไรเลย จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในที่ของคุณได้อย่างไรละคะ?” หลานเสี่ยวถางถูกข้อเสนอแนะของสือมูเฉินทำให้ตกใจ
“ว่ายน้ำไปสิ” สือมูเฉินพูดขึ้น ก่อนจะอุ้มหลานเสี่ยวถางขึ้นมาอีกครั้ง “ผมพักอยู่ที่ห้อง 102 ว่ายน้ำตรงจากทะเลไปก็โอเคแล้วละครับ”
หลานเสี่ยวถางที่จู่ ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นอย่างกะทันหัน จึงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปคล้องจับเข้าที่รอบลำคอของสือมูเฉินไม่ได้ “มูเฉิน ถึงแม้ว่าฉันจะว่ายน้ำเป็น แต่ว่า แต่ว่าเมื่อครู่นี้คุณ……รุนแรงขนาดนั้น ฉันไม่มีเรี่ยวแรงที่จะว่ายน้ำแล้วค่ะ……”
“มีผมอยู่ กลัวอะไรครับ? คุณไม่ต้องขยับอะไรเลย” สือมูเฉินเอื้อนเอ่ย ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าของหลานเสี่ยวถางขึ้นมาจากพื้น โอบกอดเธอเอาไว้อย่างแผ่วเบาแล้วเดินมุ่งหน้าไปทางทะเล
“คุณไม่เหนื่อยหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางหมดคำจะเอื้อนเอ่ยอะไรขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“พอไหวอยู่ครับ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นสูง “วางใจเถอะครับ ตอนกลางคืนยังสามารถเติมเต็มคุณได้แล้วกัน”
ดวงตาของหลานเสี่ยวถางเบิกกว้าง ทันใดนั้นเอง ก็ไม่รู้ว่าจะต้องพูดอะไรออกไปดี
มาถึงที่ด้านข้างของทะเล สือมูเฉินยื่นโทรศัพท์มือถือทั้งสองเครื่องส่งไปให้กับหลานเสี่ยวถาง “ชูมันขึ้นเอาไว้ครับ ผมจะกอดคุณไว้แล้วว่ายน้ำไป”
หลานเสี่ยวถางชูโทรศัพท์มือถือขึ้นจากผิวน้ำ รู้สึกได้ว่าสือมูเฉินกอดเอวของเธอเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ ลงน้ำไปอย่างเชื่องช้า เธออดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันก็ทำเองได้นะคะ……”
“คุณแน่ใจหรือ?” สือมูเฉินหลุบตามองเธอ
หลานเสี่ยวถางรับรู้ถึงมันอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกเพียงแค่ว่าบริเวณช่วงเอวชาไปหมดแล้ว ที่ด้านล่างก็เริ่มบวมขึ้นมาแล้ว เธอจึงทำได้เพียงถอดใจ “ก็ถือว่ายังได้อยู่แหละค่ะ……”
ในวินาทีต่อมา สือมูเฉินก็โอบกอดเธอเอาไว้ แล้วว่ายน้ำลงไปในน้ำเรียบร้อยแล้ว
พระจันทร์ดวงกลมโผล่ให้เห็นออกมาแล้ว แต่มีบางคราที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายใต้เมฆหมอก ลำแสงเล็ก ๆ ที่สาดส่องลงมา ทำให้หลานเสี่ยวถางสามารถเห็นท้องทะเลที่มืดสนิทไกล ๆ ได้ความอันตรายอย่างลึกลับ มองไปจนไม่เห็นเส้นขอบ
หากจะให้เอ่ยขึ้นมาจริง ๆ ถึงแม้จะว่ายน้ำเป็นก็ตามที เธอก็ไม่กล้าที่จะว่ายน้ำในตอนกลางคืนคนเดียวหรอก บรรยากาศที่มืดสนิทอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแบบนี้ เพียงแค่มองดู ก็สามารถทำให้คนหวาดกลัวได้แล้ว
แต่ทว่า แทบจะเป็นเพราะว่ามีสือมูเฉินอยู่ เธอก็เลยไม่หวาดกลัวเลยจริง ๆ
เขามักจะสามารถทำให้เธอได้รับรู้สึกความรู้สึกปลอดภัยอะไรบางอย่าง เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าพวกเราที่อยู่ร่วมกันมาพึ่งจะเดือนกว่าเท่านั้น อีกทั้งในตอนนี้เธอก็ไม่ทราบว่าสรุปแล้วเขามีบริษัทเป็นของตัวเองหรือไม่อย่างไร แต่ทว่า กลับสามารถทำให้คนรู้สึกได้ถึงความไว้เนื้อเชื่อใจได้
สือมูเฉินสวมกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้ ว่ายน้ำผ่านที่พักของสือเพ่ยหลินอย่างห้อง 101 แล้วว่ายไปทางห้อง 102 ที่อยู่ทางด้านข้าง
เขาส่งหลานเสี่ยวถางถึงระเบียง ตนเองกลับอ้อมไปยังอีกทาง แล้วเปิดประตูของคฤหาสน์ออก
“ไปอาบน้ำหน่อยเถอะครับ จะได้ไม่เป็นหวัด” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น ก่อนจะค้นหาชุดคลุมอาบน้ำชุดหนึ่งมาให้ “นี่เป็นชุดคลุมอาบน้ำของผู้หญิงที่ทางคฤหาสน์เตรียมเอาไว้ให้ครับ”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก ในตอนที่พึ่งจะรับชุดคลุมอาบน้ำมาแล้วกำลังเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำนั้นเอง สือมูเฉินก็เดินเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไรเลย
หลานเสี่ยวถางขยับตัวไปที่มุมห้องก่อนจะหยุดยืนอยู่ครู่หนึ่ง “คุณจะอาบก่อนหรือคะ? ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันจะออกไปรอคุณข้างนอกนะคะ”
สือมูเฉินคว้าข้อมือของเธอแล้วหยุดเอาไว้ “อาบด้วยกัน”
หลานเสี่ยวถางหน้าแดงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะร่วมรักกันมาก็หลายครั้งหลายครามามากแล้ว แต่ทว่าเรื่องที่จะมาอาบน้ำด้วยกันแบบนี้มัน……
พูดไป สือมูเฉินก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองออกหมดแล้วอย่างเป็นธรรมชาติ โยนไปทางด้านข้าง หลังจากนั้นจึงเปิดฝักบัว ก่อนจะดังหลานเสี่ยวถางให้มายืนอยู่ใต้ฝักบัว
เขาสบตามองช่วงบริเวณขาของเธอ ก่อนที่นัยน์ตาจะฉายประกายเลศนัยออกมาให้เห็น “เสี่ยวถางครับ ไหลออกมาหมดแล้วนะครับ……”
ทันใดนั้นเองใบหน้าของหลานเสี่ยวถางแดงก่ำขึ้นทันที ก่อนจะนิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองสือมูเฉินแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “มูเฉิน หลังจากนี้พวกเราควรที่จะใช้มาตรการอะไรหน่อยไหมคะ ถ้าหากตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไรคะ?”
สือมูเฉินเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “คุณไม่อยากตั้งครรภ์หรือครับ?”
หลานเสี่ยวถางไม่เคยคำนึกถึงปัญหานี้มาก่อน “ตอนนี้มันจะเร็วไปหรือเปล่าคะ?”
พวกเราพึ่งจะแต่งงานกัน ยังไม่ได้ฮันนีมูนกันเลยด้วยซ้ำ มีหลานสิ่งหลายอย่างที่ทำเอาดาบหน้าทั้งนั้น จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกว่าแต่งงานกับเขาแล้วยังคงมีความรู้สึกสับสนอยู่บางเล็กน้อยอยู่เลย ราวกับว่าหลังจากที่ตื่นมาจากความฝันแล้ว ทุก ๆ อย่างก็จะสามารถมลายหายไปได้เลยก็ไม่ปาน
“อืม ถ้าหากว่าคุณรู้สึกว่ามันยังเร็วเกินไป หลังจากนี้ผมจะสวมใส่ถุงยางครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้หลังจากที่กลับบ้านกันแล้วพวกเราไปที่ร้านค้ากันนะ เลือกสัมผัสและกลิ่นที่คุณชื่นชอบได้เลยครับ”
ราวกับว่าเขากำลังเอ่ยถึงเรื่องการซื้อผักกาดขาวหัวใหญ่อยู่เลยก็ไม่ปาน……
หัวใจของหลานเสี่ยวถางเต้นระรัวขึ้นอยู่หลายส่วน ตัดสินใจแล้วว่าจะรีบอาบอย่างรวดเร็ว จะได้เสร็จสิ้นสักที
ระยะของหนึ่งฝักบัว ทั้งสองคนอาบน้ำพร้อมกัน เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่สัมผัสเรือนร่างกันเลย ดังนั้นแล้ว อาบไปอาบมา ก็เริ่มจูบกันขึ้นมาอีกแล้ว
เป็นในตอนนั้นเอง ที่โทรศัพท์มือถือของหลานเสี่ยวถางดังขึ้นมา เธอผละออกมาจากอ้อมกอดของสือมูเฉินด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย กำลังจะเอ่ยอะไรขึ้นมาบางอย่าง แต่เขากลับสาวเท้ายาวเดินออกไปจากห้องอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว
หลานเสี่ยวถางเกรงว่าเขาจะทำอะไร จึงรีบกุลีกุจอตามหลังไปทันที
ในครั้งนี้เป็นหร่วนฉีที่ต่อสายเข้ามาหา เธอบอกว่าตอนนี้สือเพ่ยหลินตามหาหยกเรืองแสงเจอแล้ว ดังนั้น เมื่อผลของเกมออกมาแล้ว จึงให้หลานเสี่ยวถางเลิกหาได้แล้ว และเตรียมตัวกลับมาเถอะ
หลานเสี่ยวถางบอกว่าเธออยู่ค่อนข้างไกล ประเดี๋ยวค่อยกลับไป หลังจากที่วางสายไปแล้ว โทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เป็นหันจื่ออี้!
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังจะตัดสายไปอยู่นั้นเอง สือมูเฉินก็แย่งโทรศัพท์ไปจากมือของเธอเรียบร้อยแล้ว
ตัดสายไป กดบล็อก กระทำการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
ทางปลายสายฝั่งนั้น หันจื่ออี้ได้ยินว่าสายโทรศัพท์ของตนเองถูกกดวางสายอีกครั้งหนึ่งแล้ว มีความกลัดกลุ้มใจบางอย่างที่ไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ แต่ทว่าก็เป็นกังวลว่าหลานเสี่ยวถางจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นแล้วจึงต่อสายโทรศัพท์ไปหาอีกครั้งหนึ่ง
แต่ทว่า ในสายกลับมีประกาศดังว่ากำลังโทรขึ้นมา ตามต่อมาด้วย แม้กระทั่งเขาที่พยายามโทรต่ออีกสองสามสายนั้น ก็ยังคงมีเสียงประกาศมาว่ากำลังติดต่ออยู่ตลอดเลย
เขาถูกเธอบล็อกเบอร์โทรศัพท์ไปแล้วอย่างนั้นหรือ? หันจื่ออี้สบตามองโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือด้วยความนิ่งงัน
ในตอนนั้นเอง สือเพ่ยหลินกลับมาแล้ว เป็นเพราะว่าหันจื่ออี้นึกว่าหลานเสี่ยวถางกับสือเพ่ยหลินอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะโทรศัพท์ แต่ทว่าเมื่อลองมาดู ๆ แล้วกลับแทบจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยไม่ใช่หรือไงกันนะ?
ใสคฤหาสน์ หลานเสี่ยวถางเห็นสือมูเฉินบล็อกหันจื่ออี้แล้ว เธอไม่ได้เอ่ยอะไร อีกทั้งยังมุ่งตรงกลับไปในห้องอาบน้ำ
หลังจากที่ทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จแล้ว หลานเสี่ยวถางสบตามองตนเองที่สวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “มูเฉิน ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันจะกลับไปอย่างไรละคะ?”
สือมูเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พักอยู่ที่ห้องไหนครับ? ผมจะไปหยิบเสื้อผ้ามาให้คุณเอง คุณรอผมอยู่ที่นี่”
หลานเสี่ยวถางส่งคีย์การ์ดห้องให้กับเขา “มูเฉิน ประเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว พวกเราสามารถแยกกันไปได้ไหมคะ?”
สือมูเฉินหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะมองหลานเสี่ยวถางอยู่สองสามวินาที หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เสี่ยวถางครับ พวกเราไม่สามารถปกปิดการแต่งงานได้ตลอดไปหรอกนะครับ รอให้ถึงเวลาแล้ว ในตอนนั้นทุก ๆ คนก็จะรับรู้กันทั้งหมด”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก เธออยากที่จะเอ่ยถามเขาเป็นอย่างมากกว่าตอนนั้นคือเมื่อไหร่ แต่ทว่า ก็นึกขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติว่าระยะนี้สือมูเฉินออกประเทศไปเกรงว่าจะกำลังยุ่งเรื่องอะไรอยู่ ดังนั้นแล้ว จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรขึ้นมาอีกเลย
สือมูเฉินกลับมาอย่างรวดเร็ว ทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลานเสี่ยวถางไปยังสถานที่จัดกิจกรรมก่อน สือมูเฉินถึงค่อย ๆ เดินออกมาจากคฤหาสน์อย่างเชื่องช้าสบายอารมณ์
“เสี่ยวถาง เธอไปไหนมาน่ะ? ทำไมถึงนานมากขนาดนี้ล่ะ?” หร่วนฉีเอ่ยถาม “หนึ่งชั่วโมงแล้วนะจ๊ะ”
“ฉันหนาวนิดหน่อยน่ะจ้ะ เลยกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามา” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นต่อว่า “พวกเธอชนะแล้วหรือ? รางวัลเป็นอะไรน่ะ?”
“เป็นโปรแกรมท่องเที่ยวห้าวันจ้ะ สำหรับสองคน” หร่วนฉีเอ่ย “เพียงแต่ว่าฉันกับคุณสือไม่เหมาะสมที่จะไปด้วยกันอย่างแน่นอน เขาดูเหมือนว่าจะไม่สนใจ ดังนั้นก็เลยให้สิทธิ์สองคนนั้นกับฉันเลย ฉันวางแผนเอาไว้ว่าจะพาแม่ไปเที่ยวน่ะ!”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็เยี่ยมเลยเนอะ หร่วนฉีจ๊ะ ระยะนี้เธอดวงดีไม่เลวเลยนะ!”
ในตอนนั้นเอง หันจื่ออี้เดินเข้ามาแล้ว เขากวาดสายตาอยู่ครู่หนึ่ง สบตามองที่บริเวณลำคอของหลานเสี่ยวถาง แทบจะลืมเลือนความรู้สึกอึดอัดที่ถูกตัดสายไปในทันที อีกทั้งยังเอ่ยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอย่างมากอีกด้วยว่า “เสี่ยวถาง สร้อยคอของเธอล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางพลันชะงักนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “อ๋อ ฉันถอดไปตอนอาบน้ำแล้วลืมใส่น่ะค่ะ”
อันที่จริงแล้ว สร้อยทองเส้นนั้นถูกสือมูเฉินโยนทิ้งเอาไว้ที่ไหนสักทีตั้งนานแล้วล่ะ……
ในตอนนั้นเอง ผู้จัดงานก็เดินเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ทุกคนกลับมากันครบหรือยังน่ะ? เป็นเพราะว่าสุดท้ายแล้วก็ได้ผู้ชนะเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ขอเชิญท่านประธานสือของพวกเรา คุณสือเพ่ยหลิน เชิญคู่เต้นรำมาหนึ่งคน เป็นการเปิดลานเต้นรำให้กับทุกคนหน่อยครับ!”
เมื่อสิ้นเสียง ใบหน้าของหญิงสาวจำนวนไม่น้อยฉายความตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
โดยเฉพาะเฉินจื่อโร่ว เธอในตอนนี้กำลังสวมใส่บิกินีสีแดงสด ร่างทั้งร่างมีเพียงแค่ผ้าผืนบางปกปิดเองไว้อยู่ เมื่อขยับกายครั้งหนึ่ง ทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงไฟในร่าง ภายนอกกลับราวกับน้ำแข็ง ดึงดูสายตาของชายหนุ่มโดยรอบได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินว่าสือเพ่ยหลินจะเลือกเชิญคนมาเต้นรำ เฉินจื่อโร่วกุลีกุจอย้ายตนเองไปทางด้านหน้าอย่างไม่ส่งเสียงทันที นัยน์ตาไร้เดียงสาคู่นั้นสบตามองสือเพ่ยหลินอย่างมีเลศนัย ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบาง ท่าทางบ่งบอกความปรารถนาเต็มขั้น
สือเพ่ยหลินกำลังจะเดินเข้าไปหาเฉินจื่อโร่วอยู่พอดี แต่ทว่า เมื่อหันสายตากลับไป กลับมองเห็นหันจื่ออี้ยืนอยู่ทางด้านข้างของหลานเสี่ยวถาง
หัวคิ้วของเขาอดไม่ได้ที่จะเลิกขึ้นเบา ๆ เมื่อนึกถึงภาพถ่ายวันนั้นขึ้นมาได้ ฝีเท้าของเขากลับเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ตัว
หันจื่ออี้ใช่ไหม ที่เก็บผู้หญิงที่เขาเคยใช้ไป นี่มันละเมิดข้อห้ามของเขาแล้วล่ะ!
แต่ไหนแต่ไรมา ของที่สือเพ่ยหลินเคยใช้งาน ไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ต้องการ ก็ไม่อนุญาตให้ใครได้มีส่วนร่วมทั้งนั้น!
ตอนนี้ เพื่อที่จะให้หันจื่ออี้ได้รับรู้ ว่าสุดท้ายแล้วหลานเสี่ยวถางเป็นของใครกันแน่! เมื่อสือเพ่ยหลินคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ฝีเท้าก็ล็อกเป้าแล้วเดินมุ่งตรงไปทางหลานเสี่ยวถางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เฉินจื่อโร่วเห็นสือเพ่ยหลินเดินตรงมา แม้กระทั่งคำว่า ‘พี่เพ่ยหลิน’ สามคำยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยออกมาจากริมฝีปากที เขาก็เดินผ่านไปไกลแล้ว เธอรู้สึกราวกับว่าถูกตบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง ราวกับว่ามีเสียงดังฟาดผ่านมาที่ใบหน้าของเธอ
ที่แท้แล้ว เมื่อเธอหันไปมอง ก็มองเห็นพนักงานสองสามคนของ Times Group ที่รู้อะไรบ้างบางอย่าง กำลังมองตรงมาที่เธอ นัยน์ตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความขบขันทั้งหมด
ปลายเล็บของเฉินจื่อโร่วแทบจะจิกเข้าไปในฝ่ามือ นัยน์ตาของเธอฉายประกายอาฆาต เพียงแต่ว่า ในตอนที่เธอหมุนตัวกลับมา เธอก็คืนความอ่อนโยนเดิมกลับมาเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่งเสียแล้ว
เธอกลับอยากที่จะทราบนัก ว่าสือเพ่ยหลินจะเชิญหลานเสี่ยวถางต่อหน้าคนอื่นหรือไม่!
อีกอย่าง ในวันนั้นกลับเห็นหลานเสี่ยวถางกับหันจื่ออี้ที่มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนอยู่ด้วยกันแท้ ๆ เป็นหลักฐานด้วย!
“เสี่ยวถาง ถ้าหากว่าเธอไม่อยากเต้น ฉันสามารถช่วยเธอได้นะ……” หันจื่ออี้กันไปเอ่ยกับหลานเสี่ยวถางที่อยู่ทางด้านข้าง
“ไม่เป็นไรค่ะ” หลานเสี่ยวถางตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น จู่ ๆ ก็เดินก้าวไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว แล้วเหยียบเข้ากับรองเท้าผู้ชายทางด้านหน้าทันที
“ไอหย๋า!” หลานเสี่ยวถางแทบจะกลัวว่าจะเหยียบคนอื่นจะได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว จึงรีบยกเท้ากลับมาทันที แต่ทว่า เป็นเพราะว่าการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วเป็นอย่างมาก ไม่ทันได้ระวังจึงข้อเท้าแพลง ทันใดนั้นเอง จึงร้องอย่างเจ็บปวดออกมาครั้งหนึ่ง
ทางด้านข้าง หันจื่ออี้รีบเข้าไปพยุงเธอในทันที “เสี่ยวถาง เป็นอะไรไหมครับ?”
ในกระบวนการทั้งหมดนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตอนที่สือเพ่ยหลินเดินเข้ามาหาแล้ว หลานเสี่ยวถางก็แสดงละครเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สือเพ่ยหลินรู้สึกเพียงแค่ว่าภายในหัวใจราวกับมีแพะมีลาวิ่งอยู่กันอย่างบ้าคลั่ง หงุดหงิดจนเผยออกมาให้เห็นผ่านทางสีหน้า เขาสบตามองหันจื่ออี้อยู่ครู่หนึ่ง สายตาของทั้งสองคนปะทะเข้าหากันผ่านทางอากาศ ราวกับกำลังห้ำหั่นกัน
ไม่เพียงเท่านี้ สือเพ่ยหลินก็เป็นคนที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นแล้ว สุดท้ายแล้วจึงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหร่วนฉีแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วผมก็ขอเชิญคู่หูของผมเมื่อครู่นี้แล้วกันนะครับ คุณหร่วนครับ ขอเชิญให้คุณมาเต้นคู่ผมหน่อยแล้วกันนะครับ!”
หร่วนฉีพลันชะงักนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนั้นจึงเดินตามสือเพ่ยหลินไปแล้ว
อีกทั้งสือมูเฉินที่พึงเดินเข้ามาเห็นละครเมื่อครู่นี้เข้าพอดี ริมฝีปากจึงกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
คืนวันนั้น หลานเสี่ยวถางข้อเท้าพลิก ย่อมไม่สามารถที่จะเต้นรำได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงแทบจะนั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่ทางด้านข้างอยู่ตลอด แล้วมองดูคนอื่นที่กำลังสนุกสนานอยู่กันอย่างสุดเหวี่ยง