ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 62 เทคนิคแย่มาก ยังต้องฝึกฝนอีก
สายตาของคนทั้งหมด บรรจบอยู่ที่หลานเสี่ยวถางทั้งสิ้น ภายในห้องโถงใหญ่ เงียบกริบกันทั้งหมดอย่างน่าประหลาด
จนกระทั่งหลานเสี่ยวถางเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าสือมูเฉินแล้ว เขาถึงละสายตาจากโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง จับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ถูกต้องนัก เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบขึ้นมาว่า “ทำไมหรือครับ?”
ทันใดนั้นเอง ก็มีคนอธิบายเนื้อหาของการลงโทษของหลานเสี่ยวถางเมื่อครู่นี้
ดังนั้นแล้ว คนที่ดูอยู่รอบสนามก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก ผู้คนทั้งหมดต่างก็พากันจับจ้องไปยังปฏิกิริยาตอบกลับของสือมูเฉินกันอย่างเขม็ง
แต่ทว่า เมื่อเขาได้ฟังจนจบแล้ว บนใบหน้าไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ ออกมาเลย กลับกันกลับวางของตนเองที่พาดไขว่ห้างลง แขนทั้งสองข้างเปิดออกกว้าง ก่อนจะพาดพักเอาไว้บนโซฟา และสบตามองหลานเสี่ยวถางด้วยท่าทีสบาย ๆ แบบนั้น
“เสี่ยวถาง สู้ ๆ นะ” มีหญิงสาวที่ตื่นเต้นร้องดังขึ้นมา นัยน์ตาล้วนแล้วแต่เป็นประกาย ราวกับว่าอีกประเดี๋ยวคนที่จะเข้าไปจูบเป็นพวกเธอแทน
อีกทั้งทางฝั่งของฟู่สีเกอก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วก็กดบันทึกวิดีโอเรียบร้อยแล้ว
เขาลอบตำหนิสือมูเฉินอยู่ในใจ ท่าทางก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยนี่ว่าเธอรีบมาจูบฉันสิ มาเพื่อยั่วยุหัวใจของฉันเล่น แต่ทว่ากลับแสดงท่าทีไม่ได้มีความปรารถนาออกมาแบบนี้ เป็นจักรพรรดิที่ใจดำจริง ๆ!
หลานเสี่ยวถางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปหา
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้จูบกับเขาเป็นครั้งแรก แต่ทว่า ก็ในเมื่อนี่มันเป็นการจูบต่อหน้าต่อตาของทุกคนในนี้เลยเชียวนะ!
ในตอนที่หัวเข่าของเธอคุกเข่าลงที่ทางด้านข้างของขาของสือมูเฉินแล้วนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาอย่างรีบร้อนในทันทีว่า “เสี่ยวถาง!”
ทุกคนได้ยินเสียงนี้กันทั้งหมด ก่อนจะหันไปมองหันจื่ออี้
“เสี่ยวถาง ฉันจะช่วยเธอดื่มเหล้าสามแก้วเอง!” หันจื่ออี้พูดไปพลางมือก็แทนเหล้าไปพลางแล้ว
“ไม่ได้ ไม่ได้ กฎเกณฑ์ของของเราคือไม่สามารถรับโทษแทนคนอื่นได้นะคะ!” จางเฉินหันไปเอ่ยขอโทษขอโพยกับหันจื่ออี้ “เว้นเสียแต่ว่าเสียงถางจะยินยอมถอนใจเอาเอง แล้วดื่มเหล้าสามแก้วค่ะ!”
“เสี่ยวถาง อย่าได้คิดที่จะเลือกดื่มเหล้าเชียวนะ ดีกรีมีตั้งห้าสิบกว่าดีกรี กระเพาะของเธอจะลุกเป็นไฟแน่!” มีหญิงสาวที่กลัวว่าจะไม่ได้ดูละครดี ๆ ดังนั้นจึงรีบกุลีกุจอเอ่ยอย่างร้อนขึ้นมา
“เสี่ยวถาง——” หันจื่ออี้เห็นเธอหมุนตัวกลับไปแล้ว โน้มหน้าเข้าไปหาสือมูเฉิน ในที่สุดเขาก็ไร้หนทางที่จะดูต่อไปแล้ว ดังนั้นจึงหมุนตัวแล้วจากไป
สายตาของสือมูเฉินยังคงแทบจะไม่ได้กดดันหรือสงสัยอะไรบนตัวของหลานเสี่ยวถางเลย เธอมองไม่ออกว่าเขาอารมณ์ไหน ดังนั้นจึงทำได้เพียงขบกรามแน่น หลังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“ว้าว!” ทุกคนมองดูหลานเสี่ยวถางพุ่งเข้าไปหาสือมูเฉินอย่างรวดเร็วทันที หลังจากนั้น ก็ประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเขาเอาไว้
ปฏิกิริยาของคนที่มุงดูกันอยู่นั้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนเข้าไปจูบเอง แต่ทว่า หัวใจกลับเต้นกระเด็นกระดอนจนถึงลูกตา ในตอนที่กำลังรอว่าในวินาทีต่อมาที่หลานเสี่ยวถางจะทำสำเร็จ หรือว่าจะถูกสือมูเฉินที่อับอายและเต็มไปด้วยโทสะผลักออกไปแทนกันแน่นั้น
เพียงแต่ว่า ช่วงหน้าอกของหลานเสี่ยวถางร้อนรนกระวนกระวายจะแย่อยู่แล้ว เธอโน้มตัวเข้าไป เดิมก็ไม่รู้ว่าควรจะจูบอย่างไรดี สมองขาวโพลน ร่างทั้งร่างพลันแข็งทื่อ
เขากลับไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย ท่าทางไม่สะทกสะท้านต่อเธอเลย ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ยอมรับ
“เสี่ยวถาง บีบกรามของเขา จูบลึกเข้าไปอีก!” นักเรียนรอบข้างต่างพากันเอ่ยเตือนขึ้นอย่างร้อนรน “อีกอย่างจำเอาไว้ด้วยนะ ปลดเข็มขัดเขาออกมาด้วย!”
หลานเสี่ยวถางถูกดึงสติกลับมา พลางจูบกับสือมูเฉินโดยไม่รุกล้ำไปพลาง ก่อนจะยื่นมือออกไปพลาง แล้วมุ่งตรงไปสัมผัสเข้าที่ช่วงเอวของเขาเอาไว้
ถึงแม้ว่าจะถือว่าสัมผัสเข้ากับหัวเข็มขัดของเขาแล้วก็ตาม หลานเสี่ยวถางรีบปลดมันออกอย่างเร่งรีบ แต่ทว่า ปลดอยู่นานก็ปลดไม่ออก กลับกันกลับรีบร้อนจนร่างทั้งร่างเต็มไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็ประสานเข้ากับสายตาราวจะว่าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของสือมูเฉินพอดี
ไม่ ดูเหมือนว่าเขาจะยิ้มแล้ว เพียงแต่ว่าภายในดวงตากลับเต็มไปด้วยความหยอกล้อขบขัน
ขบขันที่เทคนิคการจูบของเธอแย่ ขบขันแม้กระทั่งเธอที่ไม่สามารถปลดเข็มขัดออกมาได้!
แรกเริ่มเดิมทีสือมูเฉินยังคงอดทนเพื่อที่จะได้ปั่นประสาทของหลานเสี่ยวถาง เมื่อได้เห็นท่าทางของสีหน้าที่แดงก่ำและรีบร้อนนั่นของเธอแล้วก็รู้สึกว่ามันน่าตลกดี แต่ทว่า เมื่อมาถึงสุดท้ายแล้ว ร่างทั้งร่างของเธอก็กดลงบนร่างของเขา สองมือน้อย ๆ นั่นยังคงวุ่นวายอยู่ที่ช่วงเอวของเขาไม่ยอมหยุด ลูกกระเดือกของเขาขยับตัวขึ้นลง ยายผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้กำลังเล่นกับไฟอยู่!
เขาหรี่ตาลง วางแขนอันแสนล้ำค่าของตนเองลง ก่อนจะยื่นมือไปคว้าจับเข้าที่ข้อมือของหลานเสี่ยวถาง หลังจากนั้น จึงนำพามือของหลานเสี่ยวถางแล้วกดลงไป
เสียงเครื่องทองดังขึ้นอย่างชัดเจน หัวเข็มขัดของเขาถูกปลดออกแล้ว
หลานเสี่ยวถางราวกับว่าผ่อนหลายลงไปช่วงหนึ่งเลยก็ไม่ปาน หลังจากนั้น ก็คว้าจับเข้าที่หัวเข็มขัดเอาไว้แล้วออกมาดึงมันออกมาด้านนอก
เมื่อครู่นี้ เธอสัมผัสได้แล้ว กางเกงชุดสูทของสือมูเฉินเข้ากันพอดี ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะถอดเข็มขัดออกมาได้แล้วก็จะไม่รู้สึกน่าอึดอัดอะไร
เขาคล้ายกับว่ากำลังทำตามน้ำแล้วไหลไปตามเธอ ในตอนที่เธอดึงเข็มขัดอยู่นั้นเอง สือมูเฉินยกเอวขึ้นจากพนักพิงโซฟาขึ้นมาเล็กน้อย
หลานเสี่ยวหลานยื่นหน้าเข้าไป ในตอนที่เธอกำลังจะดึงปลายสุดของเข็มขัดออกมาแล้วนั้นเอง สือมูเฉินก็โน้มใบหน้าเข้าไปที่ข้างใบหูของเธอแล้วเอ่ยเบา ๆ ขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า
เขาพูดว่า “นอนด้วยกันมาก็ตั้งหลายครั้งแล้ว ทำไมถึงยังถอดเข็มขัดไม่เป็นอีกละครับเนี่ย? กลับบ้านไปฝึกฝนใหม่ นะครับ?”
เข็มขัดถูกดึงออกมาแล้ว ที่ใบหูของหลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่าประโยคเมื่อครู่นี้เอง จึงทำให้มันแดงก่ำ นี่เธอถูกเล่นงานกลับแล้วอย่างนั้นหรือเนี่ย?
จนกระทั่งเมื่อถึงตอนที่เธอลุกขึ้นยืน ก็ยังคงรู้สึกว่าที่ข้างแก้มและใบหน้าครึ่งหนึ่งเป็นเพราะว่าสือมูเฉินผ่อนลมหายใจร้อนออกมา จึงทั้งร้อนและแดงซ่าน
“ฉันถอดออกมาแล้วล่ะ” หลานเสี่ยวถางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะชูเข็มขัดในมือออกขึ้นไป
“ว้าว เสี่ยวถางทำสำเร็จแล้ว!” มีหญิงสาวจำนวนไม่น้อยเลยที่หน้าแดงซ่านและหัวใจเต้นแรง ราวกับว่าเมื่อครู่นี้พวกเธอเป็นคนถอดมันออกมาเองเลยก็ไม่ปาน
ในตอนนั้นเอง สือมูเฉินยังคงรักษาและแสดงท่าทีดังเช่นเดิมออกมา ดูแล้วทั้งสง่างามทั้งดูดีมีระดับ แทบจะไม่หลงเหลือท่าทางที่ถูกรุกรานไปเมื่อครู่นี้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเขาแทบจะไม่มีโทสะเลย ดังนั้นแล้ว มีหญิงสาวที่แสร้งใจกล้าจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณสือคะ เสี่ยวถางของพวกเราเมื่อครู่นี้ผลงานเป็นอย่างไรบ้างหรือคะ?”
สือมูเฉินแทบจะครุ่นคิดไตร่ตรองจริง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยปากกับทุกคนด้วยความสนุกเป็นครั้งแรก ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เทคนิคแย่มาก ยังต้องร่ำเรียนอีกครับ”
เมื่อหลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้น ประสานสายตาเข้ากับสายตาสุขุมนุ่มลึกของสือมูเฉิน ใบหน้าของเธอแดงซ่าน ก่อนจะเบิกตากว้างใส่เข้าไปครั้งหนึ่ง
เขายักหัวไหล่ขึ้นลงอย่างคนไม่มีความผิด ราวกับว่าที่ตนเองแสดงความคิดเห็นออกไปนั้นเป็นเพียงแค่การพูดความจริงออกไปก็เท่านั้นเอง
ทุกคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ผ่านไปได้ประเดี๋ยวเดียว เกมก็ดำเนินต่อไป
เมื่อผ่านตานี้ไปแล้ว หลานเสี่ยวถางมักจะรู้สึกว่าตนเองนั้นเดินไปทางแม่น้ำทางด้านข้างมีที่ไหนบ้างที่รองเท้าจะไม่เปียก ดังนั้นแล้ว กำลังเตรียมจะหาข้ออ้างเพื่อจากไป
เป็นในตอนนั้นเอง ปากขวดก็หยุดอยู่ตรงหน้าของหันจื่ออี้ที่พึ่งกลับมาจากการสูบบุหรี่ที่ด้านนอกพอดี
เขาสบตามองกับหลานเสี่ยวถางทางด้านหน้าครั้งหนึ่ง ก่อนที่นัยน์ตาจะเข้มขึ้นหลานส่วน “พูดความจริงก็แล้วกัน”
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว มีหญิงสาวเอ่ยขึ้นมาทันทีเลยว่า “รุ่นพี่หันคะ ตอนนี้พี่ยังคงชอบเสี่ยวถางอยู่ไหมคะ?”
เมื่อจบประโยคไป ทันใดนั้นเอง บรรยากาศรอบข้างก็เงียบลงในทันที มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่มองหันจื่ออี้ แล้วก็มองฟู่สีเกอกับหลานเสี่ยวถาง
“ถ้าหากว่าไม่พูด ก็จะต้องดื่มเหล้าเท่านั้น?”หันจื่ออี้เอ่ยถาม
“ใช่สิคะ!” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเสียดายเล็กน้อยว่า “ไม่เป็นไรนะคะรุ่นพี่หัน เสี่ยวถางก็ยังไม่ได้แต่งงาน อีกอย่างหนึ่งคุณฟู่ก็เป็นเพียงแค่เพื่อนของเสี่ยวถางเท่านั้น ก็ไม่ได้มองเห็นว่าเป็นแฟนหนุ่มอะไรเลยด้วย”
เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยคำว่า ‘ยังไม่แต่งงาน’ สี่คำนี้ขึ้นมาแล้ว มือของหันจื่ออี้ก็กำเข้าหากันแน่นเล็กน้อย ตามต่อมาด้วย เขาที่ยื่นมือไปคว้าแก้วเหล้า “ฉันไม่ได้ไม่อยากพูดหรอกนะ เพียงแต่ว่าไม่อยากให้เสี่ยวถางรู้สึกอึดอัดต่างหากล่ะ”
พูดไป เขาก็ชูแก้วเหล้าขึ้น ก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด หยิบแก้วขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งดื่มครบทั้งสามแก้วแล้ว หลังจากนั้นจึงเช็ดคราบแอลกอฮอล์ที่ด้านข้างของริมฝีปากไปมา “เล่นต่อเถอะ”
ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้พูดถึงรายละเอียด แต่ทว่า ผู้คนในที่นี้ก็ไม่ใช่คนโง่งม ทั้งหมดก็สามารถคาดเดาคำตอบได้จากการกระทำของหันจื่ออี้เมื่อสักครู่นี้
ทันใดนั้นเอง มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่หันไปมองหลานเสี่ยวถางด้วยสายตาทั้งอิ่มเอมทั้งริษยา
ในตอนนี้เอง ฟู่สีเกอได้รับข้อความที่ถูกส่งมาจากสือมูเฉิน จู่ ๆ เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ผมพาเสี่ยวถางกลับก่อนนะครับ คนเขายี่สิบห้าแล้ว ก็ควรที่จะบำรุงรักษาความสวยความงามด้วยการนอนหลับแล้วล่ะ เชิญทุกท่านเล่นกันให้สนุกนะครับ พวกเราไปก่อนนะ!”
ทุกคนดูอาลัยอาวรณ์ แต่ทว่าฟู่สีเกอก็ยังยืนยันคำเดิม ดังนั้นแล้ว ก็ยังคงไปกับสือมูเฉิน แล้วก็พาหลานเสี่ยวถางจากไปแล้ว
หลังจากที่เข้าร่วมโครงการ DEEP แล้วนั้น ช่วงเวลาในทุก ๆ วันของหลานเสี่ยวถางนั้นเต็มที่เป็นอย่างมาก
อันที่จริงแล้ว เธอก็เคยถามสือมูเฉิน หันจื่ออี้ในบริษัทซอฟต์แวร์ ทำไมเขาถึงเห็นด้วยกับการที่จะให้เธอเข้าร่วมโครงการซอฟต์แวร์ต่อ
คำตอบที่เขามอบให้แก่เธอในตอนนั้นคือ “ถึงแม้ว่าสามีของคุณจะขี้หึง แต่ทว่าสิ่งที่ควรจะมีอย่างความมั่นใจก็มีอยู่นะครับ”
สองสามวันหลังจากนั้น ใบขับขี่ของหลานเสี่ยวถางมาแล้ว เธอหยิบใบขับขี่มาถ่ายภาพสองสามภาพแล้วส่งให้สือมูเฉินดู
ตอนนั้น สือมูเฉินกำลังประชุมอยู่ เมื่อเห็นรูปภาพเหล่านั้นแล้ว มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะตอบกลับไปสองสามประโยคว่า “วันนี้เลิกงานแล้วเราไปทานอาหารด้านนอกกันนะครับ เมื่อผมใกล้จะถึงบ้านแล้ว จะโทรหาคุณนะ คุณก็ลงมาได้เลย”
ดังนั้นแล้ว นี่เขาจะพาเธอไปเฉลิมฉลองอย่างนั้นหรือ? หลานเสี่ยวถางคิดไปคิดมา เป็นเพราะว่าในเข้าร่วมกับบริษัทซอฟต์แวร์เมื่อวันที่สิบเก้าของเดือนที่แล้ว ดังนั้น เดือนนี้คือวันที่ห้า เธอก็ได้รับเงินเดือนจากบริษัทซอฟต์แวร์มาแล้ว
ถึงแม้ว่าจะไม่เยอะ แค่รับประทานอาหารมื้อใหญ่สักมื้อก็เพียงพอแล้ว เมื่อคิดได้ว่าตนเองยังไม่เคยเลี้ยงข้าวสือมูเฉินเลย ดังนั้นแล้ว หลานเสี่ยวถางจึงหยิบกระเป๋าเงินไปด้วย
เพียงแต่ว่า ในตอนนั้นสือมูเฉินกลับพาเธอไปยังโชว์รูมรถ หลานเสี่ยวถางจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่จะอดเอ่ยถามออกมาไม่ได้ว่า “มูเฉินคะ นี่พวกเรา……”
“ซื้อรถก่อนเถอะครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นอย่างขอไปที “ถือเสียว่าเป็นของขวัญที่คุณได้ใบขับขี่มาก็แล้วกันครับ”
ของขวัญนี้ มันมีราคามากเกินไปแล้วหรือเปล่านะ?
เธอเห็นสือมูเฉินหยุดอยู่ตรงหน้าร้านโฟร์เอส หลานเสี่ยวถางมองป้ายยี่ห้อรถยนต์ โตโยต้า
อืม โตโยต้าดี เป็นรถที่เหมาะสำหรับคนที่มีเงินไม่มากนัก หลานเสี่ยวถางวางใจได้เล็กน้อยแล้ว ก่อนจะเดินตามสือมูเฉินเข้าไป
เขามุ่งตรงเข้าไปด้านใน เมื่อผ่านรถคันเล็กของโคโรลล่าแบบนี้ไปแล้ว จนสุดท้ายแล้วก็เดินมาถึงหน้ารุ่นแลนด์ ครูซเชอร์ หลังจากนั้นก็เดินไปคุยกับพนักงานขายไปแล้ว
หลานเสี่ยวถางสบตามองรถคันนั้นที่มีรูปร่างเหมือนรถถัง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของสือมูเฉินเอาไว้ ก่อนจะหันไปกระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “มูเฉินคะ รถคันนี้คุณจะซื้อให้ตัวเองขับ หรือว่าให้ฉันขับคะ?”
สือมูเฉินจึงหันไปมองหลานเสี่ยวถางอยู่ครั้งหนึ่ง ที่หน้ารถคันใหญ่ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าเธอตัวกระจุ๋มกระจิ๋มน่ารัก เขาราวกับว่าชะงักไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ลืมไปได้อย่างไรเนี่ย คุณก็ยังคงเป็นคนขับผู้หญิงอยู่สินะ”
หลานเสี่ยวถางอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้าง “น่ามาดูถูกคนขับผู้หญิงนะคะ!”
“ช่างเถอะครับ ซื้อรถคันเล็กให้คุณดีกว่าเนอะ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะหันศีรษะไปมองรถคันอื่น เพียงแต่ว่า ดูไปแล้วรอบหนึ่งก็ไม่เห็นคันที่เหมาะสม ดังนั้นแล้ว จึงดึงมือของหลานเสี่ยวถางแล้วเดินออกมา “ซื้อรถลีลักซ์แบบกึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมันดีกว่า ประหยัดน้ำมัน หลังจากนี้เรื่องเติมน้ำมันผมจะช่วยคุณเอง คุณรับผิดชอบหน้าที่ขับไปก็พอครับ”
หลานเสี่ยวถางเดินตามหลังของเขา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาอย่างอ่อนแรงว่า “คุณคิดว่าฉันขับรถไม่ได้เรื่องจริง ๆ หรือคะ?”
“คุณคิดว่าอย่างไรล่ะครับ?” สือมูเฉินหลุบตามองเธอ “ครั้งที่แล้วแม้กระทั่งฝาน้ำมันอันนั้นยังต้องถามผมอยู่เลยนะครับ”
“คุณก็พูดเองนี่คะว่าคือครั้งที่แล้ว ฉันก็ฝึกมาตั้งครึ่งเดือนแล้ว ดีกว่าเมื่อก่อนมากแล้วนะคะ……” หลานเสี่ยวถางที่กำลังพูดอยู่ บนพื้นต่างระดับก็มีรถคันหนึ่งขับผ่านมา ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาเธอและสือมูเฉินโดยตรง
ทันใดนั้นเอง หัวใจของหลานเสี่ยวถางพลันว่าเปล่าในทันที หัวใจแทบจะหลุดออกมาอยู่ที่ดวงตา แต่ทว่า กลับมีมือหนึ่งเข้ามาสวมกอดเธอเอาไว้ จมูกของเธอพุ่งชนเข้ากับแผ่นอกของสือมูเฉิน ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บทันที
เขาดึงเธอเอาไว้ ร่างทั้งร่างลอยขึ้น ก่อนจะพุ่งเข้าไปทางพุ่มไม้เขียวขจีทางด้านข้าง รถคันนั้นพุ่งเข้ามายังที่ที่พวกเขายืนอยู่เมื่อครู่นี้ทันที ขับมาประมาณยี่สิบกว่าเมตร ทันใดนั้นเองก็หยุดไปสองสามวินาที หลังจากนั้นก็เริ่มขยับเคลื่อนตัวใหม่อีกครั้ง ทันใดนั้นเองก็มองไม่เห็นแล้ว
หลานเสี่ยวถางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึงไม่หาย ก่อนจะเห็นว่าที่หน้าผากของสือมูเฉินมือเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ อยู่ชั้นหนึ่ง
#สวัสดีค่ะผู้อ่าน วันนี้ผู้เขียนติดภารกิจกะทันหัน พรุ่งนี้จะมาลงนิยายตามปกติค่ะ