ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 59 เขาไม่เอาเธอแล้วใช่ไหม
สือเพ่ยหลินดื่มกาแฟในแก้วจนหมดแล้ว หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนกันก่อนเถอะครับ พ่อครับ ทางฝั่งจื่อโร่ว อีกทั้งยังมีทางฝั่งของตระกูลจินอีก พ่อมองว่าอย่างไรบ้างหรือครับ?”
“ทางฝั่งของตระกูลจิน สามารถยืดระยะเวลาออกไปก่อนได้ชั่วคราว” สือมูชิงเอ่ยขึ้นต่อว่า “ผู้หญิงเวลาตั้งครรภ์ช่วงสามเดือนแรกจะไม่ค่อยมั่นคงมากนัก ดังนั้น ทางฝั่งของเฉินจื่อโร่ว แกก็ปล่อยวางเอาไว้ก่อน รอให้เธอมั่นคงก่อนแล้วค่อยคิดไตร่ตรองดูใหม่ว่าจะเลื่อนงานแต่งออกไปหรือเปล่า ฉันยังคงมีคำพูดประโยคเดิมนะ ผู้หญิงแบบนี้ ในเมื่ออยากที่จะตบแต่งเธอเข้ามาจริง ๆ ละก็ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นแกกับเธอรักกันได้ยืนยาวเท่าไหร่หรอกนะ”
“ผมทราบแล้วครับ” สือเพ่ยหลินพยักหน้า ภายในหัวใจมีความคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วันนั้นหลังจากที่ได้พบเจอกันหันจื่ออี้แล้ว หลานเสี่ยวถางก็ไม่ได้พบหน้าของเขาอีกเลย แล้วก็ไม่ได้ติดต่ออะไรเขามาอีกด้วย
ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าร่วมโครงการ DEEP ของบริษัทซอฟต์แวร์ แต่ทว่า ในเมื่อเธอเป็นแค่พนักงานบริษัท เดิมทีก็ไม่มีทางที่จะไปมาหาสู่กับหันจื่ออี้ในที่ทำงานได้หรอก
วันนี้ เมื่อเธอเรียนเกี่ยวกับซอฟต์แวร์เสร็จเรียบร้อยแล้วในช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็สอบขับใบขับขี่ทั้งสี่รายการเรียบร้อยแล้ว พึ่งจะถึงบ้าน ก็ได้รับสายโทรศัพท์จากหัวหน้าห้องสมัยมัธยมปลายอย่างจางเฉิน
จางเฉินเอ่ยขึ้นมาว่า “เสี่ยวถาง ไม่ได้ติดต่อกับทุกคนมานานมากแล้วนะ ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้สละโสดแล้ว อีกทั้งยังจองคลับคลับหนึ่งเอาไว้ในหนิงเฉิงกับแฟนด้วย ดังนั้นแล้วจึงถือโอกาสเหมาะ เชิญเพื่อน ๆ ร่วมชั้นทุกคนมาสังสรรค์กันหน่อย ประจวบเหมาะกับที่เรียนจบกันไปตั้งหกปีแล้ว ไม่ได้พบเจอกันมาหลายปีมากแล้ว พวกเรามารวมตัวกันหน่อยเถอะ!”
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางเข้าเรียนอยู่นั้น มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวเลยกับจางเฉิน เพียงแต่ว่าหลังจากที่เรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็แยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง จึงทำให้ค่อย ๆ ห่างหายจากการติดต่อกันไป
ดังนั้นแล้ว เธอเอ่ยขึ้นอย่างเห็นด้วยว่า “ได้สิจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วงานเลี้ยงเริ่มเมื่อไหร่หรือ?”
“เป็นวันศุกร์ตอนหกโมงครึ่งจ้ะ เธอเลิกงานแล้วตรงมาเลยก็ได้นะ” จางเฉินเอ่ยขึ้น “ประเดี๋ยวฉันจะตั้งกลุ่มขึ้นมา แล้วลากพวกเธอเข้าไปนะ เดี๋ยวจะส่งที่อยู่เข้าไปให้ด้วย”
“ได้จ้ะ” หลานเสี่ยวถางเอ่ยตอบตกลง
สามวันหลังจากนั้น หลังจากที่หลานเสี่ยวถางจัดการส่งโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็โทรไปบอกกับสือมูเฉินครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นจึงโบกรถแล้วไปที่คลับ
พึ่งจะถึงที่หน้าประตู ก็เห็นเฉียวโยวโยวกำลังโบกไม้โบกมือให้เธออยู่ “เสี่ยวถาง ทางนี้จ้ะ!”
หลานเสี่ยวถางและเฉียวโยวโยวเดินควงแขนกันเข้าไปด้านใน มองเห็นเพื่อนักเรียนจำนวนไม่น้อยเลย มีบางคนที่ดูแล้วคุ้นหน้าคุ้นตา แล้วก็ยังมีบางคนที่ไม่สามารถนึกชื่อขึ้นมาได้ในช่วงเวลาหนึ่งด้วย
“โยวโยว เสี่ยวถาง” ในตอนนั้นเอง เสียงผู้ชายดังขึ้นจากทางด้านหลัง หลานเสี่ยวถางหมุนตัวกลับไป ก่อนจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่แว่นตาสีใส หลังจากนั้นจึงชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ “อู๋ห้าวฮั่น ทำไมถึงผอมมากขนาดนี้เนี่ย?”
“ประเด็นหลักเลยก็คือเมื่อก่อนอ้วนเกินไปแล้วต่างหากละ” อู๋ห้าวฮั่นพูดคุยกันทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ทำไม ไม่ได้พาคนในครอบครัวมาด้วยหรือ?”
เฉียวโยวโยวที่ยืนอยู่ทางด้านข้างเอ่ยขึ้นมาว่า “คนในครอบครัวอยู่ต่างประเทศน่ะ ต้องรออีกสองสามเดือนถึงจะกลับมา”
หลานเสี่ยวถางเผยยิ้มบางออกมาครู่หนึ่ง “นายก็ไม่ได้พอมาหรือ?”
“ไม่มีให้พามาน่ะสิ ช่างน่าสงสารเสียจริงเลยเนอะ!” อู่ห้าวฮั่นหัวเราะชอบใจ “ไปกันเถอะ คลับนี้ไม่เลวเลยทีเดียว วันนี้พวกเราเหมาน่ะ”
ในห้องโถงใหญ่ ตอนนี้ก็มีเพื่อนร่วมชั้นเริ่มร้องเพลงกันแล้ว บรรยากาศค่อย ๆ เข้มข้นขึ้น ราวกับว่าที่นี่กำลังกลายเป็นคอนเสิร์ตของเขาคนเดียวไปแล้ว
ตอนมัธยมปลาย หลานเสี่ยวถางก็ถือว่าค่อนข้างร่าเริงสดใส เพียงแต่ว่า เป็นเพราะว่าในตอนนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่ทราบกันดี ว่าเธอถูกหันจื่ออี้จับจองเอาไว้ในใจแล้ว ดังนั้น นอกจากตอนม.สี่ที่เคยมีคนเข้ามาจีบแล้ว หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีใครมาตามจีบอีกเลยแม้แต่คนเดียว
ทุกคนสังสรรค์พูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ในตอนนี้เอง หัวหน้าห้องเห็นคนมากันพอสมควรแล้ว ดังนั้นจึงเดินออกไปที่ด้านหน้า “ขอบคุณทุกคนมากนะที่มาร่วมงานสังสรรค์กันในวันนี้ เรียบจบกันมาหกปีแล้ว คิดถึงทุก ๆ คนมากจริง ๆ
ดังนั้น หัวข้อสำคัญหลักของทุกคนในวันนี้ก็คือ สนุกสนานกันให้เต็มที่ไปเลย!”
แทบจะมีการประกอบเข้ากับคำพูดของเธอ มีเสียงเพลงหนักเบาดังขึ้น ก่อนที่บรรยากาศทั้งหมดจะแปรเปลี่ยนไปในทันที
“ทุกคนสนุกกันได้เต็มที่เลยนะ วันนี้ฉันเลี้ยงเอง ไม่ต้องเกรงใจเลย!” จางเฉินพูดไป ก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดขวดเหล่าออกมาเป็นลำดับแรก แล้วเทใส่ในแก้ว หลังจากนั้นก็ยกขึ้นดื่มจนหมด
แสงไฟโดยรอยเริ่มขยับตัวแล้ว มีบางคนที่เริ่มออกตัวเต้นไปทางด้านหน้ากันแล้ว ตอนนี้หลานเสี่ยวถางคุ้นชินกับความเงียบไปแล้ว ดังนั้น จึงนั่งอยู่ที่เขตพักผ่อนไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
ในตอนนั้นเอง มีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เห็นเธอเข้า ก่อนจะชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “นี่ เสี่ยวถาง ทำไมหันจื่ออี้ของเธอไม่มาล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ก่อนจะยกยิ้มขึ้น “ฉันกับเขาหลังจากที่เรียบจบกันแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยน่ะ”
“ห๋า?” เพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงตกตะลึง “จะเป็นไปได้อย่างไรกันจ๊ะ ในเมื่อตอนนั้นเขาไม่ได้ชอบเธอมาก ๆ เลยไม่ใช่หรือไงกันน่ะ?”
ตอนแรก ในตอนที่หันจื่ออี้เรียนอยู่ก็ได้รับความนิยมชมชอบไม่น้อยเลย หลานเสี่ยวถางยืนอยู่ท่ามกลางศัตรูมากมายเลยทีเดียว
ตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ทันใดนั้นเองก็มีคนพุ่งเข้ามาหา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างที่รู้อยู่แก่ใจแล้วขึ้นมาว่า “จริงสิ เสี่ยวถาง เธอไม่ได้ไปสอบเข้าที่คณะซอฟต์แวร์ของมหาวิทยาลัยของเขาด้วยไม่ใช่หรือ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะไม่ติดต่อกันน่ะ? หรือว่าตอนเขาเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเกิดเปลี่ยนในขึ้นมาหรือ?”
หลานเสี่ยวถางไม่ชอบเอ่ยถึงเรื่องเมื่อก่อนเลย ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมาแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “เขาไปต่างประเทศน่ะ พวกเราไม่ได้ติดต่อกัน”
“ไปต่างประเทศอย่างนั้นหรอกหรือเนี่ย?” อันที่จริงแล้วมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยเลยที่รู้เรื่องหันจื่ออี้ไปต่างประเทศ แต่ทว่า กลับมาแสร้งเอ่ยขึ้นแล้วถามต่อหน้าหลานเสี่ยวถางแบบนี้ แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกว่า “ไปต่างประเทศก็สามารถติดต่อกันได้นี่นา? ถ้าจะติดต่อกันจริง ๆ ตอนนี้อินเทอร์เน็ตก็รุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก ถึงจะบอกว่าโทรศัพท์จะแพง ส่งข้อความผ่านวีแชต หรือส่งอีเมลพวกนี้ก็ได้นี่นา?”
อันที่จริง นี่ก็เป็นคำถามของหลานเสี่ยวถางในตอนนั้นเช่นกัน
ในตอนนั้นจู่ ๆ หันจื่ออี้ก็ออกนอกประเทศอย่างกะทันหัน เธอรับรู้สถานการณ์ในบ้านของเขา แล้วก็เคยหาเหตุผลร้อยแปดแทนเขา แต่ทว่า หลังจากที่หาเหตุผลมากมายมาได้แล้ว เธอก็ยังคงหมดหนทางที่จะปลอบใจตนเอง
เขาเข้าเรียนที่ต่างประเทศ คงจะไม่ได้ไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือหรอกนะ? ถึงแม้ว่าจะไม่มี ยืมเพื่อนนักเรียนด้วยกันแล้วจะส่งข้อความสักข้อความทำไมจะทำไม่ได้กันละ?
เขาเรียนเกี่ยวกับซอฟต์แวร์นะ ปกติแล้วก็ต้องอยู่ต่อหน้าคอมพิวเตอร์ มีอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ทำไมแม้กระทั่งอีเมลสักฉบับถึงไม่มีเลยนะ?
หลังจากที่ข้ออ้างทั้งหมดหมดลงแล้ว สุดท้ายเธอก็เข้าใจแล้ว เป็นเขาที่ทอดทิ้งเธอไป สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต่างมีเส้นทางเป็นของตนเอง
เพียงแต่ว่า เรื่องราวทั้งหมดก็ผ่านพ้นไปแล้ว ความรู้สึกในตอนนั้นผ่านการจากลาไปเป็นระยะเวลาสี่ปีแล้ว มันถูกเธอปิดตายไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งหลังจากที่ได้รับประสบการณ์สองปีมา เรื่องราวทั้งหมดก็กลับไปเป็นตามดังวันเก่าไม่ได้แล้ว
ใต้ต้นท้อในโรงเรียน คำสาบาน เป็นเพียงแค่การรับปากคนอื่น ให้อีกคนฟัง ซึ่งตอนนี้ก็ไม่อยู่แล้ว
“แยกกันแล้วจะมีเหตุผลอะไรได้ละ?” เฉียวโยวโยวได้ยินเรื่องซุบซิบจากกลุ่มผู้คนจึงอดไม่ได้ที่จะบันดาลโทสะขึ้นมา “ความรู้สึกไม่สอดคล้องกันก็แยกกันไม่ติดต่อกันไปสิ! จะว่าไปแล้ว ตอนนั้นเขาชอบเสี่ยวถางของพวกเราเอง เสี่ยวถางของพวกเราก็ยังไม่ได้ตอบตกลงกับเขา เสี่ยวถางไม่ได้ชอบเขา ย่อมต้องไม่ติดต่อกันอยู่แล้วไง!”
“เป็นแบบนี้งั้นหรือ?” มีผู้หญิงคนหนึ่งมีสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้วเสี่ยวถางชอบใครกันละ? จริงสิ เสี่ยวถาง เธอมีแฟนหรือยังน่ะ? แฟนของเธอเขาเก่งกว่าหันจื่ออี้หรือเปล่า?”
“จริงด้วยสิ แม้กระทั่งหันจื่ออี้ยังไม่ชอบ ก็ไม่รู้ว่าคนแบบไหนที่จะสามารถเหมาะสมกับเสี่ยวถางเหมือนกันเนอะ?” มีน้ำเสียงเสียดสีดังขึ้นมาจากเพื่อนร่วมฉันคนหนึ่ง “เสี่ยวถาง ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วไม่พาแฟนหนุ่มคนปัจจุบันของเธอมาเปิดตัวกับพวกเราหน่อยเป็นไง?”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกมีหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย เธอวางแผนที่จะออกไปจากวงสนทนาไร้สาระพวกนี้ของพวกผู้หญิงแล้ว “เขาไม่ค่อยสะดวกน่ะ”
แต่ทว่า ก็ดันมีคนมาดึงเธอเอาไว้ “เสี่ยวถาง อย่างพึ่งไปสิ! คุยเป็นเพื่อนกับพวกเราก่อนสิ!”
ในตอนนั้นเอง มีผู้หญิงคนหนึ่งมองเห็นตุ้มหูของหลานเสี่ยวถางขึ้นมา ก่อนจะอดที่จะตกตะลึงแล้วเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “พระเจ้า เสี่ยวถาง ที่เธอใส่อยู่ใช่รุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ทิฟฟานี่ แอนด์ โคหรือเปล่า? ตุ้มหูคู่นี้แพงมาก แฟนหนุ่มของเธอมีเงินจริง ๆ เลยนะเนี่ย!”
ตุ้มหูคู่นี้เป็นสือมูเฉินนำติดมือกลับมาให้เธอในวันนั้นที่กลับบ้านมา บอกว่าเพื่อนให้มา เขานำมาก็ไม่ได้ใช้อะไร ก็เลยให้เธอสวมใส่เล่น ๆ
ในตอนนั้นเธอไม่ทันได้คิดอะไร แล้วก็ไม่ได้สนใจแบรนด์ด้วย รู้สึกเพียงแค่ว่ามันดูสวยดี ก็เลยนำมาสวมใส่ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า……
ทันใดนั้นก็มีคนที่อยู่บริเวณใกล้ ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “ใช่ คู่นี้ดูเหมือนว่าในนิตยสารจะบอกเอาไว้ว่า มีขายเฉพาะที่ต่างประเทศเท่านั้นนี่ เสี่ยวถาง แฟนของเธอทำอะไรหรือ?”
หลานเสี่ยวถางส่ายหน้าไปมา “เขาก็แค่นำติดมือมาให้ฉันก็เท่านั้นเอง”
ก่อนจะมีคนเอ่ยถามขึ้นมาด้านความสงสัยว่า “แม้กระทั่งแฟนยังไม่ค่อยอยากจะบอกเลย ไม่ใช่ว่าซื้อของปลอมมาหรอกใช่ไหม?”
“ไม่นะ ฉันดูแล้วไม่แน่ว่าอาจจะเป็นของแท้ เพียงแค่ แฟนของเธออาจจะทำเรื่องผิดศีลธรรมก็ได้ พระเจ้า คงจะไม่ใช่สามีที่มีภรรยาแล้วหรอกใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนรอบข้างเริ่มฟังไม่เข้าหูมากขึ้น เฉียวโยวโยวอดไม่ได้ที่จะตะคอกออกมาว่า “พวกเธอรู้ไหม? ว่าบ้านของเธอมีฐานะอะไร พวกเธอนี่มัน——”
เธอยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบประโยค ทันใดนั้นเอง คนที่ร้องเพลงอยู่ทางด้านหน้าก็เริ่มเบียดเสียดไม่พูดคุยกันแล้ว เผยให้เห็นเลยว่าครึ่งหนึ่งของห้องโถงใหญ่กลับเงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ
ตามมาด้วย คนเหล่านั้นที่กำลังหันมามองที่ที่หลานเสี่ยวถางกำลังยืนอยู่
หัวใจของหลานเสี่ยวถางพรั่งพรูความรู้สึกไม่สงบออกมา ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองที่ระยะไกล
ในตอนนั้นเอง ประจวบเหมาะกับที่มีคนถอยออกจากสายตาของเธอพอดี ดังนั้นแล้ว เธอจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่า MV บนหน้าจอด้านหน้ากำลังฉายภาพขนาดใหญ่อยู่ เป็นภาพถ่ายของเธอเอง!
อีกทั้งยังเป็นภาพถ่ายในตอนที่เธอกำลังหลับอีกด้วย!
ภายในหัวใจของหลานเสี่ยวถางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ภาพบนนั้นเป็นเธอ อีกทั้งชุดนอนก็ยังเป็นชุดของเธอ ดูจากสภาพแวดล้อมของห้องแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเป็นบ้านของสือเพ่ยหลิน ดังนั้นแล้ว ภาพถ่ายเหล่านี้เป็นของจริง ไม่ใช่ภาพตัดต่อ
แต่ทว่า ทำไมถึงมาฉายได้บนจอกันนะ?
ดูจากสภาพของชุดนอนแล้วสถานที่โดยรอบแล้ว ราวกับว่าเมันถูกบันทึกภาพเอาไว้ในตอนที่เธอพึ่งจะได้แต่งงานกับสือเพ่ยหลินเลย
ดังนั้นแล้ว เป็นสือเพ่ยหลินที่แอบถ่ายภาพในตอนที่เธอไม่รู้ตัวอย่างนั้นหรือ?
ถึงแม้ว่าจะเผยออกมาให้เห็นได้นิดหน่อย แต่ทว่า อย่างไรก็ตามเป็นภาพถ่ายที่เธอสวมใส่ชุดนอนอยู่ มาปรากฏอยู่ต่อหน้าทุก ๆ คนแบบนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เพื่อนร่วมชั้นอยู่ด้วยกันทั้งหมด ร่างทั้งร่างของหลานเสี่ยวถางแทบจะมึนงงไปหมดแล้ว ความเย็นยะเยือกค่อย ๆ เริ่มไต่ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้า!
หลังจากที่ทั้งห้องโถงใหญ่นิ่งเงียบไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั้น ทันใดนั้นเอง เสียงทุก ๆ เสียงก็เริ่มดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
ผู้หญิงเดิมที่ที่ชมชอบหันจื่ออี้แล้วริษยาหลานเสี่ยวถาง ก็ยิ่งไม่ปกปิดตนเองอีกต่อไปแล้ว “ที่แท้ พวกเราก็คิดว่าเธอเป็นคนดีอะไรเสียอีก ตอนนี้แม้กระทั่งภาพถ่ายบนเตียงก็เผยออกมาให้เห็นหมดแล้ว ช่างไม่ระมัดระวังกิริยาเอาเสียเลยจริงๆ!”
“ว่าไม่ได้นะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหันจื่ออี้ถึงไม่อยากได้เธอแล้ว รองเท้าขาด ๆ แบบนี้ จะมีผู้ชายที่ไหนจะเอาอีกหรือไง?”
“พวกเธอพูดอะไรกันน่ะ? นี่ไม่ได้เห็นภาพถ่ายของการนอนหลับธรรมดา ๆ หรือไง? ตอนกลางคืนพวกเธอไม่หลับไม่นอนกันหรืออย่างไร?” อู๋ห้าวฮั่นทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว ก่อนจะหันไปต่อว่าทางผู้หญิงเหล่านั้นอย่างรุนแรง
“นี่ อู๋ห้าวฮั่น นายคงไม่ได้คิดอยากจะรับช่วงต่อแทนหรอกนะ?” แล้วก็มีคนด่ากลับไปทันที “ผู้หญิงแบบนี้ ไม่รู้ว่าหลับนอนกับคนมามากมายเท่าไหร่แล้ว ถ้านายยังรับได้ละก็ น่านับถือเสียจริง!”
“นี่มันสุนัขจิ้งจอกชัด ๆ ผู้ชายปกติที่มีจิตใจอ่อนแอก็สามารถถูกวิญญาณร้ายนี่ครอบงำเอาได้นะ!”
น้ำเสียงของทุกที่ดังขึ้นแล้วลอยเข้าหูไม่หยุด หลานเสี่ยวถางยังยืนอยู่ตรงที่เดิม รู้สึกเพียงแค่ว่าหัวใจในตอนนี้ราวกับว่าถูกหินก้อนใหญ่ทับเอาไว้อยู่ หายใจเข้าออกลำบาก ร่างทั้งร่างก็ยังอดไม่ได้ที่จะเย็นเฉียบขึ้นมาอีกรอบ
ในตอนนี้เอง เฉียวโยวโยวบันดาลโทสะจนเริ่มที่จะมีเรื่องมีราวกับผู้หญิงพวกนั้นแล้ว คนยิ่งมากขึ้น แต่ทว่ากลับนั่งอยู่ทางด้านข้าง ราวกับว่ากำลังชมละครกันอยู่
ไม่ เธอไม่สามารถให้คนใส่ร้ายป้ายสีเอาได้ขนาดนี้ อีกอย่าง ภาพถ่ายเหล่านี้มาจากที่ไหนกันนะ? เธอจะต้องสืบหาอย่างละเอียดแน่ ๆ!
ร่างทั้งร่างของหลานเสี่ยวถางสั่นเทา ในตอนที่กำลังคิดหาวิธีที่จะเคลื่อนไหวร่างกายอยู่นั้นเอง ทันใดนั้น ประตูของห้องโถงใหญ่ก็ถูกเปิดออก ก่อนจะมีคนเดินเข้ามา
ในตอนที่เห็นคนเดินเข้ามานั้น บรรยากาศแต่เดิมที่วุ่นวายกลับเงียบสนิทกลับสู่อย่างเดิมในทันที