ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 56 คุณสามี เรี่ยวแรงดี
ตอนนี้ พระจันทร์ส่งแสงสว่างไสวออกมามากมายขนาดนี้แล้ว เธอกับสือมูเฉินอยู่ในสระว่ายน้ำ หันจื่ออี้เห็นหมดแล้วหรือเปล่านะ?!
หลานเสี่ยวถางตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะรีบร้อนคล้องแขนขึ้นโอบรอบลำคอของสือมูเฉินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “มูเฉินคะ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วพวกเราลงไปที่ชั้นล่างกันเถอะค่ะ คนอื่น คนอื่นจะเห็นเอาได้นะคะ!”
“คุณไม่กังวลสือเพ่ยหลิน แต่กลับมากังวลหันจื่ออี้เนี่ยนะครับ?” สือมูเฉินหรี่ตาลง นัยน์ตาฉายประกายอ่อนไหว และคาดเดาออกมา
“ไม่ใช่นะคะ……” หลานเสี่ยวถางรีบอธิบายต่อว่า “เมื่อครู่นี้สือเพ่ยหลินพึ่งจะเข้าไปด้านใน ดังนั้นจึงไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ทว่าตอนนี้หันจื่ออี้กำลังว่ายน้ำอยู่ เขาอาจจะจับสังเกตเอาได้นะคะ……”
ราวกับว่าสือมูเฉินครุ่นคิดไปอย่างหนักอยู่ครู่หนึ่ง “ผมก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นภรรยาของผมเหมือนกันหรอกนะ ดังนั้น……”
“ดังนั้นพวกเราจะลงไปที่ชั้นล่างกันใช่ไหมคะ?” หัวใจของหลานเสี่ยวถางเบาหวิวขึ้นมาทันที
“เราจะว่ายน้ำกัน” สือมูเฉินกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้แน่น “อย่าหายใจล่ะ”
พูดไป จู่ ๆ เขาก็ประกบริมฝีปากจูบเธอ หลังจากนั้น จึงกดแรงดำดิ่งลงไปด้านล่าง โอบกอดหลานเสี่ยวถางเอาไว้แล้วพุ่งตัวลึกลงไป
ในช่วงเวลานั้นเอง ก็ถูกพามายังใต้น้ำแล้ว ถึงแม้ว่าหลานเสี่ยวถางจะเตรียมตัวมาอยู่ก่อนแล้ว แต่ทว่า กลับไม่ได้คำนึกถึงเลยว่าที่สือมูเฉินพูดถึงการว่ายน้ำนั้นมันจะเป็น……
เขาดึงเธอแล้วว่ายน้ำแทน แผ่นหลังของเธอแทบจะสัมผัสกับพื้นสระด้านล่างอยู่แล้ว เขาออกแรงอย่างบ้าคลั่ง นำส่วนแข็งขืนของเขาส่งเข้าไปในร่างกายส่วนลึกของเธอทันที
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าตนเองใกล้จะระเบิดอยู่แล้ว ดวงตาของเธอเบิกเป็นวงกว้าง อยากที่จะเอ่ยอะไรออกมา แต่ทว่าอยู่ใต้น้ำแบบนี้ จึงทำได้เพียงแค่กลั้นหายใจเอาไว้อย่างสุดพลัง รับรู้ถึงสือมูเฉินที่กำลังสาวตัวเข้าออกในร่างกายของเธอ
ตามต่อมาด้วยอากาศที่คายออกมาไม่หยุด อากาศภายในปอดของหลานเสี่ยวถางก็ยิ่งน้อยลงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธออยากที่จะหายใจ แต่ทว่าทั้งสองคนก็ยังคงอยู่ใต้น้ำ สือมูเฉินดึงเธอเข้ามากกกอดเอาไว้แน่น ระยะห่างของทั้งสองคนลดน้อยลง เธอสูดอากาศเข้าไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ในช่วงเวลาคับขันนี้เอง จู่ ๆ เขาก็ประกบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเธอ หลังจากนั้น ก็มีอากาศเข้าไปด้านใน ช่วยผ่อนแรงที่บริเวณปอดให้ ร่างกายของเธอคลายตัวลง แต่ทว่ากลับถูกความรู้สึกคันยุบยิบบางอย่างในร่างกายรังแก รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างทั้งร่างหลอมรวมกับน้ำโดยรอบเข้าด้วยกันไปแล้ว มีเพียงอุณหภูมิของความร้อนรุ่มนั่นในร่างกายเท่านั้น ที่ยิ่งล้ำลึกมากขึ้น
สือมูเฉินรู้สึกได้ว่าหลานเสี่ยวถางทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาสวมกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะออกแรงถีบ แล้วขึ้นไปบนผิวน้ำ
เมื่อได้รับสัมผัสเข้ากับอากาศบริสุทธิ์สดใหม่ หลานเสี่ยวถางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ตามสัญชาตญาณโดยทันที
แต่ทว่า หลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็รับรู้ต่อมาอีกว่า ถ้าหากว่าเธอส่งเสียงออกไปมากเกินไปนั้น หากถูกหันจื่ออี้ได้ยินเข้าจะทำอย่างไรดี?
เธอทั้งหงุดหงิดทั้งอับอาย ก่อนจะสบตามองไปยังสือมูเฉินอย่างคาดโทษ
เขาขยับตัวไปพลาง ก่อนจะหายใจหอบแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ชอบข้างบนหรือข้างล่างครับ?”
หลานเสี่ยวถางขบกัดเข้าที่ริมฝีปาก “ไม่เลือกสักอันเลยจะได้ไหมคะ?”
สือมูเฉินสบตามองเธออย่างมีเลศนัย “ผู้หญิงในตอนที่กำลังใกล้ชิดกัน ไม่เอาก็คือเอานั่นแหละครับ ดังนั้นแล้วก็อยากที่จะลองทั้งสองอย่างอีกรอบหนึ่งอย่างนั้นใช่ไหมครับ?”
พูดไป เขาก็สวมกอดเธอเอาไว้แน่น ก่อนที่การกระทำจะแปรเปลี่ยนไปเป็นเร่าร้อนขึ้นมาทันที
หลานเสี่ยวถางควบคุมน้ำเสียงของตนเองที่ออกมาไม่อยู่แล้ว ภายในหัวใจของเธอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา ร่างทั้งร่างกลับอ่อนไหวเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าตนเองใกล้จะควบคุมเสียงครางออกมาไม่ไหวแล้ว อีกอย่างในตอนนี้นั้น หันจื่ออี้ก็ลุกขึ้นยืนในสระว่ายน้ำเรียบร้อยแล้ว และกำลังหันมามองที่พวกเขาอยู่ด้วย!
“มูเฉินคะ เขา จะเห็นเอาได้นะคะ พวกเรา——” น้ำเสียงของหลานเสี่ยวถางกดต่ำลงและขาด ๆ หาย ๆ ไปบางช่วง
“อย่างลืมสิครับ พวกเราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนะครับ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะกดหลานเสี่ยวถางเข้ากับกำแพงของสระ
เธอถูกแรงกระแทกเข้าจนทำให้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาครั้งหนึ่ง
ในตอนนั้นเอง ราวกับว่าหันจื่ออี้ได้ยินอะไรบางอย่างเข้า การกระทำที่เดิมทีกำลังเสยผมขึ้นจากน้ำหยุดลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบหันไปมองยังที่พักของหลานเสี่ยวถางอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางร้องออกมานั้นเอง จู่ ๆ สือมูเฉินก็ประกบริมฝีปากลงไปบนริมฝีปากของเธอ ตามต่อด้วย ดึงเธอให้ตามมา ทั้งสองคนจึงลงสู่ใต้น้ำอีกครั้ง
นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหันจื่ออี้ มองไปทางสระน้ำเบอร์ 102 เขาสงสัยระคนขมวดคิ้วเอาไว้แน่น
เมื่อครู่นี้เขาหูฝาดไปอย่างนั้นหรอกหรือ? หรือว่าจะเป็นเพราะว่าคิดถึงเธอมากเกินไปแล้วกันนะ? ถึงกระทั่งได้ยินเสียงของหลานเสี่ยวถางเลย
แต่ทว่า เขาก็เข้าใจ เมื่อครู่นี้ตอนกลางดึกหลานเสี่ยวถางไปหาสือมูเฉินที่นั่น จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ!
ถึงแม้ว่าจะเป็นชายหนึ่งคนหญิงหนึ่งคนก็ตามที อยู่ด้วยกันกลางดึกแบบนี้ก็คงจะต้องเกิดเรื่องอย่างว่าแน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว พวกเขาก็แต่งงานกันแล้วด้วย!
เมื่อหันจื่ออี้คิดมาจนถึงตอนนี้แล้ว รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจของเขาถูกมดราวหมื่นตัวรุมกันก็ไม่ปาน เขาทรมานจนถึงขีดสุด
เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างแรงอีกสองสามครับ หลังจากนั้น ก็ล้มตัวลงไปใต้น้ำอีกครั้งหนึ่งในทันที เขาคิด รอให้เขาเหนื่อยจนหมดแรงแล้ว ตอนกลางคืนก็คงจะไม่สามารถนอนไม่หลับได้อีกแล้วหรอกนะ?
หลานเสี่ยวถางถูกสือมูเฉินพลิกตัวไปมาอยู่ในน้ำไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เมื่อดำเนินมาจนถึงตอนหลังแล้ว ตัวเธอเองก็รับรู้กับความรู้สึกนี้ได้ รู้สึกเพียงแค่ว่าใต้น้ำแทบจะรุนแรงมากกว่าด้านนอกอีก ร่างทั้งร่างเร่าร้อนราวกับกำลังเกิดสงครามอยู่ก็ไม่ปาน
สุดท้ายแล้ว เขาสัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของเธอ การเคลื่อนไหวก็ยิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งสองคนถึงจุดสุดยอดอยู่ภายใต้น้ำพร้อมกัน
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางถูกสือมูเฉินอุ้มออกมาแล้ว ร่างทั้งร่างไร้เรี่ยวแรง แม้กระทั่งนิ้วก็แทบจะขยับไม่ได้แล้ว
เขาสบตามองเธอ นัยน์ตาฉายประกายอ่อนโยนออกมาให้ได้เห็น “เสี่ยวถางครับ ผมรู้สึกดีมากเลย เสียวมาก ขอบคุณนะครับ”
พูดไป ภายใต้แสงจันทร์ สือมูเฉินก้มศีรษะลงไปประกบริมฝีปากบนริมฝีปากของเธออยู่ครู่หนึ่ง เคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยน ราวกับแมลงปอที่หยุดตัวลงบนใบบัว
ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวดี เป็นเพราะว่าหลานเสี่ยวถางถูกการจูบแบบนี้สัมผัสเข้าให้ หัวใจจึงเต้นแรงขึ้นมาครั้งหนึ่งทันที
เธอสบตามองแสงจันทร์ที่ส่องประกายอยู่ภายในดวงตาของสือมูเฉิน รู้สึกราวกับว่าภายในหัวใจมีฝนตกลงมาก็ไม่ปาน พื้นที่เดิมทีที่แห้งแล้งกลับได้รับความชุ่มชื้น แม้แต่ดินที่แตกร้าวกับรู้สึกดีขึ้นมาอยู่มาโขเลยทีเดียว
สือมูเฉินอุ้มเธอเข้าไปอาบน้ำต่อในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็ช่วยเป่าผมให้เธอจนแห้ง หลังจากนั้น จึงส่งตัวเธอเข้าไปในใต้ผ้าห่ม “นอนนะครับ พรุ่งนี้เช้าจะไม่ปลุก ให้คุณตื่นเองเลยก็แล้วกันนะ”
“อื้อ” หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะปิดเปลือกตาลง
สือมูเฉินปิดไปในห้องนอน หลังจากนั้นก็ปิดประตูห้อง แล้วเดินออกไป
เขาเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ดูสถานการณ์ตลาดหุ้นของต่างประเทศอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้น ก็ต่อสายโทรศัพท์หาหยานชิงเจ๋อ
หยานชิงเจ๋อรับสายโทรศัพท์ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อว่า “พี่เฉิน ดึกขนาดนี้แล้วยังโทรศัพท์หาผม ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่ากันอยู่หรือครับ?”
“ทำกันไปแล้ว” มุมปากของสือมูเฉินอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้น
“โอโห น้ำเสียงสดใสมากขนาดนี้ ดูท่าแล้วคงจะพอใจน่าดูเลยสินะครับ?” หยานชิงเจ๋อเอ่ยขึ้นอย่างขบขัน
“อืม ฉันไม่ได้บอกไปแล้วหรือไงกัน ฉันกับพี่สะใภ้ของนายรู้สึกเข้ากันได้เป็นอย่างดีมากทีเดียว” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นมาว่า “วันนี้พบเจอเรื่องไม่คาดฝันนิดหน่อย หันจื่ออี้รู้เรื่องที่ฉันแต่งงานกับเสี่ยวถางแล้ว ดังนั้น ทางฝั่งนายก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยแล้วกัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สงสัยเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับบริษัทก็ตามที แต่ทว่า ฉันไม่เข้าใจคนคนนี้ ดังนั้นเลยกังวลว่าเขาจะส่งเสี่ยวถางเข้า DEEP ไปเพราะว่าฉันด้วยหรือเปล่า เพื่อที่จะได้เข้าไปสืบความเป็นไปข้างใน”
หยานชิงเจ๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม ผมจะระวังตัวครับ แต่ว่านะ ตอนนี้เขาคงจะไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่าง พี่สะใภ้เขาไม่ได้รับผิดชอบโครงการรอบนอกของ DEEP อยู่ไม่ใช่หรือครับ? ผมคิดนะ ใจความที่สำคัญที่สุดเลยก็คือหันจื่ออี้ไม่ให้วิศวกรธรรมดาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอนนะครับ”
สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วยว่า “ฉันก็คิดเอาไว้แบบนี้เหมือนกัน แต่ทว่า ทุกเรื่องจำเป็นที่จะต้องคิดให้ครบทุกด้าน ในเมื่อ พวกเราดำเนินการวางแผนเอาไว้มานานเรียบร้อยแล้ว ยิ่งเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่สามารถลดละและละเลยได้มากเท่านั้น”
“ครับผม พี่เฉินครับ พี่วางใจเถอะครับ ทางฝั่งผมจะคอยจับตาดูเอาไว้อย่างดีเลยครับ” หยานชิงเจ๋อพูดไป ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อออกมาว่า “แต่ว่านะครับผม พี่เฉิน พี่เปลี่ยนไปหรือเปล่าครับเนี่ย?”
สือมูเฉินฉายแววตางุนงง “หมายความว่าอย่างไร?”
หยานชิงเจ๋ออธิบายออกมาว่า “พี่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายมากขนาดนี้ นำเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับพี่สะใภ้ให้หันจื่ออี้ได้รับรู้แล้ว นี่คือการใช้ใจเข้าจัดการหรือเปล่าครับเนี่ย?”
“ใช้ใจเข้าจัดการอย่างนั้นหรือ?” นัยน์ตาของสือมูเฉินเข้มขึ้นอยู่มากโข “ผู้หญิงของฉัน ไม่อนุญาตให้เป็นส่วนแบ่งของผลประโยชน์ของใครหน้าไหนทั้งนั้น นี่เป็นปัญหาของหลักการที่ยึดถือ ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อตอนแรกฉันสามารถเริ่มมาได้จากศูนย์จนมีฐานะและมีทรัพย์สินได้อย่างในตอนนี้ ดังนั้นแล้ว ในอนาคตถึงแม้ว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้มีผลกระทบอะไรตามมาแล้วละก็ ฉันเชื่อว่าก็ยังคงสามารถนำของที่เคยสูญเสียไปให้ชนะกลับคืนมาได้!”
หยานชิงเจ๋อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หลังจากนั้นจึงนิ่งเงียบไปสองวินาที “พี่เฉินครับ ผมถูกคำพูดของพี่ล้างสมองหมดแล้วเนี่ย แต่ว่านะครับ ผมละอย่างรู้มากจริง ๆ พี่หลงรักพี่สะใภ้แล้วใช่ไหมครับเนี่ย?”
“นายคิดว่าอย่างไรละ?” สือมูเฉินถามเขากลับไป
“ก็มีบางช่วงที่ผมรู้สึกนะครับ ไม่ใช่ เป็นเพราะว่าผมรู้จักกับพี่มานานหลายปีแล้ว รับรู้นิสัยและเป้าหมายของพี่” หยานชิงเจ๋อมีท่าทีลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “แต่ทว่าบางทีนะครับ ผมมาคิดไตร่ตรองดูแล้วก็รู้สึกว่ามันใช่……พี่เฉินครับ สุดท้ายแล้วคำตอบคืออะไรกันแน่ครับ?”
“ในเมื่อนายชอบที่จะครุ่นคิดมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็คิดไตร่ตรองต่อไปแล้วกัน” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาว่า “ดึกแล้ว เหนื่อยแล้ว จะนอนแล้ว”
“พี่เฉินครับ อย่างเป็นแบบนี้สิครับ ไม่งั้นผมจะคิดจนบ้าแน่……” หยานชิงเจ๋อร้องโอยครวญออกมาว่า “พี่ไม่เกรงว่าน้องของพี่จะฆ่าตัวตายเพราะเป็นโรคเครียดจากเรื่องนี้หรือไงครับ?”
“ถ้าหากว่าจิตใจอ่อนแอมากขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไปก็เปลืองอากาศเสียเปล่าๆ” มุมปากของสือมูเฉินเผยรอยยิ้มขบขันออกมาครั้งหนึ่ง “มีสติปัญญา ไม่สู้หาแฟนสาวไปสักคนละ จะได้ประหยัดเวลาไม่ต้องมาคิดเรื่องพวกนี้”
“พี่เฉินครับ ตอนนี้กลับมารังแกกันอีกแล้วนะครับ” หยานชิงเจ๋อเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่คอยดูเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นผมจะหาคนที่สวยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกมา ให้พี่กับพี่สีเกอต้องอิจฉาเลยคอยดู!”
“สวยที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลกงั้นหรือ?” สือมูเฉินยักไหล่ขึ้นลง “ผู้หญิงทั้งโลกเป็นแบบนี้กันทั้งหมด ล้างเครื่องสำอางออกมาแล้วฉันก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยอะไรออกมาแล้วละ เอาเถอะ นอนแล้วนะ ขออวยพรให้นายได้ออกเดตกับคนที่สวยที่สุดอย่างมีความสุขแล้วกันนะ!”
พูดไป สือมูเฉินก็วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว ก่อนจะเดินด้วยความเงียบเฉียบแผ่วเบากลับเข้าไปในห้องนอน
ในตอนที่เขาเข้าไปแล้วนั้น ก็ได้ยินเสียงลมหายใจของหลานเสี่ยวถางที่สม่ำเสมอกันแล้ว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าหลับลึกไปได้สักครู่หนึ่งเป็นเรียบร้อยแล้ว
เรี่ยวแรงน้อยมากขนาดนั้นเลยหรือไงนะ? เขาเป็นผู้ชาย เทียบกับการร่วมรักครั้งหนึ่งแล้วก็เหมือนกับการวิ่ง 800 เมตร วันนี้เขาวิ่งไปมากขนาดนั้น ยังไม่หลับเลย เธอที่เป็นแต่ฝ่ายรับเพียงอย่างเดียวกลับเหนื่อยจนหลับไปแบบนี้เนี่ยนะ?
สือมูเฉินส่ายศีรษะไปมา ผู้หญิงเป็นสัตว์ที่อ่อนแอจริง ๆ
หลังจากที่เปิดผ้าห่มที่อยู่ทางด้านข้างของหลานเสี่ยวถางแล้ว สือมูเฉินก็คว้าเธอเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความเคยชินทันที ให้เธอได้นอนหนุนไหล่ของตนเอง
หลานเสี่ยวถางส่งเสียงอื้ออึงออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะขยับตัวตามเข้าไป อีกทั้งยังยกขาข้างหนึ่งไปพาดบนร่างของสือมูเฉินอีกด้วย
เบามากเลย ไม่ได้หนักอะไรเลย อ่อนแอมากจริง ๆ สินะ สือมูเฉินค่อย ๆ หรี่ตาจนหลับลงไป
วันที่สอง ในตอนที่หลานเสี่ยวถางตื่นขึ้นมาแล้วนั้น สือมูเฉินก็ตื่นขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
เธอลืมตาขึ้นมา ก่อนจะรับรู้ได้ถึงแสงอาทิตย์ที่แยงตาเข้ามาจากด้านนอก หนักใจอยู่ครู่หนึ่ง นี่เธอนอนจนถึงกี่โมงแล้วกันนะ?
สือมูเฉินเดินเข้ามา ก่อนจะเห็นหลานเสี่ยวถางที่กำลังลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “อาหารเช้าผมสั่งให้คนนำมาส่งเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณไม่ต้องไปทานอาหารแบบบริการตนเองกับพวกเขาที่โรงแรมหรอก เสื้อผ้าที่คุณต้องการจะเปลี่ยนผมก็นำมาให้แล้วด้วยนะ วันนี้ตอนเที่ยงพักผ่อนตามอัธยาศัยครับ ตกบ่ายพวกคุณจะนั่งรถบัสกลับไปด้วยกัน”
“ขอบคุณค่ะ!” หลานเสี่ยวถางรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับไป แล้วสบตามองที่รอบดวงตาของสือมูเฉิน “มูเฉินคะ ทำไมคุณถึงไม่มีใต้ตาดำคล้ำเลยละคะ?”
สือมูเฉินหลุบตามองเธอ “ตอนเรียนมหาวิทยาลัย ผมเข้าร่วมการวิ่งมารทอน เมื่อวานก็แค่วิ่งเพียงแค่ 1600 เมตรเท่านั้น จะใต้ตาคล้ำได้อย่างไรกันครับ?”
หลานเสี่ยวถางได้ยินทฤษฎีของเขา ครู่หนึ่งถึงมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมา ก่อนจะกุลีกุจอเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน เกรงว่าคนบางคนจะรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาอีก แล้วลากเธอไปออกกำลังกาย 800 เมตรยามเช้าอะไรด้วยอีก วันนี้เธอก็คงไม่ต้องคิดที่จะยืนตัวตรงกันแล้วละนะ……