ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ - บทที่ 64 ดูสิว่าใครทำให้ใครได้รับผลกระทบน่ะ
วันที่สอง ในตอนที่สือมูเฉินมาถึง Times Group ผู้ถือหุ้นจำนวนไม่น้อยก็มาถึงกันแล้ว ทุกคนรออยู่ประมาณครู่หนึ่ง สือเพ่ยหลินก็มาถึงแล้ว
เพียงแต่ ที่ทำให้คนทุกไม่อาจคาดเดาได้เลยนั้นก็คือ สือมูชิงสองพ่อลูกก็มาด้วยจริง ๆ แต่ทว่าข้างกายยังพาหญิงสาวคนหนึ่งมาด้วย
สือเพ่ยหลินเดินนำไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยแนะนำขึ้นมาว่า “ทุกท่านครับ นี่คือน้องสาวที่เป็นญาติห่าง ๆ ของผมทางหย่าหยุนครับ วันนี้ที่มาด้วย เพราะว่าเป็นการเข้าร่วมกับ Times Group ของเราอย่างเป็นทางการครับผม ทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ ”
คิ้วเรียวของสือมูเฉินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของสือมูชิงที่เหล่มองมาทางเขา ภายในใจก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเรียบร้อยแล้ว
เป็นไปตามคาด ในวินาทีต่อมา สือเพ่ยหลินเอ่ยขึ้นมาว่า “วันนี้ก่อนหน้าที่จะเปิดประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ที่พาหย่าหยุนมาด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าอยากที่จะประกาศเรื่องเรื่องหนึ่งครับ”
พูดไป เขาก็ถือเอกสารที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้วแจกจ่ายให้กับทุกคน “นี่เป็นโครการที่ภาคตะวันออกค้นพบครับ พวกเรานั้นได้เตรียมการเอาไว้ตั้งนานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เริ่มดำเนินการทำงานอย่างเป็นทางการในช่วงแรก ในช่วงแรกจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาประมาณสองเดือน จำเป็นต้องมีคนที่สามารถไว้ใจได้ในบริษัทไปรับผิดชอบ”
สายตาของสือเพ่ยหลินหยุดลงที่สือมูเฉิน “คุณอาครับ เรื่องนี้คงต้องขอไหว้วานอาแล้วละครับ ก็มีเพียงแค่อาที่เป็นคนดำเนินการเท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ผมและคุณพ่อวางใจ”
สือมูเฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นต่อว่า “ได้สิ วางใจแล้วส่งให้ฉันเถอะ”
“อาครับ พวกเรารู้นะครับว่าภาคตะวันตกนั้นค่อนข้างที่จะลำบาก ดังนั้นแล้ว จึงให้ทางหย่าหยุนไปเป็นเพื่อนกับอาด้วย” สือเพ่ยหลินยิ้มอย่างหยอกเย้าแล้วเอ่ยขึ้นมาต่อว่า “มีสาวสวยเป็นเพื่อนร่วมทางด้วยแบบนี้ อาคงจะไม่รู้สึกเหงาหรอกใช่ไหมครับ?”
ทางหย่าหยุนได้ยินคำพูดของสือเพ่ยหลิน นัยน์ตาจึงอดไม่ได้ที่จะเป็นประกายออกมาครั้งหนึ่ง เธอสบตามองไปยังสือมูเฉิน ไม่ปกปิดความคาดหวังทางสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนคุณทางแล้วละครับ” สือมูเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
เขาพูดจบ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปสบตามองพี่ใหญ่ด้วยสายตาเคร่งขรึมตรง ๆ ครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นเอง ก็เข้าใจทุกอย่างได้ทั้งหมด
เมื่อวานสือเพ่ยหลินค้นพบว่าหุ้นถูกกว้านซื้อไป ในตอนนั้นบางทีอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากนัก ดังนั้นจึงรีบโทรศัพท์แจ้งแก่เขา เพียงแต่ว่า บางทีอาจจะเป็นในตอนกลางคืนที่ความเงียบเข้ามาหา หัวใจก็เริ่มรู้สึกเสียใจภายในอีกแล้ว
ดังนั้น พวกเขาก็เลยโยกย้ายเขาไปภาคตะวันตก เพื่อให้เขาจะไม่ได้สามารถเข้าร่วมเรื่องราวที่เป็นความลับสองเดือนในบริษัทได้ ในขณะเดียวกัน ก็ยังเอาทางหย่าหยุนมาจับตาดูเอาไว้อีกด้วย
เพียงแค่เขาจากภาคตะวันตกมา บางที สือมูชิงสองพ่อลูกนั่นก็สามารถรับข่าวได้แล้ว
พูดไปก็เปล่าประโยชน์ สองพ่อลูกนี่เดิมทีก็ไม่กล้าเชื่อใจเขามาโดยตลอด
ภายนอกดูเหมือนสมานฉันท์กันดี แท้ที่จริงแล้ว กลับกดดันจนไม่เหลือน้ำใจเลยแม้แต่นิดเดียว
สือมูเฉินเปิดเอกสารดูหน้าแรก ดีมาก สองเดือน ทั้งหมดก็เป็นแค่ช่วงเวลาพักเบรกเท่านั้น!
“เอาละครับ หย่าหยุน เธอไปรายงานตัวกับฝ่ายบุคคลก่อนเถอะไป ให้พวกเขาได้นำเธอเข้าสู่การเทรนเข้าทำงาน” สือเพ่ยหลินนั่งลง “ตอนนี้พวกเรามาเริ่มการประชุมผู้ถือหุ้นชั่วคราวกันเถอะครับ”
ทั้งหมดนั้นเป็นไปตามที่สือมูเฉินคาดเดาเอาไว้แล้ว สุดท้ายผู้ถือหุ้นเห็นด้วยกับการที่จะไปเชิญบริษัทซอฟต์แวร์มาตรวจสอบกันทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว Times Group กับบริษัทซอฟต์แวร์ก็จะพัฒนาการความร่วมมือกันไปอีกขั้น อีกทั้งยังเอ่ยถึงวันสำคัญในการดำเนินการอีกด้วย
เป็นเพราะว่าถูกโยกย้ายออกจากหนิงเฉิงชั่วคราว สัปดาห์หน้าก็จะต้องออกเดินทางแล้ว ข้าวของมากมายของสือมูเฉินยังคงต้องจัดแจงอีกมาก สองคืนมานี้ จึงทำงานจนถึงดึกดื่น
หลานเสี่ยวถางอาบน้ำเสร็จแล้วก็อ่านหนังสือต่ออยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าตอนนี้สี่ทุ่งครึ่งแล้ว สือมูเฉินยังคงอยู่ในห้องหนังสือ เธอคิดไปคิดมา ก่อนจะอุ่นนมร้อนไปให้เขาแก้วหนึ่ง
เธอเคาะประตูห้องหนังสืออยู่สองสามครั้ง เมื่อได้ยินเข้าเอ่ยว่าเชิญเข้ามา หลังจากนั้น ก็ถือนมแล้วเดินเข้าไป
เขาเงยหน้าขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ ก่อนจะยิ้มให้เธอเล็กน้อย “คุณนอนก่อนเถอะครับ”
หลานเสี่ยวถางสบตามองรอบด้วยตาที่ขึ้นเป็นสีเขียวคล้ำที่ปรากฏให้เห็น รู้สึกเห็นใจความยากลำบากของเขาขึ้นมาเล็กน้อย “คุณยังต้องทำต่ออีกนานงั้นหรือคะ?”
“อืม คงต้องต่ออีกสักประเดี๋ยวหนึ่งครับ” สือมูเฉินหยิบนมขึ้นมาจิบหนึ่งอึก คิดอะไรได้บางอย่าง ก่อนจะสบตามองหลานเสี่ยวถางด้วยสายตาหยอกล้อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าไม่ชัดเจนเล็กน้อยขึ้นมาว่า “ทำไมครับ คิดถึงแล้วหรือไง?”
“คุณคิดไปถึงไหนอีกแล้วกันคะเนี่ย——” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจขึ้นมาว่า “รอให้คุณดื่มเสร็จก่อน ฉันจะนำแก้วออกไป แล้วก็จะนอนก่อนแล้วล่ะค่ะ”
“ครับ” สือมูเฉินพยักหน้าขึ้นลง
หลานเสี่ยวถางรอสือมูเฉินไปพลาง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวยป๋อไปพลาง จู่ ๆ ก็มีข้อความนำเสนอขึ้นมาข้อความหนึ่งว่า
[คุณ Jarvis แห่งบริษัทเทคโนโลยีรายย่อยเริ่มเจาะตลาดโทรศัพท์มือถือในแอฟฟริกาใต้ อีกทั้งยังช่วยเหลือประชาชนในแอฟฟริกาใต้ บอกว่าความเมตตาต้องเริ่มทำจากตนเองก่อน]
หลานเสี่ยวถางเปิดข้อความเข้าไปอ่านดู ที่ด้านบนเขียนเอาไว้ว่า บริษัทเทคโนโลยีรายย่อยมุ่งเป้าไปยังประเทศโลกที่สาม นำเสนอโทรศัพท์มือถือราคาถูกให้ผู้ใช้ที่มีรายได้ต่ำและการให้บริการการโทรคมนาคม
เมื่อก่อน บริษัทเทคโนโลยีรายย่อยมุ่งเป้าไปยังผู้ใช้ที่มีรายได้ปานกลางทั้งหมด แต่ทว่าตอนนี้ กลับมุ่งเป้าไปยังผู้ที่มีรายได้ต่ำ เจตนาไม่ใช่เป็นเพราะเพื่อทำเงิน มันมีมากกว่านั้น นั่นก็คือผลประโยชน์เพื่อสาธารณะและจิตใจที่เมตตา หลังจากที่ได้รับชื่อเสียงและความเชื่อมาจากในทั้งตลาดแล้วและให้กลับคืนโลกด้วยจิตสำนึก
เธออ่านข่าวจบแล้ว เห็นสือมูเฉินจัดการเอกสารอีกครั้ง จึงอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าไปสบตามองเขา
ดูเหมือนกับว่า เขากับคุณ Jarvis ก็พูดเหมือนกันเลย ว่าความเมตตาน่ะต้องเริ่มต้องจากที่ตนเองก่อนนะ! ไม่รู้ว่าทำไม จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าเขาและคุณ Jarvis ดูคล้ายกันมาก
เพียงแต่ว่า คุณ Jarvis ทำดีมีเมตตาจริง ๆ แต่ทว่าเขาที่พูดถึงความเมตตานั้น ก็คือแต่งงานกับเธอ
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หลานเสี่ยวถางหน้าแดงแก้มแดงซ่าน หัวใจแปรเปลี่ยนเป็นเต้นระรัวมากขึ้นเล็กน้อย สีหน้าบนใบหน้าอยู่ ๆ ก็อิ่มเอมขึ้นมาในทันที
สือมูเฉินดื่มนมเสร็จแล้ว เห็นหลานเสี่ยวถางไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขาจึงอดที่จะเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารไม่ได้
เมื่อมองดูแล้ว ก็เห็นท่าทางทั้งยิ้มทั้งหงุดหงิดของเธอ ใบหน้าสวยแปรเปลี่ยนสีหน้าไม่หยุดหย่อน ราวกับว่าเป็นเด็กน้อย ที่ทั้งสดใสบริสุทธิ์และน่ารักน่าชัง
สือมูเฉินอดที่จะวางเอกสารอีเมลลงไม่ได้ นัยน์ตาสุขุมนุ่มลึกมากขึ้น “เสี่ยวถางครับ มานี่มา”
“ดื่มหมดแล้วหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางกุลีกุจอลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าไปหาสือมูเฉินทางด้านข้าง ต้องการที่จะไปหยิบแก้ว
เพียงแต่ว่า มือของเธอที่พึ่งจะยื่นออกไปเมื่อครู่นี้เอง ช่วงหน้าอกก็ถูกสือมูเฉินกกกอดเอาไว้เสียแล้ว
ดวงตาของเธอเบิกกว้างในทันที ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ทว่า การกระทำแบบนี้ของเขานั้น มันก็มาก……
เดิมมือของหลานเสี่ยวถางที่ต้องการจะคว้าแก้วอดไม่ได้ที่จะแข็งค้างทันที ปลายนิ้วแตะแก้วจนล้มลง หยาดน้ำนมสองสามหยุดที่อยู่ในแก้วกระเด็นไหลออกมาเป็นคราบ หกลงบนโต๊ะทำงานสีดำ เห็นได้อย่างชัดเจน
สือมูเฉินหยิบแก้วขึ้นมา สบตามองหลานเสี่ยวถางด้วยนัยน์ตาไม่ชัดเจน “เสี่ยวถาง คุณคิดว่านมนี้คล้ายกันอะไรครับ?”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ใบหน้าก็แดงก่ำในทันที
“ผมต้องไปนอกสถานที่สองเดือน ก่อนไป มาส่งการบ้านให้มากหน่อยเป็นไงครับ……” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชูจากทางด้านข้างขึ้นมาหนึ่งแผ่น หลังจากนั้น ก็คว้าจับเข้าที่มือของหลานเสี่ยวถางเอาไว้ แล้วเช็ดนมบนโต๊ะให้สะอาด
การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนเล็กน้อย เว้นเสียแต่ว่ามืออีกข้างหนึ่งของเขากอดเข้าที่ช่วงเอวของเธอเอาไว้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการกระทำที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่นั้น กลับมองดูแล้วดูล่อแหลมสุด ๆ ทำให้คนหน้าแดงซ่านและใจเต้นระรัว
“ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่นานมากขนาดนั้นเลยหรือคะ?” หลานเสี่ยวถางเป็นเพราะว่าไม่ติดใจ จึงลืมเลือนการกระทำของสือมูเฉินเมื่อครู่นี้ไปเสียแล้ว “เรื่องของ Times Group หรือเปล่าคะ?”
“ครับ” สือมูเฉินก้มหน้าประทับริมฝีปากจูบเข้าที่ข้างใบหน้าของเธอ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเข้าที่ข้างใบหูของเธอ “พี่ใหญ่ของผมไม่ไว้ใจผม เมื่อวานตอนเช้าก็ให้สือเพ่ยหลินโยกย้ายผมไปที่ภาคตะวันตก”
แต่ไหนแต่ไรมา ในตระกูลที่ร่ำรวย พี่น้องพ่อแม่ล้วนแล้วแต่วางแผนกันทั้งสิ้น หัวใจของหลานเสี่ยวถางกระตุกครั้งหนึ่ง รู้สึกเห็นใจที่สือมูเฉินเติบโตมาในสถานการณ์รูปแบบนี้ เธอยืนมือออกไปสวมกอดเข้าที่แผ่นหลังของเขา “หลังจากที่ออกเดินทางแล้ว ต้องระมัดระวังใส่ใจตนเองด้วยนะคะ”
“ครับ” สือมูเฉินเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “พวกเขายังหาเลขาคนหนึ่งให้ผมอีกด้วยนะ คุณเคยเจอด้วย เป็นทางหย่าหยุนคนนั้นน่ะ”
ร่างของหลานเสี่ยวถางแข็งค้างในทันที เขาจดจำได้อย่างชัดเจนและแม่นยำ ทางหย่าหยุนมีความสนใจต่อสือมูเฉินออกนอกหน้ามากขนาดนั้น ทั้งสองคนออกเดินทางไปทำนานนอกสถานที่ด้วยกันสองคน อีกทั้งยังสองเดือนอีก……
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้แล้ว ภายในหัวใจของเธอมีความรู้สึกพรั่งพรูติดออกมา ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกแย่มาก
สือมูเฉินกักเก็บปฏิกิริยาของเธอเอาไว้ในสายตา เขาพรมจูบลงไป เคลื่อนลงไปที่ซอกคอของเธอ “วางใจนะเสี่ยวถาง ผมจะไม่ไปเตะต้องผู้หญิงสกปรกคนไหนแน่นอนครับ”
“อึก——” หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าร่างทั้งร่างสั่นไหวขึ้นมาในทันที เรี่ยวแรงคล้ายกับโดนดูดกลืนหายไป ร่างกายส่วนกลางพิงเข้ากับร่างของสือมูเฉิน
เขาบอกว่าจะไม่ เธอก็จะเชื่อเขา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะถูกสือเพ่ยหลินหลอกมาก่อน แต่ทว่า ความรู้สึกของหลานเสี่ยวถาง กลับรู้สึกได้ว่าสือมูเฉินจะไม่หลอกเธอ
หรือจะพูดว่า เดิมเขาไม่เคยโกหก
“ดังนั้นแล้ว ก่อนไป พวกเรามามีความสุขกับหน่อยเถอะครับ……” สือมูเฉินพูดไป ปลายนิ้วมือก็เริ่มปลดชุดนอนของหลานเสี่ยวถางเสียแล้ว
หลานเสี่ยวถางถูกเขากดเข้ากับกำแพง เมื่อเห็นมือของเขาวุ่นวายไม่สงบอยู่บนร่างของเธอแล้ว เธอจึงเอ่ยด้วยใบหน้าแดงซ่านว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับไปในห้องนอนดีไหมคะ?”
นัยน์ตาของสือมูเฉินเข้มขึ้น “รีบร้อนขนาดนั้นเลยหรือครับ?” เขาขบเม้มเข้าที่ใบหูของเธอ “ผมยังไม่เริ่มเลยนะครับ……”
หลานเสี่ยวถางรู้สึกว่าร่างทั้งร่างของเธอราวกับถูกแมลงตัวน้อยรุกราน รู้สึกคันอย่างทรมาน น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา “คันนะคะ……”
“ผมคันกว่าอีกครับ” เขาพูดไป ก่อนจะจับมือเธอเอาวางเอาไว้บนเข็มขัดหนังของเขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความปรารถนา “มาสิครับ ฝึกเอาไว้สิว่าจะต้องปลดเข็มขัดของสามีคุณอย่างไร”
หลานเสี่ยวถางนึกถึงเรื่องวันนั้นได้ ก็ยิ่งหน้าแดงก่ำและใจเต้น เธอกดตามวิธีของวันนั้นกับหัวเข็มขัดของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ กลับค้นพบว่า ดูเหมือนว่าจะปลดไม่ออกอีกแล้ว
“ครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นเข็มขัดอีกเส้นครับ……” สือมูเฉินยกยิ้มก่อนจะสบตามองหลานเสี่ยวถางด้วยท่าทีที่เหนือกว่า “เด็กโง่ เปลี่ยนเป็นอีกแบบก็ทำไม่เป็นแล้วหรือไงครับ?”
หลานเสี่ยวถางถูกคำเรียกของเขาแบบนี้ทำให้หัวหมุนไปหมดแล้ว เธอคิดอยากที่จะดึงมือกลับมา เขากลับไม่ให้เธอเป็นไปตามดังที่หวังเอาไว้ “เด็กดี ตั้งใจเรียนรู้เอาไว้นะครับ”
หลานเสี่ยวถางกำลังจะปลดเข็มขัด ก็ค้นพบว่าที่กางเกงชุดสูทของเขานูนเด่นขึ้นและยิ่งเปียกชื้นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มือของเธอไม่ทันระวังจึงสัมผัสเข้าให้แล้ว มันยังคงอยู่ภายในและทิ่มโดนเธออยู่ครั้งหนึ่ง ราวกับว่าเธอถูกแผลน้ำร้อนลวกเข้าก็ไม่ปาน ส่งเสียงร้องอ๊ะออกมาครั้งหนึ่ง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เมื่อครู่นี้ที่ออกแรงไปครั้งหนึ่ง หัวเข็มขัดก็ถูกปลดออกแล้ว
“อยากได้ท่าไหนครับ?” สือมูเฉินหยอกเย้าเธอ “เลือกเสร็จแล้วพวกเราก็ค่อยมาเลือกสถานที่กันนะ”
“คุณ——”หลานเสี่ยวถางไม่กล้าสบตามองกับดวงตาของเขา มักจะรู้สึกว่า เมื่อครู่ที่นั่งอยู่หน้าเอกสารเมื่อกี้นี้ สือมูเฉินที่จัดการและทำงานอย่างจริงจังตั้งใจ ราวกับว่าถูกเปลี่ยนจิตวิญญาณไปเป็นอีกคนเลย
“ถ้าอย่างนั้นแล้วไปห้องครัวไหม?” สือมูเฉินแกล้งอีกว่า “หลังจากที่ผมออกไปทำงานนอกสถานที่แล้ว ในตอนที่คุณทำอาหารคุณจะได้นึกถึงผมไง”
เมื่อหลานเสี่ยวถางได้ยินดังนั้น สมองก็พลันระเบิดออกทันที
พระเจ้า ในห้องครัวนี่คือความคิดอะไรกันเนี่ย? หลังจากนี้เธอจะสามารถทำอาหารแต่โดยดีได้ไหมนะ?
เขากลับถอดปราการที่ขัดขวางบนกายของทั้งสองคนออกในตอนที่เธอกำลังชะงักนิ่งไป หลังจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้น ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง ก็ใส่มันเข้าไปในร่างของเธอเรียบร้อยแล้ว
แผ่นหลังของหลานเสี่ยวถางแนบเข้ากับกำแพง ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเข้ากับร่างของสือมูเฉิน ร่างของเธอไม่มั่นคง จึงอดไม่ได้ที่จะต้องสอดแขนไปคล้องคอของเขาเอาไว้
“เสี่ยวถางครับ ตอนนี้พวกเราจะไปห้องครัวกันนะ” สือมูเฉินพูดไป ก่อนจะอุ้มเธอแล้วกำลังจะเดิน
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นครั้งหนึ่ง ราวกับว่าจะเป็นเสียงของข้อความข้อความหนึ่ง
เขาไม่ได้สนใจ แต่ทว่า มันดังขึ้นอีกสองสามครั้งต่อหลังจากนั้น
สือมูเฉินขมวดคิ้วมุ่น สบตามองไปครั้งหนึ่ง มองไปยังที่โต๊ะทำงานด้านข้าง เห็นแจ้งเตือนจากข้อความ
เป็นทางหย่าหยุนที่ส่งเข้ามา “คุณอาคะ หลับหรือยังคะ?”
เขาอุ้มหลานเสี่ยวถางเอาไว้ ก่อนจะเปิดดู ก็มองเห็นว่าด้านบนเขียนเอาไว้ว่า “คุณอาคะ ข้อความที่ฉันจะส่งมาบอกก็คือฝันดีนะคะ”
“คุณอาคะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะนำอาหารเช้าไปให้คุณอาที่ใต้ตึกของบ้านอานะคะ ฉันไปตอนเจ็ดโมงครึ่งได้ไหมคะ?”
“คุณอาคะ อาชอบทานอะไรคะ ฉันจะได้เตรียมก่อนล่วงหน้า?”