ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 60 เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ย! ตบหน้านี่มันรู้สึกดีจริงเชียว
หลานเสี่ยวถางมองสือมูเฉินและฟู่สีเกอที่เดินเข้ามาแล้วด้วยท่าทางนิ่งงัน ในช่วงเวลานั้นเอง แม้กระทั่งตัวเธออดก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนตกลงไปในหุบเหวลึก
ทำไมกัน เธอกับเขาอยู่ด้วยกันมาก็ใกล้จะครบสามเดือนแล้ว มันยังคง ทำไมยังคงให้เขาได้มาเห็นท่าทางจนตรอกของเธอแบบนี้กันอยู่อีกนะ? ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์ที่เพื่อนของเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแบบนี้เนี่ยนะ?
คนในที่นี้ ไม่รู้จักมักจี่กับสือมูเฉิน แต่ทว่า กลับมีคนดันไปรู้จักฟู่สีเกอ
คุณชายผู้ร่ำรวยคนนี้มายังสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงแบบนี้ก็หลายครา หน้าตาหล่อเหล่าอย่างไม่ต้องเอ่ยถึง ร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยแบรนด์หรูหรามีราคา สามารถทำให้คนประทับใจได้อย่างลึกซึ้ง
อีกทั้งก็เป็นไปตามอย่างที่นักแสดงชื่อดังเคยกล่าวเอาไว้ สองมือของฟู่สีเกอนั้นเต็มไปด้วยเวทมนตร์ นักแสดงทุกคน ล้วนแล้วแต่หวังว่าจะสามารถทำให้เขามาเป็นสไตลิสต์ใต้อาณัติให้กับตนเองด้วยกันทั้งนั้น
แต่น่าเสียดาย เขาชื่นชอบชอบอิสระมาโดยตลอด ดังนั้นแล้ว จึงไม่เคยเซ็นสัญญา ‘ขายตนเอง’ มาก่อนเลย
เมื่อเห็นฟู่สีเกอมา สายตาของทุก ๆ คนก็ล้วนแล้วแต่ยิ่งเป็นประกายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในตอนนี้มีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยเลยที่เห็นสือมูเฉินที่อยู่ด้านข้างของฟู่สีเกอแล้ว นัยน์ตาเหล่านั้นก็ยิ่งเป็นประกายแล้วส่งสายตาเย้ายวนออกมาอย่างเปิดเผยทั้งสิ้น
ฟู่สีเกอเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า สายตาสะดุดตาของทุก ๆ คน สุดท้ายแล้ว ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าหลานเสี่ยวถาง
เขาสบตามองไปบนหน้าจอด้วยความเพิกเฉย หลังจากนั้น เขาเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ใครกันที่จัดฉากร้ายกาจแบบนี้ กล้ามาแอบถ่ายภาพเพื่อนของผมในยามหลับ อีกทั้งยังเอาขึ้นหน้าจอใหญ่อีก?”
ทุก ๆ คนล้วนแล้วแต่ตกตะลึงระคนสงสัยไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปทางฟู่สีเกออย่างคาดไม่ถึง หลังจากนั้นก็มองไปทางหลานเสี่ยวถาง พวกเขาไม่มีทางนึกถึงได้อย่างแน่นอน ตระกูลหลานตกต่ำลง แต่หลานเสี่ยวถางกลับสามารถรู้จักมักจี่กับฟู่สีเกออีกด้วย!
“หรือว่าไม่รู้กันหรือ ว่าภาพถ่ายแบบนี้น่ะ พวกให้เฉพาะกันคนที่สนิทสนมที่สุดดูเท่านั้นน่ะ?!” ทันใดนั้นฟู่สีเกอก็กักเก็บสีหน้าขี้เล่นกลับไปทันที ร่างทั้งร่างแผ่กระจายไอเย็นยะเยือกออกมา
ทุกคนไม่เคยเห็นสีหน้าแบบนี้ของเขามาก่อน ทันใดนั้นเอง ห้องโถงใหญ่ก็เงียบสนิทราวกับว่าหากมีเข็มเล่มหนึ่งตกลงมาก็สามารถที่จะได้ยินอย่างชัดเจนเลยก็ไม่ปาน
แฟนหนุ่มของจางเฉินเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ เมื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ก็กุลีกุจอเข้ามาเอ่ยขอโทษขอโพยทันที “คุณฟู่ครับ ขอประทานโทษด้วยนะครับ นี่คงจะเป็นเพื่อนของคุณหลานที่แกล้งหยอกล้อกับทุกคนเล่น ๆ แต่ก็เป็นความสะเพร่าของพวกเราเองด้วยครับ พวกเราจะรีบนำรูปภาพออกให้เดี๋ยวนี้เลยครับผม!”
พูดไป เขาก็รีบวิ่งไปที่ด้านหลังของเวที ดึงยูเอสบีออกมา ก่อนจะวิ่งมาที่หน้าของฟู่สีเกอ หลังจากนั้นจึงยื่นยูเอสบีส่งคืนไปให้ “คุณดูสิครับ……”
ฟู่สีเกอหันไปมองหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถางครับ จะจัดการอย่างไร?”
ทุกคนเห็นว่าฟู่สีเกอเชื่อฟังหลานเสี่ยวถาง ทันใดนั้นเอง พวกคนที่ด่าทอหลานเสี่ยวถางเมื่อครู่นี้นั้น กลับรู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาในทันที
“นำมาให้ฉันค่ะ ฉันจะไปสืบหาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำเอง” หลานเสี่ยวถางยื่นมือไปรับยูเอสบีมา
“เอาล่ะ วันนี้ที่ผมมา ก็เป็นเพราะว่าได้ยินเสี่ยวถางบอกมา ว่ามีงานเลี้ยงรุ่นสังสรรค์ ดังนั้นแล้วก็เลยแวะมาเที่ยวเล่นเสียหน่อย” ฟู่สีเกอเอ่ยขึ้น ก่อนจะชี้ไปทางสือมูเฉินที่อยู่ทางด้านข้างแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่คือเพื่อนของผมเองครับ แต่ทว่าเขาไม่ชอบความวุ่นวาย ทุกคนอย่าไปรบกวนเขานะครับ”
พูดไป ฟู่สีเกอก็เดินเข้าไปที่เขตพักผ่อน ทุกคนกุลีกุจอหลีกทางให้กับเขาทันที เขานั่งลง สือมูเฉินก็นั่งลงที่ทางด้านข้างของเขาด้วยกัน
หลานเสี่ยวถางมีท่าทีลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าเวลานี้ควรที่จะไปนั่งเข้าที่ด้านข้างของสือมูเฉินหรือเปล่า หรือว่าแสร้งแสดงบทบาทเป็นเพื่อนของฟู่สีเกอต่อไปดีกันนะ?
“เสี่ยวถาง มานี่สิครับ คุณไม่ได้ชอบองุ่นไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวผมปอกให้คุณเอง” ใบหน้าของฟู่สีเกอจู่ ๆ ก็กระตือรือร้นออกมาให้ได้เห็น ทำให้เหล่าหญิงสาวทั้งหมดที่อยู่รอบบริเวณต่างก็อิจฉาความโชคดีของหลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางพึ่งจะเดินเข้าไปถึง ฟู่สีเกอจึงขยับย้ายตัวไปทางด้านข้างเล็กน้อย เผยพื้นที่ว่างระหว่างเขากับสือมูเฉินเอาไว้ให้
หลานเสี่ยวถางนั่งลง ก่อนจะหันหน้าไปทางสือมูเฉินเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “มาได้อย่างไรกันคะ?”
ในช่วงเวลาที่เธอจนตรอกมากที่สุด ก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดเฉกเช่นเดียวกัน
“ผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะมาเสียหน่อยน่ะครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว”
หลานเสี่ยวถางหลุบตามองต่ำ “ฉันขายหน้าอีกรอบแล้วใช่ไหมคะ?”
สือมูเฉินถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนจะปอกองุ่นแล้วหยิบขึ้นมาทานเองหนึ่งลูก หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ขึ้นมาว่า “ชินแล้วล่ะครับ”
หลานเสี่ยวถางขบเม้มริมฝีปากไปมา สุดท้าย เธอก็ขายหน้าไปอย่างมากแล้วจริง ๆ สินะ
“เสี่ยวถาง นี่ครับ ทานองุ่นสิ” ฟู่สีเกอเอ่ยขึ้น ก่อนจะส่งองุ่นที่ปอกแล้วยื่นไปให้หลานเสี่ยวถาง
หลานเสี่ยวถางหันไปมองสือมูเฉินโดยอัตโนมัติ หลังจากนั้น จึงรับมา “ขอบคุณค่ะ”
เพียงแต่ว่า เธอไม่ได้ทานมัน แต่กลับถือเอาไว้แบบนั้น จนกระทั่งมือถูกน้ำเหนียวเหนอะหนะจากน้ำขององุ่นหมดแล้ว
“ไม่ได้ร้องเพลงมานานมากแล้วนะเนี่ย จู่ ๆ วันนี้กลับรู้สึกอยากขึ้นมาเสียนิดหน่อยแล้วสิ” คำพูดของฟู่สีเกอพึ่งจะเอ่ยจบไปเมื่อครู่นี้นี่เอง แต่ทว่ากลับมีหญิงสาวเอ่ยขึ้นตามมาในทันทีเลยว่า “คุณฟู่คะ ถ้าอย่างนั้นแล้วพวกเราไปเป็นเพื่อนคุณร้องเพลงดีไหมคะ?”
“เอาสิครับ!” ฟู่สีเกอเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะไม่ลืมที่จะกำชับหลานเสี่ยวถางอีกสองสามประโยคว่า “เสี่ยวถาง พักสักหน่อยเถอะครับ รอผมนะ”
คนรอบข้าง เดินจากไปอย่างสบายอารมณ์แล้ว หลานเสี่ยวถางจึงทิ้งองุ่นที่อยู่ในมือลงในถังขยะ เช็ดไม้เช็ดมือ ก่อนจะหันไปเอ่ยกับสือมูเฉินว่า “มูเฉิน ขอบคุณนะคะ”
ทำไมเธอจะดูไม่ออกว่าเขามาช่วยเธอกันล่ะ? เขาไม่สะดวกที่จะยื่นมือเข้ามาเอง ดังนั้นจึงให้ฟู่สีเกอออกรับหน้าให้แทน
สือมูเฉินไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ทว่ากลับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ นัยน์ตานุ่มลึกล็อกเป้าตรงไปที่หลานเสี่ยวถาง “ใครเป็นคนถ่ายภาพพวกนั้นหรือครับ?”
หัวใจของหลานเสี่ยวถางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอจะลืมไปได้อย่างไรกัน สือมูเฉินเป็นสามีของเธอ ตอนนี้ภาพถ่ายของเธอหลุดออกมา เขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน!
“ฉันไม่ทราบค่ะ แต่ทว่า มันเป็นฉันเองจริง ๆ ” หลานเสี่ยวถางหลุบสายตาลงต่ำ “นี่คงจะถูกบันทึกภาพในตอนที่ฉันพึ่งจะเข้าไปอยู่ในบ้านของสือเพ่ยหลินได้ไม่นาน”
“ภาพจากกล้องวงจรปิดของที่นี่วันนี้ อีกทั้งยังมีบันทึกประวัติการโทรเข้าโทรออกของคนที่เกี่ยวข้อง” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาต่อว่า “ถ้าหากว่าผมนำข้อมูลมาให้คุณได้ คุณคงจะตามสืบได้เองใช่ไหมครับ?”
“ภาพจากกล้องวงจรปิดกับประวัติการโทรเข้าโทรออกจะเอามาได้อย่างไรกันละคะ?” แม้ภายในหัวใจของหลานเสี่ยวถางจะคาดเดาเอาไว้ได้เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่า ก็ยังคงเอ่ยถามออกไป
“คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ?” สือมูเฉินโยนคำถามกลับไปให้กับเธอ
“ฉันมีที่อยู่ของ IP ที่นี่ ถ้าหากว่าฉันเขียนโปรแกรมขึ้นมาอีกสักหน่อย ขอเพียงแค่พวกเขาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ฉันก็จะสามารถควบคุมกล้องวงจรปิดได้จากทางระยะไกลค่ะ” นัยน์ตาของหลานเสี่ยวถางฉายประกายความมั่นใจออกมาให้เห็น
“ในส่วนของบันทึกการโทรเข้าโทรออกนั้น ผมจะมอบมันให้คุณแน่ครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้น
หลานเสี่ยวถางตกตะลึง ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะไปคว้าแขนเสื้อเชิ้ตของเขาเอาไว้ “แต่ว่ามันต้องอาศัยผ่านแฮ็กเกอร์ นำข้อมูลบันทึกการโทรเข้าโทรออกของคนอื่นมันผิดกฎหมายนะคะ……”
สือมูเฉินอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาครั้งหนึ่ง “วางใจเถอะครับ ผมจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน สามีของคุณก็มีความรู้ทั่วไปอยู่บ้างนะครับผม”
จู่ ๆ หัวใจของหลานเสี่ยวถางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที “มูเฉิน ขอบคุณนะคะ”
“วันนี้ขอบคุณผมสองรอบแล้วนะครับ ทำไมครับ ไม่มีทางที่จะทำได้จริงสักหน่อยเลยหรือไงครับ?” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มลึกมีเลศนัย
หลานเสี่ยวถางหน้าแดงแก้มแดงไปชั่วขณะ ในตอนที่กำลังจะเอ่ยอะไรขึ้นมาอยู่นั้นเอง ก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว
เธอเดินเข้ามาที่ด้านหน้าของสือมูเฉิน ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าแดงซ่านขึ้นมาว่า “คุณคะ คุณอยากจะดื่มอะไรหน่อยไหมคะ? ประเดี๋ยวฉันจะไปหยิบมาให้คุณเองค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นแม้กระทั่งสายตาก็ยังคร้านที่จะช้อนตาไปมอง
“คุณคะ ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณไปร้องเพลงหรือว่าเต้นกับพวกเราสิคะ……” ฝ่ายหญิงไม่ลดราวาศอก
“ไม่สนใจครับ” สือมูเฉินไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
ฝ่ายหญิงถูกทำร้ายจนรู้สึกแย่เล็กน้อย แต่ทว่า เมื่อได้สบตามองใบหน้าอันหล่อเหลาตรึงใจของสือมูเฉินแล้ว อีกทั้งยังตอนนั่งอยู่ก็มีฮอร์โมนบางเบาแผ่กระจายออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นระรัว คิดไปคิดมา ก่อนจะกัดฟันแล้วนั่งลงที่ทางด้านข้างของสือมูเฉิน
หลานเสี่ยวถางเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว จึงได้แต่ขอคารวะความกล้าหาญของหญิงสาว
มีแต่คนบอกว่าผู้หญิงนั้นจีบผู้ชายยากมาก ถ้าหากว่าหญิงสาวทั้งหมดมีจิตวิญญาณและไม่กลัวเสียหน้าแบบนี้กันทั้งหมดแล้วละก็ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็คงจะสามารถคว้าเดือนโรงเรียนมาได้กันหมดเลยสินะ?
สือมูเฉินไม่ได้สนใจเลยว่าทางด้านข้างมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ อีกทั้งยังยกสองข้างขึ้นมาไขว่ห้าง แล้วรับประทานผลไม้อย่างสบายอารมณ์เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นจึงหันไปที่หลานเสี่ยวถางก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “งานเลี้ยงน่าเบื่อแบบนี้ยังจัดอีกนานไหมครับ?”
อันที่จริงแล้ว หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล้านั้นของผู้หญิงพวกนั้นแล้วเธอก็รู้สึกเสียใจอยู่เล็กน้อย ในความทรงจำแรกก็ยังเป็นเพื่อนนักเรียนที่มีมิตรภาพที่ถือว่าดีต่อกันอยู่ คิดไม่ถึงเลยว่าในหกปีให้หลังจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ดังนั้น เธอก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะสังสรรค์แล้วล่ะ “สามารถจากไปได้ตลอดเวลาได้เลยค่ะ แต่ว่าต้องบอกให้หัวหน้าห้องรับรู้ด้วยเสียหน่อย”
“อืม” สือมูเฉินรับคำครั้งหนึ่ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วเริ่มอ่านอีเมล
ทางด้านข้าง เมื่อหญิงสาวเห็นว่าสือมูเฉินไม่ได้เอ่ยคุยอะไรกับหลานเสี่ยวถางแล้ว ดังนั้น ความมุ่งมั่นก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง “คุณคะ โทรศัพท์มือถือของคุณดูแล้วทันสมัยมากเลยนะคะ ใช่ของบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยที่พึ่งออกรุ่นใหม่มาในช่วงนี้หรือเปล่าคะ? ฉันอยากจะแย่งซื้อมายังซื้อไม่ได้เลยนะคะ! คุณไปซื้อมาที่ไหนหรือคะ?”
สือมูเฉินเมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว เขาหันศีรษะไป แล้วสบตามองหญิงสามอยู่สองสามวินาที
หญิงสาวถูกสายตาของเขามองจนแทบจะทำให้วิงเวียนศีรษะไปหมดแล้ว ก่อนจะได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่แยแสว่า “ทำไมคุณถึงยังอยู่ตรงนี้ได้อีกละ คุณไม่รู้หรือไงครับว่าคุณกำลังรบกวนคนอื่นอยู่มาก ๆ เลยในตอนนี้ ที่สีเกอพูดเมื่อครู่นี้ คุณไม่ได้ยินหรือไงครับ?”
ถึงจะให้หน้าหนามากอีกแค่ไหน เมื่อถูกคำพูดแล้งน้ำใจนี้เข้า ก็ไม่สามารถรับได้ตั้งนานแล้ว นัยน์ตาของหญิงสาวแดงก่ำ ราวกับว่าแทบจะสะกดกลั้นความอยากร้องไห้ออกมาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว หลังจากนั้น จึงรับหันหน้าแล้ววิ่งออกไปทันที
แต่ทว่าสือมูเฉินกลับทำราวกับว่าไม่มีความรู้สึกใดเลยก็ไม่ปาน ก่อนจะอ่านอีเมลของเขาต่อ
หลานเสี่ยวถางเห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ก็อดที่จะยิ้มแล้วเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ว่า “มูเฉิน ฉันค้นพบว่าความสามารถในการดับฝันคนอื่นของคุณนี้มันยิ่งใหญ่จริง ๆ เลยนะคะเนี่ย!”
เขาเอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่แยแสเป็นอย่างมากว่า “ผมก็ไม่ใช่สวนพฤกษศาสตร์เสียหน่อย หรือว่าจะต้องปล่อยให้พวกเธอมาว่านพืชพรรณกับผมหรือไงกันครับ?”
หลานเสี่ยวถาง “……”
ทางด้านหน้า เป็นเพราะว่าฟู่สีเกอเข้ามาร่วมวงด้วย บรรยากาศก็เลยยิ่งครึกครื้นขึ้นมาแล้ว
สือมูเฉินมองเงาของฟู่สีเกอที่กำลังอยู่ในวงล้อมนั่นอย่างปวดหัว หมดคำจะเอ่ยเป็นอย่างมาก ให้เขามาเพื่อช่วยหลานเสี่ยวถาง ช่วยเสร็จแล้วก็จะไป แต่เขาเองก็กลับเข้าไปร่วมวงด้วยเสียอย่างนั้นแทนเนี่ยนะ!
ในตอนที่หันจื่ออี้เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่นั้นเอง ค้นพบว่าทุกคนกำลังร้องเล่นเต้นรำกันอยู่ที่ด้านหน้าใกล้ ๆ กัน เป็นเพราะว่าทางฝั่งนั้นบรรยากาศกำลังคึกคัดมาก ดังนั้น เขาจึงไม่เห็นหลานเสี่ยวถางทั้งสองคนที่กำลังนั่งอยู่ที่เขตพักผ่อน
“ทำไมวันนี้ดูครึกครื้นกันแบบนี้ละ?” หันจื่ออี้เดินเข้าไปที่ลานเต้น กวาดสายตาอยู่ครั้งหนึ่ง กลับไม่พบเงาของคนที่คุ้นเคย จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหลังออกมาเล็กน้อย
เฉียวโยวโยวเป็นเพราะว่าทะเลาะกับผู้หญิงคนหนึ่ง ร่างของเธอจึงถูกสาดเครื่องดื่มใส่ พึ่งจะจัดการตนเองเสร็จจากห้องน้ำแล้วออกมาได้อยู่เมื่อครู่ ก็มองเห็นหันจื่ออี้เข้าเสียแล้ว
หัวใจของเธอเต้นตึกตักอย่างรวดเร็ว แย่แล้ว หลังจากนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งข้อความหาหลานเสี่ยวถางในทันที
ในตอนนั้นเอง เพื่อนร่วมชั้นรอบข้างก็มองเห็นหันจื่ออี้กันแล้ว ทันในนั้น ก็มีคนที่ดูการแสดงเมื่อครู่นี้อยู่แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “รุ่งพี่หันคะ พี่มาแล้ว! ไม่เจอกันนานหล่อขึ้นเยอะเลยนะคะเนี่ย! เมื่อครู่นี้พวกเราเจอเสี่ยวถาง ยังถามถึงพี่อยู่เลยค่ะ บอกว่าทำไมพี่ไม่มาด้วยกันล่ะ!”
“เสี่ยวถางงั้นหรือ?” นัยน์ตาของหันจื่ออี้เป็นประกาย “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเหรอ?”
“เธออยู่ที่เขตพักผ่อนค่ะ” มีคนเดินเข้ามาหาหันจื่ออี้แล้วเอ่ยขึ้น “แต่ว่าตอนนี้เขาสุดยอดมากแล้วนะคะ รู้จักมักจี่กับคุณฟู่ด้วย มีคนหนุนหลังแล้วค่ะ!”
หันจื่ออี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว คุณฟู่อะไรกันนะ? เขาเบนสายตาไป ก่อนจะมองเห็นฟู่สีเกอในลานเต้น
ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่ต่างประเทศมาหลายปี ไม่ค่อยคุ้นชินกับแวดวงในประเทศมากนัก แต่ทว่า ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ฟู่สีเกอเป็นคนประเภทที่มักจะสามารถทำให้คนตราตรึงใจได้ในแรกเห็น ยังไงก็คงต้องเป็นคุณฟู่ที่พวกเขาเอ่ยถึงอย่างแน่นอน
ภายในใจของเขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสถานะของฟู่สีเกอ แต่ทว่า ก็ยังคงเลือกเดินไปยังเขตพักผ่อนไปก่อน
คนที่ได้ดูละครฉากใหญ่เมื่อครู่นี้จำนวนไม่น้อยเดินตามฝีเท้าของหันจื่ออี้ไปด้วย ก่อนจะเห็นว่าเดินไปหาหลานเสี่ยวถาง
จากระยะไกล หันจื่ออี้ก็เห็นสือมูเฉินที่กำลังอยู่ทางด้านข้างของหลานเสี่ยวถาง ฝีเท้าของเขาผ่อนแรงลงอยู่ครู่หนึ่งเล็กน้อย แต่ทว่า ก็ยังคงเดินมุ่งหน้าตรงเข้าไปหาอย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่ด้านข้างของหลานเสี่ยวถาง “เสี่ยวถางครับ ทำไมไม่ไปร้องเพลงล่ะ?”
หลานเสี่ยวถางพึ่งจะเห็นข้อความที่เฉียวโยวโยวส่งมาให้เมื่อครู่นี้นี่เอง เดิมทีก็คิดที่จะพาสือมูเฉินกลับแล้ว แต่ทว่า เขาบอกว่ายังมีอีเมลหนึ่งที่ยังคงตอบไม่เสร็จที ดังนั้นแล้ว จึงเกิดสถานการณ์อย่างในตอนนี้ขึ้นมา