ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 55 มีเด็กให้ผมสักคนหนึ่งสิครับ
เฉินจื่อโร่วนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ สือเพ่ยหลินจะตอบรับปากอย่างรวดเร็วแบบนี้ เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหยิบที่ตรวจครรภ์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
ในส่วนของที่ตรวจครรภ์นั้น เธอใช้ไปหลายต่อหลายครั้งตั้งนานแล้วล่ะ ดังนั้น เธอจึงเริ่มตรวจราวกับเป็นรถที่กำลังขับอยู่บนถนนที่คุ้นเคย หลังจากนั้น นัยน์ตาตื่นตระหนกก็จับจ้องอยู่ที่ผลที่จะแสดงขึ้นมาอยู่ทางด้านบนเขม็ง
เห็นเพียงแค่ของเหลวที่ไหลขึ้นไปด้านบนของเขตแสดงผลบนที่ตรวจครรภ์เท่านั้น หลังจากนั้น เส้นสีแดงเส้นแรกก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ตามต่อมาด้วย ของเหลวที่เริ่มขึ้นไปทางด้านบนอย่างต่อเนื่อง เธอรู้สึกราวกับว่าลมหายใจจะหยุดอยู่แล้ว
เส้นสีแดงเส้นที่สองปรากฏขึ้นแล้ว! มีสองเส้น!
เฉินจื่อโร่วไม่รู้ว่าควรจะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้อย่างไรดี เธอสบตามองเส้นสีแดงสองขีดสองเส้นนั้นอย่างละเอียดลออ หลังจากนั้น ราวกับว่าไม่อาจวางใจได้เลยก็ไม่ปาน ก่อนจะกลับขึ้นไปอ่านดูคู่มือทางด้านบนอีกครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง เธอปีติจนแทบจะน้ำตาไหลอยู่แล้ว!
เธอตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วจริง ๆ! เธอสามารถแต่งเข้าสู่ตระกูลร่ำรวยได้แล้ว!
เฉินจื่อโร่วหยิบที่ตรวจครรภ์ที่แสดงผลออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะพุ่งตัวออกไปทางด้านนอก แต่ทว่าในตอนที่เปิดประตูห้องน้ำออกไปนั้นเอง จู่ ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างก็แข็งและแปรเปลี่ยนเป็นท่อนไม้
ราวกับว่ามีน้ำถอดหนึ่งสาดเข้ามาอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ตีขึ้นมาจากปลายเท้า ที่ตีขึ้นมาเรื่อย ๆ ไม่หยุด
เธอจะลืมไปได้อย่างไรกันล่ะ ในช่วงเวลานี้ เธอกับชุยซื่อฮว๋าก็ทำไปด้วยกันตั้งกี่ครั้ง อีกอย่าง ในครั้งแรกก็ทำในช่วงที่เธอตกไข่เสียด้วย วันนั้นเธอเมา เขาก็ไม่ได้สวมใส่ถุงยางอนามัย หลังจากเสร็จกิจแล้ว เธอเองก็ลืมทานยาด้วย!
ดังนั้นแล้ว เด็กคนนี้เป็นลูกของใครกันนะ?
ตามหลักการแล้ว เธอและสือเพ่ยหลินก็ทำกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่ทว่า เป็นเพราะว่าเดือนก่อนหน้านั้นที่ทำกับสือเพ่ยหลินไปมากมายขนาดนั้นแล้วเธอก็ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ ดังนั้นแล้ว เธอจึงไร้หนทางที่จะแน่ใจเลยจริง ๆ
ถ้าอย่างนั้นแล้ว ถ้าหากเด็กในท้องของเธอเป็นลูกของชุยซื่อฮว๋าแล้วล่ะก็ เธออุ้มท้องลูกของคนอื่นแล้วแต่งงานกับสือเพ่ยหลิน หากในอนาคตเด็กคลอดออกมาแล้วถูกตรวจว่าไม่ใช่ลูกของเขา เขาจะเอาเธอถึงตายไหมนะ……
ร่างทั้งร่างของเฉินจื่อโร่วสั่นเทาเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ ความคิดความอ่านทั้งหมดสับสนงุ่นง่าน
ในระหว่างที่กำลังกระวนกระวายใจอยู่นั้นเอง จู่ ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าสือเพ่ยหลินไม่ได้นึกถึงเลยว่าเฉินจื่อโร่วเองจะยืนอยู่ทางด้านหลังของประตู ดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะชะงักนิ่งไปอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเห็นท่าทางทั้งร่างของเธอที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ผมตรวจออกมาหรือยังน่ะ?”
เฉินจื่อโร่วอยากจะเอ่ยว่ายังค่ะ แต่ทว่า ความคิดอันตรายก็ตีขึ้นมาจากหัวใจทันที เธอรีบพยักหน้า ก่อนจะชูที่ตรวจครรภ์ขึ้น “ผลตรวจออกมาแล้วค่ะ”
สือเพ่ยหลินไม่เห็นท่าทีดีอกดีใจจนเนื้อเต้นของเธอเลย เดิมที่สัญชาตญาณรับรู้ว่าไม่มีอะไร หัวใจของเขาจึงรู้สึกผ่อนคลายอย่างพูดไม่ออก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลงไปเป็นอย่างมากว่า “โร่วโร่ว ไม่ได้ตั้งครรภ์ก็ไม่ต้องรีบร้อนอะไรหรอกนะ พวกเรายังหนุ่มยังสาวกันอยู่เลยนี่นา พึ่งจะอยู่ด้วยกันเพียงแค่สองเดือนกว่าเท่านั้นเอง หลังจากนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไปเถอะนะ”
เฉินจื่อโร่วเห็นท่าทีที่กลับเป็นไปอบอุ่นใส่ใจอย่างในตอนแรก หัวใจจึงเต้นรัว ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ใช่นะคะ พี่เพ่ยหลินคะ ฉันตั้งครรภ์แล้วค่ะ”
สือเพ่ยหลินรู้สึกเพียงแค่ว่าราวกับว่ามีหมั่นโถวลูกใหญ่ลูกหนึ่งติดค้างอยู่ที่บริเวณลำคอ ปฏิกิริยาของเขาเชื่องช้าไปอยู่สองสามวินาที ถึงจะเอ่ยขึ้นมาว่า “อะไรนะ? เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“สามีคะ ฉันตั้งครรภ์แล้ว” เฉินจื่อโร่วแปรเปลี่ยนคำสรรพนามเรียกไปเรียบร้อยแล้ว เธอคล้องเข้าที่ต้นแขนของสือเพ่ยหลินเอาไว้ ก่อนจะนำที่ตรวจครรภ์และคู่มือการใช้งานยัดเข้าใส่มือของเขา “พี่ดูสิคะ เส้นสีแดงสองขีด พวกเรามีเบบี๋แล้วนะคะ”
สือเพ่ยหลินรู้สึกว่าภายในหัวใจตอนนี้ราวกับว่ามีแพะมีลาวิ่งวนไปมากันอย่างบ้าคลั่งอยู่ครู่หนึ่งเลยทีเดียว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความที่ยังคงไม่อาจจะเชื่อถือได้เลยว่า “โร่วโร่วเธอบอกว่าเธอตั้งครรภ์แล้วจริง ๆ น่ะหรือ?”
“ใช่สิคะ ที่ตรวจครรภ์บอกเอาไว้ไม่ผิดแน่ ๆ สามีคะ ถ้าหากว่าพี่ไม่เชื่อล่ะก็ พรุ่งนี้เรากลับเข้าตัวเมืองกันแล้วไปเจาะเลือดตรวจกันที่โรงพยาบาลอีกทีหนึ่งก็ได้นะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะตรงมากขึ้นอีกค่ะ!”
สือเพ่ยหลินราวกับว่ายังคงอยากจะคว้าจับหุ่นไล่กาตัวสุดท้ายเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นแล้วเมื่อครู่นี้ทำไมถึงไม่ดีใจเลยล่ะ?”
หัวใจของเฉินจื่อโร่วเต้นตึกตักในทันที หรือว่าเขากำลังสงสัยอะไรกันอยู่นะ?
ไม่หรอก เขาควรที่จะไม่รู้อะไรเลยถึงจะถูก ที่บาร์นั่นเป็นบาร์ของเพื่อนชุยซื่อฮว๋า ไม่มีคนไปบอกสือเพ่ยหลินแน่ เธอเคยถูกคนพากลับไปจากที่นั่นด้วยซ้ำ
ดังนั้นแล้ว เฉินจื่อโร่วจึงสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง สีหน้าบนใบหน้าล้วนแล้วแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข “เมื่อครู่นี้เขาถูกเรื่องกะทันหันนี้ทำให้ตกตะลึงไปน่ะค่ะ ตอนนี้ฉันดีใจมากเลย! สามีคะ พวกเรากลับจากโรงพยาบาลแล้ว ก็จะแต่งงานกัน ดีไหมคะ?”
สือเพ่ยหลินรู้สึกเพียงแค่ว่าถูกความรู้สึกสับสนงุนงงทำให้สมองทั้งสมองขาวโพลนไปหมดแล้ว เขาพยักหน้าหงึกหงัก “อืม รอให้ไปโรงพยาบาลแล้วได้รับผลตรวจมาก่อนแล้วค่อยว่ากันนะ”
เฉินจื่อโร่วเห็นเขาไม่มีท่าทีต่อต้าน หัวใจก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “เมื่อครู่นี้พี่ออกแรงไปมากขนาดนั้น โชคดีที่ค้นพบเร็ว ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วละก็เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเบบี๋จริง ๆ เลยค่ะ…….”
เมื่อสือเพ่ยหลินได้ยินคำว่า ‘เบบี๋’ สองพยางค์นั่นแล้วนั้น คิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากันแน่น เขาดึงแขนของตนเองออกมาจากมือของเฉินจื่อโร่ว แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นี้ทำไปได้ถึงแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้อารมณ์ยังไม่ลดลงเลย ฉันจะไปว่ายน้ำที่สร้างน้ำชั้นบนของคฤหาสน์เสียหน่อยแล้วกัน”
เมื่อเฉินจื่อโร่วได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เกรงว่าความปรารถนาของเขาจะไม่สมใจจนทำให้แปรเปลี่ยนความตั้งใจไป ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็วว่า “สามีคะ ทำไมพี่ถึงลืมฉันไปละคะ ตอนนี้ถึงแม้ว่าร่างกายของฉันจะไม่อนุญาต แต่ทว่าฉันสามารถใช้มือหรือว่าใช้ปากก็ได้นะคะ!”
เมื่อสือเพ่ยหลินได้ยินคำพูดของเฉินจื่อโร่วแล้ว นัยน์ตาสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้าก็ยังถือว่าพอใช้ได้อยู่ อย่างน้อย ๆ ก็ยังเชื่อฟังอยู่ อีกทั้งยังรู้ว่าเขาต้องการอะไรอีกด้วย
ถ้าหากเขาแต่งงานกับเธอ คงจะไม่เหมือนกับหลานเสี่ยวถางที่หมดความน่าสนใจแบบนั้นหรอกใช่ไหมนะ?
อีกอย่าง ถ้าหากเขากับจินเยว่ฉีแต่งงานเพื่อเชื่อความสัมพันธ์กันแล้ว ถึงแม้ว่าจินเยว่ฉีจะหน้าตาสะสวย แต่ทว่าตระกูลจินในหนิงเฉิงก็ไม่ได้มีฐานะต่ำต้อย จินเยว่ฉีสามารถเชื่อฟังขนาดนี้ได้ไหมนะ ก็ไม่อาจจะบอกได้อย่างชัดเจนแล้ว เขายังคงต้องการตามหาหญิงสาวที่สามารถเชื่อฟังและควบคุมได้อยู่
เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้แล้ว เขาก้มศีรษะลงไปประกบจูบเข้าที่ริมฝีปากของเฉินจื่อโร่วอย่างอ่อนโยน เนิ่นนาน ก่อนจะผละออกจากเธอ “ได้”
นัยน์ตาของเฉินจื่อโร่วเป็นประกายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเตรียมตัวเพื่อบริการให้ครบทุกด้าน
“ไปที่สระว่ายน้ำที่ดาดฟ้า” สือเพ่ยหลินพูดไป ก่อนจะเดินนำขึ้นไปก่อน
ในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางกำลังอยู่ที่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์หมายเลข 102 และเรียนว่ายน้ำตามท่าฟรีสไตล์กับสือมูเฉินอยู่
เดิมทีเธอสามารถว่ายน้ำได้แค่ท่ากบและท่ากรรเชียงเท่านั้น ท่วงท่าในการว่ายฟรีสไตล์จึงไม่ค่อยถูกต้องเท่าใดนักมาโดยตลอด ดังนั้น จึงถือโอกาสในวันนี้ แล้วขอให้สือมูเฉินช่วยสอนเลยเสียหน่อย
“เสี่ยวถางครับ ท่านี้ของคุณไม่ใช่ท่าฟรีสไตล์หรอกนะครับ แต่เป็นท่าน้องหมาว่ายน้ำต่างหาก” สือมูเฉินช่วยหลานเสี่ยวถางแปรเปลี่ยนเป็นท่วงท่าที่ถูกต้องไปพลาง ก่อนจะว่ายน้ำทางด้านข้างไปพลางพร้อม ๆ กับสาธิตให้ดูด้วย “เห็นหรือยังครับ แขนควรจะเป็นแบบนี้นะครับ……”
“ค่ะ ฉันจะลองอีกครั้งหนึ่ง” หลานเสี่ยวถางมองท่าทางการเคลื่อนไหวของสือมูเฉิน ในที่สุดแล้วท่วงท่าในลักษณะการเคลื่อนไหวของแขนก็มีส่วนคล้ายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แต่ทว่า ขาก็ยังคงไม่ถูกต้องอยู่ดี
เมื่อสือมูเฉินเห็นดังนั้นแล้ว จึงส่ายศีรษะไปมา “เสี่ยวถางครับ คุณไปแกะที่ขอบด้านข้างเถอะครับ พวกเราจะเรียนการเคลื่อนไหวของขากันใหม่อีกครั้งเสียหน่อย”
ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ ก็ได้ยินเสียงสนทนาจากทางฝั่งคฤหาสน์หมายเลข 101 ดังลอยขึ้นมา
ตอนนี้แสงจันทร์สว่างกว่าก่อนหน้านี้ขึ้นมาอยู่เล็กน้อย หลานเสี่ยวถางแกะอยู่ตรงขอบสระว่ายน้ำ พลางสบตามองเห็นเงาเลือนรางของทั้งสองคนนั้น
พวกเขาแทบจะไม่ได้ค้นพบพวกเธอเลย อีกอย่างก็เริ่มกอดกันกลมเสียเรียบร้อยแล้ว
หลานเสี่ยวถางหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินอย่างหมดคำจะเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าไม่ว่าพวกเราจะอยู่ที่ไหนก็สามารถพบเจอพวกเขาได้ตลอดเลยนะคะ”
จู่ ๆ สือมูเฉินก็เอ่ยขึ้นมาด้วยความสนุกสนานเล็กน้อยว่า “เสี่ยวถาง คุณคิดว่าเฉินจื่อโร่วจะสามารถตบแต่งเข้าตระกูลสือได้ไหมครับ?”
หลานเสี่ยวถางคิดวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง “ก็คงจะได้ละมั้งคะ”
ในตอนแรก เธอกลับยังคงจำได้ว่าเพื่อที่จะหย่าแล้วสือเพ่ยหลินคนนั้น เขาปฏิบัติต่อเธออย่างไร ทั้งยังปฏิบัติอย่างปกป้องเฉินจื่อโร่วอย่างไรได้ดี
ในช่วงเวลาที่แปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้เอง เธอแทบจะเริ่มเชื่อขึ้นมาแล้วจริง ๆ ว่าสือเพ่ยหลินกับเฉินจื่อโร่วนั้นคือรักแท้
หลานเสี่ยวถางหัวเราะออกมาอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม เรื่องของการแก้แค้น ก็จะไม่แปรเปลี่ยนไปอย่างเด็ดขาดค่ะ”
สือมูเฉินว่ายน้ำเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ก้านนิ้วเรียวเกี่ยวรั้งเส้นผมของเธอขึ้นมา “เสี่ยวถางครับ คุณจะต้องทำมันได้อย่างสำเร็จแน่ ๆ ครับ” เขาเลิกคิ้วขึ้น “แต่ว่านะ ตอนนี้พวกเรามาพนันกันดีกว่าครับ”
“พนันอะไรคะ?” หลานเสี่ยวถางเอ่ยถามขึ้น
“ผมรู้สึกว่าเฉินจื่อโร่วไม่สามารถแต่งเข้าตระกูลสือได้ครับ” สือมูเฉินเอ่ย “ภายในหนึ่งปี”
“เอาสิคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาพนันกันหน่อยแล้วกัน” หลานเสี่ยวถางเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นแล้วทายถูกจะได้รางวัลอะไรหรือคะ?”
หลังจากที่สือมูเฉินได้ยินคำว่า ‘รางวัล’ สองพยางค์นั้นแล้ว ข้อตกลงกลับสะท้อนออกมาจากนัยน์ตาสุขุมนุ่มลึกนั้นทันที
เขาเข้าไปใกล้กับริมฝีปากของหลานเสี่ยวถาง ในตอนที่เอ่ยพูดขึ้นมานั้น ริมฝีปากบางเฉียดริมฝีปากของเธอไปมา “คุณอยากได้รางวัลอะไรครับ? ไม่อย่างนั้น หลังจากหนึ่งปี ถ้าหากว่าผมถูก คุณก็มีเด็กให้ผมสักคนหนึ่งสิครับ เป็นไง?”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางตกตะลึงในทันที ก่อนจะคิดต่อว่า หลังจากหนึ่งปีแล้ว พวกเขาก็คงเข้ากันได้พอสมควรแล้ว แทบจะถือว่าการตั้งครรภ์ก็เป็นเรื่องปกติแล้วใช่ไหมนะ? ดังนั้นแล้ว เธอพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นแล้วหากฉันชนะละคะ?” หลานเสี่ยวถางเอ่ยถาม
สือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วผมก็จะช่วยให้คุณมีเด็กสักคนหนึ่งเองครับ”
นี่——
หลานเสี่ยวถางไม่ยอม “พูดไปพูดมาทั้งหมดก็คือมีแค่ความหมายเดียวไม่ใช่หรือไงคะ? เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าคุณต้องการให้ฉันตั้ง——”
ประโยคของเธอยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบ ริมฝีปากก็ถูกสือมูเฉินปิดเข้าให้แล้ว
เขากดเธอลงกับขอบสระ แผ่นอกกักกันทางหนีทีไล่ของเธอทั้งหมด ก่อนจะประกบจูบลงไปอย่างลึกซึ้งมากขึ้น
เป็นเพราะว่าแนบชิดกันมาก หลานเสี่ยวถางจึงรู้สึกได้อย่างชัดเจน ร่างกายของสือมูเฉินเริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธออดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ ทำไมเขาดูเหมือนว่าจะกินไม่อิ่มไปตลอดกาลแบบนี้กันนะ?
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงจากทางฝั่งของสือเพ่ยหลินฝั่งนั้นดังลอยเข้ามา หลานเสี่ยวถางคิดไม่ถึงเลย ว่าจู่ ๆ เฉินจื่อโร่วจะร้องออกมาเสียงดังราวกับว่าด้านข้างไม่มีคนเลยแบบนี้
ผ่านท้องฟ้าอันมืดมิดและระยะห่าง เธอมองเห็นร่างของทั้งสองคนทับซ้อนกันอยู่ แต่ทว่า แทบจะไม่ใช่ท่วงท่าในการว่ายน้ำแบบปกติเลยเสียด้วยซ้ำ
เป็นในตอนนั้นเอง หลานเสี่ยวถางรู้สึกเพียงแค่ว่าที่ด้านข้างของใบหูรู้สึกจับจี๊ดขึ้นมาครั้งหนึ่ง เธอจึงส่งเสียง ‘อ๊ะ’ ออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะได้ยินน้ำเสียงแหบพร่าของสือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาว่า “เวลาร่วมรักกันต้องใส่ใจนะครับ”
หลานเสี่ยวถางได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วในทันที ก่อนจะค้นพบว่า ชุดว่ายน้ำทางด้านล่างของตนเองไม่รู้ว่าถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่เรียบร้อยแล้ว
สมองของเธอราวกับว่ามีเสียงวิ้ง ๆ ดังขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะสบตามองสือมูเฉินด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยโทสะ “พวกเรายังอยู่ในสระน้ำอยู่เลยนะคะ”
“พอดีเลย จะได้ทดลองความรู้สึกตรงนี้ด้วยพอดีเลยครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นไปพลาง แล้วก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าท่อนบนของหลานเสี่ยวถางไปพลาง หลังจากนั้นจึงหลุบตามองต่ำแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ช่วยถอดกางเกงให้ผมหน่อยสิครับ หลังจากนั้นก็ใส่มันเข้าไปด้วยนะ”
หลานเสี่ยวถางหลุบตามองต่ำ จากในมุมมองของเธอแล้ว จึงสามารถมองเห็นได้เพียงแค่แผ่นอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องของสือมูเฉินเท่านั้น
หัวใจของเธอเต้นระรัวขึ้น เมื่อช้อนสายตาขึ้นไป เขามีวิธีการจัดการควบคุมเธอ ดังนั้นจึงทำได้เพียงขบเม้มริมฝีปาก ย่อตัวลงไป แล้วช่วยเขาถอดกางเกงว่ายน้ำออก
เธอพึ่งจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาไปเมื่อครู่นี้นี่เอง เมื่อช้อนสายตาขึ้นไปมอง ก็พบกับความเป็นชายของเขาที่ตั้งตัวขึ้นตรง หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าเลือดในกายจะพรั่งพรูออกมา ก่อนจะรีบเบนสายตาหนีทันที
“ยังเขินอายอีกหรือไงครับ?” สือมูเฉินค่อย ๆ จับใบหน้าของหลานเสี่ยวถางให้กันกลับมา เขาคว้าจับเข้าที่มือของเธอ ก่อนจะให้เธอสัมผัสเข้ากับความแข็งขืนของเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “เด็กดีครับ ใส่มันเข้าไปสิครับ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุที่พวกเขาอยู่ในน้ำด้วยหรือเปล่า หลานเสี่ยวถางจึงรู้สึกว่าสิ่งนั้นมันแปรเปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่มากกว่าเดิมแล้ว หัวใจของเธอเต้นระรัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลมหายใจเข้าออกเร็วขึ้น คิดอยากที่จะหลบหนีไป แต่ทว่ากลับถูกเขาบีบจนแน่นไปหมดแล้ว
สือมูเฉินเห็นเธอไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ก่อนจะหรี่ตาลง “เสี่ยวถางครับ คุณอยากจะได้อีกท่างั้นหรือครับ?”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้บินประโยคของเขา พลันหวนนึกถึงท่าภูเขาเทียมเมื่อก่อนขึ้นมาได้ในทันที ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่เอาค่ะ!”
หลังจากนั้น ทันใดนั้นเองก็สอดใส่มันเข้าไปข้างในทันที
สือมูเฉินส่งเสียงคำรามออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะกดหลานเสี่ยวถางลงเข้ากับกำแพงขอบสระ และในตอนนั้นเอง ราวกับว่าเสียงสือเพ่ยหลินทางฝั่งนั้นก็เข้าใกล้เข้ามาเรียบร้อยแล้ว ตามต่อมาด้วยเสียงคำรามที่ออกมาจากในลำคอของฝ่ายชาย ในที่สุดทั้งสองคนก็เสร็จสม เมื่อพักผ่อนกันอยู่ครู่หนึ่งแล้ว หลังจากนั้นก็จากไปจากสระว่ายน้ำไป
หลานเสี่ยวถางพึ่งจะผ่อนลมหายใจออกมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค้นพบว่าจู่ ๆ แสงจันทร์ก็สว่างมากขึ้นกว่าเดิม ตามต่อมาด้วย เสียงน้ำจากทางฝั่งของคฤหาสน์หมายเลข 103
เธออดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาลอดผ่านมองข้ามหัวไหล่ของสือมูเฉินไป ก่อนจะมองเห็นหันจื่ออี้ที่เดินเข้ามาแล้ว!